Midterm Fantasy - ตอนที่ 213
ตอนที่แพทตามเจนัสไปนั่งคุยกันสองต่อสอง เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าเรื่องที่จะได้รับรู้ต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เธอหวั่นใจ
แต่เด็กสาวไม่นึกเลยว่าเรื่องที่ได้ยินจะทำให้เธอประหลาดใจได้ขนาดนี้
“คุณเจนัสจะบอกว่าคุณเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรอนเหรอคะ” แพทถาม
“ใช่ค่ะ เรื่องนี้ชั้นเองก็เพิ่งรู้แน่ชัดเมื่อตอนที่ไปสุสาน”เจนัสตอบ “ถ้าไม่ได้เห็นรูปของตัวชั้นเองที่หลุมศพ ก็คงไม่มั่นใจได้ขนาดนี้”
แพทนั่งอึ้งไปพักหนึ่ง คำพูดที่เตรียมไว้จะคุยกับเจนัสให้รู้เรื่อง กลับกลายเป็นไม่ต้องพูดออกไปแม้แต่คำเดียว
“แพทกันรอน พวกเธอสองคนรักกันใช่ไหม” เจนัสถาม
“อ๊ะ เอ่อ เรื่องนั้น” เด็กสาวอ้าปากค้างตอบไม่ถูก
“ไม่สิ เอางี้ พี่ถามตรงๆ แพทชอบรอนอยู่หรือเปล่า”
เด็กสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
“ถ้าเข้าใจไม่ผิด ที่ผ่านมา แพทคงเคยคิดว่าพี่กับรอนแอบมีใจให้กันสินะ” เจนัสบอก “ดังนั้นตอนนี้แพทสบายใจได้ ระหว่างพี่กับรอนน่ะเป็นแค่พี่น้องกัน ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น”
“ที่แท้แพทระแวงเกินไปนี่เอง” แพทพูด “ทั้งสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแท้ๆ เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
พูดจบแพทเงยหน้ามองเจนัส น้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นของเจนัสในตอนนี้ทำให้แพทลืมตากว้างขึ้น
“เอ๊ะ คุณเจนัสบอกว่าเพิ่งรู้ตอนไปสุสานเมื่อวานนี้ แปลว่าก่อนหน้านี้ คุณ…..”
“ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะแพท ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว” เจนัสปาดน้ำตา “มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว”
แพทมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งในตัว
ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่แข่งความรักของเธอ
หากแต่ว่าพอเห็นสภาพ ณ ตอนนี้แล้วเธอก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้
“รอนนี้แย่จริงๆ ชอบทำตัวแบบนี้กับผู้หญิงทั่วไปหมด ไม่คิดเอาเสียเลยว่ามันจะทำให้คนอื่นลำบากใจขนาดไหน” แพทพูด “แล้วนี่รอนเค้ารู้เรื่องนี้หรือยังคะ”
“ยังเลย ตอนนี้คนที่รู้เรื่องนี้มีแต่พี่ เจน แจน แล้วก็อาม่า ถ้ารวมแพทด้วยก็มีคนรู้แค่5คน” เจนัสบอก “แต่พี่ตัดสินใจแล้วแหละว่าจะบอกพ่อกับแม่ของรอนเค้าก่อน ยังไงเค้าก็เป็นญาติที่เหลืออยู่ของพี่”
เจนัสพูดถึงพ่อแม่ของรอนแล้วก็เงียบลง
ทั้งสองคนนั่งเงียบๆ ในใจของทั้งสองต่างครุ่นคิดไปต่างๆกันในตอนที่เสียงประกาศดังขึ้น
คุณอาร์ม 016 ….
คุณป้อมปราการ กรุณาประจำที่ของท่าน …
เจนัส เงยหน้าทันที
และพร้อมๆกัน ยามที่อยู่ในชุด ‘คอส’ ก็ชะงักอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณเจนัส”
“โค้ดเมื่อครู่เป็นรหัสของห้างที่จะประกาศเวลามีคนนำอาวุธสงครามเข้ามาในห้างมากกว่าห้าคนค่ะ” เจนัสบอก “เจ้าหน้าที่จะปล่อยให้พวกนั้นเข้ามาแล้วติดตามทีละคน ไม่จับกุมทันทีเพราะพวกที่เหลืออาจจะก่อเหตุโดยที่เราควบคุมไม่ได้”
หัวหน้าหมู่ยามสองคนเดินเข้ามาหาเจนัส
“เราขาดการติดต่อกับป้อมยามทีชั้นใต้ดินครับ”
“แล้วก็มีข่าวว่าตอนนี้ในเมืองมีเหตุกราดยิงหลายจุด ตอนนี้ตำรวจกำลังวุ่นวายกันเลยครับ”
เจนัสพยักหน้า
“สั่งให้ยามที่อยู่ในลานจอดรถ เคลื่อนย้ายคนเข้ามาในห้างให้หมดแล้วจัดการปิดประตูทางออกลานจอด”
“สั่งคนของเรา ปิดการทำงานของลิฟท์ที่ขึ้นมาชั้นนี้ ให้ตั้งแนวป้องกันที่ทางขึ้นชั้นนี้ทั้งหมด และถ้าจำเป็นให้เตรียมทำลายบันไดเลื่อนด้วย”
“แจ้งคนของเรา ทีมต่อต้านการก่อการร้ายทั้ง3กองร้อยจะเป็นทีมต่อสู้หลัก ส่วนทีมปกติที่เหลือให้ทำหน้าที่อพยพคนและสนับสนุน”
“ครับ!”
ทั้งสองคนทำความเคารพแล้วรีบกลับออกไป เจนัสหันมาคุยกับแพท
“คุณแพทคะ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ ชั้นอยากให้คุณไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย”
“แต่ว่าชั้น…”
“คุณแพทสามารถรักษาคนเจ็บได้ เหตุการณ์วันนี้น่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตาย ชั้นอยากให้คุณเก็บแรงไว้ช่วยคน ส่วนหน้าที่ในการต่อสู้ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะค่ะ”
เจนัสจัดการพาแพทไปอยู่ในพื้นที่อับสายตา โดยกันคนเอาไว้ป้องกันเด็กสาว10คน แม้ตอนนี้จะเริ่มมีคนในงานที่เอะใจบ้างแล้วกับความเคลื่อนไหวผิดปกติของยาม แต่เจนัสก็ไม่ได้ใส่ใจ หญิงสาวสั่งการอย่างรวดเร็ว
ในใจของเธอคิดตำหนิตนเองที่ไม่ทันนึก แก็งเมษาที่เธอเคยอยู่ ได้ชื่อมาจากเทศกาลเดือนสี่วันเชงเม้ง
ที่ผ่านมาแก็งถูกกดดันจากรอนอย่างหนัก ดังนั้นช่วงใกล้กับวันเชงเม้งเช่นนี้คือช่วงที่เหมาะในการแก้แค้นอย่างยิ่ง
ทำไมเธอนึกไม่ถึงกันนะ
เธอคุยกันรอนที่ติดต่อผ่านวิทยุสื่อสาร จากนั้นสั่งให้ทีมเหลืองและน้ำเงินลงไปใส่ชุดเกราะที่ชั้นใต้ดินตามที่รอนแนะนำ
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนดังแว่วมาแต่ไกลจากชั้น1
ก่อนที่เสียงม่านเหล็กของห้างจะเลื่อนลง
มันเริ่มขึ้นแล้ว!
ปังปังปังปังปังปังปัง
เสียงปืนดังระรัวใส่ม่านเหล็กที่ปิดลงมา พวกมือปืนแก็งเมษาด้านนอกร้องตะโกนอย่างโกรธจัด
“หนอย ที่แท้ที่พวกมันกันคนออกไปเมื่อกี้คือแผน พวกมันกะจะปิดม่านรอบห้างนี่เอง”
“พวกเราบุกตามแผน ระเบิดมา!”
ชายสองคนวิ่งไปที่ประตู หยิบระเบิดตั้งเวลาแล้วแปะลงไปที่บานเลื่อนเหล็กนั้น
บูม!
“ทุกคนบุกได้ พวกมันมีแต่หน้าไม้ไม่มีปืน ไม่ต้องกลัว” หัวหน้าทีมร้อง “ตามมา!”
มือปืนชุดแรก 10 คนวิ่งไปที่ช่องที่แตกออก หัวหน้าทีมวิ่งตัดด้านหน้าช่อง
ฟูบ!
ลูกดอกหน้าไม้พุ่งเฉียดไปนิดเดียว! มือปืนหัวหน้าทีมยิ้มที่ล่อให้อีกฝ่ายยิง อีกฝ่ายมีแต่หน้าไม้ชัดๆ
“บุกได้ มันมีแต่หน้าไม้”
“เฮ”
พวกมันบุกเข้าไป เสียงลูกดอกหน้าไม้พุ่งเข้ามา บางดอกเสียบเข้าที่ร่างของมือปืน หากแต่มีหรือที่มือปืนระดับนี้ของแก็งเมษาจะกลัวกับหน้าไม้
“พวกมันเข้ามาลึกพอแล้ว ทั้งหมด ยิง!” รอนสั่ง
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ
มือปืนล้มเป็นใบไม้ร่วง
“เฮ้ย ทำไมพวกมันมีปืน อ้าก”
“ปืนเหมือนของพวกเราเลย โอ้ว ไม่”
“ตาย ตาย ตาย อ่อก”
มือปืนคนสุดท้ายลงไปกองที่พื้น พวกถัดไปที่กำลังโผล่หน้ามาที่รอยแยกที่ประตูถูกปืนยิงกด ขณะที่ยามที่เหลือใช้โล่กำบังเข้าไปยึดอาวุธจากพวกที่ตายแล้ว
ปังๆๆๆๆๆๆ
ห่ากระสุนจำนวนมากยิงทะลุผ่านม่านเหล็กเข้ามา เห็นได้ชัดว่าแก็งเมษาข้างนอกไม่โง่พอที่จะส่งคนเข้ามาในช่องเล็กๆ สักพักเดียวเสียงระเบิดก็ดังมาจากจุดอื่นๆของอาคาร
“ทุกคนเตรียมถอย อพยพคนขึ้นชั้นบนแล้วเตรียมถอย” รอนร้องสั่ง “อพยพคนจากชั้นใต้ดินเสร็จหรือยัง”
“ยังครับ มีคนที่มาร่วมงานเกมหนีลงไปข้างล่าง ส่วนทีมน้ำเงินของพวกเราที่ลงไปเปลี่ยนชุดก็ยังไม่ขึ้นมาครับ”
“วิทยุบอกพวกเขาให้รีบขึ้นมา พวกข้างล่างยังไม่รู้ว่าเราเจอบุกแล้ว”
“ไม่ได้ครับ วิทยุสื่อสารเสีย พวกมันมีเครื่องแจมสัญญาณครับ” ยามบอก
“งั้นทีมเหลืองทั้งหมด ป้องกันทางบันไดหนีไฟเอาไว้ ผมจะลงไปตามทีมน้ำเงิน” รอนสั่ง
“แต่ว่า” ยามท้วง
“ไม่มีแต่ ไปเร็วเข้า” รอนสั่งอีกครั้งก่อนจะหันวิ่งไป เขาวิ่งไปสักพักแล้วหันกลับมา
“ทางลงชั้นใต้ดินไปทางไหน” รอนถาม
“ตรงนั้นครับ ป้ายไฟไกลๆนั่น” ยามชี้
รอนผงกหัวก่อนจะวิ่งไปในทิศทางนั้น ในเวลาเดียวกัน เริ่มปรากฎร่างของมือปืนแก็งเมษาโผล่เข้ามาในห้าง หัวหน้ายามทีมเหลืองสั่งการอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน ถอยไปตั้งหลักที่บันไดหนีไฟ ถ่วงเวลาให้นานที่สุด”
รอนวิ่งลงไปทางชั้นใต้ดินลงไปตามทางเดินยาวที่วันก่อนเขาเพิ่งลงมา
ที่สุดทางเดินนั้นตรงห้องตำรวจ ตำรวจสูงวัย4นายกวักมือร้องเรียก
“เร็วเข้า เร็วเข้า มาหลบในนี้”
รอนวิ่งไป แล้วก็พบว่าที่ห้องตำรวจมีคนลงมาหลบกันร่วม 40 คน
“พวกยามล่ะครับ” รอนถาม
“เธอเมื่อวันก่อนนี่นา อ่อ พวกยามเข้าไปในโรงเก็บวัสดุ” ตำรวจบอก “ข้างบนเป็นยังไงบ้าง”
“คนตายสิบกว่าคนครับ พวกมันมีอาวุธสงคราม” รอนบอกตามตรง มือปืนแก็งเมษาตายเกลื่อนจริงๆ “พวกเราต้องอพยพขึ้นข้างบนครับ อยู่ในนี้ไม่ดีแน่”
“จะไปกันยังไงล่ะ มีคนในนี้ตั้งเยอะ ถ้าหนีไปแบบไม่รู้อะไรต้องแย่แน่ๆ” ตำรวจถาม
“ยามทีมข้างบนจะป้องกันบันไดหนีไฟเอาไว้ครับ พวกคุณตำรวจช่วยพาทุกคนหนีขึ้นไปทางนั้นครับ เดี๋ยวผมไปตามยามกับคนที่หลบในนั้นก่อน”
รอนวิ่งไปในห้องวัสดุเพื่อไปตามยาม ขณะที่ตำรวจมองหน้ากัน บันไดหนีไฟอยู่ตรงหัวมุมนั่น แต่ถ้าพวกมือปืนมันลงมาชั้นใต้ดินจังหวะที่กำลังอพยพพอดีไม่แย่เอาเหรอ
แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วนี่
“พวกเราได้ยินแล้ว ทุกคน ไปที่บันไดหนีไฟเร็วเข้า”
บรรดาคนที่หลบอยู่ทยอยออกจากห้องตำรวจ ในคนกลุ่มนั้นมีทั้งเด็กและคนที่บาดเจ็บระหว่างชุลมุนหลายคนพยุงร่างกันออกไป ส่วนตำรวทั้ง4นายมองหน้ากัน แล้วช่วยกันยกตู้เย็นออกไปตั้งไว้ที่ทางเดิน ดักทางหน้าบันไดหนีไฟไว้ร่วม50เมตร
“คุณตำรวจ”
“พวกคุณรีบขึ้นไปก่อน เร็วเข้า”
เสียงฝีเท้าวิ่งลงมาจากทางเดินไกลออกไป ชาวต่างชาติในชุดนักท่องเที่ยววิ่งลงมา10กว่าคน
แต่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวธรรมดาแน่ๆ
นักท่องเที่ยวที่ไหนพก MAT-49 มาด้วย
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปุๆๆๆๆๆๆๆๆ
“เร็วเข้า พวกมันมาแล้ว”
ปังปัง ปังปัง
ตำรวจยิงสกัดอย่างประหยัดกระสุน”
“คุณตำรวจ แล้วพวกคุณล่ะ”
“ไปเร็วเข้า ขึ้นไปให้หมด”
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ห่ากระสุนจากปืนกลเบายิงเข้ามาที่ตู้เย็นจนตำรวจทั้งหมดต้องก้มลง
“บ้าเอ๊ย อีกสองปีจะเกษียณแท้ๆ”
ปังปัง ปังปัง
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปังปัง ปังปัง
ตำรวจสูงวัยทั้ง4มองไปที่บันไดหนีไฟ ร่างสุดท้ายอันชุ่มเลือดของหญิงสาวที่อุ้มทารกลับหายเข้าบันไดหนีไฟไปแล้ว
“โอเค ไปกันหมดแล้ว พวกเรายันไว้ให้นานที่สุด เหมือนยังเหลือพวกยามกับพ่อหนุ่มนั่น”
“ท่าทางวันนี้พวกเราจะได้เออร์รี่รีไทร์ซะแล้วฮ่าๆๆ”
ตุบๆๆๆๆ เสียงฝีเท้าจำนวนมากดังมาจากด้านหลัง
“เฮ้ย พวกยามใช่ไหม” ตำรวจสูงวัยตะโกน “รีบขึ้นบันไดหนีไฟไปเร็ว ทางนี้จะต้านไม่ไหวแล้ว”
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงปืนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตำรวจทั้งสี่นายพยายามสู้ต่อไป อีกนิด อีกนิดเดียว ขอแค่ให้คนข้างหลังหนีขึ้นไปให้ได้
“โอ๊ย! มือ!”
“ยิงไว้ ต้านมันไว้ โธ่เว๊ยทำไมมันเยอะอย่างนี้”
ตำรวจทั้งสี่ยิงต่อไปอย่างสิ้นหวัง แล้วเสียงฝีเท้าจำนวนมากก็มุ่งมาที่ทางด้านหลังพร้อมกับเสียงตะโกนของเด็กหนุ่ม
“เทสทูโดฟอร์เมชั่น!”
“บุก!”