Midterm Fantasy - ตอนที่ 203
ระยะทางจากโกดังท่าเรือและบ้านของแพทห่างกันไม่มาก ไม่กี่นาทีเด็กหนุ่มสาวทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าบ้าน แพทกดเปิดประตูด้วยลายนิ้วมือ ประตูข้างรั้วเปิดอ้าออก
“กลับมาแล้วเหรอครับคุณหนู สวัสดีครับคุณรอน” พ่อบ้านชายสองคนที่เฝ้าตรงประตูโค้งคำนับให้ทั้งคู่
“นั่นรถใครน่ะ” แพทถาม ชี้ไปทางลานจอดที่มีรถจอดเพิ่มมาอีกคัน
“พวกเราไม่รู้จักครับ แต่เห็นว่ามาด้วยกันกับนายผู้เฒ่าทั้งสอง” พ่อบ้านคนนั้นบอก
แพทพารอนเดินเข้าบ้านไป ภายในห้องรับแขกมีแม่บ้านยืนรออยู่
“คุณพ่อล่ะพี่แคท”
“คุณผู้ชายอยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ” แม่บ้านตอบ
“งั้นรอนอยู่นี่ก่อน เดี๋ยวเราไปหาพ่อแป๊บนึง” เด็กสาวตอบแล้วก็เดินไป
รอนนั่งที่ห้องรับแขก มองไปรอบๆดูบ้านที่เพิ่งรีโนเวทใหม่หลังถูกโจมตี
จะว่าไปบ้านใหญ่แบบนี้แต่มีคนอยู่ไม่กี่คนมันก็เหงาจริงๆ แพทอยู่กับพ่อแค่สองคน นานๆทีคุณตาคุณยายถึงจะมาเยี่ยม แถมแพทก็ชอบบ่นบ่อยๆเรื่องคุณแม่ที่จากไป
บ้านนี้คงจะเหงาน่าดู
เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินวนไปมาในห้อง มองดูนั่นนี่ฆ่าเวลา เขาเดินไปที่โต๊ะดูรูปครอบครัวของแพท รูปพ่อแม่ลูกเก่าๆที่ถ่ายไว้ตั้งแต่สมัยประถม รูปคุณตาคุณยาย และที่กลางโต๊ะ มีรูปขาวดำใส่กรอบใหญ่ ที่ใต้รูปเขียนชื่อไว้ว่า ‘อารยา’
รูปถ่ายขาวดำอัดกรอบคุณแม่ของแพทตั้งที่โต๊ะนี้เห็นเด่นชัดเช่นเดิม ที่ต่างออกไปนิดนึงคือมีพวงมาลัยมะลิวางอยู่2พวง และมีน้ำแดงใส่น้ำแข็งแก้วหนึ่ง รอนเอื้อมมือไปจับแก้ว
“อ๊ะ อย่าค่ะ นั่นพวกมาลัยกับน้ำแดงของคุณผู้หญิง” แม่บ้านบอก “ถ้าคุณรอนหิวน้ำเดี๋ยวชั้นไปเอามาให้ค่ะ”
“อ๋อ ครับๆ” รอนถอยมือออก เกือบเสียมารยาทไปซะแล้ว
“อ้อ แล้วคุณตาคุณยายของแพทมาทำไมเหรอครับ” รอนถามดู
“เห็นว่าจะเชงเม้งแล้ว ทั้งสองท่านจะไปหลุมฝังศพลูกสาวที่ต่างจังหวัดก็เลยแวะมาที่นี่ก่อนน่ะค่ะ” แม่บ้านบอก “งั้นเดี๋ยวชั้นไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
รอนยืนมองภาพเหล่านั้นแล้วคิด ที่ผ่านมาแพทคงจะเหงามาก ต้องอยู่บ้านกับพ่อแค่สองคน นอกนั้นก็มีแต่พ่อบ้านแม่บ้าน ไม่แปลกเลยที่แพทจะสนิทกับลุงบัวขนาดนั้น
ถ้าเทียบกับเขาที่อยู่กับพ่อแม่ครบ ไม่ทำให้รู้สึกเหงาเลย
จะว่าไปคุณเจนัส ก็คงจะเหงาแบบนี้เหมือนกันนี่นะ ไม่มีคุณพ่อคุณแม่ มีแต่เจนกับแจน
โรล่าที่อยู่ที่โลกโน้นก็มีแต่ตาเบรเซอร์ที่เลี้ยงอยู่
เดี๋ยวนะ แล้วจะนึกถึงคุณเจนัสกับโรล่าทำไมเนี่ย
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าจะอยู่ใกล้ๆแพท ไม่ทำให้เค้าต้องกังวลหรือเหงาเลย”
รอนยกมือไหว้ที่รูปภาพขาวดำตรงหน้า
[คุณรับรู้ได้ว่าถูกเฝ้ามอง]
สงสัยแม่บ้านแคทจะเอาน้ำกลับมาแล้ว รอนหมุนตัวกลับจะรับน้ำ
“ขอบคุณครับ………….”
ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังรอนกำลังจ้องมาที่เขา
ใบหน้านี้มัน
เหมือนคนในรูปภาพ
แม่ของแพท!!!!!
“เธอชื่อรอนสินะ ขอบใจนะที่ช่วยเป็นเพื่อนกับแพทมาตลอด” แม่ของแพทบอก
รอนอ้าปากพะงาบๆงับอากาศ นี่มันกลางวันแสกๆนะ และระหว่างที่รอนกำลังอ้าปากค้างอยู่นั้นเอง แม่ของแพทก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำแดงขึ้นมาดื่ม
ดื่มของไหว้ได้ด้วย อ้ากกกกกก
ขณะที่รอนกำลังงงไปหมดนั้นเอง แม่บ้านก็เดินเข้ามา
“ได้น้ำแล้วค่ะคุณรอน” แม่บ้านแคทวางถาดลง “คุณผู้หญิงจะรับน้ำแดงเพิ่มอีกไหมคะ”
“ไม่ล่ะแคท แค่นี้พอแล้ว” แม่ของแพทบอกก่อนจะกระดกแก้วต่อ
“ห๊ะ คุณแม่บ้านเห็นคุณแม่ของแพทด้วยเหรอครับ” รอนร้องอุทานอย่างตกใจ
“???”
“???”
รอนมองสลับไปมาระหว่างรูปถ่ายและหน้าแม่แพท ส่วนคุณแม่ของแพทก็มองรูปถ่ายตัวเอง มองพวงมาลัยกับแก้วน้ำแดง
พรวดดดดด ซู่
แม่พ่นน้ำแดงเต็มหน้ารอนก่อนจะหัวเราะออกมาเต็มที่ แม่บ้านแคทกลั้นขำเต็มที่แล้วยื่นกระดาษทิชชูให้รอนซับน้ำ
“วิทวัส!” แม่ของแพทตะโกนกลับไปด้านหลัง
“ไงคุณ” พ่อของแพทตะโกนกลับมา
“บอกแล้วไงว่าให้เอารูปนี้ออก หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นรูปสีที่เล็กลงมาหน่อย ชั้นว่าแล้วว่าสักวันต้องมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรูปคนตาย” แม่แพทบอก
“ไหน ไหน ใครกันบังอาจคิดแบบนั้น” คุณวิทวัสก้าวลงมา “อ้าว รอนเรอะ!”
เขามองไปที่รอนสลับกับโต๊ะที่วางรูป พวงมาลัยสองพวงกับน้ำแดงวางได้มุมพอดี เออ..เหมือนจริงๆแฮะ
“เอ่อ งั้นเอางี้ เดี๋ยวคุณถ่ายภาพใหม่ เดี๋ยวผมอัดกรอบใหญ่ๆแขวนผนัง”
“ชั้นบอกแล้วไงว่าเอาเป็นรูปครอบครัวธรรมดาก็ได้”
“ได้ยังไงเล่า ปีๆนึงคุณกลับมาไม่กี่วัน ผมก็อยากเห็นรูปคุณชัดๆในบ้านมั่งสิ”
สองสามีภรรยาเถียงกันไปกันมาจนรอนเริ่มจะนึกออก
“ขอโทษด้วยครับที่เข้าใจผิดไป ก่อนหน้านี้เห็นแพทบ่นเรื่องที่คุณแม่ไม่อยู่… แล้วผมได้ยินเรื่องจะไปเชงเม้งลูกคุณตาคุณยาย” รอนบอก
“อ๋อ แม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ ปีนึงจะกลับมาครั้งเดียวน่ะจ๊ะ เรื่องลูกคุณตาคุณยาย ก็หมายถึงพี่สาวแม่น่ะจ๊ะ”
“แล้วพวงมาลัยนี่ …”
“ก็ไปต่างประเทศตั้งนาน กลับมาเจอคุณตาคุณยายของแพทเค้าปีละครั้ง ก็เลยซื้อพวงมาลัยมากราบท่านน่ะ เมื่อกี้ก่อนเข้าไปคุยในห้องท่านคงจะวางเอาไว้”
รอนยิ้มแห้งๆอย่างอับอายที่เข้าใจผิดขนาดนี้ เขาอายม้วนต้วนจนทำอะไรไม่ถูก
“อ้าว รอน แม่ เจอกันแล้วเหรอ” แพทเดินออกมาจากห้องหนังสือ “รอน นี่แม่เราไง … แม่คะ นี่รอนที่หนูเล่าให้ฟังบ่อยๆไงคะ เขาคอยอยู่ใกล้ๆ หนูเลยไม่เหงาไม่กังวลอะไรเลย”
รอนม้วนต้วนไปอีกรอบเมื่อแพทพูดประโยคเดียวกับที่เขาเพิ่งพูดกับรูปภาพแม่แพทไปตะกี้ แม่ของแพทลืมตาโตนิดนึงแต่ไม่พูดอะไร
“อ้อ รอน ไปที่ห้องเราหน่อย ช่วยยกของให้เรานิดนึง” แพทบอกพลางขยิบตาเพราะตอนนี้ใกล้เวลาเที่ยงที่ทั้งสองจะต้องข้ามไปอีกโลกนึงแล้ว จะได้เอาของออกจากแหวนเก็บของข้ามมิติได้
ทั้งคู่ขึ้นชั้นสองไป ขณะที่วิทวัส อารยา และคุณตาคุณยายลงนั่งที่ห้องรับแขก วิทวัสโบกมือให้แม่บ้านไปที่อื่นก่อนจะคุยกัน
“คุณว่าลูกเราจะรู้ไหมว่านายรอนข้ามมิติไปที่โลกโน้นได้” อารยาถาม
“ผมคิดว่ารู้นะ ไม่งั้นคงไม่ดึงให้หลบพวกเราในตอนใกล้เที่ยงวันแบบนี้” วิทวัสตอบ “หรือคุณคิดว่าเราไม่ควรให้ลูกใกล้ชิดนายรอน”
อารยาส่ายหน้า
“ความเห็นชั้น ชั้นคิดว่านายรอนเป็นคนดี อย่างตอนที่เขาไปช่วยหมอที่รู้จักกันจากผู้ก่อการร้ายนั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ระดับนึง” อารยาตอบ “ตอนที่ชั้นเข้าไปในพื้นที่ ลองถามเหตุการณ์จากคนที่นั่นก็รู้ว่านายรอนพยายามช่วยคนโดยให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด คนที่เห็นความสำคัญของชีวิตและยินดีช่วยคนรู้จักแบบนั้นไม่น่าเสียหายอะไรนะ”
ถ้าหากนายร้อยรุสลานที่พบกับรอนที่ชายแดนมาเห็นหน้าอารยาในตอนนี้ ก็คงจะจำได้ในทันที เพราะแม่ของแพทก็คือหัวหน้าทีมแพทย์ที่พบกันที่ชายแดนในวันนั้น
“อ้อ แล้วคุณพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้เจ๊หวงเป็นยังไงบ้าง” แม่ของแพทถามถึงอาม่าร้านชำขึ้นมา