Midterm Fantasy - ตอนที่ 244
ตูม!
โต๊ะไม้หนาหนักถูกทุบจนแตกเป็นชิ้น ๆ เศษไม้กระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”
นักรบมังกรเวก้าโกรธจนตัวสั่นเมื่อได้รับรายงาน
“พวกข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับท่านเวก้า” จอมเวทออร์คบอก “ฝูงแมลงถูกพวกเราบังคับให้ไปลงพื้นที่การเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของพวกมัน พื้นที่ของเมืองกาล่า แต่เมื่อเหล่าแมลงลงกัดกินพืชผลของพวกมนุษย์ พวกแมลงก็ต่างล้มตายกันจนหมด”
“ได้ยินมาว่าเป็นฝีมือของเทพแห่งแสงสว่างนิชลีนครับ”หัวหน้าโจรซึ่งเป็นมนุษย์กล่าว “คนของข้าที่แทรกซึมในเมืองรายงานว่าเจ้าเด็กหนุ่มที่ชื่อรอนพยายามใช้วิธีต่างๆมากมายแต่ก็กำจัดแมลงไม่ได้ สุดท้ายมันก็ใช้เสาที่มีรูปเคารพของเทพแห่งแสงนิชลีนปักลงไปบนพื้นละสั่งให้ตั๊กแตนตาย จากนั้นฝูงตั๊กแตนก็ล้มตายลงจนหมด”
“เทพแห่งแสงนิชลีน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน จะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันอาจจะเป็นแค่การแสดงละครของเจ้าหนุ่มนั่นก็ได้” ดาร์คเอลฟ์ผู้หนึ่งพูดขึ้น “เทพเจ้าจะมีจริงหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย”
“หุบปาก!”
ตูม! ร่างของดาร์คเอลฟ์กระเด็นลอยไปกระแทกกับต้นไม้ ทุกคนในที่นั้นมองนักรบมังกรเวก้าอย่างเกรงกลัว ขณะที่ดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นมองด้วยสายตาที่หวาดกลัวระคนโกรธเคือง จนกระทั่งเวก้าเอ่ยปากขึ้น
“อูลิศวาร่า”
ใบหน้าของดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นเหมือนกับถูกสะกดหยุดนิ่ง สีหน้าบ่งบอกถึงความหวาดกลัวและประหลาดใจปะปนกัน
“อูลิศวาร่า คือชื่อจริงของเจ้า เจ้าคือเชื้อสายของราชวงศ์เวสเตอรีแห่งดาร์คเอลฟ์ที่ล่มสลาย เป็นหัวหน้าพลธนูแพนเทอร่า เป็นผู้สืบทอดคันธนูดราโคนิค …”
แต่ละคำที่นักรบมังกรเวก้าพูดขึ้นทำให้ดาร์คเอลฟ์ทั้งหมดในที่นั้นแตกตื่นและถอยห่างจากดาร์คเอลฟ์ผู้นั้น
ข้อมูลที่เวก้าพูดออกมา บ่งบอกให้รู้ว่าดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นคือเชื้อสายของราชวงศ์ที่ล่มสลาย เป็นศัตรูกับดาร์คเอลฟ์อื่นๆในห้องนั้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ทัพหน้าผู้องอาจของอาณาจักร แท้จริงแล้วจะมีอีกฐานะที่ซ่อนเร้นอยู่
“เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นใคร” ดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นร้องขึ้น
“เทพเจ้ายังไงล่ะ”
“หา”
“ข้าคือนักรบมังกร นักรบมังกรที่ได้พลังแห่งศิลานักปราชญ์ความมืดอันเป็นพลังแห่งเทพีออโรร่า” เวก้าบอก “เทพีออโรร่า ซึ่งเจ้าเพิ่งกระทำการลบหลู่ว่าไม่มีอยู่จริง”
เวก้ามองไปรอบๆ ด้วยสกิลของมัน มันสามารถดูสถานะของคนที่อยู่รอบตัวของมันได้
และในสถานะนั้นบอกชื่อจริง บอกสถานะที่แท้จริง บอกข้อมูลอาชีพ สถานะ ตำแหน่ง แม้ว่าเจ้าตัวจะปกปิดไว้แค่ไหนก็ไม่อาจหลอกสกิลนี้ได้
“เทพเจ้าเป็นผู้ทรงภูมิที่อยู่เหนือสภาวะและมิติกาลเวลา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะดูแคลนได้” เวก้าประกาศ “พวกเจ้าอาจจะไม่รู้ว่านอกจากเทพีออโรร่าและเทพีเวโรน่าอันเป็นเทพีสูงสุดของพวกเรา ยังมีเทพเจ้าอื่นๆในมิติอื่นๆอีกมากมาย บ้างก็อยู่อย่างเร้นลับไม่เปิดเผย บ้างก็ปรากฎกายสื่อสารอาศัยอยู่ท่ามกลางสรรพชีวิต”
“ดังนั้น อย่าได้ดูถูกดูแคลนเทพแห่งแสงนิชลีน ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นการเปิดตัวของเทพเจ้าองค์ใหม่ก็ได้”
เวก้าบอก ก่อนที่จะคลายเสียงที่เข้มข้นลง
“ด้วยอำนาจที่ได้จากเทพีออโรร่า ข้ารู้ว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เจ้าที่ปกปิดฐานะ มีอีกหลายคนที่มีฐานะยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก” เวก้าบอก “แต่ที่ผ่านมาความขัดแย้งในเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าล้วนมากจากการแย่งชิงทรัพยากรกัน ซึ่งการต่อสู้ของพวกเราในครั้งนี้จะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ลง พวกเจ้าทั้งหมดจะมีพื้นที่และทรัพยากรให้ครอบครองมากมาย จงเชื่อฟังข้าและติดตามข้าเถิด”
เหล่านักรบและจอมเวทเผ่าพันธุ์ต่างๆ ต่างฉุกคิดถึงเหตุผลดังกล่าวและสงบจิตใจลง
“แล้วโรคระบาดที่ข้าส่งไปล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียนท่านเวก้า … พวกมนุษย์ป้องกันโรคระบาดได้ครับ” จอมเวทดาร์คเอลฟ์รายงาน
ทั้งหมดตื่นตะลึง
เป็นไปได้อย่างไรที่จะป้องกันโรคระบาดได้ นั่นเป็นโรคระบาดที่ถูกใช้ทำลายมนุษย์ได้มาตั้งแต่ยุคบรรพกาลเชียวนะ
“มีรายงานว่าพวกมนุษย์มียาที่ใช้รักษาโรคระบาดได้ หลังจากโรคระบาดไปได้ไม่นานเมื่อยามาถึงจำนวนคนที่ป่วยหนักก็ลดลง คนตายน้อยกว่าที่เราคาดไ้ว้มากครับ”
“แล้วพวกทหารล่ะ ทหารในกองทัพของแอสคาลอนตายมากน้อยเท่าไหร่” เวก้าถามอย่างตระหนก
อย่างน้อยหากโรคระบาดคร่าชีวิตทหารได้ เมื่อเกิดศึกขึ้นพวกมันจะได้เปรียบขึ้นมาบ้าง
“ไม่มีครับ พวกทหารของแอสคาลอนไม่ป่วยเลยเช่นเดียวกับหมู่บ้านโอลเซ่น ทั้งทหารและชาวบ้านที่นั่นไม่ปรากฎคนป่วยเลยครับ”
บูม!!!
เหมือนระเบิดถูกทิ้งลงกลางที่ประชุม
หากมีการเจ็บป่วยแล้วรักษาจนหายก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่ไม่มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นเลย ทั้งที่เป็นโรคระบาดที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด
มีคำอธิบายเดียวเท่านั้น
“พวกมันได้รับการปกป้องจากเทพเจ้าจริงๆ” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น “ หมู่บ้านโอลเซ่นเป็นศูนย์กลางที่เทพนิชลีนลงมาสู่โลกนี้ เทพของพวกมันปกป้องคนในหมู่บ้านและกองทหารที่พวกเราต้องการทำลาย”
กำลังใจของทุกคนตกต่ำลง แต่แล้วนักรบมังกรเวก้าก็พูดขึ้น
“ทุกคนไม่ต้องกังวลไป เทพเจ้านั้นมีจริง แต่ไม่ว่าเทพองค์ใดก็ตามก็ทำได้แต่เพียงนำทางผู้เชื่อ ไม่อาจลงมายุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์สามัญได้”
“อย่าลืมว่าพวกเรามีกองทัพจำนวน5แสน อีกทั้งยังมีข้าซึ่งเป็นอัศวินมังกรที่มีมังกรในบังคับนับร้อย”
“และข้ายังมีไอเทมที่สามารถหยุดยั้งแม้แต่เทพเจ้าอยู่ในมือ พวกเจ้าจะกลัวอะไรอีก”
หอกสีดำทะมึนถูกยกขึ้น
“โอ้ นี่มัน! หอกลองกินุส”
“หอกในตำนาน ที่ว่ากันว่าสามารถยับยั้งการอัญเชิญเทพเจ้าได้”
“ถูกต้อง หอกนี้เป็นอาวุธที่เทพีเวโรน่าและออโรร่าร่วมกันสร้างขึ้น เป็นอาวุธที่สามารถทำยับยั้งการอัญเชิญเทพเจ้าลงมายังโลกได้ แม้แต่นักรบมังกรที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถูกหอกนี้แทงเข้า สกิลทั้งหมดที่ได้จากเทพเจ้าก็จะใช้การไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา”
เวก้าชูหอกในมือขึ้น
“ทั้งหมดจงฟัง พวกเราจะทำตามแผนเดิม ในอีก 7 วันข้างหน้าข้าจะปลดปล่อยความมืดออก และเราจะบุกโจมตีพวกมนุษย์พร้อมๆกัน”
“เฮฮฮฮ”
“เฮฮฮ”
เสียงเฮดังกึกก้องไปทั่ว กำลังใจของผู้นำเผ่าต่างๆกลับมาอีกครั้ง ขณะที่เวก้ากลับลงไปนั่งด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยครุ่นคิดในใจ
ยับยั้งโรคระบาดเรอะ!
โรคระบาดเหล่านี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เหล่าบิชอปแห่งแสงของศาสนจักรเวโรน่ายังไม่อาจสู้ได้
เทพแห่งแสงนิชลีนนี่ประมาทไม่ได้จริงๆ เทพที่สามารถปกป้องสาวกจากโรคระบาดได้เช่นนี้ต้องเป็นเทพจากมิติอื่นที่มีผู้นำถืออย่างมากมายอย่างแน่นอน
…
ในเวลาเดียวกันที่อีกมิติหนึ่ง
ในห้องตรวจสถานพยาบาลรัฐ หมอเคที่มารับจ็อบขึ้นเวรกำลังคุยกับแม่เด็ก
“คุณแม่ครับ น้องเค้าเลยนัดต้องฉีดวัคซีนแล้ว ผมแนะนำให้ฉีดไปเลยดีกว่าครับ” หมอเคบอก “โรคพวกนี้ถ้าเป็นขึ้นมาอันตรายมากนะครับ”
“ไม่ต้องเลยหมอ วันนี้ชั้นแค่พาลูกมาตรวจเล็บขบ ฉีดวัคซีนอะไรกัน” แม่เด็กอุ้มลูกหลบ “ชั้นรู้นะว่าวัคซีนน่ะมีทั้งปรอท อลูมิเนียม สารอันตรายทำให้เด็กเป็นออทิสติก ทำให้เด็กป่วย”
“คุณแม่ครับ นั่นไม่ใช่เรื่องจริงนะครับ วัคซีนน่ะป้องกันไม่ให้คนป่วย เรื่องที่ว่ามันเป็นความเชื่อผิดๆนะครับ”
“ชั้นไม่เชื่อ โรคที่หมอว่ามาน่ะเกิดมาชั้นยังไม่เคยเห็น อย่ามาหลอกกันเลย ไปล่ะ” แม่เด็กลุกขึ้นแล้วพาลูกออกจากห้องตรวจไปรับยา ทิ้งหมอเคให้นั่งบื้อในห้อง
“เห้อ มีแต่คนไปเชื่ออะไรผิดๆ” หมอเคบ่น “ว่าแต่ ที่รอนให้เราช่วยหาวัคซีนมาให้เป็นแสนๆโดสนั่น พอเอาไปฉีดแล้วทางรอนจะโดนต่อว่าแบบเราไหมนะ”
๑๑๑๑๑๑๑๑
เช้าวันนี้รอนแต่งตัวชุดลูกเสือออกจากบ้าน
“พ่อครับ แม่ครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“เดินทางปลอดภัยนะลูก แล้วกลับวันไหนนะ”
“เข้าค่ายลูกเสือ ศุกร์ เสาร์ กลับวันอาทิตย์ครับ”
“รอน แล้วไปพักค้างคืนแบบนั้น อย่าไปทำอะไรรุ่มร่ามกับหนูแพทเค้านะลูก”
“….” รอนมองหน้าพ่อกับแม่ นี่ถ้าทั้งสองคนรู้ว่าจริงๆเขาพักค้างอ้างแรมกับแพทแทบทุกวันที่โลกโน้นจะว่าไงเนี่ย
“ไปกันเถอะครับคุณเจนัส”
“จ๊ะ”
เจนัสที่นั่งในรถรับคำ แล้วรอนก็เอาเป้ใส่ท้ายรถแล้วขึ้นนั่งที่ด้านหน้าข้างที่นั่งคนขับ
หลังจากที่มีเงินในบัญชีต่างๆแตะระดับหมื่นล้านได้หลายเดือน รอนก็เพิ่งนึกได้ว่าการมีรถส่วนตัวมันสะดวกกว่าการนั่งสองแถว … แต่ถ้าซื้อเองพ่อแม่ต้องสงสัยแน่ รอนก็เลยซื้อให้เจนัสใช้ แล้วเขาก็อาศัยติดรถไปโรงเรียนแทน
“รอนไปเข้าค่ายกี่วันเหรอ” เจนัสถาม
“ไปวันศุกร์เสาร์อาทิตย์น่ะ” เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆ หลังๆทั้งสองคนเริ่มละทิ้งสรรพนามที่บ่งบอกอายุออกต่อกันแล้ว
“แล้วแพทเค้าไปด้วยไหม”
“ไปสิครับ ก็ม.3เหมือนกันนี่”
“ไปค้างคืนสองคืน สองคนคงไม่ไปทำอะไรแปลกๆกันหรอกนะ” เจนัสอมยิ้ม
“เดี๋ยวๆๆ ที่นั่นค่ายลูกเสือนะครับ คนเยอะแยะผมไม่ไปทำอะไรกับแพทที่นั่นหรอก” รอนร้องเสียงหลง
“ฮั่นแน่ แบบนี้หมายความว่าถ้าไม่ใช่ค่ายลูกเสือล่ะก็คงจะทำสินะ”
“คุณเจนัส!”
“ยังไงก็ป้องกันด้วยนะคะ ทั้งสองคนกำลังอยู่ในวัยเรียน ถ้าเผลอพลาดไปล่ะก็ต้องยุ่งแน่ๆ อย่าลืมพกถุงด้วย” เจนัสบอกตรงๆ
“เดี๋ยวๆๆๆ ผมไม่ได้พกหรอกของแบบนั้นน่ะ” รอนร้องเสียงหลง “ ผมกับแพทยังไม่เคยมีอะไรกันซะหน่อย”
“อ้าว”
“ครับ แพทเพิ่งอายุแค่นี้เองแล้วก็ยังเรียนอยู่ด้วย ผมจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ถ้าอายุเท่าคุณเจนัสทำงานทำการแล้วยังว่าไปอย่าง……อ๊ะ”
บรรยากาศเข้าสู่ Dead Air อย่างแท้จริง รถที่เจนัสขับอยู่กระตุกทีนึงก่อนจะวิ่งไปจอดรอไฟแดง เธอเอื้อมมือไปจับเกียร์จะเข้าเกียร์ N แต่ดูเหมือนรถจะไม่เข้าเกียร์สักที
“คุณเจนัสครับ”
“คะ”
“ที่คุณเจนัสจับอยู่ไม่ใช่เกียร์รถครับ”
เจนัสละมือออกจากขวดน้ำ แก้มแดงเรื่ออย่างเอียงอายขณะที่รอนทำหน้างง
ความสามารถในการเข้าใจเรื่องบางเรื่องของรอนเป็นศูนย์ จึงไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อกี้ของตนมันสองแง่สามง่าม ขณะที่เจนัสกลับมองว่ารอนนั้นพูดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไม่กระพริบตา
‘รอนนี่ท่าทางจะเชี่ยวมาก แต่ไม่ได้การล่ะ ตะกี้บอกว่าไม่ได้พกถุงมานี่นา’
รถจอดที่หน้าโรงเรียน รอนลงไปหยิบเป้ที่หลังรถ ไวเท่าความคิดหญิงสาวเปิดลิ้นชักหน้า แกะห่อพลาสติกกล่องกระดาษและหยิบถุงยางออกมา แก้มแดงเรื่ออีกครั้ง ที่จริงเธอเปื่อมันเอาไว้หากรอน…. แต่ช่างเถอะไม่งั้นเดี๋ยวเกิดเรื่องขึ้นกับแพทแล้วจะมีผลกับการเรียนเปล่าๆ
“มารอน เดี๋ยวจัดเป้ให้” เจนัสเดินไปขยับเป้สะพายหลังของรอนให้ ก่อนที่จะใช้วิชาล้วงกระเป๋าขั้นเทพสอดห่อพลาสติกแบนบางเข้าไปที่กระเป๋าหลังกางเกงลูกเสือของรอนอย่างเงียบเชียบ
“รอน เจนัสมาส่งเหรอ”
“ใช่”
“ชั้นมองจากตรงนี้ดูสีหน้าเค้าแปลกๆ เมื่อกี้เธอไปคุยอะไรรุ่มร่ามกับเค้ารึเปล่า อย่าไปรังแกเจนัสเค้านะ สงสารเค้า”แพทยอก
“เปล่านะ”รอนตอบอย่างงงงันจู่ๆไหงเขากลายเป็นฝ่ายผิดไปได้เนี่ย “แล้วไหงกลายเป็นมาออกรับแทนเจนัสเค้าได้ล่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ เอาเป็นว่าอย่าแกล้งอะไรเจนัสเค้าแล้วกัน ถ้ารู้ล่ะก็โดนแน่” แพทบอก “เจนัสเค้าดีกับเธอแค่ไหน ถนอมน้ำใจเค้าไว้มากๆละกัน”
จากเหตุการณ์ที่ห้างถูกโจมตีครั้งนั้นเจนัสคุยเปิดอก อีกทั้งยังใช้ชีวิตของตนปกป้องแพท ความรู้สึกที่แพทมีต่อเจนัสเลยเป็นความรู้สึกดีระคนสงสาร
“อ๊ะ แพท หรือว่าตอนนี้เธอ…” รอนร้องขึ้น
“จะบ้าเหรอ เรายังไม่ยอมรับให้เธอคบทีเดียวสองคนตอนนี้หรอกนะ รออีกสักปีสองปีค่อยคิดกันใหม่” แพทบอก
รอนทำหน้างง
“เอ่อ เราแค่จะแซวว่าหรือเธอชอบคุณเจนัส”
“อีตาบ้า หลอกให้เค้าพูดเหรอ”
“แว้ก อะไรๆหลอกอะไร เจ็บๆๆ”
แล้วแพทก็ทุบรอนบนรถทัวร์ไปค่ายลูกเสือท่ามกลางการห้ามปรามของครู
โดยไม่มีใครคาดคิดเลยว่าในอีกสามวันข้างหน้า แพทจะไม่ได้มีโอกาสกลับมาพร้อมกับทุกคน