Midterm Fantasy - ตอนที่ 22
“วันพรุ่งนี้ข้าจะออกเดินทางไปหมู่บ้านอัลเลน จากนั้นจะเข้าทางหลวงเพื่อไปเมืองกาล่า จะแวะผ่านหมู่บ้านบริเวณนั้น” กลาสเอ่ยขึ้น “ท่านจะฝากจดหมายหรือติดต่ออะไรกับคนในหมู่บ้านรายทางหรือไม่”
“ไม่ล่ะ แค่ฝากทักทายลิตแมน … หัวหน้าหมู่บ้านอัลเลนก็พอ” พ่อเฒ่าเบรเซอร์บอก
“ …………. เบรเซอร์ …. ลิตแมนไปตายแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน” กลาสบอก “ก็อบลินบุก”
เบรเซอร์นั่งนิ่ง … ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาสูญเสียหลายสิ่งไปมากมายเหลือเกิน แม้เขาจะรู้ว่านี้คือเรื่องธรรมดาของยุคนี้ แต่ว่ามันก็มากเหลือเกิน
“ตอนนี้โรคระบาดกับมอนสเตอร์มันลามไปทั่วแล้ว” กลาสว่า “ ซ้ำร้ายพอมอนสเตอร์มีมากเข้า ไร่นาที่เพาะปลูกก็เสียหาย ไม่มีใครกล้าออกไปทำไร่กัน”
“ข้าเดินทางผ่านหมู่บ้านและเมืองหลายแห่ง เมืองและหมู่บ้านที่ถูกโรคระบาด มีคนตายมากมาย … บางหมู่บ้านเจอมอนสเตอร์บุกซ้ำเติม บางหมู่บ้านที่ข้าเคยผ่านค้าขาย ตอนนี้ร้างไปแล้วก็มี”
“ข้าจำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ … ข้าเคยเห็นโรคระบาดก็หลายครั้ง แต่ข้าไม่เคยเห็นมอนสเตอร์มันออกอาละวาดหนักแบบนี้มาก่อน” พ่อเฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านบอก “ตั้งแต่เราสองคนรู้จักกันมา ข้าคิดว่าเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้กันมาก่อนท่านว่าจริงไหม”
กลาสพยักหน้าให้เบรเซอร์ เขารู้จักกับพ่อเฒ่าเบรเซอร์มาตั้งแต่ 40 ปีก่อนตั้งแต่เขายังเป็นเด็กติดตามคาราวานของพ่อค้าเร่ และหลังจากเวลาผ่านไปกลาสออกมาตั้งตัวเป็นพ่อค้าเร่ ส่วนเบรเซอร์ก็มาตั้งหลักปักฐานที่หมู่บ้านโอลเซ่นและกลายเป็นผู้เฒ่าประจำหมู่บ้านไป
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา กลาสเดินทางไปในหลายๆเมือง พบเห็นภัยธรรมชาติมากมาย แต่ว่าไม่มีครั้งใดที่รุนแรงและแผ่วงกว้างแบบครั้งนี้
ทั้งคู่ยืนตรงลานกลางหมู่บ้าน มองดูบรรยากาศรอบๆตัว … ที่ไม่รู้ว่าจะคงสภาพนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
“พ่อเฒ่าครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมของในมือ
“มีอะไรรึพอล” เบรเซอร์ถาม
“คุณรอนให้ผมเอาอาวุธนี้มอบให้กับคนที่อยู่เวรยาม ผมเลยเอามาให้พ่อเฒ่าดูก่อนว่าผมจะแจกจ่ายให้ทุกคนได้ไหม”
เบรเซอร์รับถุงพลาสติกมาเปิดออกดู เขาหยิบไม้ง่ามสีขาวที่มีหนังยางมัดไว้
“นี่คืออะไร”
“เดี๋ยวผมทำให้ดูครับ”
พอลเดินไปที่บ่อน้ำหยิบเอาถังตักน้ำไปวางไว้ข้างกำแพงบ้าน จากนั้นกลับมายืนใกล้ๆชายชรา … จากนั้นบรรจุหินลง เล็ง เหนี่ยว แล้วปล่อยมือ
‘ แป้ก! ’
เสียงหินกระทบเข้ากับถังตักน้ำ จุดที่กระทบ เห็นเป็นรอยสีขาวของเนื้อไม้ที่กะเทาะออกเล็กน้อย
“ไหนขอดูหน่อย” กลาสหยิบเอาไม้ก้านนี้ไปดู ตัวไม้สีขาวไม่มีอะไรพิเศษ แต่ความแปลกอยู่ที่เส้นยางที่ยืดได้หลายเท่า … กลาสเอามือลูบที่เส้นยาง ดมกลิ่น ดึงยืด … หัวใจสั่นอย่างตื่นเต้น … เขาไม่เคยพบเห็นวัสดุแบบนี้ที่ไหนมาก่อน และไม่เคยเห็นอาวุธแบบนี้มาก่อน
“เบรเซอร์ ข้าขอซื้ออาวุธนี่ได้ไหม … ข้าให้ท่าน 2 … ไม่สิ 3 เหรียญทองเลย สำหรับ 20 อันนี้” พ่อค้าเร่ถามอย่างตื่นเต้น
“กลาส ….” พ่อเฒ่าเรียกสั้นๆเตือนสติ .. “อาวุธนี่ไม่ใช่ของข้า แต่เป็นของรอนที่ให้พวกเรามาอีกที ข้าคงขายไม่ได้หรอก”
ไม่ใช่ว่ากลาสไม่รู้จักธนูหรือหน้าไม้ … เขารู้จักดี และบนรถม้าของเขามีธนูและหน้าไม้ใช้ป้องกันตัวอยู่
เพียงแต่ว่าปัญหาของธนูและหน้าไม้มีหลายอย่าง
ประการแรก พกพายาก … หน้าไม้มีน้ำหนักพอสมควร ส่วนธนูเวลาพกพาต้องถอดสายธนู เก็บไว้ในที่แห้ง เมื่อพกไปไหนมาไหนก็ทำได้ไม่สะดวกเพราะมีความยาว
ประการที่สอง ลูกธนูมีราคา … การจะทำลูกธนูต้องตัดไม้มาเป็นแท่งยาว เหลาให้มีขนาดเหมาะสม ติดขนนกไว้ที่ส่วนปลาย การทำหัวธนู หากนำไม้ไปเหลาแหลมแล้วลนไฟให้แข็ง ก็ใช้ได้แต่ว่าการทะลุทะลวงไม่ดี … แต่หากใช้โลหะมาทำหัวธนูแบบของทหาร ก็จะมีราคาแพง
แถมการยิงธนูหรือหน้าไม้ หากยิงไปกระทบเป้าหมายที่แข็ง บางครั้งลูกธนูก็จะหักเสียหาย … นี่คือเหตุผลนึงที่พวกเขาไม่ใช้ธนูหรือหน้าไม้ยิงบราวนี่ที่เข้ามาไล่ล้อมรถม้า
เพราะมันแพง!
แต่ไม้อาวุธนี้ มีขนาดเล็กพกพาได้ สามารถใช้หินที่เก็บมาจากพื้นเป็นอาวุธได้ … ทั้งยังแม่นยำและสามารถใช้ได้รวดเร็วกว่าเชือกสลิง
ถ้านำไปขายในเมืองให้พวกทหารหรือพ่อค้าด้วยกันจะต้องได้กำไรอย่างเห็นๆ
“คุณรอน! คุณรอน! ผมขอคุยด้วย” กลาสวิ่งไปยังเด็กหนุ่มที่เขาเห็นว่ายืนอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน
“ครับคุณกลาส” รอนหันมามองพ่อค้าเร่หัวล้านที่วิ่งเข้ามาอย่างงงๆ
“คุณขายอาวุธนี่ให้ผมได้ไหม … 20 อันนั้นผมให้คุณ 3 เหรียญทองเลย”
“3เหรียญทอง!” รอนพูดทวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ….
แต่! หัวใจเต้นเร็ว Tachycardia ขึ้นมาทันที! 2หมื่นบาทx3เหรียญ = 6หมื่นบาท!
“ไม่ได้หรอกครับ” รอนสลัดความคิดชั่ววูบนั้นและปฏิเสธไป “ตอนนี้ที่นี่ต้องการอาวุธป้องกันหมู่บ้าน หากผมขายไปแล้วหมู่บ้านก็ไม่มีอาวุธอื่นแล้ว”
กลาสสะอึกไป … ก็จริงของเขา … แม้จะมีเงินแต่ว่าหากถูกมอนสเตอร์บุกเข้ามาฆ่า เงินแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย
“เอาอย่างนี้ไหมครับคุณกลาส” รอนเสนอ “ผมขายไม้ง่ามทั้งชิ้นนี้ให้คุณไม่ได้ แต่ผมขายแต่ตัวยางยืดให้คุณได้”
“ยางยืด ?!?”
“ครับ … สักครู่นะครับ” รอนบอกก่อนจะหันไปเรียกพอลที่เดินถือถุงมาพร้อมกับเบรเซอร์”คุณพอล… ขอถุงให้ผมหน่อยครับ”
เด็กหนุ่มหยิบเอาถุงพลาสติกมา … ตอนที่อาม่าปากซอยขายให้ อาม่าบอกว่ามีสายสำรองให้มาด้วย เขาล้วงไปแล้วดึงเอาสายหนังยางที่ไม่มีไม้ขึ้นมา
“นี่ครับ … ถ้าขายเป็นแบบสายอย่างเดียว คุณกลาสสามารถเอาไปใส่กับไม้ในแบบของตนเองได้” รอนควักไม้หนังสติ๊กแบบโลหะของตนขึ้นมา “ อย่างอันนี้ของผม ตัวด้ามทำจากโลหะ และใช้สายยาง3เส้น สามารถเพิ่มแรงยิงได้อีก”
ม่านตาเบิกกว้างอย่างยินดีที่ได้ยินโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้นมา
จริงด้วย … หากเขานำยางเส้นที่ว่านี้ ไปประกอบเข้ากับไม้ที่แกะสลักเป็นด้ามอย่างงดงาม ก็สามารถเพิ่มค่าและราคาได้ …
พวกทหารหรือขุนนางในเมืองไม่ได้มองอาวุธเป็นแค่สิ่งของในการต่อสู้ แต่บางครั้งมันเป็นไปถึงเครื่องประดับ
ระหว่างที่กลาสกำลังคิดอยู่นั้นเอง รอนฉุกใจคิดว่าจะเรียกราคาแค่ไหนดีสำหรับสายยางทั้ง 30 เส้นนี้ …. เขาหันไปหาเบรเซอร์อย่างขอความเห็น พ่อเฒ่าพยักหน้าให้เขา
“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณรอน … ข้ารู้จักกลาสมาหลายสิบปี แม้จะเป็นพ่อค้าที่เคร่งครัด แต่ว่าก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ไม่ขูดรีด … เค้าไม่โกงและไม่บอกใครหรอกว่าได้ของเหล่านี้มาจากไหน”
…….. เอ่อ พ่อเฒ่าครับ ผมอยากจะถามเรื่องราคา ไม่ได้จะถามว่าไว้ใจได้ไหม แบบนี้แล้วคงถามไม่ได้แล้วล่ะ … รอนคิดในใจ
“ อืมมม …. งั้นผมขายในราคา 2 เหรียญทองแล้วกัน” รอนบอก
“ หือ … เดี๋ยวก่อนคุณรอน … เมื่อครู่ผมเสนอราคาให้ 3 เหรียญต่อ20ชิ้น” กลาสแย้ง “บอกตามตรง ส่วนที่สำคัญที่สุดของอาวุธนี่ที่ผมต้องการก็คือส่วนยางยืด … ส่วนยาง30ชิ้นก็ก็น่าจะราคาเท่าเดิมหรือมากกว่าสิ”
“คืออายุการใช้งานมันอยู่ได้ประมาณ3-4ปี … ผมเคยมีอยู่อันนึงที่พอใช้ไปนานๆแล้วยางมันเสื่อมและพอจะใช้ก็ขาดลง”รอนบอกอย่างไม่ปิดบัง กลาสค่อยๆคิดในใจ ถ้าอายุการใช้งานไม่ยาวนานมาก ราคาที่จะขายก็อาจจะลดลงสักหน่อย
“ตกลง งั้นตกลงที่2เหรียญทอง”
กลาสหยิบเงินเหรียญทองออกมายื่นให้รอนก่อนจะรับยางหนังสติ๊กไป โดยขอตัวอย่างอันหนึ่งไปศึกษาการมัดผูกอย่างถี่ถ้วน
รอนรับเงินเหรียญทองมาใส่กระเป๋ากางเกง เขาตรวจเช็คสเตตัสจนแน่ใจว่าเหรียญทองนี้อยู่ในช่องกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างข้างละเหรียญ
รอนไม่รู้ว่าในการเดินทางข้ามมิติของเขา มันนับเหรียญเป็นไอเทมกี่อัน ถ้าเขาใส่กระเป๋าไว้ด้วยกัน มันจะข้ามไปเหรียญเดียวหรือไปทั้งสองเหรียญ
เขาต้องหาวิธีทดสอบดู
“คุณพอลมีกระเป๋าใส่เงินไหมครับ ผมขอยืมหน่อยครับ”
พอลพยักหน้าแล้วหยิบถุงผ้าใบนึงออกมา ภายในมีเสียงเหรียญทองแดงกระทบกันอยู่ รอนรับไปถือไว้
“สเตตัส” รอนพูดขึ้นเบาๆ ภาพของตัวเขาและSlotใส่ของโผล่ขึ้นมา ที่มุมขวาบนสุดมีรูปเหรียญทองแดงตามด้วยเลข13
คราวนี้รอนหยิบเหรียญทองจากกระเป๋าเสื้อใส่ลงในถุงเก็บเงิน มองอีกครั้ง
ตอนนี้มีรูปเหรียญทองเพิ่มขึ้นมา มีเลข1 ส่วนเหรียญทองแดงยังเป็นเลข13รอนลองหยิบเหรียญทองแดงออกมาใส่กระเป๋าเสื้อ1เหรียญ ตัวเลข13ก็ลดลงเหลือเป็น12
ดูเหมือนถ้าใส่เงินในถุงใส่เงินโดยเฉพาะ มันจะถือเป็นไอเทมชิ้นเดียวแฮะ
แต่จะลองจริงๆเห็นทีต้องลองสักครั้ง
“ผมขอยืมถุงเงินนี่สักวันนึงได้ไหมครับ”เด็กหนุ่มถาม
“ได้สิครับคุณรอน” พอลตอบ … เงินในนั้นเหลือแค่10กว่าเหรียญทองแดง เทียบกับของที่รอนให้หมู่บ้านมา ต่างกันไม่รู้กี่สิบเท่า
รอนปล่อยให้คนทั้งสามคุยกันต่อไป ส่วนเขากลับไปที่ประตูทางเข้าหมู่บ้าน เขาคิดหาวิธีที่จะป้องกันหมู่บ้านจากมอนสเตอร์ที่อาจจะมาบุกได้
“ทำไมไม่มีใครลองทำกับดักดูล่ะครับ” เด็กหนุ่มถาม
“กับดัก …. หมายถึงให้ขุดหลุมแล้วพรางหลุมให้มอนสเตอร์ตกลงไปเหรอครับ” ชาวบ้านถามทวน “ไม่ได้หรอกครับ ขุดไว้ถ้าเราพรางไม่ดีมอนสเตอร์ก็ไม่ตก … ที่จะตกลงไปคงมีแต่พวกเด็กๆหรือคนที่เดินทางผ่านไปมามากกว่า แถมตอนนี้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของเราป่วยขนาดนี้ไม่มีใครมีแรงไปขุดหรอกครับคุณรอน”
เรื่องนี้รอนไม่นึกถึงมาก่อน เพราะว่าเวลาเล่นเกมต่างๆ พวกกับดักมักเล่นงานแต่ฝ่ายศัตรู แต่กับดักจริงๆมันไม่เลือกฝั่งแต่ทำร้ายทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม และหากหมดช่วงที่มอนสเตอร์ระบาดแล้วเผลอเหลือกับดักที่ไม่ได้ทำลายทิ้งไว้ ชาวบ้านเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายสูญเสีย
“แล้วพวกกับดักสัตว์แบบนี้มีไหมครับ” รอนทำท่าเอามือสองข้างงับๆกัน “แบบที่เป็นฟันแล้วมางับเวลาสัตว์เหยียบลงไป”
“โหย คุณรอนครับ ของราคาแพงแบบนั้นเราไม่มีหรอกครับ ของแบบนั้นต้องทำจากเหล็กหรือบรอนซ์ เราไม่มีปัญหาไปหามาใช้หรอกครับ”
รอนครุ่นคิดวิธีที่จะป้องกันหมู่บ้านให้ดีไปกว่านี้ แล้วก็มีเสียงร้องมาจากทางประตูทางเข้าหมู่บ้าน
“ก็อบลินมา! มีก็อบลินมา!”
เสียงเคาะแท่งไม้สัญญาณดังขึ้นบ่งบอกความเร่งด่วน คนที่กำลังซื้อของหรืออยู่ในลานกลางหมู่บ้านต่างแสดงความตกใจ … คนที่ยังพอมีแรงทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างพากันหาอาวุธที่พอจะหาได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์ทำไร่ที่ทำจากไม้
“ไปหาไม้พลองมา แล้วมาเอาปลายหอกที่นี่” เสียงกลาสตะโกนมาจากรถม้า เขาหยิบปลายหอกทองแดงที่วางขายลงมาจากรถ ชาวบ้านหลายคนวิ่งไปที่รถม้า ลูกจ้างของพ่อค้าเร่ต่างช่วยกันสวมปลายหอกทองแดงเข้าไปที่ไม้ และตอกตะปูทองแดงเข้าไปเพื่อให้ยึดกับเนื้อไม้ ให้แน่นที่สุด ข้างกายของลูกจ้างทุกคนมีหน้าไม้เล็กหรือคันธนูที่ขึ้นสายแล้วเตรียมอยู่
รอนวิ่งไปที่ทางเข้า พ่อเฒ่าเบรเซอร์ โรล่า และมาเรียยืนอยู่ตรงนั้น พอลและชาวบ้าน10คนตั้งแถวอยู่ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านล้ำออกไปนอกรั้วหมู่บ้านเล็กน้อย ….
เบื้องหน้าประมาณ 50 เมตร มีร่างสูงประมาณ 1 เมตรยืนเรียงรายกันเกือบ20ร่าง ผิวหนังสีเขียวเข้ม ใบหน้าเป็นส่วนผสมของมนุษย์และวานร เกือบทุกตัวถืออาวุธมีดหรือไม้ บ้างสวมกางเกงหนังสัตว์ บ้างก็สวมเกราะที่ทำจากไม้
“ทุกคนระวังให้ดี” พ่อเฒ่าเบรเซอร์เตือน “ปกติก็อบบลินไม่ยืนนิ่งๆแบบนี้ มันต้องมีหัวหน้าแน่ๆ”
แต่ละคนสอดส่ายสายตามองบริเวณใกล้ๆทันที
“ระวัง!ลูกธนู” ใครคนนึงร้องขึ้น ลูกธนูลอยพุ่งโค้งมาจากต้นไม้ที่ห่างออกไปราว20เมตรตรงมายังกลุ่มคนที่ออกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน
“ข้าแต่เทพโบร่าโปรดคุ้มครอง < Wind Shield >”สิ้นเสียงพ่อเฒ่าเบรเซอร์ ลูกศรที่กำลังพุ่งก็เหมือนกับพุ่งชนอะไรบางอย่าง อ่อนแรงลงและพุ่งชนชาวบ้านคนนึงเบาๆ เพียงได้เลือดและแผลไม่ลึกเท่าไหร่
ห๊ะ เวทมนตร์! รอนตกตะลึงไปครึ่งวินาทีก่อนจะนึกได้ว่านี่เขาข้ามโลกมา เจอก็อบบลิน เจอการเปิดสเตตัส …. อืม เวทมนตร์ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ละ
“ทุกคนเตรียมลูกหินและหนังยาง” รอนร้องตะโกนพร้อมกับลูกธนูที่ถูกยิงมาจากบนต้นไม้อีกครั้ง ลอยพุ่งไปทางโรล่า รอนวิ่งเข้าไป
[Shield]
เป้ง!
เสียงธนูกระแทกโล่กระทะ ตอนนี้ทุกคนเห็นร่างก็อบลินที่ถือธนูบนคาคบไม้ชัดเจนแล้ว รอนตะโกนสั่งอีกครั้ง
“ยิงไปบนต้นไม้ 3..2..1..ยิง”
เสียงผึงของหนังยางดังพร้อมๆกัน ก้อนหินกลุ่มใหญ่ลอยพุ่งไปที่ต้นไม้ ตามด้วยเสียงกระแทก
เก้งเก้งตุบตุบเก้งเก้งตุบ
ร่างๆหนึ่งหล่นลงมากองที่ใต้ต้นไม้ … ก่อนจะลุกขึ้นมา รอนมองที่แถบพลังชีวิตที่เป็นสีเขียว … มันแทบจะไม่บาดเจ็บเลย
“ก็อบลินกัปตัน” เบรเซอร์พูด “ยิงมันต่อ อย่าให้มันรอดไปได้”
แต่ละคนพยายามยิงอีกแต่มันหลบไปหลังต้นไม้เสียแล้ว
“ทำไมต้องรีบยิงมันด้วยครับ”รอนถาม
“ก็อบลินในภาวะปกติจะไม่โจมตีหมู่บ้าน … ยกเว้นแต่ว่ามันมีผู้นำกลุ่ม”เบรเซอร์ตอบสั้นๆ ในขณะที่มีเสียงร้องดังจากต้นไม้ ก็อบลิน20ตัวที่ยืนคุมเชิงอยู่ต่างกรูกันเข้ามา
และเปิดฉากโจมตีหมู่บ้าน!