Midterm Fantasy - ตอนที่ 240
หลิวหลี่จง หยางเทียน และหวังหลิน นั่งคอตกอยู่ในห้องสำนักงาน งานที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำและพยายามอย่างยากลำบากกลับไม่สำเร็จเสียได้
พี่ใหญ่หลิวเล่าเรื่องคร่าวๆที่เกิดขึ้น ทั้งเมื่อไปถึงแล้วเจอควบคุมตัวโดยมิสเตอร์โบลิวาร์จน จนปล่อยตัว เจรจาซื้ออาวุธ ขนอาวุธกลับทางเรือ ข้ามเม็กซิโก ก่อนจะนั่งเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ต่อสู้กับโจรสลัด หลบหนีการไล่ล่าจากตำรวจน้ำ หลบเข้าฮ่องกงและรีบซ่อนของไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ที่เช่าไว้ก่อนหน้านั้นแล้วหนีกลับมาแบบตัวเปล่า
จากนั้นทั้งสามคนนั่งคอตกขอรับการลงโทษจากรอน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจดีว่าการขนอาวุธข้ามประเทศมันขนได้ยาก ทุกอย่างมันมีผิดพลาดกันได้” รอนบอก
“แต่ครั้งนี้มันทำให้บริษัทสูญเงินไปหลายร้อยล้านเลยนะครับ” หลิวลี่จงบอก
“เงินหลายร้อยล้านแล้วมันจะเป็นไรไป พวกคุณทั้งสามคนปลอดภัยกลับมาแค่นี้ก็พอแล้วครับ” รอนบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เอาเป็นว่าทั้งสามคนช่วยดูแลกิจการงานในบริษัทต่อแล้วกันครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอแก้ตัวใหม่ พวกเราจะจัดการซื้ออาวุธให้คุณรอนอีกครั้ง”หลิวลี่จงบอก
“ตอนนี้ไม่ต้องแล้วล่ะครับ ผมไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธเพิ่มแล้ว” รอนตอบ
เพราะตั้งแต่มอบสูตรผลิตถ่านไม้ให้คนแคระไป รอนก็คิดว่าจะเลิกส่งอาวุธมีดดาบข้ามมิติ แต่จะหันไปขนอย่างอื่นแทน และให้กิลด์ช่างอาวุธคนแคระทำหน้าที่ผลิตแทน
“คุณรอนนนนนน! ไม่นะครับ พวกเราขอแก้ตัวอีกสักครั้ง” หลิวลี่จงร้องออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้ผมไม่ต้องใช้อาวุธแล้ว ยังไงงานนี้มันก็ทำให้พวกคุณต้องเสี่ยงชีวิต ผมเองก็ต้องขอโทษด้วย” รอนบอก “ใครจะไปนึกว่าพื้นที่ที่พวกคุณไปมันจะอันตรายแบบนั้น ถ้าพื้นที่เหล่านั้นมันอยู่ในอิทธิพลของเราก็ว่าไปอย่าง”
“อ้อ มีเรื่องที่ผมอยากให้คุณหลิวช่วยจัดการ พวกคุณน่าจะทำได้” รอนบอก “หลังจากการต่อสู้กับแก๊งเมษาเมื่อครั้งนั้น แก๊งเมษาเริ่มล่มสลาย เกิดช่องว่างทางอำนาจขึ้นมา ผมเลยอยากให้คุณหลิวรวบรวมคนแบบที่คุณหลิวเคยทำ สร้างสาขาของเราให้แพร่หลาย เพิ่มเขตอิทธิพลให้กว้างขึ้น”
“ได้ครับ ผมจะทำให้สุดฝีมือ” หลิวลี่จงรับคำ
“คุณสมบัติก็เอาแบบเดิมนะครับ เลือกจากคนที่มีครอบครัว คนอพยพที่ลำบาก ช่วยคนแบบที่คุณหลิวเคยทำ” รอนบอก
ตอนที่ตั้งบริษัทรุ่งโรจน์ซีเคียวริตี้ขึ้น รอนให้หลิวลี่จงรวมคนของแก๊งรุ่งโรจน์อันเป็นคนอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย คนที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ครอบครัว ถือเป็นการช่วยเหลือคนไปด้วย พ่วงไปกับลดปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดตามมา
“ส่วนเรื่องเงิน ผมบอกเจนัสไว้แล้ว เบื้องต้นให้เอารายได้ทั้งหมดของสัปดาห์นี้ให้คุณหลิวเอาไปหมุนก่อน แล้วถ้าขาดเหลือยังไงก็คุยกับเจนัสเค้าอีกทีนึง” รอนทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับออกไป
“ได้ครับ ผมจะทำให้สุดฝีมือ” หลิวลี่จงคำนับให้รอน
หลิวลี่จง หยางเทียน หวังหลินคอตกอย่างผิดหวังที่พวกตนทำงานพลาด แต่ในเมื่อรอนบอกมาแบบนี้พวกเขาก็ต้องทำตาม
เจนัสเปิดประตูเข้ามาพร้อมสมุดบัญชี
“คุณหลิวอยู่นี่เอง คุยกับรอนเสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
“โอ้ เส่าจือ เชิญ เชิญ” ทั้งสามคนกุลีกุจอลุกขึ้นอย่างนอบน้อม คำเรียกขานว่าพี่สะใภ้ทำให้เจนัสหน้าแดงขึ้นจนอยากจะแก้ความเข้าใจผิด แต่เมื่อนึกถึงความเข้าใจผิดคิดไปเองของหลิวลี่จงแล้วก็ได้แต่เงียบไว้ไม่แก้อะไร
“คุณหลิว เมื่อครู่รอนบอกกับชั้นแล้วว่าให้เอารายได้ทั้งหมดในสัปดาห์นี้ให้พวกคุณทั้งสามเอาไว้ใช้ทำโครงการใหม่ รายได้ทั้งหมดของสัปดาห์นี้อยู่ในบัญชีต่างประเทศสองบัญชีนี้ คุณหลิวสามารถใช้ได้เต็มที่ค่ะ”
หลิวลี่จงเปิดสมุดบัญชีดู ขณะที่เจนัสบรรยายต่อ
“บัญชีนี้ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของบริษัทรุ่งโรจน์ซีเคียวสัปดาห์นี้อยู่ที่75,000”
“ส่วนบัญชีนี้ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของการค้าทองคำ สัปดาห์นี้อยู่ที่1600ล้านค่ะ”
ชายทั้งสามคนตัวแข็งทื่อ
1600ล้าน!!!
“ชั้นไม่รู้หรอกนะคะว่ารอนเค้าสั่งพวกคุณให้ทำอะไรกัน แต่ว่ามันน่าจะเป็นงานที่สำคัญมาก ตอนที่มาบอกชั้นดูรอนเค้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยทีเดียว” เจนัสเล่า “อีกอย่าง ชั้นอยากให้พวกคุณระวังความปลอดภัยของตนเองด้วย พวกคุณทั้งสามคนคือกำลังสำคัญของรอน และรอนเค้าก็มองพวกคุณสำคัญกว่าภารกิจ อย่างตอนที่ส่งพวกคุณไปซื้ออาวุธแล้วรู้ว่าเกิดเรื่อง รอนเค้าก็ถามถึงแต่พวกคุณ ไม่มีการถามถึงงานที่ส่งไปทำสักนิด ยังไงตั้งใจทำงานและก็อย่าลืมความปลอดภัยของตนเองด้วยนะคะ”
“ด ด ได้ครับเส่าจือ” หลิวลี่จงคำนับอีกครั้ง เจนัสคิดจะถามอะไรต่ออีกแต่เปลี่ยนใจ เธอไม่ชินกับที่ถูกเรียกว่าพี่สะใภ้แบบนี้
ชายทั้งสามคนยืนซึมเซาในห้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หยางเทียนจะพูดขึ้นมา
“ที่วานาซูเอเล่ เราเสียท่าเพราะเราไม่มีอิทธิพลที่นั่น”
“คุณรอนบอกเมื่อครู่ ต้องการให้เราขยายอิทธิพลออกไป พูดถึงแก๊งเมษาเริ่มล่มสลาย” หวังหลินบอก “จะว่าไปตอนที่แก๊งเมษาโจมตีแล้วถูกคุณรอนกวาดล้าง มิสเตอร์โบลิวาร์ก็ปล่อยตัวพวกเราทันที แสดงว่าแก๊งเมษาที่นั่นเริ่มเสื่อมถอย”
ทั้งสองหันไปมองหลิวลี่จง หลิวลี่จงพยักหน้า
“พวกเราเข้าใจตรงกันแล้ว คุณรอนต้องการให้พวกเราขยายอิทธิพลไปที่วานาซูเอเล่ ถ้าเรามีอิทธิพลที่นั่น เราก็จะสามารถค้าอาวุธจากที่นั่นได้โดยสะดวก” หลิวลี่จงกำหมัดแน่น “คุณรอนเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา ถึงกับบอกว่าไม่ให้เราซื้อขายอาวุธเพราะไม่ต้องการแล้ว ที่แท้กังวลว่าการไปในถิ่นศัตรูจะทำให้เราไม่ปลอดภัย”
“คุณรอนให้เงินมาถึง 1600ล้าน ไม่ผิดแน่ ต้องให้พวกเราแผ่อำนาจไปต่างแดน!”
“เดี๋ยวนะพี่ใหญ่” หยางเทียนชะงักและคิดได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ “คุณรอนเค้าแค่อยากให้เราสร้างสาขาในประเทศหรือเปล่า ถ้าจะให้เราขยายฐานไปต่างแดนก็น่าจะบอกมาตรงๆนี่”
“จะว่าไปก็ใช่นะ” หวังหลินเสริม “ประเทศวานาซูเอเล่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แค่ว่าพื้นที่วุ่นวาย เศรษฐกิจกำลังแย่ แต่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ถ้าหากว่าให้พวกเราไปตั้งฐานในประเทศ UA เพื่อเตรียมโจมตีฐานใหญ่ของแก๊งเมษาก็ว่าไปอย่าง”
เพล้ง!
ถ้วยชาในมือของหลิวลี่จงหลุดมือตกพื้นแตกกระจาย ชายทั้งสามคนอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองที่แผนที่พร้อมๆกัน
“ข่าวลือว่าฐานที่มั่นใหญ่ของแก๊งเมษาตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัสของประเทศUA” หลิวลี่จงจิ้มนิ้วลงไปแล้วลากข้ามทะเล “วานาซูเอเล่อยู่ที่อเมริกาใต้ ข้ามทะเลแคริบเบียนและอ่าวเม็กซิโกไปเท่านั้น”
“ถ้าจะโจมตีด้วยกำลังคนจำนวนมาก ต้องส่งคนจากภายนอกเข้าไป ประเทศอื่นๆรอบนั้นมีสถานะทางการเมืองและเศรษฐกิจมั่นคง เราแทรกแซงไม่ได้ แต่วานาซูเอเล่เจอพิษเศรษฐกิจรุนแรง ด้วยเงินประมาณนี้ เราอาจจะเข้าไปควบคุมอะไรได้บ้าง” หยางเทียนพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “เช่นใช้เงินเพื่อยัดใต้โต๊ะเอาเครื่องบินหรือเรือทางทหารไปใช้ขนกำลัง”
อย่างนี้นี่เอง คุณรอนให้สร้างอิทธิพลเพื่อจะได้เตรียมการโจมตีนี่เอง
ก๊อก ๆ ๆ
ประตูถูกเปิดออก เจนัสโผล่หน้าเข้ามาดู สีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายทั้งสามยืนอยู่โดยมีแก้วแตกที่พื้น แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก บอกออกไป
“คุณหลิวลี่จงคะ รอนบอกว่าเค้ากลัวว่าค่าใช้จ่ายจะไม่พอ เลยให้เอารายได้ของสัปดาห์ที่แล้วทั้งสัปดาห์มาให้ด้วยค่ะ อันนี้คืออีกบัญชีนึงมีเงินในนี้ 1600ล้านนะคะ แต่ถ้าไม่พอก็ขอเพิ่มได้” ว่าแล้วก็ปิดประตูกลับออกไป
บูม!
ชายทั้งสามคนสิ้นสงสัยแล้ว
3200 ล้าน ! นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว คุณรอนตั้งใจแผ่อิทธิพลจริงๆ
ทั้งยังไว้วางใจเขาทั้งสามคนในการควบคุมดูแล ให้เงินมาทันทีโดยไม่กลัวว่าพวกเขาจะหลบหนีไปพร้อมกับเงิน
น้ำตาลูกผู้ชายของหลิวลี่จงไหลพรากอาบแก้มทั้งสอง ชั่วชีวิตนี้เขาผ่านอะไรมามากมาย ทั้งการทรยศหักหลัง การต่อสู้ช่วงชิง เห็นพี่ฆ่าน้อง เพื่อนฆ่าเพื่อน การตระบัตสัตย์ของคนรู้จัก
แต่สิ่งที่เขาพบจากรอนกลับตรงข้าม เด็กหนุ่มคนนี้ช่วยเหลือเขาและคนของเขาอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน ห่วงใยชีวิตของผู้ใต้บังคับ และไว้วางใจอย่างปราศจากข้อสงสัย
คิดไม่ผิดที่เขาติดตามคนผู้นี้
“หยางเทียน หวังหลินรับคำสั่ง!”
“ครับ!”
“หวังหลิน ติดต่อคนของเราในประเทศนี้ พวกพ้องพี่น้องที่ลำบากทั่วประเทศ บอกออกไปว่าเรามีเงินทุน สามารถสนับสนุนพวกเขาให้ใช้ชีวิตในที่นี้ได้” หลิวลี่จงบอก “ป้อมปราการมิอาจสร้างได้บนผืนทราย บริษัทรุ่งโรจน์จะต้องตั้งรากฐานในประเทศนี้ให้ได้อย่างมั่นคง รวบรวมคนให้ได้มากที่สุด”
“ครับ พี่ใหญ่!”
“หยางเทียน ติดต่อเพื่อนร่วมชาติของเราในประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์คาร์บิวในทะเลแคริบเบียน เราจะใช้คาร์บิวเป็นแหล่งส่งสินค้าเข้าวานาซูเอเล่ ประเทศวานาซูเอเล่เจอปัญหาเศรษฐกิจจนคนอยู่ไม่ได้ เราจะใช้สินค้าทั้งหลายในการซื้อใจผู้คน” หลิวลี่จงบอก “และติดต่อคุณบัวดำ Black Lotusด้วย ว่าเรามีแผนจะตั้งหน่วยจู่โจมในระดับกองพัน ต้องให้คุณบัวดำเป็นคนฝึกแล้ว”
“ครับพี่ใหญ่!”
“ที่เหลือก็คือติดต่อเข้าไป คงต้องอาศัยมิสเตอร์โบลิวาร์ในการเริ่มต้น รวบรวมคนจีนที่นั่น ไม่สิ ไม่แค่คนจีน เราจะรวบรวมคนในประเทศนั้นที่กำลังลำบาก ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน กองกำลังของเราจะต้องเข้มแข็งที่สุด จะต้องทำลายฐานที่มั่นสุดท้ายของแก๊งเมษาให้ได้”
ชายทั้งสามคนกำหมัดแน่น น้ำตาแห่งความปิติและพลุ่งพล่านไหลนองทั่วใบหน้า
ขณะเดียวกัน รอนเดินกลับไปขึ้นรถสองแถว
“เอ แต่จะว่าไป รายได้สองสัปดาห์รวมกันมันก็แค่ 75000 x 2 ก็แสนห้าเอง จะพอดูแลจ้างคนอพยพทั่วประเทศไหมนะ”
“แต่ช่างเถอะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวคุณหลิวก็ขอเพิ่มเองแหละ”
แล้วรอนก็ขึ้นรถสองแถวไป