Midterm Fantasy - ตอนที่ 175
รถแท็กซี่ไปจอดที่หน้าบ้านของรอน ทั้งสองลงรถมา
“เข้ามาในบ้านก่อนครับ เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าเปื้อนเลือดนี่ไปเก็บแป๊บนึง แล้วเดี๋ยวพาไปส่งที่บ้านอาม่า”
“เดี๋ยวชั้นไปเองก็ได้”
“เดี๋ยวผมจะไปคุยกับอาม่าด้วยน่ะครับ เรื่องพวกคุณนั่นแหละ หลังจากที่ได้งานแล้วจะเริ่มย้ายออกตอนไหนหรือจะยังอยู่ที่บ้านอาม่าต่อยังไง ผมจะได้ไปคุยกับหลิวลี่จงให้จัดตารางงานให้พอดี” รอนเปิดประตูบ้านเข้าไป “กลับมาแล้วครับ”
“อ้าว รอน กลับมาแล้วเรอะ แล้วนี่…” พ่อหยุดถูพื้นชั่วขณะ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ หนูชื่อเจนัสค่ะ” เจนัสแนะนำตัว
“ตอนนี้เจนัสเค้าอยู่ที่ร้านขายของของอาม่าครับ ผมไปคุยกับคนรู้จักช่วยฝากทำงานมาน่ะครับ” รอนตอบให้ “เดี๋ยวไปเก็บของแป๊บนึงนะครับ คุณเจนัสนั่งแถวนี้ก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปแป๊บนึงแล้วลงมา”
รอนวิ่งขึ้นไปทิ้งให้เจนัสอยู่ข้างล่างกับพ่อ หญิงสาวหันไปมองพ่อของรอนที่กำลังถูพื้นอย่างขยันขันแข็งแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมเหรอหนู” พ่อของรอนถามขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกจับจ้องอยู่
“เปล่าค่ะ คือหนูรู้สึกเหมือนเคยเจอคุณพ่อมาก่อน”
“แปลกนะ เมื่อก่อนเวลาไปซื้อของก็ไม่เคยเจอกันนี่นา” พ่อคิด “อ๋อ นึกออกแล้ว เมื่อเช้าพ่อออกไปซื้อของที่ร้านอาม่า เห็นพวกเรา3คนกับรอนกำลังขึ้นรถแท็กซี่ หนูคงบังเอิญเห็นพ่อตอนนั้นแหละ”
“เมื่อเช้า?” เจนัสคิด หรือว่าเธอจะเห็นแล้วจำไม่ได้
“ใช่ เมื่อเช้า แต่ตอนนั้นเหมือนหนูจะใส่ชุดอีกชุด” พ่อตอบ “จริงสินะ เจ้ารอนก็ใส่อีกชุดนี่นา หืมมม”
บรรยากาศเงียบกริบก่อตัวขึ้น แล้วรอนก็วิ่งลงมา
“เจนัส ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง” รอนคว้าข้อมือหญิงสาว “เดี๋ยวผมไปร้านอาม่าแป๊บนึงนะครับพ่อ”
เด็กหนุ่มหญิงสาวจูงมือกันออกจากบ้านไป ทิ้งไว้แต่คุณพ่อที่ยืนอ้าปากค้างอยู่
รอนพาเจนัสไปส่งเสร็จแล้วก็คุยกับอาม่าเรื่องที่อยู่อย่างคร่าวๆ ตกลงกันแล้วว่าทั้งสามสาวจะอาศัยที่บ้านอาม่าต่อไปอีกพักนึง เมื่อเริ่มงานและมีรายได้แล้วก็จะค่อยๆย้ายออกไป
อาม่าเองก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ทั้งสามคนจะย้ายออกไป เพราะตอนนี้ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมากแล้วจะมีแต่ที่หลังที่ยังปวดๆตามอายุต้องใส่ตัวพยุงหลังเท่านั้น
แล้วรอนก็นึกอะไรขึ้นได้
“อาม่าครับ อาม่ามีน้ำมันเบนซินแกลลอนใส่น้ำมันขายไหมครับ”
“มีสิ มีแบบ 5 ลิตรสองแกลลอน”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปซื้อน้ำมันแล้วเอามาฝากไว้ที่ห้องใต้ดินบ้านอาม่าก่อนนะครับ”
“ได้ๆ อาเจนัสไปเอาแกลลอนน้ำมันในห้องใต้ดินให้หน่อย” อาม่าสั่ง เจนัสเดินลงไปครู่นึงก็ขึ้นมาพร้อมแกลลอนน้ำมัน รอนรับเอาไปแล้วขอลาไปปั้มน้ำมัน
แล้วเจนัสก็นึกอะไรบางอย่างได้
“อาม่าคะ ใกล้ๆกับที่วางแกลลอนน้ำมันหนูเห็นมีเสื้อผ้าชุดนึงแขวนเอาไว้” หญิงสาวบอก
“อ่อ ชุดนั้นน่ะเหรอ เป็นชุดที่มีคนฝากเอาไว้นานแล้วน่ะ” อาม่าตอบ “ทำไมเหรอ”
“หนูว่าเสื้อผ้าเก็บไว้ในห้องใต้ดินนานๆมันจะอับเอา เดี๋ยวหนูเอามาตากแดดหรือซักหน่อยดีไหมคะ”
“อย่างนั้นรึ ก็ได้ เอาขึ้นมาตากแดดที่หน้าร้านสักหน่อยแล้วกัน แล้วตากเสร็จลองดูว่าอับไหม ถ้าอับก็ค่อยเอาไปซัก”
“ค่ะ”
แล้วเจนัสก็ลงไปที่ห้องใต้ดิน เธอขนชุดนักบวชและไม้เท้าขึ้นมา จากนั้นเอาไปแขวนไว้ที่ประตูหน้าร้านที่แดดกำลังลง
“ชุดสวยจัง ชุดคอสเพลย์เหรอคะอาม่า”
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้แหละ” อาม่าตอบ “แต่มันตั้ง 30 ปีแล้ว”
“30ปี?!” เจนัสสะอึก 30 ปีก่อนมีชุดคอสเพลย์สวยๆแบบนี้เลยรึเนี่ย “แล้วตอนนี้เจ้าของเค้าไปไหนแล้วล่ะคะ ทำไมมาฝากไว้ที่ร้านอาม่านานขนาดนั้น”
อาม่าไม่ตอบอะไร ได้แต่เพียงจ้องมองดูชุดๆนั้น
และที่ริมถนนที่ห่างออกไปชายสองคนภายในรถตู้ติดฟิล์มมืดดำจ้องมองดูร้านอาม่าอยู่
“ไม่ผิดแน่ครับคุณหลงเว่ย ผู้หญิงคนนั้นคือเจนัส เป็นมือปืนของแก๊งเมษาของเรา คิดไม่ถึงว่ามันจะทรยศพวกเราแล้วแอบมาอยู่ที่นี่” หงซันเอ่ยขึ้น “แถมพวกมันยังติดต่อกับเจ้าเด็กหนุ่มที่ชื่อรอนนั่นด้วย แสดงว่าที่ผ่านมาพวกมันต้องร่วมมือกันหักหลังแก๊งของเราแน่ๆ”
หลังจากหลงเว่ยได้แฟลชไดร์ฟจากปากศพของหัวหน้าปัญญาไป มันก็นำไฟล์ที่มีภาพของรอนและแพทในนั้นส่งกลับสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ
สิ่งที่ทำให้แก๊งเมษาสำนักงานใหญ่สนใจก็คือ รอนใส่ชุดเหมือนกับหน้ากากดำที่เคยอาละวาดโจมตีแก๊งเมษาทั้งสาขาใหญ่และสาขาย่อยเมื่อ30ปีก่อน
แต่30ปีก่อน เจ้าหนุ่มนี่ยังไม่เกิดนี่นะ
จากนั้นพวกมันก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว
เด็กหนุ่มในภาพชื่อรอน คือหน้ากากดำที่อาละวาดทำลายล้างแก๊งเมษาในช่วงปีนี้
เด็กสาวในภาพชื่อแพท คือคนที่ร่วมมือกับรอน
และในคืนที่หัวหน้าปัญญาถูกฆ่าและมือปืนภาคตะวันออกถูกฆ่า รอนอยู่กับตำรวจตลอดเวลา แต่มีคนหนึ่งที่ออกจากความคุ้มครองของตำรวจไปข้างนอกนั่นก็คือพ่อของแพทที่ชื่อวิทวัส
คนที่ชื่อวิทวัสนั่นออกจากบ้านไปในตอนเช้าและกลับมาหลังเกิดเรื่อง จากนั้น ทั้งๆที่บ้านตนเองถูกถล่มแท้ๆ เขากลับออกจากเซฟเฮ้าส์ไปในกลางดึก ซึ่งก็บังเอิญเป็นเวลาเดียวกันกับที่สาขาใหญ่แก๊งถูกทำลาย!
และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งน่าสงสัยขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ ‘วิทวัส’ คนนี้สวมเลขประชาชนจากคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ที่มาของเขาว่ามาจากไหน
แถมพ่อบ้านของวิทวัส แท้ที่จริงก็คือ Black Lotus นักฆ่าระบือนามที่หายไปจากวงการตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อนหลังจากประมือกับ ‘หน้ากากดำ’ คนเก่า
ความเป็นไปได้ที่ว่าวิทวัสคือหน้ากากดำเมื่อ 30 ปีก่อนทำให้ทางแก๊งเมษาสาขาหลักถึงกับสั่งการให้หลงเว่ย สืบเรื่องนี้ต่ออย่างใกล้ชิด
“แต่ก็แปลกนะครับ แล้วทำไมมือปืนระดับด้ามม่วงของแก๊งถึงยอมมาร่วมมือกับศัตรูของแก๊งได้” หงซันถาม “มือปืนเหล่านี้ถูกแก๊งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ไม่น่าจะหักหลังกันได้เลย”
“หึหึ อย่างนั้นรึ งั้นเอานี่ไปดู” หลงเว่ยโยนแฟ้มส่งให้หงซัน เป็นแฟ้มประวัติของ ‘เจนัส’ และ ‘รอน’
“ห๊ะ นี่มัน … มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย” หงซันร้องออกมาเมื่อเปิดแฟ้มทั้งสอง ไม่ว่าเจนัสจะทรยศจริงหรือไม่ จากข้อมูลในแฟ้มนี้ก็บอกได้เพียงคำเดียวว่าแก๊งไม่มีทางเก็บหญิงสาวคนนี้ไว้อีกต่อไป
ดูท่าจะเป็นลิขิตฟ้าสินะ
“คุณหลงเว่ยครับ แล้วต่อไปเราจะทำยังไงต่อดีครับ” หงซันถามก่อนจะสังเกตว่าหลงเว่ยไม่ได้ฟังเขาพูด “คุณหลงเว่ยครับ คุณหลงเว่ย”
หงซันเรียกอยู่หลายครั้งก่อนที่จะสังเกตว่าหลงเว่ยในตอนนี้ตัวสั่นขึ้น ตาจ้องไปด้านหน้าที่ร้านอาม่าซึ่งเจนัสกำลังเอาชุดคอสเพลย์ชุดหนึ่งมาตากเอาไว้
“น น นั่นมัน ชุดของนังเด็กอารย่าคนนั้น”
หลงเว่ยร้องขึ้นด้วยเสียงอันสั่นเทา “ไม่ผิดแน่ เรื่องใหญ่แล้วเรื่องใหญ่มากๆ”
“หงซัน ถ่ายรูปเอาไว้ เราต้องส่งข้อมูลกลับไปที่สำนักงานใหญ่”
หลงเว่ยบอก
“ได้เบาะแสศัตรูเมื่อ 30 ปีก่อนของแก๊งแล้ว”