Midterm Fantasy - ตอนที่ 225
รอนปักธูปลงไปที่กระถาง ยกมือแสดงความเคารพแล้วก็เดินถอยหลังกลับออกมา ลุงบัวดำที่ยืนอยู่เบื้องหลังยกมือส่งสัญญาณให้กับคนงานหลายร้อยที่ยืนรออยู่
เหล่าคนงานช่วยกันยกโลงศพหย่อนเข้าสู่ช่องบรรจุ โลงศพทั้ง95โลงถูกหย่อนลงไปในเวลาเดียวกัน เสียงร้องไห้ของครอบครัวญาติมิตรดังระงมขึ้นทั่วบริเวณ จวบจนโลงสุดท้ายถูกบรรจุและเลื่อนแผ่นปูนปิด เสียงร้องไห้นั้นจึงค่อย ๆ ลดลงไป
ทุกสายตาค่อยๆเลื่อนไปที่รอน ที่ยืนอยู่ตรงเวทีหน้ากระถางธูป ควันธูปสีขาวลอยขึ้นปกคลุมเป็นฉากหลังให้กับเด็กหนุ่ม
“ทุกคนที่เสียชีวิตไป ทำหน้าที่ของตนอย่างดี และในสถานการณ์ที่คับขัน ก็เสียสละเพื่อพวกพ้องรอบข้าง” รอนกล่าว “ทุกคนคือพี่น้อง และพี่น้องที่จากไปของพวกเราล้วนมีคนข้างหลัง”
เด็กหนุ่มหยิบถุงป่านใบหนึ่งขึ้นมา
“จิวไท่ ทีมสีเหลือง สละชีพระหว่างการช่วยตัวประกันที่ชั้นสองของอาคาร จิวไท่มีมารดา มีภรรยาและลูกอีก 2 คน” รอนยกถุงในมือนั้นขึ้น สายตามองไปเบื้องหน้า หญิงสูงวัยและหญิงสาวกับเด็กๆเดินขึ้นมาและรับเอาถุงนั้นก่อนจะเดินถอยกลับลงไป รอนยกถุงใหม่ขึ้นขึ้นมา
“หลิวเฟย ทีมสีเหลือง สละชีพที่ทางออกอาคารต้านทานการโจมตีเพื่อซื้อเวลาให้ตัวประกันหนีออกไป หลิวเฟยมีน้องสาว 2 คน”
“หลงมู่ ทีมสีแดง สละชีพในการต่อสู้ต้านการบุกยึดชั้นโรงหนัง หลงมู่มีภรรยาและลูก3คน”
รอนอ่านตัวหนังสือที่ขึ้นที่จอตรงหน้า ยกถุงป่านจากถาดส่งไปให้คนที่เดินขึ้นมารับ ทีละคน ทีละคน
บางครอบครัวที่รับเอาถุงนั้นไป เปิดดูถุงป่านแล้วเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
เหรียญทอง 100 เหรียญถูกบรรจุในนั้น ถ้าคิดเป็นมูลค่าก็ตกนับล้านบาท
รอนขานชื่อต่อไปจนถึง 5 ชื่อสุดท้าย 5 คนนี้ไม่มีครอบครัว ถุงทั้ง 5 ถุงถูกตั้งทิ้งไว้ที่พาน
“ครอบครัวของพี่น้องที่จากไป จะได้รับเงินชดเชยครอบครัวละ 2 ล้าน หากมีลูก ลูกทั้งหมดจะได้รับการสนับสนุนการศึกษาจนกระทั่งอายุ 25 ปี” เด็กหนุ่มกล่าว “สำหรับคนในครอบครัว สามารถใช้สวัสดิการส่วนกลางได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด”
หลังจากเหตุการณ์ ลุงบัวคุยกับรอนเรื่องการชดเชยให้กับผู้ตาย หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าจะให้เงิน ทอง และสวัสดิการ
และโดยการติดต่อของคุณวิทวัส พ่อของแพท รอนก็ซื้อพื้นที่หมู่บ้านขายไม่ออกระดับล่างย่านชานเมืองมา ปรับปรุงเพื่อให้เป็นหมู่บ้านของคนในบริษัทรุ่งโรจน์ ส่วนกลางที่ว่าคือเรื่องอาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ และบริการต่างๆ
เมื่อได้ยินคำกล่าวดังนั้น คนของบริษัทรุ่งโรจน์ทั้งหลายต่างตาเป็นประกาย
สิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวลก็คือ หากทำงานแล้วต้องตายหรือพิการไป แล้วครอบครัวเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร ลูกจะได้เรียนต่อหรือไม่ พ่อแม่แก่เฒ่าจะมีคนดูแลหรือเปล่า
หรือแม้แต่สัญญาว่าจะดูแลแต่ก็ไม่มีใครมั่นใจในอนาคตว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิมตลอดไป แต่เมื่อรอนตบรางวัลให้ตกมูลค่าร่วม4ล้าน ก็เหมือนเป็นหลักประกันให้ได้ว่าทุกคนข้างหลังจะอยู่กันอย่างสบาย
ทุกสายตามองไปยังท่านประธานของพวกเขาอย่างซึ้งใจ
เดิมทีทุกคนคือคนที่หลบหนีเข้าเมืองมา อาศัยรวมกลุ่มกับลูกพี่หลิวลี่จงเป็นแก๊งรุ่งโรจน์ทำการค้าของเถื่อนหนีภาษี ต้องอาศัยอย่างหลบๆซ่อนๆ ไม่เห็นอนาคต
แต่รอนได้รับพวกเขาเข้ามา ให้งาน ให้ที่พักพิง และยังให้หลักประกันแกครอบครัว
รอนเดินลงจากเวทีและเดินตรงไปที่ทางออกสุสาน
คนของสามกองร้อยที่เหลืออยู่โค้งคำนับ
คนในหน่วยอื่นๆโค้งคำนับ
เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาๆ และเดินตรงไปที่ทางออก ที่ซึ่งเจนัส เจน และแจนยืนรออยู่
“พวกเราไปกันเถอะ ทุกคนคงรอกันอยู่แล้ว” รอนบอกกับทั้งสามก่อนจะก้าวขึ้นรถตู้ไป
รถตู้แล่นไปตามถนน ไม่กี่สิบนาทีก็เลี้ยวเข้าไปที่สุสานอีกแห่ง เด็กหนุ่มพร้อมกับสามสาวเดินเข้าไปภายใน จนกระทั่งถึงหลุมฝังศพที่คุ้นเคย
ลูก ๆ หลาน ๆ ของอาม่ายืนอยู่
ครอบครัวของแพทและครอบครัวของรอนยืนอยู่
และโดยที่ไม่มีใครถามอะไร ทั้งหมดก็ช่วยกันนำโลงศพของอาม่าเข็นใส่เข้าช่อง ปิดแผ่นหินช่องใส่โลง ชื่อหวงหมิงเยี่ยและรูปของอาม่าถูกติดตั้งเข้าที่หลุมฝังศพนั้น
“รอน นี่เป็นกุญแจของห้องใต้ดิน” ลูกชายของอาม่ายื่นให้
“เจนัส อาม๊ารับเธอให้ใช้แซ่หวงและสืบทอดวิชาจากบรรพบุรุษ นี่คือตำราวิชาหมัดใต้ของตระกูลอาม๊า ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่25มีป้ายบรรพบุรุษอยู่ ถ้ามีอะไรสงสัยในอนาคตก็มาถามพวกเราได้” ลูกชายอาม่ายื่นกล่องตำราส่งให้เจนัส “ยังไงเราก็ถือเป็นคนครอบครัวเดียวกัน”
เจนัสรับเอาตำราไว้ ขณะที่รอนพยักหน้าให้ลูกชายลูกสาวของอาม่า หลังเหตุการณ์เขาได้พูดคุยกับลูกๆของอาม่า และก็ขอซื้อที่ร้านอาม่าไว้อยู่แล้ว
พ่อแม่ของแพทและพ่อแม่ของรอนไปอยู่ที่หน้าหลุมศพของอาม่าครู่หนึ่ง สำหรับครอบครัวของรอน คุ้นเคยกับอาม่ามานานปีและมาเชงเม้งด้วยกันประจำ แม่ของรอนจึงตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้
รอนมองไปทางพ่อของแพท เห็นว่าพ่อของแพทรู้จักกับอาม่ามาตั้งแต่สมัยที่ข้ามมาโลกนี้ใหม่ๆ ดูไม่น่าแปลกใจที่จะมาร่วมงาน
แต่เด็กหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแม่ของแพทมีท่าทางเศร้าเสียใจ ตาแดงๆเหมือนกับจะร้องไห้ยิ่งกว่าแม่ของเขาเสียอีก
ทั้งสามครอบครัวอยู่คุยกันครู่หนึ่งแล้วก็เตรียมตัวกลับ ลูกๆของอาม่าขึ้นรถและขับออกไปก่อน
“รอน เราไปก่อนนะ”แพทบอก เด็กสาวเหลือบมองเจนัสแวบนึงก่อนจะเดินตามหลังพ่อแม่ไปที่ลานจอดรถ
“เจนัส แจน เจน พวกเธอจะกลับพร้อมพวกเราไหม” พ่อของรอนถาม
“เดี๋ยวพวกเราขออยู่ที่นี่สักครู่ค่ะ” เจนัสตอบ “เดี๋ยวพวกเรากลับรถตู้กันได้ แล้วเดี๋ยวกลับไปเจอกันที่บ้านคุณอานะคะ”
พ่อแม่ของรอนพยักหน้ารับ หลังจากที่บ้านอาม่าเจอถล่มไป ทั้งสามคนก็ไปพักที่บ้านของรอนกันเป็นการชั่วคราว
“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะรอน”
“ครับพ่อ” รอนตอบแล้วเดินตามพ่อแม่ไป ทิ้งให้เจนัส เจน และแจน ยืนกันอยู่เพียงสามคน
หญิงสาวทั้งสามยืนอยู่ที่หลุมฝังศพอาม่า อาม่าใจดีที่ให้ที่พักพิงกับพวกเธอ แม้จะรู้จักกันเป็นเวลาไม่นานแต่ก็เป็นผู้ที่ให้ความรักความห่วงใยกับพวกเธอทั้งสาม
แล้วทั้งสามก็เดินไปที่หลุมฝังศพอีกหลุม หลุมฝังศพของ “เจนัส” และพ่อแม่
“วันนี้พี่จะบอกพ่อกับแม่ของรอน” เจนัสบอก “เรื่องที่พี่เป็นหลานของพวกเขา”
“พี่เจนัส!”
“ถ้าพี่บอกออกไป แล้วเรื่องระหว่างพี่กับรอนล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเธอก็รู้นี่ว่าเราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”เจนัสบอก “และไม่ว่าคนอื่นจะรู้หรือไม่ก็ตาม ความจริงที่เราสองคนคือญาติสนิทกันมันก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
“พี่เจนัส” เจนและแจนร้องออกมาเบาๆ
“พี่ตัดสินใจแล้วแหละ วันนี้พี่จะบอกคุณอาทั้งสองและรอน” เจนัสกล่าว “นี่คงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการ คุณอาทั้งสองก็จะได้สบายใจเสียทีที่รู้ว่าหลานยังมีชีวิตอยู่”
เจนัสยกมือขึ้นลูบไปที่ภาพของพ่อและแม่ที่หลุมศพ นึงถึงความอบอุ่นที่ได้รับเมื่อสมัยยังเด็ก
“คุณพ่อ คุณแม่ หนูทำถูกแล้วใช่ไหมคะ”
หญิงสาวถามขึ้นเบาๆ
เสียงฝีเท้าดังมาจากเบื้องหลัง เจนัสหันไปมองช้าๆ
รอนยืนอยู่เบื้องหลัง … ส่วนเจนกับแจน หายไปไหนแล้วไม่รู้
“รอน!” เจนัสร้อง “พี่ พี่แวะมาดูหลุมศพคุณลุงคุณป้าของเธอ เมื่อกี้เห็นว่ามีใบไม้คลุมเยอะเลยช่วยเอาออกไปน่ะ”
“ครับ”รอนตอบสั้นๆ
“รอน”
“ครับ”
“วันนี้พี่จะไปคุยกับพ่อแม่เธอหน่อย เธออย่าเพิ่งออกไปไหนนะ”
“ครับ”
เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ
“คุณเจนัส เดี๋ยวผมจะให้คนมาต่อเติมบ้าน จะได้เพิ่มห้องให้พวกคุณทั้งสามคน”
“ไม่ต้องหรอกน้องรอน เดี๋ยวพวกพี่ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านกับคนที่บริษัทกันก็ได้”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมสัญญากับอาม่าไว้แล้วว่าจะดูแลทุกคน อย่าปฏิเสธเลยครับ”รอนว่า
“อ่อ ที่สัญญากับอาม่าไว้ว่าจะดูแล” เจนัสบอก “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้อาม่าก็ไม่อยู่แล้ว”
“ต่อให้อาม่าไม่ขอไว้ ผมก็จะดูแลครับ” รอนจ้องตาหญิงสาวอย่างแน่วแน่ “โดยเฉพาะคุณเจนัส ผมยิ่งต้องดูแล”
ทั้งสองยืนมองหน้ากัน
“รอน ชั้นมีอะไรจะบอกเธอ” เจนัสตัดสินใจแล้ว เธอจะบอกความจริงกับรอนออกไป
หากแต่รอนหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เขาหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาแล้วเดินตรงไปที่หลุมศพของลุงป้าของเขา
“คุณลุงครับ คุณป้าครับ ผมรอนเอง”
เด็กหนุ่มพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลเจนัส …. ลูกของคุณลุงคุณป้าเอง”
“รอน นี่เธอรู้..” เจนัสยืนแข็งนิ่งเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่ารอนจะรู้ความลับนี้อยู่แล้ว “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมเพิ่งสงสัยช่วงตอนเชงเม้งครับ วันนั้นพ่อพูดถึงลุงและป้าถูกฆาตกรรมที่ต่างประเทศและเรื่องที่ไม่มีศพของหลานกลับมา ผมเห็นหน้าป้าสะใภ้แล้ว หน้าของป้าสะใภ้เหมือนกับคุณเจนัสมาก” รอนบอก “ตอนนั้นทำให้ผมคิดได้ว่า จะเป็นไปได้ไหม ถ้าหากครอบครัวคุณลุงถูกแก๊งเมษาฆ่า และลูกของลุงถูกจับไปอยู่ในแก๊งล่ะ…”
“จนวันที่ผมได้เห็นรูปถ่ายนี้ผมก็เริ่มนึกสงสัยมากขึ้น วันนั้นอาม่าบอกทุกคนว่ารับเอาคุณเจนัสเป็นลูกหลาน อาม่าบอกว่าคุณชื่อว่า หวงอิ้งเหยี่ย ชื่อของลูกสาวคุณลุงที่หายไปคือเฉินอิ้งเหยี่ย ” รอนบอกต่อ “แถมอาม่าก็มีท่าทางไม่อยากให้คุณเจนัสมาที่หลุมศพของลุงกับป้า ทำไมอาม่าทำตัวแปลกๆแบบนั้น ทำไมอาม่าไม่ยอมให้คุณมาที่หลุมศพนี้ ทำไมอาม่าถึงต้องบอกเรื่องที่รับคุณไปใช้แซ่หวงกับพ่อแม่ของผม ทำไมวันนั้นช่วงขากลับ คุณถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป” รอนเดินไปที่หลุมฝังศพ นิ้วมือลูบไปที่รูปเด็กสาวที่ชื่อ เฉินอิ้งเหยี่ย
“ครอบครัวของเราตั้งชื่อรุ่นของเราไว้ให้คล้องจองกัน คุณชื่ออิ้งเหยี่ย แปลว่าสะท้อนเงาจันทร์ ชื่อไทยคือชื่อเดือน ส่วนผมเองชื่ออิ้งยื่อ แปลว่าทรงกลดสะท้อนเงาอาทิตย์ ชื่อไทยตั้งชื่อว่ารอน ให้คล้องกับแสงตะวันที่รอนลงเมื่อมีการสะท้อน”
“อาม่าน่าจะจำคุณได้ เพราะอาม่าเคยเห็นหน้าป้าสะใภ้ของผมมาก่อน และอาม่าก็คงจะรู้ว่าเราสองคนรู้สึกกันยังไง จึงได้พยายามไม่ให้คุณเข้ามาใกล้หลุมศพนี้และได้เห็นรูปของตนเองตอนเด็ก” รอนพูดต่อ “และที่คุณเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น ก็คงเพราะคุณบังเอิญมาเห็นรูปหน้าหลุมศพนี้เข้า”
เด็กหนุ่มหยิบรูปถ่ายขึ้นดูอีกครั้ง รูปถ่ายรวมครอบครัวลุงและครอบครัวของเขา
“รูปใบนี้..” หญิงสาวถาม
“รูปครอบครัวที่พวกเราเคยถ่ายด้วยกันตอนก่อนที่คุณจะไปต่างประเทศ พ่อผมใส่กรอบไว้ที่ห้องรับแขก ผมเลยเก็บออกมา” รอนบอก “ตอนนี้พ่อกับแม่ผมยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ถ้ามีรูปป้าสะใภ้ติดไว้แบบนั้นสักวันพ่อกับแม่ก็คงเอะใจขึ้นมา ผมเลยเก็บออกมาเสียก่อน”
รอนเดินไปที่หลุมศพของเด็กสาว แง้มเลื่อนแผ่นหินออกมาเล็กน้อย
“เฉินอิ้งเหยี่ยได้ตายไปแล้ว คนที่อยู่ตรงนี้คือหวงอิ้งเหยี่ย แบบนี้แหละดีแล้ว”
รอนสอดรูปถ่ายใบนั้นเข้าไปในหลุมศพแล้วเลื่อนฝาปิดกลับ ก่อนจะเดินไปหาเจนัส กุมมือเอาไว้
“ตอนนี้มีใครที่รู้เรื่องนี้บ้าง”
“เจน แจน แล้วก็คุณแพท”
“อือ สามคนนี้คงไม่บอกใคร” รอนบอก “แล้วเรื่องที่คุณจะไปบ้านผมไปบอกพ่อกับแม่ ก็ไม่ต้องแล้วนะ”
“แต่พวกท่านควรจะรู้ไว้นะ”
รอนส่ายหน้า
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือยังไง ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณก็ยังเหมือนเดิม” รอนตอบ “บอกพวกท่านไปมีแต่จะรู้สึกลำบากใจกันเปล่าๆ”
หญิงสาวน้ำตาเอ่อขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอทำใจไว้ก่อนแล้วว่าจะตัดใจจากเด็กหนุ่มคนนี้
เธอกลัวว่าหากวันใดวันหนึ่งเขารู้ขึ้นมาว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้วความรู้สึกที่มีต่อกันจะเปลี่ยนไป เธอทำใจจนกระทั่งบอกกับแพทไปเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่ารอนนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วและยังคงคิดกับเธอเช่นเดิม
“แล้วเรื่องของเราสามคน…” เจนัสเอ่ยขึ้น รอน แพท และเจนัส ความสัมพันธ์ของคนสามคนไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยังหาทางออกไม่ได้เลย
“เรื่องนั้น ….ผมก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน” รอนบอก “ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไปก็แล้วกัน”
แล้วทั้งสองคนก็ยืนกุมมือกันเงียบๆที่หน้าหลุมฝังศพ ที่ลานจอดรถของสุสาน พ่อกับแม่ของรอนนั่งแช่แอร์อยู่ในรถ มองดูคนงานที่กำลังปักธงรอบๆสุสาน
“ตารอนยังไม่กลับมาเลย” แม่พูดขึ้น “อือ คงคุยกับเจนัสกันสองคนแหละแม่” พ่อบอก “หนูเจนหนูแจนเดินกลับมากันแค่สองคนนี่”
“พ่อจะไม่คุยอะไรกับทั้งสองคนหน่อยเหรอ” แม่ถาม
“คุยเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่ว่ารอนคบกับหนูแพทอยู่แล้ว หรือว่าเรื่องนั้น” พ่อถามกลับ
“ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ” แม่บอก
“เรื่องรอนคบกับแพท หนูเจนัสน่ะรู้อยู่แล้ว ส่วนหนูแพทน่ะ แม่ไม่เห็นสายตาของหนูแพทวันนี้เหรอ พ่อคิดว่าทั้งสามคนคงจะรู้อะไรบางอย่างกันอยู่แล้วแต่ยังตัดสินใจหาทางออกกันไม่ได้” พ่อบอก “เราทำได้แค่ย้ำเตือน ส่วนพวกเขาจะเลือกทางไหนก็ปล่อยให้เขาเลือกกันไปเองก็แล้วกัน ส่วนเรื่องนั้น…”
พ่อหยิบเอารูปถ่ายออกมา เป็นรูปใบเดียวกับรูปถ่ายที่รอนแอบเอาออกไป ตอนแรกพ่อก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งคุยกับรอนวันนั้นแล้วจู่ๆรูปถ่ายก็หายไปจากบ้าน แถมจู่ๆอาม่าก็รับเอาเจนัสไปใช้แซ่เดียวกัน ท่าทางของอาม่าที่กันไม่ให้เจนัสมาทางหลุมฝังศพครอบครัว และท่าทีของเจนัสต่อรอนที่เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือในขาไปและขากลับ ทั้งหมดทำให้พ่อต้องไปค้นหารูปเก่าๆ จนกระทั่งเจอรูปที่อัดสำรองเอาไว้ และได้สังเกตว่าเจนัสมีหน้าตาคล้ายพี่สะใภ้มากแค่ไหน แถมยังมีชื่อเหมือนกับหลานที่หายตัวไปอีก
“เรื่องนั้น … เรื่องที่ทั้งสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ถ้าเดาไม่ผิด รอนคงจะกำลังบอกเจนัสอยู่ ให้พวกเขาตัดสินใจกันเองแล้วกันว่าจะทำยังไงต่อไป” พ่อบอก
“แต่ว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ” แม่ท้วง
“เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้ใช้ความใกล้ชิดของลูกพี่ลูกน้องนำความสัมพันธ์กันมาก่อน” พ่อบอก “ถ้าครอบครัวเราไม่ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลตั้งแต่รุ่นปู่ ยังอยู่ที่ประเทศเดิม เรื่องนี้ก็คงผิดกฎหมายเป็นไปไม่ได้ … แต่ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ ประเทศนี้ เรื่องนี้ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร”
“แล้วเด็ก…” แม่ถามอย่างกังวลไปอีกถึงอนาคตไปอีกชั้น
“ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นใกล้เคียงการตั้งครรภ์ตอนอายุ 40” พ่อบอกพลางหยิบกระดาษ 4 แผ่น งานวิจัยปี 2008 ขึ้นมา “แต่ถ้าถึงเวลานั้นเราค่อยกังวลกันอีกทีก็แล้วกัน ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไป”
“แม่ไม่ต้องบอกพวกเขานะว่าพวกเรารู้เรื่องนี้แล้ว”