Midterm Fantasy - ตอนที่ 180
นักข่าวเดินเข้าไปในโรงรถ จากนั้นก็ลงมือบันทึกภาพในบริเวณรอบๆอย่างตั้งใจ
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ รถมันจะหายไปได้ยังไง” หลงจิ่งกัดฟันกรอด มองไปรอบๆพื้นที่ มีรถตู้สองคันที่จอดอยู่ ส่วนตรงที่ควรจะมีรถขนย้ายวัคซีนอยู่กลับปราศจากรถคันนั้น มีเพียงกองสิ่งของเครื่องใช้ เศษขยะ และวัคซีนลังนึงที่ตกอยู่ท่ามกลางน้ำมันที่เจิ่งนอง
รอนมองกองสิ่งของเหล่านั้น มันคือของที่ถูกคนหยิบจับเคลื่อนย้ายไปมาในรถภายใน30วันนี้ ส่วนรถทั้งคันรวมไปถึงวัคซีนทั้งหมดที่บรรจุรวมกันตามแผนงานเกิน30วันถูกย้ายข้ามไปโลกโน้น
แน่นอนว่ารถคันนี้วิ่งมาไกล น้ำมันถูกเติมเข้าไปใหม่แล้วหลายรอบ ทำให้น้ำมันที่เพิ่งเติมเข้าไปไม่โดนย้ายข้ามไปโลกโน้นด้วย
สำหรับว่าเขาเคลื่อนย้ายรถหนักๆข้ามไปโลกโน้นได้อย่างไรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ตอนที่จะข้ามจากโลกโน้นมาที่นี่ เขาไปเตรียมยืนในพื้นที่โล่งข้างบ้าน เตรียมม้วนเวท <Might> เพิ่มพลังตนเองชั่วคราว จากนั้นด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นก็ยกรถทั้งคันเอาไว้ในช่วงนับเวลาถอยหลังข้ามมิติ
ชายชุดดำใช้เครื่องมือตรวจสอบรถสองคันที่เหลือแล้วส่ายหน้าอย่างไร้ผล พวกมันไม่เจอสัญญาณของอุปกรณ์สอดแนมแต่อย่างใด
“รถ… รถวัคซีนหายไปไหน” เสียงที่อ่อนแรงดังมาจากหน้าประตูโรงรถ ทุกคนหันขวับกลับไปมอง หมอเคนั่นเอง “เมื่อกี้รถยังอยู่เลย แล้วนี่มันหายไปไหน!”
หมอเคที่ไม่รู้เรื่องการเนียนของรอนและหมอคนอื่นๆและเพิ่งตื่นจากการสลบร้องออกมา วัคซีนที่มีค่าเหล่านั้นหายไป แล้วเด็กๆจะทำยังไง
แต่คำพูดเหล่านั้นก็ทำให้นักข่าวและหลงจิ่งตื่นตัว หมอเคหมายความว่ายังไงที่เมื่อกี้รถยังอยู่!
“เจมส์!มาช่วยกันหน่อย” หมอโรเบิร์ตเดินเข้าไปพยุงหมอเค หยิบไฟฉายส่องตามือขวากดคลำชีพจรที่คอ หมอเจมส์ใช้มือช่วยกดคลำชีพจรที่คออีกด้านเช่นกัน
“รถ … หาย … ไป…. คร่อก•••” หมอเคล้มพับไปอีกครั้ง ขณะที่โรเบิร์ตหันกลับมาอย่างโกรธกริ้ว
“ผมขอประท้วง ผมเรียกร้องขอให้พวกคุณมอบรถวัคซีนที่ยึดไปคืนมาให้พวกเราให้เร็วที่สุด” โรเบิร์ตบอก “คุณดูซิ ขนาดหมอเคที่บาดเจ็บยังเพ้อถึงรถที่หายไปเลย”
หลงจิ่งและรอนหน้ากระตุกขึ้นนิดนึง เพราะทั้งสองคนเห็นชัดๆว่าหมอเจมส์และโรเบิร์ตใช้จังหวะที่พยุงหมอเค ต่างฝ่ายต่างกดเส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอกันคนละฝั่งจนทำให้หมอเคหมดสติไม่สามารถพูดต่อ
แต่ความเนียนแบบไม่ต้องเอ่ยปากเตี๊ยมกันมาก่อนในระดับนี้นี่มัน…
“ใช่ คืนวัคซีนให้พวกเราเดี๋ยวนี้”
“ถูกต้อง ถ้าท่านนายพลทำเพื่อประชาชนในเมืองจริงๆก็คืนวัคซีนมาเถอะ” พยาบาลร้องขึ้น
นักข่าวและผู้นำชุมชนของเมืองต่างหันไปมองนายพลแทงโก้เป็นตาเดียวกัน
“ผมไม่ได้ยึดรถของพวกเขาไป” นายพลแทงโก้ตอบสั้นๆก่อนจะหันหน้าไปทางหลงจิ่ง
“พวกเราก็ไม่ได้ยึดรถวัคซีนไป” หลงจิ่งปฏิเสธ
แน่นอนว่าทั้งสองคนไม่ได้โกหก หากแต่เวลาแบบนี้ นักข่าวที่มองอยู่ก็มองต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครเชื่อหรือไว้ใจใครได้
ผู้นำชุมชนเองก็ไม่มั่นใจและกังขานิดๆ เมื่อครู่พวกหมอบอกว่ารถเจอยึดตอนที่เข้าเมืองมาใหม่ๆ แต่เมื่อวานเขาเพิ่งเข้ามาที่นี่และยังเจอรถอยู่นี่นา แต่พวกหมอจะโกหกทำไมกันทั้งๆที่น่าจะรู้ว่ามีเขาเป็นพยานและความแตกได้ง่ายๆ
“เอาล่ะ เชิญนักข่าวทั้งหมดออกไปก่อน” นายพลแทงโก้บอก
“ท่านคิดจะทำอะไรต่อ”
“ใช่ ในเมื่อไม่เจออุปกรณ์สายลับสอดแนม ท่านยังจะกักขังหน่วยแพทย์แบบนี้อีกเหรอ”
“แล้วท่านจะคืนวัคซีนที่ยึดไปไหม”
นักข่าวถามเป็นพัลวัน
“พอๆๆๆ! ทุกคนออกไปให้หมด นักข่าวทุกท่าน เชิญ!” นายพลแทงโก้โบกมือ รอจนนักข่าวออกไปกันจนหมดแล้วก็เตรียมหันไปซักถามบรรดาหมอๆในห้องนั้น แต่ก่อนที่นายพลจะพูดอะไรต่อ หมอโรเบิร์ตก็ใส่ทันที
“ท่านนายพล นี่มันหมายความว่ายังไง แล้วนี่ท่านจะคืนรถให้พวกเราเมื่อไหร่” หมอโรเบิร์ตร้อง
“ใช่ และทำไมต้องให้เราโกหกอะไรแบบนั้นด้วย” หมอเจมส์พูดต่อ
“นี่มันอะไรกัน” หลงจิ่งถาม
“ใช่ นี่มันอะไร ผมงงไปหมดแล้ว”นายพลแทงโก้มึน
“ก็ที่ส่งคนมายึดรถวัคซีนไป มีเฮลิคอปเตอร์มารับเอาโทนี่ไป แล้วยังมีการกำชับว่าพวกเราจะต้องบอกนักข่าวว่ารถถูกยึดไปตั้งแต่แรก ทั้งที่จริงๆทุกคนก็รู้ว่ารถถูกเอามาจอดในอาคารนี้หลายวันแล้ว” หมอโรเบิร์ตบอก “ทำไมต้องบีบให้เราโกหกอะไรแบบนั้นทั้งๆที่มีพยานยืนยันว่าไม่จริงกันด้วย”
“พยาน?” นายพลแทงโก้งง มองตามมือหมอเจมส์ไป หมอเจมส์ชี้ไปทางผู้นำชุมชนที่ยืนอยู่ในห้อง
“จริงด้วย เมื่อวานผมมาที่นี่ รถยังอยู่เลยแท้ๆ” ผู้นำชุมชนคนนั้นบอก
“ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่ที่บอกว่าจะทำลายวัคซีนทั้งหมด พวกเราไม่มีทางโกหกในเรื่องที่มีพยานอยู่ทนโท่แบบนี้หรอก” หมอโรเบิร์ตบอก “คืนรถของพวกเรามาได้แล้ว พวกเราจะได้รักษาชาวเมืองต่อ แล้วเจ้าโทนี่นั่นมันไปไหน มันคือคนของนายพลใช่ไหม”
นายพลแทงโก้และหลงจิ่งต่างมองหน้ากันอย่างมึนตึ้บไปหมด
“พวกเราไม่ได้ยึดรถของพวกคุณไป” นายพลแทงโก้พูดขึ้น
“จริงเหรอ” หมอโรเบิร์ตขมวดคิ้ว มองสลับไปมาระหว่างนายพล หลงจิ่ง และผู้นำชุมชน
“ท่านนายพล เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของชาวเมือง ผมอยากให้ท่านนึกให้ดี ถ้าหากคนของท่านยึดรถไปจริงๆก็ขอให้คืนให้หน่วยแพทย์ด้วยเถอะครับ” ผู้นำชุมชนถามอย่างไม่ลังเล
ในความรู้สึกของเขานั้น หมอโรเบิร์ตและหมอเจมส์ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกในเรื่องที่มีพยานยืนยันได้ทันทีว่าโกหก
แล้วถ้าหมอทั้งสองคนโกหก จะรีบทวงถามและเปิดเผยทำไมว่าเมื่อครู๋ตนเองโกหก
“พวกเราขอตัวก่อนแล้วกันท่านนายพล” หลงจิ่งบอกลาและเดินออกไปโดยไม่สนใจเคลียร์เรื่องให้นายพลแทงโก้
ขณะที่นายพลได้แต่กำหมัดแน่น
แม้เขาจะคุมกำลังทหาร แต่ว่าถ้าหากชาวเมืองไม่พอใจ ก็ยากที่เขาจะกุมอำนาจได้เบ็ดเสร็จ ยิ่งองค์กรเอพริลไปแบบนี้ก็เท่ากับว่าความไม่พอใจทั้งหมดจะมาตกอยู่ที่เขา
“กองกำลังของเราไม่รู้เรื่องนี้” นายพลแทงโก้บอก
“แล้วรถหายไปไหน” หมอโรเบิร์ตขมวดคิ้วขึ้นเสียง “ทางออกทั้งหมดก็เจอทหารของนายพลคุมเอาไว้นี่”
“เรื่องนั้น … มันอาจจะเป็นแผนของ CIB ก็ได้ พวกคุณอาจจะยังไม่รู้ เจ้าโทนี่นั่นคือสายลับของ CIB” นายพลแทงโก้เหงื่อตก ผู้นำชุมชนต่างหันมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ จริงสิ ทางเข้าออกเจอปิดไว้ทั้งหมด
ถ้าพวกหมอเอารถไปซ่อน ยังไงก็ไม่มีทางพ้นสายตา
แต่ถ้านายพลแทงโก้เอารถไปซ่อน ก็แค่สั่งการไม่ให้ทหารที่เฝ้าทางออกปริปากแล้วก็โกหกว่าไม่มีรถออกไปเท่านั้นก็พอนี่นา
“จะว่าไป ตอนที่คุณรอนกับเจนัสเดินทางมาที่นี่ รถวัคซีนและรถเครื่องมือแพทย์มาถึงไหนแล้วครับ” หมอเจมส์ถาม
“ติดอยู่ที่ชายแดนครับ ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ยอมเดินทางข้ามมา” รอนรับลูกได้ทันตอบออกไป “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ ตอนที่ผมเดินทางมาเห็นคนกำลังขนกล่องวัคซีนแบบนี้ขึ้นรถกระบะเต็มหลังรถเลย พอให้ฉีดชาวเมืองแน่ๆครับ”
ทั้งหมอและพยาบาลต่างตะลึงอึ้งทำหน้าเหมือนเห็นผี
“ไม่จริงใช่ไม๊”
“เฮ้ย แย่แล้ว!”
“ตายแล้ว”
แต่ละคนทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี รอนหันมองไปมาทำหน้างงๆ
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เด็กหนุ่มแสร้งทำหน้างงสุดๆ
“จริงด้วยมีอะไรเรอะ” นายพลแทงโก้ถาม
“วัคซีนมันต้องแช่เย็น! แต่ที่โน่นท่าทางจะไม่มีรถตู้แช่แบบของเรา” หมอโรเบิร์ตร้องเสียงหลง “นายพลแทงโก้ พวกเราต้องไปเอาของ เร็วเข้าเจมส์”
หมอเจมส์วิ่งไปหาหมอเค ลากร่างที่ยังสลบไสลมาแล้วตบฉาดเข้าไป
เผียะๆๆ!
“โอยยย” หมอเคครางออกมา
“เดี๋ยวๆ แล้วหมอคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวแน่นอนสิ” หมอเจมส์ร้อง
“ก็ยาที่เอามาหลายชิ้นติดฉลากเป็นภาษาไทย มีแต่หมอเคเท่านั้นที่อ่านภาษาไทยออก” หมอโรเบิร์ตบอก
“สองคนนี่ก็คนไทยนี่”นายพลแทงโก้ชี้ไปที่รอนและเจนัส “ทำไมต้องเอาหมอเคไปด้วย หรือว่าคิดจะหนี”
“ไอ้หนู เธอเรียนจบอะไร รู้เรื่องการแพทย์ไหม” หมอเจมส์ถาม
“ไม่รู้ครับ” รอนตอบ
“แล้วเธอล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เจนัสส่ายหน้า
“นายพลแทงโก้ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณก็เห็นว่าพวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ คุณยังจะสงสัยอะไรเราอีก” หมอโรเบิร์ตบอก “ความจริงแทนที่จะสงสัยพวกเรา คุณควรจะไปสงสัยคนที่ให้ข่าวว่าเราขนเครื่องมือสอดแนมมามากกว่านะว่ามีจุดประสงค์อะไรที่ทำแบบนี้ เพราะพอคุณกักตัวพวกเราและเอาวัคซีนไปทำลายแบบนี้ มันทำให้ชาวเมืองเสียหาย ทำให้นานาชาติประนาม ผมนึกไม่ออกว่าคุณจะทำไปทำไม”
นายพลแทงโก้สะอึก จริงสิ คนที่ให้ข่าวให้ข้อมูลมาก็คือองค์กรเอพริล/แก๊งเมษานั่น
กลุ่มทหารของเขามีอำนาจในพื้นที่เปราะบางนี้ได้ก็ต้องอาศัยพึ่งพาองค์กรเอพริลในการขนส่งอาวุธและส่งออกเพชรและยาเสพติดก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับต้องพึ่งพาจำเป็นมาก
แต่หากเรื่องทั้งหมดนี่เป็นการเล่นตลกของเจ้าองค์กรเอพริลล่ะก็ สถานการณ์วันนี้จะทำให้ชาวเมืองเกลียดเขา นานาชาติก็ประนามเขา ต่อจากนี้ไปมีแต่ต้องพึ่งพาองค์กรมากขึ้น
รึว่า! จะเป็นแผนของพวกองค์กรเอพริลมันจริงๆ!
นายพลแทงโก้มองไปยังเหล่าหมอและพยาบาล คนเหล่านี้เสียสละตนออกมาในพื้นที่ที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตน ออกมาทำงานเพื่อมนุษยธรรม คำพูดของคนเหล่านี้เชื่อถือได้อย่างแน่นอน ออร่าแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจเสียสละที่แผ่ออกมาในตอนนี้ทำให้นายพลผู้นี้ออกจะละอายใจในการกระทำของตนเอง
รอนเองก็เกือบจะรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ว่าหน้าจอซิสเต็มมีคำพูดขึ้นว่า
[คุณรับรู้ได้ถึงออร่าปลอมยอดนักบุญที่ราชันหน้าตายปล่อยออกมา]
รอนจ้องหน้าหมอโรเบิร์ตและหมอเจมส์
ท่าทีอันสุขุม เยือกเย็น เต็มไปด้วยประกายแห่งความเสียสละแผ่ซ่านออกมา
หรือว่าซิสเต็มจะเข้าใจผิด
[คุณตกอยู่ใต้การสะกดของราชันหน้าตาย]
[คุณพยายามต่อต้าน]
[การต่อต้านล้มเหลว เลเวลต่างกันมากเกินไป]
“…”
“เอางี้ ถ้าท่านนายพลไม่แน่ใจ ท่านให้ทหารติดอาวุธคุมพวกเราไปด้วยกันให้หมดเลย” หมอโรเบิร์ตบอก “ดีเหมือนกัน ถ้ามีรถติดอาวุธไปด้วยตอนขากลับพวกเราจะได้ปลอดภัย”
“ท่านนายพล” หัวหน้าชุมชนหันไปมองด้วยสายตาอ้อนวอนแกมบังคับจนนายพลแทงโก้ลังเล
“ก็ได้ ก็ได้ ออกคำสั่งไป เปิดทางเข้าออกเมืองได้ ให้รถของหน่วยแพทย์เดินทางไปขนเวชภัณฑ์ได้”
“ไป ไป ไป ทุกคนขึ้นรถ” หมอเจมส์ร้อง “ลากหมอเคขึ้นไป เราต้องใช้เขาอ่านภาษาไทย”
รอนและเจนัสอ้าปากค้างนิดๆ ก่อนที่หมอโรเบิร์ตจะมาสะกิด
“ไปขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวพวกมันรู้ทันเราจะซวยเอา”
รถตู้ 2 คันวิ่งออกจากเมืองไปโดยมีทหารของนายพลขับรถบรรทุกตามหนึ่งคัน รอนนั่งไปกับหมอโรเบิร์ตโดยมีทหารของนายพลแทงโก้นั่งอยู่ตอนหน้าของรถไปด้วย
“พ่อหนุ่ม”
“ครับ”
“สนใจมาทำงานแบบนี้บ้างไหม มาออกหน่วยกันแบบนี้” หมอโรเบิร์ตถาม “มีไม่กี่คนหรอกนะที่จะเซ็นส์ดีตามรับส่งมุกพวกเรากันได้อย่างนี้”
“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ” เด็กหนุ่มตอบ
หมอโรเบิร์ตยิ้มให้พลางส่ายหน้าเบาๆ
“อย่างนั้นเรอะ ….น่าเสียดาย น่าเสียดาย”