Midterm Fantasy - ตอนที่ 208
ที่หน้าหลุมฝังศพที่ตั้งหันหน้าไปยังทะเล คุณตาคุณยายของแพทกำลังเช็ดถูป้ายหลุมศพ ขณะที่แม่ของแพทกำลังกวาดใบไม้มารวมกัน
“สามสิบปีแล้วสินะ” คุณตาพูดขึ้น
“ค่ะ สามสิบปีแล้ว” อารยาตอบ
“อารยาไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่นะ พ่อกับแม่สบายดี มีคนดูแล มีหลานที่น่ารักและครอบครัวที่อบอุ่น” คุณยายพูดไปทางหลุมศพ ป้ายหน้าหลุมศพมีรูปถ่ายเด็กสาวและชื่อเป็นภาษาจีน ไม่มีชื่อภาษาไทยอยู่
แม่ของแพทจ้องมองไปที่หลุมฝังศพตรงหน้า
เมื่อแรกที่ข้ามมาที่โลกใบนี้ เธอพบว่าตนเองตกมาอยู่ในเมืองใหญ่ของมนุษย์ นอกจากเจ๊หวงร้านขายของชำแล้ว อารยาเป็นเด็กผู้หญิงที่เธอได้รู้จัก ด้วยโชคชะตาอะไรบางอย่างทำให้เธอได้สนิทสนมกันจนถึงขนาดรู้จักกับครอบครัวพ่อแม่ของอารยา
วันเวลาผ่านไป เรื่องต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
พยายามหาเงินและของข้ามไปโลกโน้นด้วยร้านขายของชำของเจ๊หวง
รับรู้เรื่องที่ร้านทองของพ่อแม่อารยาเจอแก็งคุกคาม
ได้เจอนักรบมังกรของฝ่ายตรงข้ามที่โผล่มาที่โลกนี้ด้วยและได้ต่อสู้กัน จนค่อยๆเปลี่ยนเป็นเข้าใจกันและรักกัน
พยายามสู้กับแก็งใต้ดินในโลกนี้
จนกระทั่งวันหนึ่งแก็งทำการข่มขู่ห้างร้านที่ไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง ด้วยการโจมตีครอบครัวของคนที่พยายามขัดขืน
ครอบครัวที่ถูกโจมตีนั้นคือครอบครัวของอารยา
ในตอนนั้นเธอพยายามช่วยทั้งสามคนออกจากวงล้อม ใช้เวทมนตร์จนหมด แต่อาการบาดเจ็บของทั้งสามรวมทั้งตัวเธอเพียบหนักมากจนกระทั่งอารยาทนอาการบาดเจ็บไม่ไหว
ก่อนจะเสียชีวิตไป อารยาคิดออกมาได้ว่าน่าจะให้ตัวตนของเธอกับอารย่า เพื่อที่พ่อและแม่จะได้มีคนดูแลและอารย่าจะได้อาศัยในโลกนี้ได้อย่างไม่มีใครสงสัย
หลังจากรับเอาตัวตนมาแล้วอารยาก็ทำอะไรมากไม่ได้ เธอและวิทวัสสละศิลานักปราชญ์ ตัดขาดจากโลกฝั่งโน้นไปแล้ว โลกในฝั่งนี้ปราศจากมานา ทำให้เมื่อใช้พลังเวทไปแล้วก็จะหมดไปไม่ฟื้นกลับนอกจากจะใช้แกนมอนสเตอร์ซึ่งก็มีจำกัด
แก๊งเมษาก็พยายามค้นหาตัวจริงของเธอและวิทวัส ไล่ตามหาหลักฐานทุกทางที่มี อารย่าจึงตัดสินใจใช้คำสาปปิดความทรงจำของเจ๊หวงให้จำเธอและเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ปิดบ้านแล้วปล่อยเช่า จากนั้นก็ละทิ้งชื่ออารย่า มาเป็นอารยาอย่างเต็มตัว
ตู๊ดๆๆ
อาม่ายกโทรศัพท์มือถือขึ้นรับ
“ฮาโหล นั่นใคร” อาม่าถาม
“เจ๊หวง นี่อารย่าเองนะคะ” อารยาพูด “เจ๊หวงจำได้หรือเปล่าคะ”
“ฮ่าๆ ทำไมจะจำไม่ล่าย” อาม่าตอบ “ลื่อหายไปตั้งนานเลยนะ”
“ค่ะ สามสิบปี พอดีหนูกลัวว่า…”
“เจ๊รู้ เจ๊รู้ ที่ลื่อทำไปก็เพราะหวังดี” อาม่าบอก “เจ๊เห็นน่า ทุกเดือนมีเงินส่งเข้ามาให้ในบัญชีตลอด ลื่อใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ค่ะ” อารยาบอก “ตอนนี้หนูได้แกนมอนสเตอร์เพิ่มจากรอน ถ้ารวบรวมได้เยอะพอก็จะใช้เวทมนตร์ได้อีก ถ้าจัดการกับพวกแก็งเมษาได้หมด ต่อไปเราก็ไม่ต้องระมัดระวังตัวกันอีกแล้วนะคะ”
“อื้อ จะว่าไปเจ๊ก็เจอเค้าแล้วเหมือนกัน” อาม่าพูด “เจอกับลูกสาวลื่อด้วย โลกกลมจริงๆ …แล้วเจ้าแกนมอนสเตอร์น่ะ วันก่อนเห็นอยู่กับม้วนเวทกับหุ่นเหล็กที่ฝากไว้ จะเอาไหมล่ะ”
อารยาอมยิ้ม วิทวัสเล่าเรื่องที่แพทกับรอนไปที่ร้านเจ๊หวงให้ฟังแล้ว
“ไม่ล่ะค่ะ ม้วนเวทสามม้วนนั่นเอาไว้ให้เจ๊ป้องกันตัว ส่วนหุ่นเหล็กฝากเอาไว้ก่อนแล้วกันค่ะ ถ้าจบเรื่องแล้วค่อยหาเวลาทุบกำแพงเอาออกมา …นี่เจ๊กำลังไปไหนหรือเปล่าคะ เสียงดังจัง”
“ไปสุสานน่ะ นั่งกันมาหลายคน”
อาม่าบอกและยิ้ม มองไปข้างขวา รอน เจนัส เจน แจน นั่งอัดกันอยู่ข้างๆนี่เอง
รถยนต์แล่นไปตามถนนอย่างไม่เร็วนัก พ่อของรอนที่นั่งหลังพวงมาลัยมองเส้นทางด้านหน้าอย่างตั้งใจ
“นั่งกันได้ไหม”
“ได้ครับพ่อ” รอนบอกโดยมีเจนัสหน้าแดงเรื่อๆอยู่บนตัก
“ทุกปีมากันแค่4คน เพิ่งจะมีปีนี้แหละที่ครึกครื้นขนาดนี้” แม่บอก
ทุกปีครอบครัวของรอนจะมากับอาม่ารวมกัน 4 คน แต่มีปีนี้ที่เพิ่มเอาสามสาวเข้ามา
แน่นอนว่าอาม่านั่งที่ด้านซ้ายสุด เจนกับแจนนั่งตักกันอยู่ที่ขวาสุด ส่วนตรงกลางนั่นรอนเป็นคนนั่งโดยให้เจนัสนั่งตักเอา
ตอนแรกแม่ของรอนก็กะจะไปนั่งหลัง แต่ว่าเมื่อคิดถึงว่าต้องให้ผู้หญิงนั่งอัดกันนั่งตักไปตลอดทางก็เปลี่ยนใจให้รอนไปนั่งแทน
ในสายตาของพ่อและแม่ รอนยังเป็นเด็ก ให้ผู้หญิงอายุมากกว่า10ปีมานั่งตักไม่น่าจะผิดปกติอะไร
“พ่อ ระวังรถขวา” แม่ทัก เพราะที่ขวามือมีมอเตอร์ไซค์ที่ตีคู่มาเปิดไฟกระพริบเลี้ยวซ้าย กำลังเบียดเข้ามาโดยไม่สนใจเลยว่าในเลนข้างๆมีรถกำลังวิ่งอยู่
พ่อเหยียบเบรกเอี๊ยดดดดทันที
“ว๊ายยยย” ปั่ก
“มีใครเป็นอะไรไหม” แม่ถาม
“นิดหน่อยค่ะ” เจนลูบจมูกป้อยๆ มองพนักพิงด้านหน้าที่มีเครื่องสำอางแปะอยู่เป็นรูปหน้าของเธอ “พี่เจนัสล่ะเป็น….เอ่อออ”
เจนและแจนหันหน้าหนีไปอีกด้านทำไม่รู้ไม่เห็นกับตำแหน่งมือของรอน
“ข ข ข ขอโทษครับ” รอนพูดออกมาเบาๆพลางเลื่อนตำแหน่งมือลงมาอยู่ที่ระดับเหนือสะดือของหญิงสาวแทน
“ม ม ไม่เป็นไรจ๊ะ ขอบใจนะ ไม่งั้นคงกระเด็นไปกระแทกข้างหน้าแล้ว” เจนัสหน้าแดงเป็นลูกตำลึงก่อนจะสะดุ้งอีกทีแล้วขยับเอวเล็กน้อย “เอ่อ รอน คือ เธอช่วย..”
“ข ข ข ขอโทษครับ” รอนพูดเสียงสั่น “เจนัสนั่งนิ่งๆก่อนครับ อย่าขยับเอว”
ปึ้งๆๆ
“เฮ้ย ลงมาเว้ย”
“ขับรถภาษาอะไรวะ ไม่เห็นเหรอว่าคนเปิดไฟเลี้ยว”
สองคนบนมอเตอร์ไซค์ลงมาแล้วทุบรถ พ่อเปิดกระจกแง้มๆ
“ผมขับอยู่ดีๆ พวกคุณน่ะขับมาเทียบข้างแล้วเปลี่ยนเลนนะ”
“เฮ้ย นี่ดูถูกกันเหรอ คนขับมอเตอร์ไซค์ก็คนนะเว้ย รถกูเป็นรอย มึงจ่ายค่าซ่อมมาเลย5000ไอ้สัส ไอ้แก่อีแก่กับพวกเด็ก……” เสียงมันค้างอยู่แค่นั้นเมื่อมันหันไปมองคนที่นั่งอยู่หลังรถ
“อะไรวะไอ้แมน”
“ม ม ม พ่อมึงมา หนีเร็วไอ้สัส”
ไอ้แมนวิ่งหนี ขณะที่ไอ้แมนมองเห็นหน้ารอนแล้วขนหัวลุกเกรียว
“อ๊ากกกกกกก”
มอเตอร์ไซค์บึ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตก่อนจะพุ่งลงโค้งข้างทางลงไปในแม่น้ำ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะแม่”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเราไปกันเถอะ โน่น สุสานอยู่ข้างหน้าแล้ว”
พ่อกับแม่พูดงงๆ แต่ก็ไม่คิดอะไร เพราะเห็นชายสองคนนั้นทิ้งมอเตอร์ไซค์แล้วว่ายน้ำข้ามไปอีกฟากอย่างปลอดภัย
“ม มันไม่ตามเรามาใช่ไหม”
“ไม่ เรารอดแล้ว”
ไอ้วุธไอ้แมนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ารอนไม่ได้ตามมา หลังจากแก็งเมษาโดนทำลายโดยฝีมือรอนแล้วมันหลบลงท่อระบายน้ำหนีไปได้ มันก็มาพบว่านอกจากมันสองคนแล้ว เพื่อนร่วมแก็งทั้งหมดเจอจับขังคุกไม่ได้ออกมา
พอไปหางาน รับงานโชเฟอร์ให้คนที่ปล้นธนาคารที่ห้างใหญ่ คนที่จ้างก็เจอจับตาย
สำหรับพวกมันทั้งสองแล้ว รอนคือโชคร้ายที่สุดในชีวิตของพวกมัน
“หนีมาต่างจังหวัดยังมาเจอได้ …กลับเว้ย กลับเข้าเมือง ไม่เอาแล้วอาชีพปาดรถรีดไถค่าซ่อม กูจะไปแข่งซิ่งเอาดีกว่า” ไอ้วุธประกาศ