Midterm Fantasy - ตอนที่ 21
แพทวิ่งกลับเข้าห้องนอนตนเอง … เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนักเรียนออก หน้าและแก้มยังแดงจากการวิ่งระคนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังฟังคำถามของรอนเมื่อครู่นี้
“เธอกำลังจะถามอะไรเรากันแน่นะ” เด็กสาวพูดกับตัวเองเบาๆ ใจนึกถึงคำถามที่รอนกำลังจะถามแล้วจู่ๆก็เปลี่ยนใจกระทันหัน
เด็กสาวนอนคิดถึงก่อนหน้านี้ที่เรียนร่วมชั้นกันมา เธอรู้จักกับรอนเพียงเล็กน้อย แม้จะอยู่ห้องเดียวกันมา2ปี แต่จำนวนครั้งที่ได้คุยกันก็น้อยจนนับครั้งได้ และที่รู้จักก็แค่ในฐานะ”คนติดเกมอันดับหนึ่ง”ของชั้นเท่านั้น
จนมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอได้เห็นอีกด้านของเพื่อนคนนี้ …
เธอไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่มาช่วยอ่านหนังสือสรุปให้เธอฟังก่อนสอบ
เธอ… ซึ่งตั้งแต่เด็กมามีปัญหาอ่านหนังสือแทบไม่ได้ … หมอบอกว่าเป็นโรคอะไรบางอย่างที่ทำให้สมองไม่สามารถแปลความหมายตัวอักษรได้และไม่มีทางรักษา
ตลอด10กว่าปีมา เธอพยายามเรียนรู้มากกว่าเพื่อนคนอื่นๆในวัยเดียวกัน ต้องตั้งใจเรียนมากเป็นพิเศษเพื่อจำบทเรียนให้ได้ในการสอนครั้งแรกหรือไม่ก็ต้องอัดเสียงไปฟังซ้ำ
มาวันนี้ … มี”รอน” ที่จู่ๆก็ยอมช่วยเหลือ ‘สรุป และอ่านให้ฟัง’
ความจริงก่อนหน้านี้พ่อแม่ของเธอก็เคยจะจ้างครูมาสอนพิเศษที่บ้าน แต่เธอไม่ต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการให้รถมารับส่งที่โรงเรียน
ไม่ว่าจะเป็นการให้ลุงบัวไปรับที่โรงเรียน
หรือการแนะนำให้เรียนในสาขาอาชีพที่ไม่ต้องอ่านตัวหนังสือเยอะ
เธอไม่ต้องการ
… เธอรู้ดีว่าที่สุดแล้วชีวิตข้างหน้าไม่ได้แน่นอน เธอจะพึ่งพ่อแม่ไปตลอดไม่ได้
เธออยากเดินไปกลับโรงเรียนด้วยตนเอง … โดยไม่ต้องมีรถรับส่ง
เธออยากต่อสู้ปกป้องตัวเองได้ … โดยไม่ต้องมีคนของพ่อปกป้อง
เธออยากเป็นหมอ … เพราะเชื่อเอาเองว่าจะมีโอกาสหายมากขึ้นหรือหาวิธีรักษาตนเองได้
แพทอยากจะเรียนหมอ … แต่คะแนนของเธอก็แย่มาตลอด ทุกคนก็ห้ามเพราะรู้ดีว่าถึงเธอสอบเข้าไปได้ แต่นักศึกษาแพทย์ที่อ่านหนังสือเองได้ช้า จะไปเรียนจนจบได้อย่างไร
เธอกำลังจะหมดหวังที่จะได้ขึ้นม.4ในสายวิทย์ … จนกระทั่งรอนยื่นมือเข้ามาช่วยในวันนั้น
…
และเรื่องเมื่อครู่นี้อีก
ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะกลัวและหนีไปหรือตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่เขากลับบอกให้เธอหนีไปและสู้กับคนถึง5คน …. (แม้เธอจะKOคนได้มากกว่าก็ตาม)
นี่คือครั้งแรกที่มีคนวัยเดียวกันที่ให้ความรู้สึกพึ่งพาได้แบบนี้กับเธอ)
แพทลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอนเพื่อกลับไปที่ยิม และสวนกับพ่อที่ห้องรับแขก
” รอนขอตัวกลับไปเมื่อกี้ พ่อให้คนไปส่งแล้ว” พ่อบอก
” เอ๊ะ”
” พ่อคิดว่าลูกไปพักแล้วก็เลยไม่ได้เรียก … อีกสักพักเดี๋ยวไปกินข้าวนะลูก ”
“ค่ะพ่อ”
….
หลังอาหารเย็นแพทนั่งคุยกับพ่อแม่ครู่ใหญ่ก่อนจะกลับขึ้นห้องนอน
“ตุ่งตุ๊งตุ่งตุงตุ่งตุงตุ๊ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แพทมองดู เป็นวีดีโอคอล…เธอเลื่อนเปิด
“รอน มีอะไรเหรอ” เด็กสาวถาม …
“อือ … คือพรุ่งนี้เดี๋ยวเธอต้องกลับกับคนที่บ้านใช่ไหม”
“ใช่”
“คือพรุ่งนี้มีวิชาสังคมกับภาษาไทย เราเลยว่าจะอ่านสรุปบทที่มาสเตอร์บอกว่าจะสอนพรุ่งนี้ให้เธอฟังก่อน … เดี๋ยวพอเธอรู้เนื้อหาแล้วรอบนึง พอเรียนพรุ่งนี้จะได้เข้าใจในห้องเรียนง่ายขึ้น”
“บทที่จะเรียนพรุ่งนี้ … เธออ่านแล้วเหรอ” แพทถามอย่างงงๆ
“ใช่ … พอกลับจากบ้านเธอ มาถึงเราก็กินข้าวอาบน้ำแล้วรีบมานั่งอ่านนี่แหละ เพิ่งทำสรุปเสร็จพอดี” รอนบอก “แล้วเดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะวีดีโอคอลมาอ่านสรุปวิชาที่เหลืออีกทีตอน2ทุ่มทุกวันโอเคไหม”
แพทยิ้มพยักหน้ารับ แล้วก็นึกได้
“งั้นเดี๋ยวเราขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราโทรกลับ”
รอนวางสายและกดปรินท์สรุปที่ทำไว้ในเครื่องคอมฯออกมา พ่อเดินเข้ามาตบบ่าแปะๆ
“พยายามเข้านะลูก พ่อเอาใจช่วย”
“ครับพ่อ”
…
จากนั้นพ่อก็เดินไปที่ห้องครัว
“แม่… ตกลงพ่อรู้แล้วล่ะว่าทำไมลูกเราเลิกติดเกม”
“ทำไมล่ะพ่อ”
“ลูกเราติดหญิง … ตอนนี้เลยขยันอ่านหนังสือเพื่อจะไปติวเค้า… นี่เราก็กังวลกันนึกว่ามีอะไรผิดปกติ ที่แท้ก็ไม่มีอะไร”
จากนั้นทั้งพ่อและแม่ก็ยิ้มอย่างโล่งใจ … ทั้งคู่แอบคิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าจึงทำให้ลูกชายคนเดียวเปลี่ยนไปขนาดนี้
ที่แท้ก็แอบชอบผู้หญิงนี่เอง
…ส่วนรอนเดินถือกระดาษที่ปรินท์สรุปขึ้นห้อง เขารู้สึกดีที่พ่อเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับการพยายามตั้งใจเรียนของเขา
การตั้งใจเรียนนี่มันก็ดีจริงๆ
“ตุ่งตุ๊งตุ่งตุงตุ่งตุงตุ๊ง”
รอนรับสาย ภาพในจอคือเด็กสาวในชุดนอนสีฟ้าที่ผมยังเปียกนิดๆ หยดน้ำยังติดที่ไรผมอยู่เลย
“เราพร้อมแล้ว”
“โอเคงั้นเราเริ่มกัน”
จากนั้นรอนก็เริ่มบรรยายสรุปบทเรียนที่คาดว่าจะเรียนพรุ่งนี้กัน
*******
รอนแว้บกลับมาที่ห้องภายในบ้านของผู้ใหญ่บ้านเบรเซอร์ มือซ้ายเขาถือนมผงกล่องใหญ่ มือขวาถือถุงที่ใส่ไม้ง่ามหนังสติ๊ก และในกระเป๋าเป้ที่หลังมีค้อนหัวหงอนที่เพิ่งซื้อมาอยู่
เขาจัดแจงวางของและเป้สะพายหลังลงในห้อง จากนั้นเดินเอานมผงเดินไปที่โบสถ์ แม่ของทารกน้อยหลายคนกำลังให้นมอยู่ … แต่ล้วนแต่เป็นการให้นมที่ไร้ผล เพราะบรรดาแม่ๆแต่ละคนเพิ่งฟื้นตัวจากโรคระบาด … แม้จะมียาจากรอน แต่ก็เพิ่งเริ่มกินได้เพียงวันเดียวเท่านั้น ดังนั้นจากการป่วยหนักที่ผ่านมาทำให้แม่ๆหลายคนไม่มีน้ำนมไหล
เมื่อไม่มีทางอื่น ก็ทำได้แค่บดข้าวละลายกับน้ำแล้วค่อยๆป้อน กับพยายามให้ลูกดูดนมไปเรื่อยๆแม้จะแห้งจนไม่มีอะไรไหลออกมา
รอนเรียกแม่ๆที่ให้นมอยู่ให้เข้ามาดู แกะนมผง สอนวิธีและสัดส่วนการผสมให้บรรดาแม่ๆในที่นั้นจนเข้าใจ และให้ผสมนมใส่ชามตักให้ทารก ในเมื่อโรล่ายังป้อนน้ำข้าวให้ทารกด้วยช้อนได้ แม่ๆก็น่าจะป้อนนมได้เหมือนกัน
ทีแรกรอนก็ว่าจะซื้อขวดนมด้วย แต่ว่ามาคิดอีกทีเขาเคยได้ยินว่าถ้าทารกกินนมจากจุกเทียมแล้วจะไม่ค่อยอยากกินจากเต้ามารดา … เอาเป็นว่าให้แค่พอมีน้ำนมกลับมาใหม่แล้วค่อยกลับไปดูดนมแม่แล้วกัน
ต่อจากนั้นรอนกลับไปหยิบถุงไม้ง่ามหนังสติ๊กแล้วเดินไปตรงทางเข้าหมู่บ้าน ที่นั่นผู้ชาย10คนยืนอยู่พร้อมไม้พลองปลายแหลม … รอนสังเกตว่ามีสามคนที่ถือไม้ซึ่งส่วนปลายมีปลายหอกทองแดงสวมอยู่ … น่าจะเป็นปลายหอกที่รอนได้มาและมอบให้พ่อเฒ่าเบรเซอร์ไป
“คุณพอลครับ ผมมีอะไรมาให้ลองหน่อยครับ”
“อะไรเหรอครับคุณรอน” พอลถามอย่างสนใจ เพราะในมือของรอนมีของแปลกๆที่เขาไม่เคยเห็นอยู่
“ผมอยากให้ช่วยกันเก็บก้อนหินขนาดเล็กๆมาหน่อยครับ จะให้ลองอาวุธอะไรหน่อย”
พอลมองของในมือของรอน
“อ๋อ คุณรอนหมายถึงก้อนหินสำหรับขว้างด้วยสลิงใช่ไหมครับ”
พอลดึงสายเชือกเส้นหนึ่งมาจากเอวให้ดู … รอนมองแล้วนึกได้ว่าสลิงเหวี่ยงหินคืออาวุธระยะไกลพื้นฐานที่คนโบราณใช้กันอยู่แล้ว
“งั้นคุณพอลลองเหวี่ยงหินใส่บราวนี่กลุ่มนั้นให้ดูหน่อยสิครับ”เด็กหนุ่มชี้ไปที่บราวนี่ที่ห่างไปประมาณ10เมตรที่กำลังดมรอยเลือดที่พื้น พอลก้มลงหยิบหินมาใส่แป้น สวมเชือกเข้าที่นิ้วจากนั้นเหวี่ยงหมุนสลิงที่ข้างตัว บราวนี่หันมามองแล้ววิ่งเหยาะๆหลบฉาก พอลประบมุมการเล็งด้วยการหมุนข้อมือตามเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยสาย
‘แป้กๆๆ’ เสียงหินตกกระทบพื้นห่างจากบราวนี่ราวๆเมตรนึง
… เป็นไปตามที่รอนคิด การเหวี่ยงสลิงใช้เวลานานและต้องอาศัยการควบคุมมือที่ชำนาญ ความแม่นยำก็ไม่มากนัก
“งั้นเดี๋ยวคุณพอลดูผมนะครับ”
รอนหยิบไม้ง่ามหนังสติ๊กจากร้านอาม่าออกมา หยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมาจากนั้นวางลงในแป้นยกขึ้นเล็งไปที่บราวนี่แล้วปล่อยมือ
‘กี๊ดดดด’
เสียงบราวนี่ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกหินกระทบตัว แถบพลังลดลง1ใน4
กำลังของหนังสติ๊กร้านอาม่าเบากว่าแบบโลหะที่เขาซื้อมาใช้เล็กน้อย
“คุณพอลลองดูนะครับใช้มือซ้ายจับก้านนี้ มือขวาวางหินในแป้นหนัง จากนั้นดึงหนังยาง ยกเล็งไปเป้าหมาย แล้วปล่อย!”
‘กี๊ด’
เสียงบราวนี่ร้องอีกครั้งก่อนจะวิ่งหนีหายไป พอลและคนอื่นๆมองอย่างดีใจ
“นี่มันเหมือนอาวุธที่คุณรอนใช้อยู่ … นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้ง่ายและแม่นยำแบบนี้” พอลยกไม้ง่ามหนังสติ๊กในมือขึ้นดู
“ผมอยากให้ทุกคนที่เข้าเวรตรงจุดนี้ได้หัดใช้ครับ เอาล่ะ ทุกคนช่วยกันเก็บหินมาทดลองดูกันครับ”
คนที่เข้าเวรยามทั้ง10คนช่วยกันเก็บหิน จากนั้นรอนก็หัดให้แต่ละคนยิง
เมื่อดูแล้วว่าทุกคนยิงเป็นเล็งได้ รอนก็เริ่มขั้นตอนต่อไป … เขาหยิบกระทะและค้อนออกไปที่ถนนนอกหมู่บ้าน สอดส่ายสายตาดู
“นั่นไง”เด็กหนุ่มยิ้มอย่างดีใจก่อนจะใช้ด้ามค้อนเคาะที่กระทะดึงดูดความสนใจกลุ่มบราวนี่5ตัวที่อยู่ใกล้ๆ … บราวนี่วิ่งตามรอนที่วิ่งล่อกลับไปที่หมู่บ้าน ก่อนพวกมันจะหยุดรั้งรอคุมเชิงห่างๆประมาณ10-15เมตร เมื่อเห็นว่าเหยื่อหลบเข้าหมู่บ้านไปแล้วและที่ทางเข้ามีคนหลายคน
“เอาล่ะครับ ผมอยากให้ทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดาน … คราวนี้หยิบหินขึ้นมา ดึงแต่อย่าเพิ่งยิง ค้างไว้ครับ ….. ดีครับ เล็งไปที่บราวนี่ที่อยู่ซ้ายสุด …. พอผมนับถึงสามให้ยิงนะครับ”
“หนึ่ง….สอง….สาม!!!”
‘วรู้สสส ตุบตุบตุบตุบตุบ แป้กแป้ก’
บราวนี่ตัวซ้ายสุดถูกหินกระแทกตามตัว หัว และลำคอหลายนัด ล้มลงทันที
ต่อไปครับเล็งตัวขวาสุดครับ นับถึงสามให้ยิงนะครับ”รอนมองจนทุกคนยกเล็งแล้วจึงนับ
“หนึ่ง….สอง….สาม!!!”
‘วรู้สสส ตุบตุบตุบตุบตุบ แป้กแป้ก’
บราวนี่ตัวขวาสุดล้มลงทันที โดยอีกสามตัวเริ่มรู้สึกไม่เข้าท่าแล้ว
“ต่อไป! ใส่หิน … เล็งตัวขวาสุด .. ดึง ยืด นับสาม หนึ่ง..สอง.. สาม!”
ตุบตุบตุบตุบตุบตุบตุบ แป้ก
บราวนี่ผู้โชคร้ายฟุบตายลง
“ต่อไป! ใส่หิน … เล็งตัวขวาสุด .. ดึงยืด นับสาม หนึ่ง..สอง.. สาม!”
ตุบตุบแป้กแป้กแป้ก
คราวนี้หินไม่ถูกเป้าทั้งหมด เพราะบราวนี่ที่เหลือไหวตัวทันและหนีไปแล้ว
“เยี่ยมจริงๆครับคุณรอน”พอลบอกอย่างดีใจ “แบบนี้แม่นยำและเร็วกว่าใช้สลิงเป็นไหนๆ”
รอนยิ้ม … ความจริงแล้วส่วนสำคัญอยู่ที่การชี้เป้าเดียวกัน และการที่ให้พร้อมกันเพื่อไม่ให้เป้าหมายหลบหรือปัดป้องได้ทันด้วย … เด็กหนุ่มสอนพอลในการชี้เป้า โดยให้แยกแค่ว่าซ้ายสุด ขวาสุด ตรงกลางเท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้น ก็เพื่อให้ทุกคนหาเป้าได้เร็วที่สุดและตรงกัน
ไม่มีประโยชน์อะไรหากเขาบอกให้ยิง”ตัวที่3จากซ้ายมือ” แล้วทุกคนดันไปเสียเวลานับจนยิงช้าลง
ถ้าจะเสียเวลาแบบนั้น สู้ยิงตัวซ้ายสุดไปเรื่อยๆจนถึงตัวที่3จากซ้ายเผลอๆจะเร็วกว่า
อีกแบบคือการเล็งไปข้างหน้า เป็นการยิงไปตรงๆข้างหน้าโดยไม่เล็งเป้าเดียวกัน ใช้เพื่อหยุดยั้งการชาร์จของอีกฝ่ายที่มากันหลายตัวให้เข้าถึงประตูทางเข้าช้าลง
และแบบสุดท้ายคือ ให้หัวหน้ากลุ่มสั่งให้ทุกคนดูเป้าหมายที่ตนยิง และให้ยิงใส่เป้าหมายนั้นเป็นหลักใช้ในกรณีที่ต้องการกำจัดศัตรูตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษ
ทั้งหมด รอนได้มาจากการเล่นเกมออนไลน์เวลาฝึก Newbie / Rookie ทั้งหลายที่เริ่มเข้าทีมใหม่ๆ
รอนจำได้ว่าหมู่บ้านมีการแบ่งเวรยามเป็นสามกลุ่ม กลุ่มละ10คนเข้าสลับกันไป
“พอล… ผมอยากให้คุณแจกจ่ายไม้นี่ให้คนที่อยู่เวรยามถัดๆไป … บอกให้พวกเค้าเลือกคนที่ทำหน้าที่สั่งยิงแบบที่ผมสอนให้คุณทำด้วย” รอนบอก ” และให้ทุกคนฝึกให้ชินมือ เพราะเวลามีบราวนี่มาจริงๆจะได้ยิงได้แบบไม่ตกใจ”
พอลรับถุงพลาสติกในมือเด็กหนุ่มไว้อย่างระมัดระวัง สิ่งของที่รอนมอบให้นี้ล้วนแต่มีลักษณะแปลกที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งสิ้น สมัยเด็กๆเขาได้ยินมาว่าในเมืองหลวงจะมีของแปลกๆที่ทำจากคนแคระ นักเล่นแร่แปรธาตุ หรือนักประดิษฐ์ ซึ่งของและอาวุธพวกนี้นี่ก็น่าจะเป็นของแบบที่ว่าเป็นแน่
ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่จู่ๆนำของแบบนี้มาให้โดยไม่ขออะไรตอบแทน
พอลมองเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาอย่างซาบซึ้งใจ
ผู้เขียน : เปลี่ยนชื่อตอนเป็นมือใหม่เพราะลองถามๆดูแล้วมีคนไม่เข้าใจคำว่า Rookie / Newbie