Midterm Fantasy - ตอนที่ 152
ที่หมู่บ้านโอลเซ่น รอนกับแพทนั่งเล่นอยู่ที่นอกกำแพงหมู่บ้าน มองดูพืชไร่ที่กำลังแตกกิ่งช่อเขียวชอุ่มไปทั่วพื้นที่
“พวกนี้คือพืชที่เอาเมล็ดมาจากโลกของเราใช่ไหม” แพทถาม
“ใช่” รอนตอบ
“ตอนนั้นเห็นเธอว่าเป็นพวกพืชสวนครัวเครื่องเทศสำหรับชนเผ่ามนุษย์ครึ่งสัตว์นี่นา” แพทว่า “แต่ต้นพวกนั้นดูไม่ค่อยคุ้นตาเลยนะ”
เด็กสาวชี้ไปทางไร่ที่ต้นไม้เริ่มขึ้นสูง ใบเขียวของมันชูเหนือกว่าศีรษะคน
“พวกนั้นเป็นต้นข้าวโพด ต้นฝ้าย และมะเขือม่วงน่ะ ที่ตอนนั้นเราสั่งคุณหลิวลี่จงให้ช่วยหาเมล็ดพันธุ์แบบพิเศษมาให้” รอนบอก “เป็นเมล็ดพืชตัดต่อพันธุกรรมที่ใส่ยีนที่สามารถต่อต้านแมลงได้ลงไปที่ลอบขนมาจากต่างประเทศ”
“อ้าว ทำไมต้องเอาของแบบนั้นมาที่นี่ด้วยล่ะ” เด็กสาวถามอย่างไม่เข้าใจ
“ปัญหาของเกษตรกรยุคเก่ามีเรื่องน้ำ และศัตรูพืช ยิ่งมีการปลูกพืชเชิงเดี่ยวปริมาณมากแบบนี้แมลงศัตรูพืชยิ่งลุกลามควบคุมไม่ได้ ” รอนบอก “ยุคสมัยนี้ไม่มียาฆ่าแมลงให้ใช้ ถ้าเราไม่หาวิธีป้องกัน อีกไม่นานแมลงลง ผลผลิตก็จะเสียหาย”
“อีกอย่างนึง เวลาเราปลูกพืชที่มีความต้านทานแมลงพวกนี้ลงไปในพื้นที่กว้างๆ มันจะทำให้เกิดการป้องกันพืชที่ไม่มียีนต้านแมลง พลอยทำให้พืชอื่นๆได้รับผลดีไปด้วย” รอนบอกต่อ “เราเลยเลือกเอาพืชพวกนี้มาปลูก เพื่อว่าในอนาคตผลผลิตของชาวบ้านจะได้ไม่เสียหาย”
“แล้วมันจะไม่อันตรายเหรอ ตัดต่อพันธุกรรมเชียวนะ” แพทแย้ง
“อันที่จริง การคัดเลือกพันธุ์พืชที่ไม่ใช่การตัดต่อพันธุกรรมน่ะก็ใช้หลักการที่ไม่ปลอดภัยนักหรอก” รอนเล่า
“อย่างพวกแครอท ข้าวโพด พืชตระกูลกระหล่ำที่เรากินๆกัน มันก็มาจากเกษตรกรคัดเลือกเอาพืชที่มีลักษณะที่ตนเองต้องการ ซึ่งลักษณะพวกนั้นก็คือการกลายพันธุ์ของพืช ซึ่งเป็นกลไกที่ยีนของพืชกลายพันธุ์แบบที่เราไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรซ่อนไหม”
“การสร้างพันธุ์พืชใหม่ๆที่บางที่ทำกัน ก็ใช้รังสียิงเข้าไปในเซลล์พืช ชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการชักนำแบบสุ่ม ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอันตรายอะไรออกมาไหม”
“ขณะที่การตัดต่อพันธุกรรมที่ว่านี่ ตัดต่อแบบรู้ว่าจะทำอะไร จะใส่อะไรเข้าไป อย่างน้อยเราก็คาดเดาความน่ากลัวได้ วางแผนรับมือล่วงหน้าได้”รอนบอก
“แต่อย่างนี้มันก็เหมือนกับเรากำจัดแมลงไปเป็นบางชนิดสิ ถ้าแมลงไหนมันแพ้ทางพืชที่เราเอามา มันมิสูญพันธุ์หมดเหรอ” แพทถามต่อ “ถ้าเราใช้วิธีธรรมชาติจะไม่ดีกว่าเหรอ”
“มันก็จริงนะ แต่มันก็เป็นกฎแห่งป่า ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอด” รอนบอก “ถ้ามองกลับกัน ในโลกที่นี่ มนุษย์น่ะเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ กำลังก็น้อย การขยายเผ่าพันธุ์ก็ช้า ถ้าปล่อยไว้ตามธรรมชาติ ไม่มีการทำลายป่าเพื่อสร้างที่เพาะปลูก ไม่ทำลายภูเขาทำเหมืองเพื่อมาสร้างเมือง เผ่ามนุษย์ก็น่าจะเป็นสิ่งแปลกปลอมในโลกใบนี้ที่จะถูกทำลายก่อนอยู่ดี”
“และไม่ต้องห่วงหรอกแพท ยังไงผ่านไป 10 ปี 20 ปี แมลงส่วนนึงก็จะต้านทานพืชพวกนี้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะเข้าสู่สมดุลใหม่” รอนบอก “แต่ตอนนี้ขอให้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบาก ให้ทุกคนได้ตั้งตัวก่อน”
เด็กหนุ่มสาวทั้งสองนั่งมองไร่ข้าวโพดที่เอนเอียงตามแรงลมอย่างเงียบๆ
หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาเคร่งเครียดกันมาก มากพอที่จะทำให้รู้ถึงคุณค่าแห่งความสงบ
“รอน เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม” แพทถาม “เรื่องนั้นน่ะ”
เด็กสาวพูดถึงรอนที่เพิ่งผ่านการฆ่าคนครั้งแรกมา
“ดีขึ้นแล้วแหละ” รอนตอบ
“เธอเข้มแข็งมากเลยนะ ถ้าเป็นเรา เราคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ” แพทบอก
“อื้อ” รอนพยักหน้ารับ มองหน้าแพทที่ยิ้มให้แก่เขา “แต่ความจริง ถ้ามันเป็นการทำเพื่อปกป้องใครสักคนและเป็นความจำเป็น มันก็ไม่หนักอย่างที่คิดหรอก”
สิ่งหนึ่งที่แพทไม่ทราบก็คือ คืนนั้นที่แพทขว้างฝาท่ออัดเข้าใส่เหล่ามือปืน ฝาท่อนั้นบดขยี้ร่างมือปืนตายไปสามคน
แต่รอนขอให้ตำรวจใส่ตัวเลขนั้นเข้ามาที่เขาและลุงบัวแทน
ไม่มีประโยชน์ที่จะให้แพทต้องมารับความรู้สึกนี้ด้วย แม้ว่าแพทจะทำไปเพื่อปกป้องลุงบัว แต่ความรู้สึกนี้มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่น่าจดจำนักหรอก
เขารับไว้นั่นแหละดีแล้ว
ทั้งสองมองไปข้างหน้า ฝุ่นตลบขึ้นที่ปลายไร่บ่งบอกว่ามีกลุ่มคนกำลังมุ่งมา
“<Battle Map>” แพทเรียกแผนที่รบขึ้นมาและสังเกต “คนประมาณ 50 คน เป็นมิตร”
“<Fighter Eye>” รอนเพ่งไปที่รถม้า แล้วสเตตัสภายในก็ขึ้นมา
ดีโอ (เจ้าชาย) HP 200/200
อาชีพ
– รัชทายาทแห่งแอสคาลอน
– แม่ทัพหลังแห่งแอสคาลอน
– นักดาบ
– นักยุทธศาสตร์
“เจ้าชายดีโอน่ะ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนและมองดูขบวนทหารและรถม้าที่กำลังวิ่งมา นายทหารนำขบวนขี่ม้าถอยไปที่หน้าต่างรถม้า จากนั้นขบวนทหารก็มุ่งหน้าต่อไปโดยที่ทิ้งรถม้าและทหารบางส่วนเอาไว้
“คุณรอน สวัสดีครับ” เจ้าชายหนุ่มเดินลงจากรถม้าทักทายทั้งสอง “สวัสดีครับคุณแพท สบายดีนะครับ”
“สวัสดีค่ะ” แพทตอบ “เจ้าชายกำลังจะเสด็จไปไหนเหรอคะ”
“มาที่นี่แหละครับคุณแพท ท่านพ่อมีรับสั่งให้ข้ามาที่นี่เพื่อพูดคุยงานเกี่ยวกับร้าน ARMAMENT” เจ้าชายดีโอบอก “พวกเราเข้าไปที่หมู่บ้านกันก่อนเถอะครับ เสร็จแล้วจะได้คุยกัน”
เจ้าชายกลับขึ้นรถม้าและเดินทางต่อเข้าไปที่หมู่บ้าน ชาวบ้านต่างมาต้อนรับกันโดยพร้อมเพรียง เหล่านักผจญภัยและพ่อค้าต่างมองอย่างตื่นตา พวกเขาพอจะรู้มาบ้างว่าหมู่บ้านนี้มีสายสัมพันธ์กับราชวงศ์ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดที่รัชทายาทแห่งแอสคาลอนจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง
หลังจากเสร็จสิ้นการต้อนรับตามแบบแผนแล้ว ทหารทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปพัก เจ้าชายดีโอในชุดทหาร ถอดเกราะพู่โรมันของออก ถอดเกราะบรอนซ์อันหนักอึ้งวางไว้แล้วเดินเข้าไปในบ้านของพ่อเฒ่าเบรเซอร์
“ข้าอิจฉาคุณรอนจริงๆ เกราะของท่านเบากว่าเกราะของข้ามาก พอจะหาให้ข้าได้สักชุดไหม” เจ้าชายดีโอถาม
“ได้ครับ แต่ผมบอกไว้ก่อนนะครับว่าการป้องกันมันแย่กว่าเกราะโลหะ” รอนตอบ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เพราะยังไงข้าก็ไม่ได้ไปรบที่ไหนอยู่แล้ว” เจ้าชายหัวเราะ “วันๆนึงเดินทางอยู่ในอาณาจักรในแนวหลัง ถ้าข้าจะแย่ก็คงแย่จากการแบกน้ำหนักเกราะมากกว่า”
“น้ำค่ะ” โรล่าเดินถือถาดน้ำมา เธอวางแก้วน้ำลงส่งให้ทุกคน เจ้าชายดีโอจ้องมองใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังเสริ์ฟน้ำให้แต่ละคนอย่างตั้งใจจนกระทั่งโรล่าเดินกลับไป
“ข้าเหมือนเคยเห็นหน้ามาก่อน เด็กคนนี้คือ?” เจ้าชายดีโอถามพ่อเฒ่าเบรเซอร์
“โรล่า เป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับข้าครับ” เบรเซอร์ตอบ “เมื่อตอนที่พวกเราไปเมืองหลวงเธอก็ไปงานเลี้ยงด้วย เจ้าชายน่าจะได้เห็นผ่านตา”
ดีโอยิ้มพยักหน้าไม่ว่าอะไร ก่อนจะคุยกับรอน
“ที่ข้ามาวันนี้เพราะได้รับบัญชาให้มาเจรจาเรื่องอาวุธและพืชพันธุ์” เจ้าชายดีโอบอกออกไป “เรื่องมันเป็นมาอย่างนี้ครับ…”
แล้วเจ้าชายดีโอก็เล่าเรื่องออกมา สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ที่ชายแดนของแอสคาลอนในตอนนี้ เกิดมีมอนสเตอร์รวมกลุ่มกันมากขึ้น มีการพบเห็นมอนสเตอร์เข้ามารวมกำลังกันและยึดพื้นที่ป่าเอาไว้
นอกจากนี้ ชาวบ้านที่อาศัยตามชายแดนก็รายงานว่าพืชผลถูกทำลายอย่างผิดปกติ แถมยังมีการเจ็บป่วยด้วยโรคประหลาดพร้อมๆกัน
เพรเตอร์แห่งแอสคาลอน หรือก็คือพระราชาจึงได้ส่งเจ้าชายมาเจรจา เพื่อหาทางซื้ออาวุธสำรองจำนวนมาก รวมไปถึงปรึกษาเรื่องการจัดการพืชผลและโรคระบาด
“หรือจะเป็นนักรบมังกรแห่งความมืดครับ” รอนถาม
“เป็นไปได้ครับ ในบรรดานักรบมังกรฝ่ายความมืด ตอนนี้เหลือทรอน เวก้า และเท็นสไควร์ ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน” เจ้าชายดีโอบอก “และท่านพ่อทราบว่า ตอนที่ดราซัคโจมตีเมืองกาล่า ท่านรอนได้ช่วยเรื่องอาวุธ และจัดหายารักษาโรคระบาดยับยั้งการรุกรานของดราซัคได้”
“นอกจากนี้ รายงานจากโยฮันก็บอกว่าที่นี่เพิ่งถูกโจมตีด้วยกลุ่มออร์ค แต่คุณรอนก็ใช้อาวุธชนิดใหม่จัดการพวกมันไปได้”เจ้าชายบอกต่อ “แถมพืชชนิดใหม่ที่คุณรอนนำมาให้ชาวบ้านเพาะปลูกก็ทนทานต่อโรคและศัตรูพืช”
“คุณรอนจะขายของเหล่านี้ให้กับอาณาจักรแอสคาลอนได้ไหมครับ”
รอนคิดเพียงชั่วครู่และพยักหน้าแทบจะทันที นี่ต่างจากตอนที่เขากั๊กของไม่ขายให้เผ่าสัตว์เพราะว่าการเมล็ดพืชให้อาณาจักรแอสคาลอนจะทำให้พืชพวกนี้แพร่หลาย เสริมการป้องกันศัตรูพืชขึ้นไปอีก
ส่วนอาวุธยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะยิ่งขายให้หมู่บ้านยิ่งปลอดภัย
รอนลุกขึ้นและพาเจ้าชายกับคนสนิทออกเตรียมไปดูตัวอย่างระเบิดเวทมนตร์
“งั้นท่านกอร์ดอนช่วยตามคุณรอนไปดูเรื่องอาวุธหน่อยแล้วกัน ข้าจะขอเดินดูรอบๆนี้หน่อย”
“ครับเจ้าชาย”
เจ้าชายดีโอยืนดูรอนกับทหารคนสนิทเดินไปที่ลานหลังหมู่บ้าน จากนั้นเขาก็หันกลับไปที่บ้านของเบรเซอร์ สายตาสอดส่ายค้นหา จนกระทั่งเห็นโรล่าที่ตักน้ำอยู่ที่หลังบ้าน
“อยู่นั่นเอง”
แล้วเจ้าชายก็เดินตรงไปหาเด็กสาวที่กำลังตักน้ำอยู่
Ps . ตัวละครสำคัญเรื่องหัวใจเปิดความรู้สึกครบแล้ว
Ps2. เนื้อหาที่ดูเหมือนไม่จำเป็น มันมีจุดใช้ของมัน