Midterm Fantasy - ตอนที่ 214
“เทสทูโดฟอร์เมชั่น บุก!”
เสียงคำสั่งและเสียงย่ำเท้าเป็นจังหวะดังมาจากเบื้องหลัง ทำให้ตำรวจที่บาดเจ็บอยู่ทั้ง 4 นายหันกลับไปมอง
“เฮ้ย นั่นมันชุดคอสเพลย์ไม่ใช่รึ”
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆๆ
แก็งๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงกระสุน 9 มม.กระแทกเข้ากับโล่กันกระสุนก่อนจะตกลงสู่พื้น บ่งบอกว่ามันไม่ใช่ชุดคอสเพลย์ กลุ่มคนในชุดเกราะกันกระสุนแบบเต็มตัวและโล่กันกระสุนแบบหนาหนัก เคลื่อนเข้ามาประหนึ่งป้อมปราการที่เจาะผ่านไม่ได้ ทั้งหมดเคลื่อนจนถึงตำแหน่งของตำรวจแล้วก้าวข้ามไปบังด้านหน้า
รอนที่อยู่แถวกลางสั่งการ
“หยุด เตรียมหน้าไม้ ระวัง ระวัง ยิง!”
ร่างของฝ่ายตรงข้ามล้มลงหลายคน ขณะที่คนที่เหลือหมอบหรือไม่ก็หาที่กำบัง รอนเตรียมออกคำสั่งถอยเพื่อกลับเข้าบันไดหนีไฟ หากแต่เสียงดังสนั่นพร้อมแรงสั่นสะเทือนลั่นมาจากด้านหลัง ฝุ่นควันพวยพุ่งออกจากปล่องทางหนีไฟ
บูม!
“ท่านประธาน ทางหนีไฟถูกระเบิดครับ พวกมันอยู่ข้างบนแล้ว”
“งั้นเราต้องฝ่าออกไปด้านหน้า” รอนสั่ง “ทั้งหมด หน้าเดิน”
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นตัวประกันตาย” พวกมันคว้าร่างๆหนึ่งออกมา เป็นร่างผู้หญิงที่ใบหน้าดูหวาดกลัว
“ยิงหน้าไม้ นั่นตัวประกันปลอม” รอนสั่งเมื่อเห็นแถบพลังชีวิตบนหัวของผู้หญิง แสดงว่าอีกฝ่ายคือศัตรู ยามที่แถวหน้ายิงหน้าไม้อย่างไม่ลังเล ผู้หญิงคนนั้นหมอบลงอย่างรวดเร็วก่อนจะชักปืนออกมายิงตอบโต้ เหล่ายามแห่งบริษัทรุ่งโรจน์ไม่สะทกสะท้าน เกราะหนาหนักที่น้ำหนักรวม20กิโลกรัม บวกกับโล่กันกระสุนหนัก10กว่ากิโลที่แบกลากกันมานี่ป้องกันกระสุน 9 มม.ที่โปรยปรายมาได้อย่างไม่สะท้านสะเทือน
แล้วเส้นสีแดงเส้นใหญ่ก็ปรากฎต่อหน้าของรอน เด็กหนุ่มร้องตะโกนออกไป
“ทุกคนระวัง!ระเบิด!”
ยามทั้งหมดย่อตัว โล่ถูกซ้อนเรียงกันเป็นเหมือนเกล็ดปลา ระเบิดสีเขียวกลมเกลี้ยงลอยเข้ามาตรงหน้า และแตกออกที่ระยะ 3 เมตรก่อนถึงโล่
ตูม “อ้าก”
ร่างของยามแถวหน้าสุดหงายล้มลง คนที่อยู่แถวสองเคลื่อนไปปิดบังด้านหน้าแทนแล้วลากคนเจ็บถอยออกมา กระสุนปืนถูกกราดยิงเข้ามาอีกระลอก ตามด้วยระเบิดอีกลูก
ตูม! “…..” แต่ละคนร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของตนเอง มีเพียงแต่เสียงเปรี๊ยะๆของ แก้วหูที่ลั่นจากแรงระเบิด แล้วร่างๆหนึ่งก็พุ่งออกจากแนวโล่
“ท่านประธาน”
“อย่าครับ”
รอนพุ่งตัวไปด้านหน้า ยกโล่กันกระสุนขนาดเล็กขึ้นลง บดบังเส้นทางกระสุนที่ขวางด้านหน้า เสียงโลหะกระทบกันดังออกมาจากโล่ประดุจดั่งเสียงดนตรี หากแต่ร่างของเด็กหนุ่มในชุดเกราะอ่อนปราบจลาจลและหมวกกันกระสุนยังคงพุ่งไปเบื้องหน้าอย่างไม่หยุด เด็กหนุ่มวิ่งไปได้ครึ่งทางเมื่อเห็นว่าเส้นด้านหน้าเปลี่ยนลักษณะเป็นเส้นที่แตกออกเป็นวง “ฮึบ” เท้าขวาถีบผนังดันร่างของเขาให้พุ่งไปทางผนังฝั่งซ้าย รอนลอยตัวขึ้นไปที่ผนังซ้าย เสียงระเบิดดังไล่หลังมาจากจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ สะเก็ดระเบิดลอยถูกร่างไม่มากนัก เขาชักดาบสั้นออกมา
“ไอ้เด็กบ้า ตาย!ฮึก”
ดาบสั้นแทงเข้าที่เหนือไหปลาร้าเฉียงลงตัดขั้วหัวใจจนร่างของมือปืนชายล้มลง รอนถีบร่างของมันใส่คนด้านหลัง หมุนตัวฟันดาบลงไปที่มือปืนหญิงที่หมอบที่พื้นจนแน่นิ่งแล้วย่อคู้ตัวลงหลังโล่
แก๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ยิงมัน มันมีดาบ อย่าให้มันเข้าใกล้ได้ก็จบ” เสียงปืนระดมยิงใส่โล่กันกระสุนของรอนอย่างไม่ยั้ง ก่อนที่ก้อนกลมๆอะไรบางอย่างเรืองแสงสีแดงจะกลิ้งเข้ามาที่เท้าของพวกมัน
บูม!
“อ้ากกก”
แรงระเบิดทำให้มือปืนเสียหลักกระเด็นไปคนละทาง และก่อนที่พวกมันจะทันตั้งตัว ห่ากระสุน9 มม.ก็พุ่งเข้าชุดใหญ่ พวกที่อยู่แถวหน้า 5 คนหัวเป็นรูล้มฟุบลงอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ ก่อนที่พวกมันจะตั้งตัวได้ว่าจะสู้หรือหลบ ประกายดาบก็เข้ามาถึงตรงหน้า เลือดจากเส้นเลือดใหญ่คอของมือปืนหญิงชายกระจายเต็มผนังประดุจวอลเปเปอร์
“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา ข้ามีตัวประกัน” มือปืนร่างเล็กเอาปืนชี้มาโดยล็อคคอชายร่างใหญ่กล้ามโตคนนึงเอาไว้ รอนไม่สนใจ พุ่งเข้าใส่
แท็ดๆๆๆๆๆ กริ๊ก ตุบ
ชายร่างหมีทรุดนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ร่างของมือปืนเบื้องหลังของเขาหงายท้องลงไปกองกับพื้นแล้ว
“ข ข ขอบคุณมาก ผมนึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว” ชายร่างหมีขอบคุณรอน เด็กหนุ่มใช้สัญญาณมือสั่งให้กลุ่มยามด้านหลังเข้ามาเคลียร์พื้นที่
“ทำไมถึงถูกจับตัวมาได้ครับ ข้างบนน่าจะอพยพคนกันแล้วไม่ใช่เหรอ” รอนถาม
“ยังมีหลายคนที่กลัวไม่กล้าอพยพขึ้นข้างบน ก็เลยซ่อนตัวอยู่ตามร้านต่างๆ เลยถูกพวกมันต้อนไปรวมไว้ที่ลานศูนย์อาหาร” ชายคนนั้นบอก “เมื่อกี้พวกมันจะลงมาจับตำรวจ ก็เลยลากตัวมานี่เอามาเป็นตัวประกันเอาไว้ต่อรองกับตำรวจในชั้นใต้ดิน”
รอนรีบคิดอย่างเร่งด่วน แล้วตัดสินใจ
“รองหัวหน้าทีมน้ำเงิน”
“ครับ!”
“พวกคุณทั้งหมดรอตรงนี้ พอครบ 10 นาทีทั้งหมดบุกไปที่ศูนย์อาหารช่วยตัวประกันทั้งหมดแล้วฝ่าออกไปนอกอาคาร” รอนสั่ง
“แล้วท่านประธานล่ะครับ?” รองหัวหน้าทีมน้ำเงินถาม
“ผมจะไปทางปีกตะวันตกแล้วล่อพวกมันตามไป 10นาทีน่าจะพอที่จะล่อให้พวกมันพ้นจากปีกตะวันออกของศูนย์อาหารได้” รอนบอก
“พวกผมจะไปล่อพวกมันเอง ท่านประธานไปช่วยแล้วหนีฝ่าออกไปด้านนอกดีกว่าครับ” รองหัวหน้าทีมบอก
“ไม่ได้หรอก คนที่ผมรักยังอยู่ชั้นบน ผมจะทิ้งเค้าไปคนเดียวได้ยังไง”
“โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้” ยามร่วมร้อยคนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน จริงสินะ วันนี้คุณแพทกับเจ๊เจนัสอยู่ข้างบนนี่นา โอเค ไอซี ไอซี
รอนวิ่งล่อออกไป และแผนที่วางไว้ก็ไม่ผิดจากที่คาด พอพวกมันเห็นหน้าเขาแล้วก็มีปฏิกริยาเหมือนกัน
“ไอ้หนุ่มนั่น เป้าหมายอันดับ 3 ตามมันเร็ว”
“รีบรายงานผู้คุ้มกฎ เป้าหมายอันดับ 3 อยู่ที่ชั้นหนึ่งมุ่งไปทางปีกตะวันตก”
“ไม่ต้องเฝ้าที่นี่แล้ว ไอ้หนุ่มนั่นสำคัญกว่า ทิ้งคนไว้เฝ้าแค่ 4-5 คนก็พอ”
แท็ดๆๆๆๆๆ เพล้งๆๆๆๆๆ
“ทำไมมันหลบกระสุนได้วะ”
“ยิงมันเข้าไป เอ้า มันหายไปไหนแล้ว”
“ไปทางนี้ อ้อมไปดักมัน อ้าว เฮ้ย ทางตัน”
เสียงวิ่งรุกไล่ดังลั่นชั้น 1 กลุ่มคนส่วนใหญ่ถืออาวุธมุ่งไปทางปีกตะวันตกด้วยยังไม่ทราบว่าที่ชั้นใต้ดินยังมีหน่วยยามติดเกราะเต็มอัตราหนึ่งกองร้อยซุ่มอยู่
ทั้งหมดรอเวลา 10 นาทีตามที่รอนสั่งแล้วบุกขึ้นไป มี 10 คนทิ้งโล่ไว้แล้วเคลื่อนตัวไปเงียบๆเพื่อสอดแนม
ทั้ง 10 คนเคลื่อนไปช้าๆตามแนวร้านค้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีกำลังไม่มากก็กระจายกำลังอย่างเงียบเชียบ ใช้สัญญาณมือแทนคำพูด
ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ
เสียงลูกดอกแหวกอากาศปักเข้าที่ศีรษะและลำคอของผู้บุกรุก ก่อนที่ยามทั้ง 10 คน จะเคลื่อนกำลังเข้าไปเงียบๆ แล้วส่งสัญญาณมือว่าพื้นที่ปลอดภัย
“ทุกคนเงียบไว้ก่อนครับ พวกเราเป็นยามของห้าง เดี๋ยวพวกเราจะพาพวกคุณออกไป”
“ยาม? ไม่ใช่ตำรวจเหรอ”
ปัง ปัง ปัง แก็งๆๆ
เสียงปืนพกดังจากเคาเตอร์อาหาร กระสุนพุ่งเข้าที่ศีรษะของยามที่กำลังคุยอยู่จนล้มหงายไป ยามที่เหลือหันหน้าไม้ใส่มือปืนแล้วยิงใส่จนหัวพรุน
ยามที่ถูกยิงหัวลุกขึ้นอย่างหัวเสีย หมวกกันกระสุนบุบเป็นรอย
“จะยามหรือตำรวจก็ช่างเถอะครับ พวกเรามีอาวุธและชุดเกราะ พาพวกคุณออกไปได้แน่ จะไปหรือไม่ไป”
“ไปๆๆ”
จะยาม หรือจะตำรวจ ก็ช่างเถอะ มีเกราะที่สู้โจรได้ กับมีอาวุธในมือแล้วกล้ายิงอีกฝ่ายได้ก็เพียงพอแล้ว
ทั้งหมดส่งสัญญาณเคลียร์พื้นที่ จากนั้นกองร้อยทีมน้ำเงินก็เคลื่อนตัวเข้ามา ทั้งหมดจัดกำลังให้ตัวประกันอยู่ชั้นใน ส่วนกลุ่มยามถือโล่อยู่รอบๆ จากนั้นเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ตลอดทางโล่สบายปราศจากการต่อต้าน เนื่องจากรอนล่อไปทางอื่นหมดแล้ว รองหัวหน้าทีมกดปุ่มเปิดม่านเหล็กที่กั้นประตูไว้ จากนั้นนำกำลังเคลื่อนออกไป
ปังๆๆๆ แท็ดๆๆๆๆ
ทั้งหมดเปิดออกมาเจอกับเสียงปืนดังลั่น ทางซ้ายที่ลานเบียร์หน้าห้าง มีกลุ่มคนตั้งบังเกอร์กระสอบ แล้วยิงต่อสู้กับตำรวจที่อยู่ด้านขวา ร่างของตำรวจหลายนายนอนจมกองเลือดอยู่
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงดังมาจากด้านซ้ายของประตูจนทุกคนหันไปมอง ห่างจากพวกเขาไปไม่ถึง 3 เมตร มือปืนของแก็งเมษา 10 คนกำลังเล็งไรเฟิ่ลติดลำกล้องไปที่ตำรวจโดยไม่ทันสังเกตว่าม่านเหล็กของห้างได้เปิดขึ้นแล้ว รองหัวหน้าทีมน้ำเงินทิ้งโล่ชักมีดออกแล้วสั่งออกไป
“ประจัญบาน!”
“เฮ”
คอมแบทนับสิบรุมกระทืบลงไปบนร่างของมือปืนที่กำลังนอนอยู่ แม้อีกฝ่ายจะรู้ตัวละใช้ปืนยิงสวน แต่ก็แทบไม่เป็นผลอะไร ฝ่ายยามบาดเจ็บสาหัสคนเดียวขณะที่มือปืนทั้งหมดได้ลงไปเที่ยวแดนนรกกันหมด
“ทุกคน คุ้มกันประชาชนออกไปที่แนวหลังของตำรวจ หมู่ 1 หมู่ 2 ไปช่วยตำรวจที่บาดเจ็บในพื้นที่” รองหัวหน้าทีมสั่ง
จากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดก็เคลื่อนตัวออกไปด้านนอก พาตัวประกัน ลากดึงร่างตำรวจที่บาดเจ็บออกจากพื้นที่ต่อสู้ เมื่อถึงแนวหลัง ประชาชนที่ถูกช่วยออกมาก็ถอยไปอยู่ในที่ที่ตำรวจจัดเอาไว้ให้
กลุ่มตำรวจส่วนนึงเข้ามารับคนเจ็บ นายตำรวจที่บาดเจ็บหนักร้องถาม
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“เหลือตำรวจที่สู้ไหว 90 นายครับ ที่เหลือถ้าไม่เจ็บหนักก็เสียชีวิตครับ” ตำรวจที่ถูกถามรายงาน “ตอนนี้เกิดเหตุหลายพื้นที่ สถานีอื่นก็มาช่วยพวกเราไม่ได้ครับ”
“แล้วกองทัพล่ะ”
“เราติดต่อใครไม่ได้เลยครับ แถมการก่อการร้ายตลอดช่วงเช้าทำให้ตอนนี้ถนนที่มุ่งหน้ามาที่นี่ถูกปิดการจราจร รถติดหนักมาก คงอีกนานกว่าทหารจะมาได้ครับ”
นายตำรวจหลับตาลงนึกอะไรบางอย่าง แล้วหันไปทางทีมยาม
“ผม พันตำรวจโทปฐม หัวหน้าสถานีประจำเขตนี้ ใครเป็นหัวหน้าทีมของพวกคุณ ผู้บัญชาการของคุณอยู่ไหน” นายตำรวจถาม
“ผมเป็นรองหัวหน้าทีมน้ำเงิน หัวหน้าทีมของเรายังมาไม่ถึง” รองหัวหน้าทีมตอบ “ส่วนผู้บัญชาการของพวกเราล่อพวกผู้ก่อการร้ายนั่นให้ไปอีกด้านของตึก เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเราพาตัวประกันออกมา”
“ผู้บัญชาการที่ดี ผู้บัญชาการที่ดี”
พันตำรวจโทปฐมพยักหน้า ถ้าหากผู้บัญชาการคนนั้นยอมเสี่ยงเพื่อลูกน้องได้ขนาดนี้ ทีมนี้ต้องเป็นทีมที่ดีแน่ๆ
นายตำรวจมองไปยังตำรวจที่เหลืออยู่ แล้วก็หันไปหารองหัวหน้าทีมยาม “ผมฝากหน่วยของผมไว้กับคุณด้วย พวกเราไม่มีเหลือนายตำรวจระดับบัญชาการแล้ว ยังไงฝากดูแลลูกน้องผมด้วย”
“ได้ครับ”
รองหัวหน้าทีมน้ำเงินสั่งการให้จัดตั้งแนวป้องกัน ใช้ไรเฟิ่ลที่ยึดมาได้ซุ่มยิงแลกกันกับพวกมือปืนแก๊งเมษา ขณะที่ตำรวจและคนเจ็บถูกขนย้ายขึ้นรถพยาบาล
พันตำรวจโทปฐมถูกห้ามเลือดจากบาดแผลนับสิบบนร่าง แทงเส้นน้ำเกลือ แล้วส่งขึ้นรถ ระหว่างนั้นยามในชุดเกราะที่ถูกยิงเข้าท้องก็ถูกส่งขึ้นมาบนรถคันเดียวกัน พยาบาลถอดเกราะกันกระสุน แล้วยกเกราะ โล่กับหมวกออกไป นายตำรวจหันไปเตรียมจะคุยกับยามคนนั้นแล้วก็เอะใจ
ทำไมชุดข้างในเขียนว่า Security
“พวกคุณมาจากหน่วยไหน”
“หน่วยอะไรครับคุณตำรวจ”
“หน่วยทหาร หน่วยปราบจลาจล หน่วยสวาท หน่วยไหน”
“ผมไม่รู้ ผมเป็นยาม เป็นยามของห้างครับ”
“แล้วชุดเกราะนั่น”
“ชุดเกราะของหน่วยยามห้างเราครับ”
“อ้าว เฮ้ย แล้วตะกี้ผมถามทีมคุณไป เค้าบอกว่าหัวหน้าทีมคุณยังมาไม่ถึง”
“ครับ เจ๊แจน หัวหน้ายามทีมน้ำเงินของเรายังมาไม่ถึง”
“แล้วผู้บัญชาการที่ว่าล่อศัตรูไปทางอื่น”
“คุณรอน ท่านประธานของเราครับ เค้าล่อพวกมันไปทางอื่นให้พวกเราหนีออกมา ตอนนี้น่าจะยังอยู่ข้างในนั้น” ยามคนนั้นบอก “วันนี้มีงานคอสเพลย์ แฟนคนนึงของคุณรอนมาร่วมงานด้วย ส่วนคุณเจนัสหัวหน้าทีมยามของเราก็เป็นคนรักคนนึงของคุณรอน คุณรอนน่าจะแวะขึ้นไปช่วยครับ”
“แฟน มาร่วมงานคอสเพลย์ งานคอสเพลย์ที่เด็กๆมาร่วมงานกันเนี่ยนะ” นายตำรวจปฐมร้องขึ้น
“ใช่สิครับ ก็คุณรอนเป็นเด็กมัธยมต้น” ยามคนนั้น
“แว้กกกกกกกกกก ไม่ได้การแล้ว” นายตำรวจลุกพรวดขึ้น เลขความดันบนหน้าจอที่ต่ำอยู่แล้วลงต่ำไปอีกเหลือแค่ 60/40 พยาบาลกับหมอกลับขึ้นมาพอดี
“คุณตำรวจ จะไปไหนคะ”
“ไม่ได้การแล้ว ผมต้องไป ผมต้องไป ผมดันไปฝากคนของผมไว้กับยาม ผมเข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาเป็นหน่วยสวาท ที่จริงพวกเขาเป็นยามที่มีชุดเกราะกันกระสุน ผมเข้าใจผิดว่าผู้บัญชาการของเขาเป็นตำรวจทหาร ที่จริงผู้บัญชาการของพวกเขาเป็นเด็กมัธยมต้น” นายตำรวจร้องออกมาอย่างตระหนกตกใจ
พยาบาลและหมอมองหน้ากัน นายตำรวจพูดอะไรแปลกๆ
“สงสัยคนไข้ความดันต่ำเลยเกิดอาการเพ้อ เปิดน้ำเกลือไหลฟรีโฟลว มัดแขนขาหน้าอกไว้”
“ผมไม่ได้เพ้อหมอ ผมไม่ได้เพ้อ”
“แวเลี่ยม 5 มิลลิกรัม ติดต่อที่โรงพยาบาล เตรียมเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองไว้ด้วย ผู้ป่วยน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนที่สมอง”
แล้วรถพยาบาลก็ออกตัวมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลทันที