Midterm Fantasy - ตอนที่ 194
“กระสุนเวทมนตร์พร้อม สาม สอง หนึ่ง ยิง”
ปัง ๆๆๆๆๆๆๆ โฮกกก
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของโคบอลท์ดังพร้อมกับเสียงลั่นแตกของนักรบกระดูก ก่อนจะตามด้วยเสียงย่ำเท้าเข้าไปฟาดฟันซ้ำ
ชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นโจมตีอย่างไม่ปราณี
“ยิง!”
ลูกกระสุนเวทมนตร์นับสิบพุ่งเข้าไปใส่มอนสเตอร์ หลายตัวล้มคว่ำไป หากแต่มีหลายตัวที่มีแสงเรืองขึ้น โคบอลท์ที่มีแสงเรืองขึ้นต่างมองบาดแผลบนร่างที่กำลังหายอย่างประหลาดใจ
“เฮ้ย ยิงกระสุนระเบิดสิฟะ ใครให้เอากระสุนเวทHealมายิงมัน”
“พวกเรา ฆ่า!”
พวกขาวบ้านเคลื่อนตัวเข้าไปทิ่มแทง ชั่วขณะเดียวโคบอลท์ที่เพิ่งได้รับการรักษาไปเมื่อครู่ก็นอนกองไปกับพื้นจนหมด
กับมอนสเตอร์ที่มีชีวิตอย่างโคบอลท์ ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะจัดการ เพราะแค่ยิงด้วยกระสุนเวทมนตร์หรือธนูก็พอจะกำราบได้ แต่สำหรับนักรบกระดูกที่ดาหน้าเข้ามา พวกนี้ไม่เกรงกลัวความตาย ส่วนลูกธนูก็ใช้กับมันไม่ค่อยได้ผล
“รวมกลุ่มก่อน กลับมารวมกลุ่มกันอย่าแตกแถวออกไป” พอลสั่งการเมื่อเห็นว่าแนวรบเริ่มขยายออกเกินไป ชาวบ้านทั้งหลายถอยกลับเข้าแนวป้องกันรูปวงแหวนทันที
ฉัวะ!
โรล่าผละจากนักรบกระดูกที่เธอเพิ่งปั่นศีรษะ แล้วถอยกลับเข้าแนวโล่
“คุณรอนคะ ดูพวกมันเคลื่อนไหวแปลกไปนะคะ”
มอนสเตอร์ที่โจมตีอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่นี้เริ่มถอยกลับไปและรวมกลุ่มกัน ไม่โจมตีเข้ามาแบบตัวใครตัวมันอย่างเมื่อครู่แล้ว
“น่าแปลก ยังกับว่ามันมีคนสั่งการ” แล้วรอนก็นึกขึ้นได้ “รึว่า”
[คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง]
[จิตสังหาร]
คำพูดที่ขึ้นบนหน้าจอขึ้นพร้อมกับเส้นสีเขียวที่ลากยาวในอากาศ ตรงมายังศีรษะของเขา รอนยกดาบและโล่ขึ้นบังเส้นทางนั้นทันที
เป้ง!
หอกซัดที่พุ่งเข้าใส่ศีรษะของเขากระแทกโล่และดาบก่อนจะแฉลบลอยขึ้นไปในอากาศ
สกิลเส้นทางเมื่อกี้คือผลของสกิล [ก็อบลินศึกษา] ไม่ผิดแน่ แบบนี้ก็แปลว่าผู้ที่โจมตีคือก็อบลิน
แปลว่าก็อบลินลอร์ดยังไม่ตาย!
“พลาดเรอะ” ก็อบลินลอร์ดบ่นพึมพำแล้วก็สั่งออกมา “อัศวินกระดูก ราชาโคบอลท์ โจมตีที่จุดๆเดียว”
อัศวินกระดูกทั้งสอง และราชาโคบอลท์รับคำสั่ง พวกมันพาลูกน้องเข้าโจมตีโล่เพียงตำแหน่งเดียว
ปึง ปึง ปึง แคร้ก อ้ากก
ชาวบ้านที่ถือโล่อยู่ล้มลงจากหอกกระดูกที่แทงทะลุโล่เข้ามา คนที่อยู่ด้านในดึงร่างเขาเข้ามาแล้วกรูกันเข้าไปปิดรอยรั่ว แต่ไม่ช้าไม่นานนัก ชาวบ้าน และโล่อันใดอันหนึ่งก็มีอันต้องถูกเจาะทะลวงและทำลาย
คนบาดเจ็บและตายเพิ่มขึ้นทีละคน ทีละคน
“ฮ่าๆๆ พวกแกรนหาที่เอง ถ้าไม่ใช่หัวหน้าของพวกแกพาแกมาที่นี่ พวกแกก็ไม่ต้องมาตายกันตรงนี้ ถ้าจะโทษก็โทษหัวหน้าของแกซะเถอะ”
ก็อบลินลอร์ดพูดยุแยงให้เกิดความแตกร้าวขึ้นทันที
หากแต่ชาวบ้านไม่หลงกล
“ถุย! ถ้าไม่ใช่คุณรอนพาพวกเรามานี่ ตอนนี้เราคงไม่รู้ว่ามีพวกตัวอันตรายอยู่ใกล้หมู่บ้านขนาดนี้”
“ใช่ ๆ ถ้าวันนี้เราไม่ได้มาที่นี่ พวกแกก็คงยกกำลังโจมตีหมู่บ้านไม่ให้เราตั้งตัว คนคงตายมากมายยิ่งกว่าวันนี้”
“ต่อให้พวกเราต้องตาย แต่กองทหารที่หมู่บ้านรู้ข่าวแล้ว พวกแกไม่รอดแน่”
แล้วชาวบ้านฝั่งนั้นก็ตะโกนออกมาพร้อมๆกัน
“ *** ! ”
นิ้วกลางนับร้อยชูใส่ก็อบลินลอร์ด มันมองอย่างมึนงงและไม่เข้าใจ
แน่นอนว่าชาวบ้านก็ไม่เข้าใจ
“ เออแฮะ ทำแบบนี้แล้วมันแช่มชื่นพิกล”
“ เหมือนได้ระบายอารมณ์ มิน่าคุณรอนเลยทำกับมอนสเตอร์ที่สู้ยากๆบ่อยๆ”
ก็อบลินลอร์ดหน้าเขียวขึ้นไปอีกด้วยความโกรธ มันสั่งให้กองทัพที่เหลือโจมตีต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ชาวบ้านที่บาดเจ็บเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ความเหน็ดเหนื่อยก็มากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป แพทที่ต้องใช้พลังเวทเพื่อรักษาคนเจ็บก็รับรู้ได้ถึงมานาที่ร่อยหรอ
“รอน พลังเวทเราจะหมดแล้ว”
“เอ้า นี่ แกนมอนสเตอร์” รอนส่งแกนมอนสเตอร์ให้เด็กสาวฟื้นพลัง เธอรับเอาไว้แล้วมองไปรอบๆ เปรียบเทียบกับแผนที่ในสกิล [Battle map]
“โคบอลท์เหลือสัก 250 ได้ แต่ว่ากองทัพกระดูกยังเหลือฝั่งละ 300 แถมพวกมันยังไม่มีความเหนื่อยอีก” แพทบอก “พวกเราจะไม่ไหวเอานะ”
นักรบกระดูกเป็นกระดูกคนตายที่เชื่อมต่อด้วยเส้นเอ็น เคลื่อนไหวด้วยพลังเวท ตราบใดที่พลังเวทในแกนของมันยังไม่หมดไป พวกมันก็ยังเคลื่อนไหวได้ปกติ
และที่น่ารำคาญไปกว่านั้นก็คือ
โผละ!
รอนกระทืบเหยียบกระโหลกที่กลิ้งบนพื้น หยิบแกนมอนสเตอร์สีขาวกลมๆขึ้นมาจากชิ้นส่วนกระดูก Ethmoid เขาส่งให้แพท เด็กสาวบี้เบาๆ ลูกกลมกระดูกที่หนาเท่าเปลือกไข่นั้นแตกออก ปล่อยควันสีดำออกมา
“ไม่สำเร็จ เราดูดพลังจากแกนมอนสเตอร์กระดูกไม่ได้” แพทบอก
แกนมอนสเตอร์กระดูกนี้เป็นจุดอ่อนของมอนสเตอร์กระดูก ขอเพียงมันแตกออก หรือถูกตัดออกจากร่าง มันก็จะตาย
แต่การจะแทงหอกดาบหรือแม้แต่ยิงธนูให้เข้าจุดนี้ก็แสนยาก เพราะเพียงแค่มันหันหน้านิดเดียว อาวุธก็ไม่เข้าเป้าแล้ว
“จะทำยังไงดี”
[ข้ามมิติในเวลา 5 .. 4 .. 3 .. 2 .. 1]
แว้บ!
รอนและแพทแว้บกลับมาที่โลกในยามเที่ยง … เนื่องจากช่วงนี้พวกเขาต้องการขนของข้ามมิติให้มากที่สุด ก็เลยตั้งเวลาข้ามมิติเป็นเต็มที่ทุก 12 ชั่วโมง
สถานการณ์ที่โน่นแย่มากพอสมควร ถ้าทหารม้ามาทันก็ดีไป แต่ถ้าทหารม้ามาไม่ทัน ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะต้องตายกันอีกเท่าไหร่
แล้วไหนยังจะมีกองทัพกระดูกที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั่นอีก
ทั้งรอนและแพทต่างครุ่นคิดกันจนกระทั่งเลิกเรียน แต่ก็ยังคิดไม่ออกจนกระทั่งกลับบ้าน รอนลงรถสองแถวแล้วเตรียมเดินกลับเข้าซอยบ้าน
ซ่า!
เสียงฟู่ของฟองอากาศดังขึ้นจนรอนผละออกจากความคิด
“อ้าว คุณเจนัสทำอะไรอยู่ครับ”
“อ้อ รอน คือ เจนัสกำลังทำความสะอาดร้านอยู่ค่ะ นี่ก็ขัดพื้นกระเบื้องอยู่ ระวังอย่าไปเหยียบนะ ตรงนั้นเพิ่งจะเอาน้ำยาล้างห้องน้ำลง เดี๋ยวจะกัดรองเท้าเอา”
น้ำยาล้างห้องน้ำ!
จริงสิ !
“คุณเจนัส! ร้านอาม่ามีน้ำยาล้างห้องน้ำแบบแพ็คบ้างไหม”
“มีค่ะ ข้างล่างมีสี่ลังใหญ่ๆเลย”
“งั้นผมเหมา ช่วยขนขึ้นมาให้ทีนะครับ”
เจนัสกลับไปในร้านลงไปในห้องใต้ดินขณะที่รอนยืนรออยู่ เขามองไปรอบๆหน้าร้าน มีของที่สามสาวข่วยกันขนขึ้นจากห้องใต้ดินมาผึ่งแดด พวกเสื้อผ้าเก่าๆ ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดพื้น ไปจนถึงชุดคอสเพลย์จอมเวทหญิง
“ร้านอาม่ามีแม้แต่ของแบบนี้ด้วยแฮะ” รอนเอื้อมมือไปจับ
กิ้ง!
“เฮ้ย”
รอนมองตัวหนังสือที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ System แล้วอ้าปากค้าง
ที่อีกมิติหนึ่ง ก็อบลินลอร์ดกำลังมีสีหน้าที่น่าเกลียด
มันรู้ ว่านักรบมังกรมีสกิลข้ามมิติได้
มันรู้จากท่านเวก้าว่า เด็กหนุ่มสาวที่นำทัพนี้ มีคนใดคนหนึ่งเป็นนักรบมังกร
แต่ที่มันเห็นเมื่อครู่ก็คือ รอนและแพท ที่หายตัวไปพร้อมๆกันทั้งสองคน
นักรบมังกรสองคน?
ไม่สิ อย่าเพิ่งวอกแวก ถึงจะมีสองคน แต่ทั้งคู่ต่อสู้มาเนิ่นนาน แค่ข้ามมิติได้จะมาแก้ไขสถานการณ์อะไรได้
[วาร์ป]
อากาศสั่นสะเทือนเป็นริ้วสองตำแหน่ง
ร่างของแพทและรอนที่ถือลังไม้รวมสี่ลังค่อยๆปรากฎขึ้น
อาวุธเรอะ? แต่ถึงขนอาวุธมาก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก
ก็อบลินลอร์ดยกมือเตรียมสั่งการโจมตี แล้วมันก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“ชุดนั่นมัน! ไม่จริงน่า ยัยนั่นตายไปแล้วนี่นา”
แพทในชุดจอมเวทหญิงยกไม้เท้าในมือขึ้นชู
“[Greater High Heal]”
แล้วลำแสงขนาดใหญ่ก็สาดส่องปกคลุมทั่วทุกคนในสามกองร้อยแห่งโอลเซ่น