Midterm Fantasy - ตอนที่ 159
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว รอนจัดการขนของต่างๆไปโลกโน้นเพื่อให้ร้านอาม่าเม้นท์กระจายสินค้า ของที่รอนส่งขายที่นั่นล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันที่โลกโน้นไม่มี
ผงซักฟอกแบบผสมซิลเวอร์นาโน 100 กิโลกรัม (1กิโล 100ถุง) ซื้อจากโลกในราคา 8000
พ่อค้ากลาส : “พ่อค้าทุกท่านดูนี่ให้ดี นี่คือผงซักผ้าที่แสนวิเศษ สามารถทำความสะอาดคราบมันทั้งหลายได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บอกลาขี้เถ้าผสมน้ำมะนาวที่เหม็นเปรี้ยวไปได้เลย” … “และที่อัศจรรย์มากไปกว่านั้น หากท่านต้องการซักผ้าในวันที่ฝนตก ปัญหาผ้ามีกลิ่นอับจะหมดไป สามารถตากผ้านี้ได้แม้ไม่มีแดดหรือในเวลากลางคืน”
เคาะขายที่ 2 เหรียญทองต่อถุง
ถุงพลาสติกร้อนใส่อาหาร 100กิโลกรัม (ถุง 12 นิ้ว 170ถุง/กิโล) ต้นทุน 11700
พ่อค้ากลาส : ภาชนะมหัศจรรย์ บาง เบา ใส สามารถใส่น้ำและอาหารได้ช่วยให้ท่านสามารถสะสมอาหารได้โดยไม่ต้องกังวลว่าอาหารนั้นจะเปื้อน ซื้อวันนี้แถมหนังยางมหัศจรรย์เอาไว้มัดปากถุง
เคาะขายที่ 1 เหรียญทองต่อแพ็ค1กิโล
แว่นสายตายาว 100+ กิโลกรัม (หนักชิ้นละ 25 กรัมตก 4000 ชิ้น) ทุน 80000
พ่อค้ากลาส : จอมเวท นักปราชญ์ อาจารย์ ผู้ทรงความรู้ทั้งหลาย เมื่อมีอายุมากขึ้นก็มักมีปัญหาทางสายตาที่ไม่อาจรักษาได้แม้ใช้เวทรักษาใดๆ จะอ่านหนังสือใกล้ๆก็ทำไม่ได้ ต้องใช้แว่นขยายอันน่ารำคาญ
แต่วันนี้ปัญหาของท่านจะหมดไป เมื่อท่านใช้แว่นสายตาอันนี้
เคาะขายที่ 4 เหรียญทองต่อชิ้น
ผงชูรส กระสอบ 100 กิโลกรัม ราคา 5000
พ่อค้ากลาส : พ่อครัวทั่วหล้าต้องสยบให้กับผลึกรูปเข็มอันแสนวิเศษ เพียงแค่ผสมลงไปในอาหาร รสชาติอันเด่นล้ำก็จะผงาดขึ้นมา
เคาะขายที่ กิโลกรัมละ 10 เหรียญทอง
เมล็ดพืช
ยาฆ่าแมลง
ผ้าอนามัย
ยาสีฟัน
แปรงสีฟัน
ลูกอม
ผงปรุงรส
ยาย้อมผม
เนื่องจากของที่จะขนไปต้องแพ็คเอาไว้รวมกันอย่างน้อย 30 วัน มันทำให้หาลำบาก แล้วรอนจะหายังไงน่ะรึ
“เฮีย ดูเหมือนช่วงนี้ของขายไม่ดีเลยนะ” คนของ ‘รุ่งโรจน์คุ้มภัย’ ไปถามเจ้าของร้าน
“เฮ้อ เดี๋ยวนี้เด็กๆน่ะไปซื้อตามร้านสะดวกซื้อ เนี่ยสั่งมาก็ขายไม่ออก” เฮียเจ้าของร้านบ่น “เอ่อ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เจ้าของร้านถามแบบหวั่นๆ คนของบริษัทคุ้มภัยมาถามแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
“อะไรที่เฮียขายไม่ออกแบบเหลือค้างสต็อกสุดๆ”
“น่าจะลูกอมครับ ไม่น่าสั่งมาเป็นกระสอบเลย กองไว้สองเดือนแล้วขายไม่ออก”
“ลูกอมเรอะ” คนของ ‘รุ่งโรจน์คุ้มภัย’ ไถโทรศัพท์ “ได้ เฮีย บริษัทของเราต้องการซื้อลูกอม เอามาเลยกระสอบนึง ขายราคาเต็มปกตินะไม่ต้องลด”
“ห๊ะ!”
ทั้งหมดอยู่ในแผนของรอนตั้งแต่แรก ในหนังสือธุรกิจมาเฟียนั้นบอกไว้ว่ามาเฟียต้องกินต้องใช้ การซื้อสินค้าจาก ‘ผู้ถูกคุ้มครอง’ เพื่อเอามาใช้ในกลุ่มของตนแม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ก็จะทำให้คนที่ถูก ‘คุ้มครอง’ รู้สึกผูกพันกับแก๊งค์
รอนให้คนของบริษัทรุ่งโรจน์คุ้มภัย ไปซื้อสินค้าที่ขายไม่ออกจากร้านในพื้นที่
ช่วยเจ้าของร้านไม่ให้เสียทุนไปกับของขายไม่ออก
และการันตีว่าเขาจะขนของข้ามไปโลกโน้นได้
ทุกคนแฮปปี้!
ส่วนการขนไป ทีแรกรอนก็กังวลว่าวันนึงเขาจะขนไปได้แค่ 2 กระสอบ (ก็มือนึงยกได้แค่ 100 กิโลกว่าๆ) แต่ก่อนเขาเคยให้แพทขนข้ามไปให้ แต่พอพ่อของแพทเข้มงวดรักษาความปลอดภัยมากขึ้นทำให้รอนฝากของไปไม่ได้
แล้วรอนก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา
“แพท มานี่ก่อน”
“อะไรเหรอ”
รอนจูงมือแพทไปที่สวนหย่อมของโรงเรียน ดึงแขนไปตรงที่ลับตา
“พาเรามานี่ทำไม” เด็กสาวถามอย่างสงสัย
“นี่ไง” รอนเปิดผ้าใบขึ้น มีกระสอบที่ถูกคลุมผ้าพลาสติกไว้อยู่
“รอน เราขนของเข้าบ้านไม่ได้หรอก เดี๋ยวพ่อรู้”
“เธอยังสวมแหวนเก็บของข้ามมิติใช่ไหม ก็แค่เอาของพวกนี้ใส่แหวน พอเที่ยงคืนก็ค่อยเอาออกมาแล้วก็ขนข้ามไปโลกโน้นไม่เห็นยากเลย” รอนเสนอ
แล้วแพทก็เลยได้กลับมาร่วมขนของอีกครั้ง
จากการช่วยเหลือของแพททำให้รอนสามารถขนของไปได้มากขึ้น สำหรับเงินส่วนแบ่งที่ได้จากกลาสเอง รอนแบ่งมา 30-50% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเขาเขาเลยมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอีก 15000 เหรียญทอง เป็น 15000 ที่ได้หักค่าใช้จ่ายที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งถึงตรงนี้กลาสก็แนะนำให้รอนเว้นช่วงการขนสินค้าไว้ระยะหนึ่ง
สินค้าที่กลาสประมูลเคาะขายไป ล้วนถูกส่งต่อให้กับพ่อค้าที่จะนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ต้องใช้เวลาสักพักกว่าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นจะปล่อยของออกได้
หากสร้างความรู้สึกได้ว่าสินค้าพวกนี้ไม่ได้หากันง่ายๆและมีช่วงที่ขาดแคลน ก็จะปั่นราคาได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นในสัปดาห์ถัดมา รอนก็ได้เวลาพักหายใจไม่ต้องขนสินค้ามากๆแบบนั้นอีก
“แพท เราจัดการขายเหรียญทองไปหมดแล้ว ว่าจะแบ่งส่วนแบ่งให้เธอด้วยเพราะเธอก็ช่วยเราขนของตั้งครึ่งนึงเลย” รอนบอกที่โรงเรียนในช่วงบ่ายวันศุกร์
“ไม่ต้องหรอก เธอก็ต้องซื้อของใช้เงินตั้งมากมายไม่ใช่เหรอ ต้องแบ่งให้คุณกลาสด้วยตั้งเยอะ เอามาแบ่งเราแล้วจะคุ้มทุนเหรอ” แพทปฏิเสธ
“พอสิ ของที่ซื้อมาราคารวมกันไม่ถึงแสน ขายเหรียญทองไปจนหมดก็ได้เงินมา 150 ล้านแล้ว ไม่ขาดทุนแน่ๆ” รอนบอก “เอาเลขที่บัญชีมาเหอะ เดี๋ยวโอนให้”
“ไม่เอาหรอก” เด็กสาวปฏิเสธ “ไม่ต้องโอนมา”
“งั้นเอางี้ละกัน ขอยืมโทรศัพท์แป๊บ” รอนบอกและหยิบโทรศัพท์ของแพทมา เขาลงแอพธนาคารจากนั้นก็กดอะไรอยู่สักพักก่อนจะส่งคืนให้
“อะไรน่ะ เอ๊ะ บัญชีนี่มันอะไร” แพทมองดูตัวเลข50ล้านที่ปรากฎในแอพแบบงงๆ “เอ๊ะ รอน ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา”
“เก็บไว้แหละแพท เผื่อเกิดมีอะไรที่ต้องซื้อขึ้นมาจะได้ใช้ได้เลยไม่ต้องลังเล” รอนบอก “เรามั่นใจอยู่แล้วว่าเธอเป็นคนที่ไม่ได้สุรุ่ยสุร่าย ต่อให้มีเงินเธอก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไรที่ไม่จำเป็นอยู่แล้ว”
แพทไม่พูดอะไรต่อ ในเมื่อรอนเปิดบัญชีเตรียมไว้แบบนี้แล้วเธอก็ไม่อยากขัดน้ำใจเขาเท่าไหร่
“ว่าแต่เธอแบ่งให้พ่อให้แม่หรือเปล่า”
“แบ่งแล้วล่ะ พอได้เงินมารอบนี้เราแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนละ 50 ล้าน เป็นของเรา ของเธอ และของพ่อแม่” รอนบอก “แต่ว่าเรายังไม่ได้บอกพ่อกับแม่นะ ยังไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้พ่อกับแม่เข้าใจได้”
“อืม ก็จริงนะ เงินตั้งขนาดนี้” แพทบอก “ว่าแต่เธอเองได้เงินมาก็ใช้อย่างรู้ตัวด้วยนะ ของที่เอาไปขายที่โลกโน้นก็ไม่รู้ว่าจะทำเงินได้แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
“เข้าใจแล้ว” รอนรับคำ เขาเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างที่สุด
ทั้งคู่เดินเคียงกันไปเรื่อยๆตามทางเดิน ผ่านหน้าสวนหย่อม รอนชะงักนิดนึงก่อนจะพาเดินต่อไป วันนี้เขาไม่มีของมาเพิ่มให้ขนไป ไม่ต้องพาแพทเข้าไปเอาของ
“วันนี้ไม่เข้าไปเอาเหรอ” แพทถาม
“ไม่ วันนี้ไม่ได้เอาของมา” รอนตอบ
กิ๊ง
[คุณรับรู้ได้ว่าถูกเฝ้ามอง]
เด็กทั้งสองสะดุ้งกึก สอดส่องสายตาไปรอบๆ แพทเปิดแผนที่รบแล้วก็ชี้ให้รอนมองดูตรงพุ่มไม้
“มีคน 3 คนในพุ่มไม้” แพทบอก “น่าจะรุ่นพี่ม.ปลายนะ”
“พวกเค้ามาทำอะไรกัน” รอนว่า “ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินผ่านไป ทิ้งให้พวกพี่ม.ปลายทั้ง 3 คนถอนหายใจอย่างผิดหวังก่อนจะเดินออกจากพุ่มไม้
“หมดกัน สองคนนั้นรู้ตัวแล้ว”
“นึกว่าจะเห็นอะไรดีๆ”
ทั้งสามคนนี้เคยเจอรอนกับแพทที่ห้องสมุดแล้วเข้าใจผิดมารอบนึงแล้ว พอคราวนี้บังเอิญเห็นทั้งคู่เข้าไปที่สวนหย่อมหลายๆหนก็เลยชวนกันมาแอบส่อง
“เฮ้ยไปทำอะไรมาวะ ใบไม้เต็มเลย” นักเรียนม.ปลายอีกคนเดินผ่านมา
“น่าเสียดายเป็นบ้าเลย เมื่อกี้ไปแอบส่องรุ่นน้องสองคน ไม่น่ารู้ตัวก่อนเลย”
“รุ่นน้อง? ใครวะ”
“ก็น้องสองคนนั่นไง ที่ได้รางวัลสอบแข่งขันนั่นน่ะ รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะมึง”
จากนั้นข่าวลือเล็กๆก็เริ่มก่อตัวขึ้นในแผนกมัธยมปลาย
“รอน จะว่าไปที่เธอทำธุรกิจเก็บเงินนี่ เธอตั้งใจจะเอาเงินไปทำอะไรเหรอ” แพทถาม ที่ผ่านมาเธอเคยถามแล้วแต่รอนตอบไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
“ไม่ได้กะจะเอาไปทำอะไรหรอกเราแค่อยากมีเงินมากๆ อย่างน้อยก็อยากจะมีมากเท่าๆกับบ้านเธอเท่านั้นเอง” เด็กหนุ่มตอบ
“คราวก่อนเธอก็พูดแบบนี้ แล้วทำไมต้องให้มีเงินเท่าบ้านเราด้วยล่ะ” แพทจี้ต่อ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากให้ดูดีดูเหมาะสมเท่านั้น” รอนอ้อมตอบไป
“ดูดีดูเหมาะสม …เธอนี่น้าสงสัยเจอพ่อเราจนชิน เรื่องดูดีน่ะมันไม่ได้วัดกันที่เงินทองหรอก มันขึ้นกับบุคลิกเสื้อผ้าการวางตัวการพูดจา เธอจะมาเปรียบเทียบกับบ้านเราทำไม” แพทบ่น
ขณะที่รอนเองไม่ตอบอะไร
“แล้วตอนนี้เธอมีเท่าไหร่” แพทถาม
“ก็มีที่ได้มาใหม่ 50 ล้าน แล้วก็เงินจากรอบก่อนๆที่ผ่านมาเอาไปลงในบิทคอยน์ แล้วเหลือ 180 ล้าน” รอนบอกพลางกดแอพแสดงเงินในบัญชีสวิส “แบ่งไปลงทุนกับคุณหลิวลี่จง 20 ล้านเปิดบริษัท ก็เหลือ 160+50 เท่ากับ 210ล้าน”
“โห ทำไมเหลือแค่ 180 ล้านได้เนี่ย รอน เธอต้องระวังหน่อยนะ เอาเงินไปลงกับการลงทุนที่เธอไม่รู้จักนี่มันไม่ดีนะ” แพทรับโทรศัพท์มาดู “แล้วคุณหลิวลี่จงนี่ ถึงพวกเราจะรู้จักเขาและร่วมงานต่อสู้กับแก๊งค์เมษามา แต่เธอก็ไม่น่าไปไว้ใจเขาขนาดนั้นนะ ได้ทำสัญญาไว้ไหม”
“ไม่ได้ทำหรอก แต่เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไป ตอนที่เราจัดการคุยเรื่องลงทุนและให้เงินไป เป็นจังหวะที่ข่าวออกพอดีว่าแก๊งค์เมษาถูกทำลาย” รอนบอก “เขาคงไม่คิดเสี่ยงที่จะโกงเราทั้งที่เห็นชะตากรรมของแก๊งค์เมษาหรอก”
แพทฟังไปด้วยเลื่อนนิ้วดูเงินในบัญชีของรอนไปด้วย ก่อนที่จะหยุดกึก ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจสุดๆ
“รอน”
“หืม”
“เมื่อกี้เธอว่าเธอมีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่” แพทเงยหน้าขึ้นมาถาม
“มี 210 ล้านไง” รอนตอบงงๆ
“ในบัญชีที่สวิสของเธอมีเงิน 160 ล้านนะ” แพทบอก
“ใช่ไง 160 + 50 ก็ 210 ไม่ใช่เหรอ”รอนถามกลับงงๆ
“บัญชีสวิสของเธอ หน่วยเป็น US Dollar เธอไม่ได้มีเงิน 160 ล้าน แต่ตอนนี้เธอมีเงิน 5000กว่าล้านนะ” แพทตาเขียวปั๊ด “บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วไง เรื่องเงินเรื่องทองน่ะต้องรอบคอบ อะไรกัน นี่แค่เรื่องหน่วยเงินยังไม่รู้แบบนี้ได้ยังไงใช้ได้ที่ไหน”
รอนอ้าปากค้าง 5000 ล้านเหรอ … ฉิบเป้งแล้ว นี่เขามีเงินแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วเด็กหนุ่มก็เจอเด็กสาวอบรมเรื่องความรอบคอบทางการเงินไปตลอดทางเดินจนถึงห้องเรียน