Midterm Fantasy - ตอนที่ 209
รอนยกของทั้งหมดลงจากท้ายรถแล้วแบกตามหลังทุกคนไปยังหลุมฝังศพ จากนั้นก็ทยอยวางของลง หลุมฝังศพของครอบครัวอาม่าอยู่ติดกับหลุมของครอบครัวเขา
“จะว่าไปปีหลังๆนี่คนดูน้อยลงเรื่อยๆ” พ่อพูดขึ้นมา
“คงเพราะบางบ้านลูกหลานไม่ได้มาด้วยแหละ” อาม่าบอก ทุกปีลูกๆอาม่าไม่ได้มาเยี่ยมหลุมศพในวันเชงเม้ง แต่แยกกันมาตามสะดวก
“สองหลุมโน้นดูสิ มีหลานเป็นผู้ชายอายุ20กว่าๆทั้งสองหลุม ไม่รู้หมดรุ่นพ่อแม่แล้วสองบ้านนี้ยังจะมาไม๊” แม่พูดขึ้นก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่หลุมขวาไปไหว้ที่หลุมซ้ายก่อนจะจูงมือชายหนุ่มที่หลุมซ้ายไปไหวหลุมศพบ้านตนแบบบรรยากาศชื่นมื่น
“เอ่อ …น่าจะมาต่อนะคะคุณแม่” เจนัสพูดขึ้น
“ดีเนอะ หนุ่มๆสมัยนี้” พ่อพูด “แต่เอาเถอะ ปีนี้พวกเราก็ครึกครื้นเหมือนกัน”
เจนัส เจน แจน ช่วยกันปัดกวาดทำความสะอาดรอบหลุมศพของบ้านอาม่าอย่างแข็งขัน ขณะที่รอนก็ช่วยพ่อกับแม่ปัดกวาดหลุมบ้านของเขา
“อาเจนัส มานี่หน่อยสิ” อาม่าเรียก “นี่หลุมศพอากง สามีอาม่าเอง”
“ค่ะ” เจนัสเดินเข้าไปแล้วไหว้
“ตาแก่ ที่อั้วเคยบ่นว่าไม่มีคนสืบทอดวิชา ตอนนี้ไม่ต้องห่วงแล้วนะ ตอนนี้อั้วได้หลานสาวคนใหม่มา จะให้อีสืบทอดวิชาข้างอั้วแทน ไม่ต้องไปวุ่นวายลูกหลานบ้านลื่อแล้วนะ” อาม่าพูด “นอนหลับให้สบาย อีกไม่นานอั้วก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
จากนั้นอาม่าดึงมือเจนัสไปที่อีกหลุมนึง
“ส่วนนี่หลุมนี้คือเตี่ยกับม๊าของอาม่า เจนัสคุกเข่าลงตามอาม่า”
อาม่าค่อยๆคุกเข่าลงช้าๆ เจนัสคุกเข่าลงตาม
“เตี่ย วันนี้อั้วพาหลานสาวมาไหว้เตี่ย ต่อจากนี้ไปเตี่ยไม่ต้องกังวลแล้วว่าวิชาของบรรพบุรุษจะไม่มีคนสืบทอดนะ” อาม่าพูด “อาเจนัส ต่อจากนี้ไปลื่อก็ใช้ชื่อเดิมแต่เปลี่ยนจากแซ่เฉินมาใช้แซ่หวง ต่อแต่นี้ไปก็ใช้ชื่อว่า หวงอิ้งเยวี่ย เอาล่ะ คำนับบรรพบุรุษซะ”
เจนัสก้มลงกราบที่หลุมฝังศพของพ่ออาม่าแล้วก็กราบอาม่า หญิงชราโอบกอดหญิงสาวที่กำลังน้ำตาซึมเอาไว้แล้วตบหลังเบาๆ ก่อนจะดึงมือไปหาพ่อแม่รอน
“เอาล่ะ ไหนๆก็แล้ว อาม่าถือโอกาสแนะนำตัวแล้วกัน ตอนนี้อาเจนัสเป็นหลานของอาม่า ชื่อว่า หวงอิ้งเยวี่ย ต่อแต่นี้ไปก็ฝากพวกเธอทั้งสามคนด้วย คนกันเอง คนกันเอง” อาม่าแนะนำ
“ยินดีด้วยครับอาม่า” “ยินดีด้วยค่ะอาม่า” พ่อกับแม่ของรอนรับไหว้เจนัส
ทั้งสองครอบครัวแกะปิ่นโตแล้วก็นั่งกินอาหารด้วยกันสองครอบครัว เมื่อกินเสร็จแล้วทั้งหมดก็นั่งพัก อาม่าเดินไปนั่งที่หลุมของสามี เจนแจนเข้าไปแจมกับข้าวบ้านรอน
รอนเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆที่เจนัสกำลังยืนอยู่ที่อีกด้าน
“ดูอะไรเหรอครับ” รอนถาม
“น่าอิจฉาเนอะ คู่นั้นน่ะ”หญิงสาวตอบพลางมองชายหนุ่มสองคนที่นั่งกินข้าวด้วยกันที่อีกหลุมนึงพร้อมกับครอบครัว
รอนและเจนัสมองดูคู่รักคู่นั้นเงียบๆครู่นึงจนชายสองคนนั้นมองเห็น หันมาหาและยิ้มโบกมือให้ เจนัสและรอนยิ้มตอบและโบกมือกลับ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆเลื่อนมือลงไปกุมมือของเด็กหนุ่ม
“รอน”
“ครับ”
“ชั้นรักเธอ”
หญิงสาวพูดออกไปสั้นๆแต่ชัดเจน ใบหน้าร้อนผ่าวใจเต้นระริกรัว การใช้ชีวิตที่เสี่ยงตายมาทั้งชีวิตทำให้หญิงสาวไม่ลังเลอีกแล้วที่จะบอกความในใจออกไป ทั้งสองจับมือกันไว้ รอนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ
“ชั้นรู้ ว่ารอนกับแพท สองคน… “ เจนัสบอก “แต่นี่คือความรู้สึกจากใจของชั้นจริงๆ”
“แต่ผม…”
“ชั้นยังไม่อยากได้คำตอบหรือคำอธิบาย” หญิงสาวบอก “แค่อยากรู้อย่างเดียว ถ้าไม่ต้องสนใจสิ่งใดหรือเรื่องไหนแล้วล่ะก็…”
“รอนรู้สึกยังไงกับเจนัส”
รอนหลับตาลงนึกอยู่อึดใจก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น
“เจนัสเป็นคนที่ผมอยากปกป้อง เป็นคนที่ผมรู้สึกดีเวลาอยู่ใกล้ เป็นคนที่สามารถต่อสู้เคียงค้างอย่างไว้ใจให้ระวังหลัง”
รอนเลื่อนมือเข้ากุมบีบมือเจนัสตอบ
หญิงสาวหันจ้องตา ลดใบหน้าลงช้าๆ ริมฝีปากอิ่มค่อยๆเลื่อนเข้าหาริมฝีปากของเด็กหนุ่ม หากแต่รอนค่อยๆยกนิ้วมือขึ้นแตะที่ปลายริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
“ทำไมล่ะ ชั้นอยากให้รอนได้รู้ ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของเราสองคนเป็นยังไง” เจนัสพูด
“ไม่จำเป็นหรอกครับ”เด็กหนุ่มยิ้ม “วันนั้นที่คุณใช้ร่างบังผมไว้จากกระสุน และที่ผมใช้เลือดตัวเองรักษาคุณ ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือครับ”
ทั้งรอนและเจนัสยิ้มให้กันและกัน ระหว่างทั้งคู่เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้ใจกันได้แบบไม่ต้องเอื้อนเอ่ย
“แต่…” รอนอ้าปากจะพูด
“แต่เธอรักแพทมากกว่าชั้นใช่ไหม” เจนัสสวนยิ้มๆ
“เรื่องนั้นน่ะ … คือผมรักแพทจริงๆนั่นแหละ แต่เรื่องใครมากกว่าน้อยกว่านั่น…” รอนอ้ำอึ้ง
“แค่ดูก็รู้แล้วแหละว่าแพทน่ะหึงเธอมากมาย และชั้นคงไม่ใช่คนแรกที่เจอเธอมาโปรยเสน่ห์ให้แบบนี้ใช่ไหม” เจนัสบอกแม่นจนรอนเหงื่อตกพยักหน้าหงึกๆ
“นั่นไง ว่าแล้วไม่มีผิด แต่ก็ไม่แปลกหรอกรอน เธอน่ะทำดีกับผู้หญิงทุกคน ทำดีให้คนอื่นรู้สึกพิเศษทั่วไปหมด ขนาดพวกน้องๆของชั้นสองคนนั่นยังเกือบหลงคารมเธอเลย” เจนัสบ่น “ไม่แปลกที่แพทเค้าจะหึงขนาดนี้”
“ครับ”
“แล้วถ้าแพทเค้ายอมรับล่ะ ถ้าชั้นพูดให้เค้ายอมให้เธอมีผู้หญิงมากกว่า1คนล่ะ”
“เรื่องนั้นน่ะ มัน มัน คงไม่..”
“นี่แหละรอนที่ชั้นบอกว่าเธอรักแพทมากกว่า ยังไงเธอก็เกรงใจความรู้สึกของเด็กคนนั้นมากที่สุด มากกว่ากับคนอื่นๆ” หญิงสาวบอกยิ้มๆก่อนจะดึงศีรษะของรอนมาใกล้ “เอาเถอะ ชั้นเข้าใจ”
หน้าผากของทั้งสองชนกันเบาๆ ทั้งคู่หลับตาและรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่ได้อยู่เคียงข้าง ทั้งสองอยู่ในท่านั้นครู่หนึ่งก่อนจะแยกออก
“ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก ชั้นก็แค่จะไปคุยกับแพทตรงๆเท่านั้น ถ้าชักชวนให้เค้ายอมได้ก็โอเคใช่ไหมล่ะ”
รอนส่ายหน้าแล้วก็ยิ้ม มองหน้าเจนัสจนอีกฝ่ายส่ายหน้าหัวเราะ
“เธอรู้ว่าชั้นล้อเล่น” เจนัสว่า
“ผมรู้ว่าคุณเจนัสน่ะบอกแน่ๆ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ คงจะรอทำความรู้จักกับแพทให้มากขึ้น” รอนกล่าวแก้
“และเมื่อชั้นสนิทกับแพทมากพอก็จะบอกแพทเรื่องนี้ไปตรงๆแล้วให้แพทตัดสินใจ” เจนัสพูดต่อ “นี่รอน เธอเป็นพยาธิในไส้ชั้นรึเปล่าเนี่ย รู้ทันไปหมดทุกสิ่งอัน”
ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน เพราะทั้งสองรู้สึกได้ดีว่ารู้ใจอีกฝ่ายเป็นพิเศษ แม้แต่รอนเองยังแปลกใจว่ากับเจนัสคนนี้ ทั้งคู่สามารถรู้ใจอีกฝ่ายได้โดยแทบจะไม่ต้องคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาหรือการต่อสู้
“แล้วถ้าแพทไม่ยอม…” รอนเอ่ย
“เธอก็จะเป็นอดีตรักแรกในใจของชั้น” หญิงสาวบอกทันควัน
ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเจ็บกันทุกฝ่าย
สองคนมองหย้ากันอีกครั้งก่อนจะหันกลับพร้อมๆกันและเดินออกมาจากหลังต้นไม้กลับไปที่หลุมศพ พ่อกับแม่ของรอนเริ่มเก็บข้าวของแล้ว
“ฮั่นแน่สองคน ไปทำอะไรมา รู้นะ” เจนล้อ
“กุ๊กกิ๊ก กุ๊กกิ๊ก กระดุ๊กกระดิ๊ก ในรถยังไม่พอใช่ไหม”แจนย้ำ
“บ้าน่าสองคนนี้” เจนัสโบกมือไล่
“ไปทำอะไรเหรอลูก” แม่ถาม
“ไปแอบดูนิดนึงครับ” รอนตอบ
“คู่สองคนหลุมโน้นน่ะค่ะ กระหนุงกระหนิงกันเชียว” เจนัสต่อให้ทันที
“งั้นเดี๋ยวค่อยๆเก็บของแล้วกัน เดี๋ยวสักพักก็จะกลับกันแล้ว” พ่อบอก
“งั้นหนูช่วยเก็บค่ะ” เจนัสเตรียมเดินไปที่หลุมศพครอบครัวลุงและลูกพี่ลูกน้องของรอน
“อาเจนัส มาช่วยอาม่าเก็บของหน่อย” อาม่าร้องเรียกหญิงสาวทันที
“ไปเถอะลูก” แม่ของรอนบอก “เดี๋ยวพ่อกับแม่เก็บกันเอง”
เจนัสกลับไปช่วยอาม่าและเจนแจนเก็บของอย่างว่าง่าย รอนเองก็เก็บข้าวของแล้วยกของไปที่รถ
“งั้นพวกเราไปรอที่รถนะครับอาม่า เดี๋ยวผมไปติดเครื่องให้แอร์เย็นๆก่อน” พ่อของรอนบอกก่อนที่ทั้งครอบครัวจะเดินกลับไป อาม่ากับสามสาวก็เก็บของกันต่อ
“เอาล่ะ พวกเราก็กลับกันเถอะ” อาม่าบอก
วูบบบบ
ลมวูบใหญ่พัดมา พัดเอาผ้าเช็ดหน้าของอาม่าลอยออกไป ไปตกอยู่ที่หน้าหลุมศพของลุงป้าของรอน
“เดี๋ยวหนูไปเก็บค่ะ” เจนัสบอก
“ไม่ต้องๆ” อาม่าเอาของในมือวางลงบนของในมือเจนัส “เดี๋ยวอาม่าไปเก็บเอง”
แต่ก่อนที่อาม่าจะทันออกตัว เจนกระโดดผึงไปถึงหลุมแล้ว
“อาม่าพี่เจนัสไม่ต้องแย่งกัน เจนจัดการเอง นี่ไง… หืม?”
เจนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วก็ยืนตัวแข็งที่หน้าหลุมศพ จ้องมองรูปหน้าป้ายตาไม่กระพริบ
“เจนัส แจน กลับ” อาม่าดึงแขนเจนัส
“เจน เร็วสิ คนเค้ารออยู่นะ” แจนวิ่งไปคว้าแขน “มัวมองอะไรของเธออยู่….”
แจนค้างอยู่แค่นั้น จ้องมองรูปหน้าหลุมศพไปอีกคน
“พี่เจนัส”
“นี่มันรูปตอนเด็กของพี่นี่นา”
หญิงสาวทั้งสองร้องออกมา
ทั้งสามคนถูกจับไปใช้ชีวิตในแก็งเมษาตั้งแต่เด็กด้วยกัน สามคนอยู่ใกล้ชิดเหมือนพี่น้อง และเจนกับแจนก็จำได้แม่นว่าภาพหน้าหลุมศพนี้คือภาพของเจนัสเมื่อสมัย15ปีก่อน
เจนัสวางของลงแล้วเดินเข้าไปดู ป้ายหน้าหลุมศพมีภาพของเด็กวัย10ขวบ เจนัสมองใบหน้าของตนเองเมื่อวัยเยาว์และเลื่อนมองชื่อของเด็กคนนั้นที่เขียนด้วยภาษาจีน
“เฉินอิ้งเยวี่ย”
ชื่อเดียวกับเธอ ใบหน้าเดียวกับเธอ ถ้าอย่างนั้นล่ะก็
หญิงสาวหันมองหลุมศพข้างเคียง ใบหน้าที่คุ้นตาอย่างไม่มีวันจะลืมเลือน
“คุณพ่อ คุณแม่” เจนัสร้องออกมาเสียงสั่น
ในที่สุด ในที่สุด เธอก็หาพบแล้ว
หลุมศพของพ่อแม่
ในที่สุดก็พบแล้ว
น้ำตาอาบแก้มสองข้าง หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เพราะไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้กราบบุพการีอีก
เจนและแจนเองก็ยินดีไปกับพี่เจนัสด้วย
กับคนที่เจอลักพาตัวตั้งแต่เด็กอย่างพวกเธอ ทุกคนจะเจอทำลายประวัติเดิม บัตรประชาชนที่พกอยู่เป็นการสวมเข้ากับชื่อคนอื่นที่ตายไปแล้ว จะไม่มีโอกาสได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของตนเลย
“ดีจริงๆ ในที่สุดพี่เจนัสก็ได้เจอพ่อแม่” เจนบอก
“ใช่ ใช่ ถ้าสืบจากตรงนี้ก็จะรู้ว่ายังมีญาติพี่น้องอยู่ที่ไหน พี่เจนัสก็จะได้กลับไปอยู่กับครอบ…..” แจนหยุดปาก อ้าปากค้าง
เจนัสเองหยุดร้องไห้ชั่วขณะ ลืมตามองไปรอบๆอย่างสะพรึง
นี่มันหลุมฝังศพพี่ชายพ่อของรอน
ถ้าอย่างนั้น……
แล้วหญิงสาวก็เหมือนกับถูกฟ้าถล่มลงมาทับร่าง มึนชาไปทั่วทั้งตัว