Midterm Fantasy - ตอนที่ 20
รอนถูกพาเข้าไปในบ้านหลังที่สองจากซ้ายมือ และให้ไปนั่งรอที่ห้องออกกำลังกาย … จริงๆควรจะเรียกว่ายิมมากกว่า เพราะเต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังกายแบบต่างๆ และลานตรงกลางเป็นพื้นที่โล่ง… จะว่าไปพื้นที่ของยิมนี้กว้างกว่าชั้นล่างในบ้านของเขาเสียอีก
เขาเดินไปที่โซฟาหนังสีน้ำตาลตรงข้างห้อง ลูบผิวโซฟาที่ดูแล้วหรูหรามีราคา และนั่งลงอย่างแผ่วเบาเหมือนกับกลัวโซฟาจะเป็นรอย
[ Charm Lv 1 : 25/100]
จะว่าไปพอหลังเหตุการณ์นี่ ค่านี้มันขึ้นมาอีกนิดนึง รอนไพล่นึกไปถึงตอนที่เขาเจอกระทืบ
ดูท่าทางแพทจะเห็นเค้าเป็นเครื่องรางของขลังหรือตัวTankไปจริงๆแล้วล่ะมั้ง
“เดี๋ยวแพทไปหาพ่อก่อน รอนรออยู่นี่ก่อนนะ”
เด็กสาวเดินออกไป ส่วนลุงบัวเดินถือถือกระเป๋าทำแผลมาให้รอนที่นั่งตรงโซฟา
“แผลดูไม่ลึกมาก คงไม่ต้องเย็บ … จะไปโรงพยาบาลไหมเรา”
“ไม่เป็นไรครับ” รอนตอบ เขาเช็คพลังชีวิตแล้วว่ามันกลับมาถึง[40/45] คืนนี้คงหายหมดพอดี
จากนั้นรอนก็นั่งรอเงียบๆ ลุงบัวและชายอีกสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เดินเข้าไปนั่งด้านในของห้อง ครู่นึงก็มีเสียงเปิดประตู
“รอน นี่พ่อเราเอง” แพทบอก ผู้ชายร่างสูง ใส่แว่นตาขอบทองเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกางเกงขายาว ใบหน้าเรียบเฉย
“สวัสดีครับ” รอนยกมือไหว้ …
“เป็นยังไงบ้าง”พ่อของแพทถาม
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับ แผลไม่ลึก” รอนตอบ
ทั้งคู่มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร … แล้วรอนก็ยกมือไหว้อีกครั้ง
“ผมขอโทษคุณพ่อด้วยครับ ที่เกือบทำให้แพทได้รับอันตราย”
“รอน เธอขอโทษทำไม … เธออุตส่าห์ช่วยเราจนบาดเจ็บนะ”แพทร้องขึ้นแต่พ่อของเธอยกมือห้ามไว้และพยักหน้าให้รอน
“ว่าไป”
“ผมควรจะเอะใจตั้งแต่แรกแล้วที่แพทบอกว่าทุกวันต้องโทรให้พ่อบ้านมารับ … ถ้าเป็นว่าทางบ้านเป็นห่วงมาก ทำไมไม่ให้คนมารับตั้งแต่ที่โรงเรียนทั้งที่ระยะทางจากโรงเรียนมาถึงปากซอยไกลกว่าแท้ๆ แบบนี้แปลว่าจากปากซอยเข้าไปที่บ้านอาจจะไม่ได้ปลอดภัย100%”
“ตอนที่เกิดเรื่อง แถวนั้นมีร้านค้าหลายร้าน ถ้าผมดึงแพทเข้าไปหลบในนั้นเราจะมีเวลามากกว่านี้ และเจ้าของร้านหรือคนละแวกนี้จะโทรแจ้งตำรวจ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องของตนเอง ไม่ใช่การเกิดเรื่องบนถนนซึ่งไม่มีใครแจ้งตำรวจแบบนี้”
“และตอนที่ฝ่ายนั้นจะเอาเงิน ถ้าผมรีบโยนกระเป๋าเงินให้เร็วๆกว่านี้ เราก็จะมีเวลามากกว่านี้”
พ่อของแพทพยักหน้า มีรอบยิ้มที่มุมปากและสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้น
“เธอยังเป็นแค่เด็กม.ต้นเท่านั้น อย่าคิดมากเลย … และลุงต้องขอบใจเธอมากที่ช่วยแพทไว้ … แพทเล่าเรื่องของเธอให้ลุงฟังตั้งแต่วันก่อนแล้วเรื่องที่เธอช่วยติวให้จนทำข้อสอบได้”
“ครับ”
“แล้วว่าแต่เราจะแจ้งความหรือเปล่า … โดนทำร้ายจนเลือดออกฟกช้ำแบบนี้ แล้วได้โทรบอกที่บ้านรึยัง”
“ยังไม่ได้บอกครับ … คือผมเห็นที่ลุงบัวจัดการ ผมว่าไม่ต้องแจ้งความก็ได้ครับ อีกอย่างผมไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วง” รอนตอบ “แล้วเดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ “
ลุงบัวซัดพวกนั้นเสียจนเละไปหมด หากแจ้งความขึ้นมาก็อาจจะเป็นเรื่องได้
นี่ไม่นับว่าถ้าแผลของเขาหายจนหมดจากสกิลรักษาตนเอง ตอนไปแจ้งความเดี๋ยวก็จะเจอว่าแจ้งความเท็จเอาได้
“ไม่นั่งพักสักครู่ก่อนรึ” พ่อของแพทถาม
“พอดีผมมีธุระน่ะครับ เดี๋ยวเย็นไปร้านจะปิดเสียก่อน”
“ร้านอะไรเหรอ … ร้านเกม?” แพทถาม … นึกถึงชื่อเสียงของรอนที่ติดเกมแบบสุดๆของรุ่น
“อ๋อ เปล่าหรอก พอดีเราจะไปร้านทองให้เค้าตีราคาให้หน่อยน่ะ”รอนตอบเด็กสาว
ทุกคนเงียบกันหมดเมื่อฟังคำตอบของรอน
“รอน … คือ บ้านเราเป็นร้านทองด้วยนะ เธอลืมไปแล้วเหรอ” แพทติง
“งั้นขอลุงดูเหรียญของเธอหน่อย” พ่อของแพทบอก รอนล้วงเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะส่งเหรียญทองอันเล็กยื่นให้ พ่อรับไปส่องดู กะน้ำหนักด้วยมือก่อนจะส่งให้ชายที่ยืนด้านหลัง
“เอาให้ช่างตีราคาให้ด้วย”
ชายคนนั้นรับแล้วเดินไป
“ช่วงนี้พ่ออยากให้เลิกเรียนแล้วแพทกลับบ้านเลย ช่วงเดือนนี้พ่อจะให้บัวไปรับส่งที่โรงเรียนไปก่อน”
“แต่ … พ่อคะ หนูขอให้รอนเค้าติวสรุปเนื้อหาบทเรียนทุกวันแล้วนะคะ”
“เราเปลี่ยนเป็นตอนพักเที่ยงก็ได้นะ” รอนเสนอ
“ก็ให้รอนติวเหมือนเดิมแล้วก็เดินไปส่งที่ปากซอยแบบเดิมก็ได้นี่คะ มากันสองคนไม่เป็นไรอยู่แล้ว”
… รอนยิ้มแหยๆ แพทคงลืมไปว่าวันนี้ก็มากันสองคนและเขาเจอกระทืบเละเลย ถ้าไม่ใช่ว่าแพทช่วยป่านนี้คงหนักกว่านี้แล้ว พ่อแพทหันมามองแล้วถาม
“ว่าไงรอน”
“วันนี้เราก็มากันสองคนนะแพท” รอนย้ำ เด็กสาวนึกได้และไม่ได้ตอบอะไร
“งั้นเอาแบบนี้ … ลูกก็ติวหนังสือที่ห้องสมุดโรงเรียนไป แล้วตอน5โมงเย็นให้บัวไปรับลูกที่ห้องสมุด”
ความจริงรอนแปลกใจนิดหน่อย … เขาเข้าใจอยู่ว่าแพทมีปัญหาบางอย่างทำให้ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ แต่ด้วยฐานะของทางบ้านระดับนี้ ไม่น่ามีปัญหาอะไรถ้าหากจะจ้างครูพิเศษสักคนมาช่วยสอนตอนเย็น
… ความจริงรอนยังคิดได้อีกหลายวิธี เช่นใช้วีดีโอคอลโทรติวคุยกันผ่านอินเตอร์เนทซึ่งไม่ได้ยากอะไรแถมติวได้แบบไม่ต้องกลัวมืดด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาคิดว่าแพทน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างจึงไม่พูดออกไป
ไว้ถามหลังจากพ่อแพทไม่อยู่แล้วกัน
“เดี๋ยวเธอพักก่อนสักครู่แล้วกัน แล้วสักครู่เดี๋ยวลุงให้คนขับรถไปส่ง” พ่อของแพทบอก “จะนั่งดูทีวีหรือดื่มอะไรในตู้เย็นนี่ก่อนก็ได้”
รอนขอบคุณคุณพ่อของแพท คุณพ่อเดินกลับออกไป ส่วนลุงบัวเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ตรงมุมห้องแล้วนั่งอ่านโทรศัพท์มือถือ เด็กชายเด็กสาวนั่งตรงโซฟา รอนดูจนเห็นว่าลุงบัวไม่ได้สนใจมาทางนี้แล้วถามเด็กสาว
“แพท … ถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไรเหรอ”
…
…
…
…
“ไม่ดีกว่า” รอนบอก
คิดไปคิดมา ถ้าแพทไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากเองแล้วเขาไปถาม มันคงไม่ค่อยเหมาะ … รอให้เธออยากบอกแล้วพูดออกมาเองจะดีกว่า
“หืมมมมมมม” แพทจ้องหน้ารอนอย่างสงสัย ….ก่อนที่จะหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ
“เดี๋ยวเราขอตัวก่อนนะ”
โดยไม่รอคำตอบ เด็กหญิงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้รอนอยู่กับลุงบัวและลูกน้องอีกคน … รอนอ้าปากค้างก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ …
‘แพทหน้าแดงก่ำแบบเมื่อกี้ สงสัยจะโกรธอะไรแน่ๆ …. รู้งี้ไม่เอ่ยปากแต่แรกก็ดี …พูดว่าจะถามแล้วไม่ถามเป็นใครก็ต้องโกรธแหงๆ ‘
เขานั่งพักสักครู่นึง หยิบน้ำหวานในตู้เย็นออกมากิน
[Fully Recovery]
[45/45]
จริงสินะ เขาลืมไปว่าถ้ากินอาหารก็จะช่วยให้พลังชีวิตฟื้นขึ้นมาได้เหมือนกัน
กำลังนึกอยู่ว่าจะกลับบ้านเลยหรือไม่ พ่อของแพทก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“รอน …เหรียญทองเมื่อสักครู่นี้หนัก1บาทนิดๆ แต่ว่าเปอร์เซนต์ทองคำต่ำกว่าทองคำแท่งนิดนึง ลุงให้ราคาที่20000บาทเอาไหม”
“ตกลงครับ”
“แล้วจะเอาเป็นเงินสดหรือเป็นส่งเข้าบัญชีดี” พ่อของแพทถาม
“เอาเป็นเข้าบัญชีดีกว่าครับ” รอนตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก … เขาไม่อยากพกเงินเดินไปไหนมาไหน กลัวจะเจอปล้นเอา
“ได้ งั้นลุงขอเลขที่บัญชี เดี๋ยวจะได้โอนไปให้”
รอนเปิดกระเป๋าเงินแล้วเอากระดาษจดเลขที่บัญชีออกมาส่งให้พ่อของแพท … ชายวัยกลางคนรับไปก่อนจะกดในโทรศัพท์มือถือ … เขามองชื่อบัญชีที่เป็นชื่อของรอนก่อนจะกดส่งเงินเข้าไปให้ … สักครู่เสียงข้อความเตือนว่ามีเงินเข้าก็เข้าที่มือถือของรอน
“ขอบคุณครับคุณลุง” รอนยกมือไหว้ “แล้วผมว่าเดี๋ยวผมจะขอตัวกลับบ้านเลยน่ะครับ”
“ได้ๆ เดี๋ยวลุงให้คนขับรถไปส่ง”
รอนนั่งรถไปลงที่ใกล้ปากซอยบ้าน หลังจากลงรถเขาก็ไปกดเงินออกมา3000บาท จากนั้นเข้าไปในร้านค้าปลีกใกล้ๆ
1000 บาทแรก ซื้อนมผงขนาด2.5กิโลกรัม
รอนเดินไปที่ชั้นที่มีนมผงตั้งเรียงราย … เขาดูไม่ออกว่าแต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง เลยกะๆเอาว่าเด็กทารกที่เขาเห็นโรล่าตักน้ำข้าวให้ดื่มอายุน่าจะ6-7เดือน
รอนเอื้อมมือไปหยิบนมผงสำหรับเด็ก6เดือนขนาดซองใหญ่สุดออกมา มองราคาที่แพงกว่าข้าวสารหักที่ซื้อทั้งกระสอบไปวันก่อนแล้วถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก…กำลังจะเดินต่อไปรอนก็รู้สึกได้
[ท่านรับรู้ได้ว่ามีคนเฝ้ามองอยู่]
เด็กหนุ่มหันควับไป… ผู้หญิงคนนึงจ้องมาทีนมในมือเขาเขม็ง
“ทำไมไม่ให้กินนมแม่คะ”
“ครับ?!?!?”
“ทำไมต้องใช้นมผง”หญิงคนนั้นถาม”ทำไมไม่ให้เด็กกินนมแม่”
“อ๋อ คือแม่เด็กป่วยครับ ไม่มีน้ำนม”
หญิงคนนั้นจ้องมองอย่างไม่ลดละ “ความจริงถ้าพยายามดีๆยังไงก็ต้องมีน้ำนมนะคะ … เชื่อเถอะอย่าให้เด็กกินนมผงเลย”
รอนมองนมในมือและผู้หญิงตรงหน้าสลับไปมา ก่อนจะตัดสินใจซื้ออยู่ดี เพราะสภาพของทารกที่ขาดอาหารที่หมู่บ้านโอลเซ่นยังติดตาเขาอยู่
[คุณรับรู้ถึงจิตสังหาร]
รอนขนลุกเกรียวขึ้นรีบมองไปรอบตัวว่ามีใครกำลังจะสู้กันหรือไม่ … แต่นอกจากเขา หญิงคนนั้น(ที่ยังจ้องมาอย่างน่ากลัว)และพนักงานในร้าน ก็ไม่ยักกะมีใคร
[คุณยังรับรู้ถึงจิตสังหาร]
แปลกดีแฮะ … หรือว่าสกิลจะผิด
[คุณยังรับรู้ถึงจิตสังหาร]
รอนตัดสินใจปิดสกิลที่แจ้งเตือนและเดินออกมาพร้อมถุงนมผงในมือท่ามกลางสายตาอันไม่เป็นมิตรของหญิงคนนั้น …. สกิลผิดแหงๆ
200 บาทต่อมาเขาซื้อค้อนหงอน … ค้อนแบบที่มีที่งัดตะปูตัวที่ดูแข็งแรงที่สุดในร้าน เขาเอามาแทนมีดที่ขายไป ด้วยเหตุสองประการ
หนึ่งคือมีดที่ซื้อมา20บาท มีขนาดสั้นไป เวลาจะฟันแทงบราวนี่ที่พื้นต้องก้มตัวเยอะ
สองคือหากจะใช้มีดสแตนเลสที่ยาวขึ้น ก็อาจจะไม่เหมาะ เพราะแม้ว่าสแตนเลสจะแข็ง แต่ก็มีความเปราะ โดยเฉพาะหากยาวเกินไปแล้วฟันแรงมากๆ ก็อาจจะหักได้
รอนเลยเปลี่ยนมาใช้ค้อนที่มีด้ามยาวหน่อย และเลือกแบบค้อนหงอน เพื่อว่าเวลาต่อสู้ก็จะใช้ด้านที่งัดตะปูในการสู้ได้
จากนั้นเดินไปที่ร้านอาม่าหน้าปากซอยบ้าน
“อาม่าครับ อาม่ายังมีไม้ง่ามหนังสติ๊กไหมครับ” รอนถามอาม่าร้านขายของชำ
อาม่านึกนิดนึงก่อนจะพยักหน้า … ปีที่แล้วอาม่าสั่งไม้ง่ามมาขายให้เด็กนักเรียนประถม แต่ปรากฎว่าโรงเรียนมีประกาศห้ามเด็กนักเรียนซื้อไม้ง่ามมาเล่นเพราะกลัวจะเกิดอันตราย เลยกลายเป็นว่าของที่สั่งมาขายไปได้แค่นิดเดียว
“งั้นผมขอเหมาทั้งหมดเลย อาม่าจะขายเท่าไหร่ครับ”
อาม่าดึงกล่องออกมา ในถุงพลาสติกใส มีถุงพลาสติกใส่ไม้ง่ามแยกไว้เป็นถุงๆ ถุงละสิบอันรวมสามถุง และยางสำรองอีกมัดนึง
“ชิ้นละห้าสิบ … สามสิบไม้ … พันห้า ….งั้นอาม่าขายเราพันนึงแล้วกัน ยังไงก็ขายไม่ออกอยู่แล้ว” อาม่าบอก
รอนยื่นเงินให้อาม่า1500บาท …แล้วปฏิเสธเงินทอน …
เงินที่ได้มา เขาก็เอาไปซื้อของเพื่อแจกจ่ายช่วยคนในโลกโน้นมากกว่านี้ตั้งเยอะ
ดังนั้นกับคนทางโลกนี้เขาก็ไม่อยากเอาเปรียบอะไรเหมือนกัน
อาม่ายกถุงพลาสติกให้รอนไป เด็กหนุ่มรับมาถือไว้และเดินกลับเข้าบ้าน
ที่บ้านของแพท พ่อบ้านยืนอยู๋เบื้องหลังพ่อของแพทที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน
” นายว่าเด็กคนนี้เป็นยังไงบ้าง ”
“ผมคิดว่าเด็กคนนี้ไม่น่ามีพิษภัยอะไร … ตอนที่เขาสู้กุ๊ย5คนนั่น เห็นชัดเจนว่าเขาไม่มีประสบการณ์การสู้กับคนเท่าไหร่” ลุงบัวบอก
“แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ จะกล้าสู้กับคน5คนเลยรึ”
“คนที่กล้าสู้แบบนั้น มีหลายแบบครับ…..มีทั้งคนมีฝีมือ และคนไร้ฝีมือที่ไม่รู้จักประมาณตนเอง” ลุงบัวตอบ “แต่จากที่เห็น ถึงเด็กคนนี้จะไม่มีฝีมือ แต่เขาก็พอจะมีความกล้าอยู่บ้าง”
… พ่อของรอนพยักหน้า
“แล้วที่นายถามเรื่องโอนเงินกับเลขที่บัญชีนั่น …” พ่อบ้านถาม
“เวลาคนเอาทองมาขาย … เราก็ต้องประเมินว่าทองที่ว่ามันมาจากไหน” พ่อของแพทตอบ ” ถ้าที่มาของทองไม่สุจริต คนขายมักจะอยากได้ตัวเงินสดมากกว่าเพราะเวลาโอนเงินเข้าบัญชีจะเหลือหลักฐานเส้นทางเงินให้เห็น …”
“งั้น ….”
” ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งที่มาสุจริต หรือทุจริตก็ได้ … อย่าลืมว่าเด็กม.ต้นยังไม่ได้ทำงาน ที่มาของทองก็มาจากในบ้านเท่านั้น”
พ่อบ้านบัวพยักหน้ารับและจดจำเอาไว้ ….เขาคงต้องสังเกตเด็กคนนี้ไว้บ้างเหมือนกัน
…
แต่อย่างหนึ่งที่พ่อบ้านบัวไม่เข้าใจ …
ทำไมนายถึงรู้ว่าทองที่เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังส่งให้คือ”เหรียญทอง” ทั้งๆที่เด็กคนนั้นยังไม่ได้พูดถึงคำว่า “เหรียญ”สักคำ?