Midterm Fantasy - ตอนที่ 246
รอนกับแพทสนใจวงแหวนเวทที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าเพียงชั่วครู่ เพราะหลังจากนั้นทั้งสองก็สนใจกับงานตรงหน้าของตนต่อ
แพทตรวจสต็อกของที่จะต้องนำมาจากโลก
รอนคิดหาทางเสริมการป้องกันของหมู่บ้าน
“โชคดีที่เราแก้ปัญหาตั๊กแตนโจมตีพื้นที่การเกษตรได้ ปัญหาขาดแคลนอาหารก็เลยไม่เกิดขึ้น” มาเรียบอก “และด้วยคำสั่งของคุณรอนที่ให้กักเก็บเสบียงก่อนหน้านี้ ตอนนี้เรามีเสบียงเพียงพอที่จะเลี้ยงคน2แสนได้4เดือน”
“น้ำล่ะ”
“ตอนนี้เราใช้น้ำจากระบบชลประทานที่ขุดต่อมาจากแม่น้ำ แต่ถ้าเกิดเหตุหมู่บ้านถูกล้อมและเส้นทางน้ำถูกตัดขาด ก็ยังมีบ่อน้ำอีก 20 บ่อที่ขุดเตรียมไว้แล้ว” มาเรียตอบ
“คุณพอลครับ แล้วที่ผมให้ไปทำเรียบร้อยหรือยังครับ”
“หลุมถูกขุดขึ้นเรียบร้อยแล้วครับ ส่วนขี้เลื่อย เหล่าช่างไม้กำลังช่วยกันลำเลียงไปที่หลุมกับบรรจุลงกระสอบ คืนนี้น่าจะเสร็จ” พอลตอบ “ว่าแต่คุณรอนจะไม่ให้วางกับดักลวดแบบตอนที่สู้กับดราซัคเหรอครับ”
“ยังไม่ได้หรอกครับ ถ้าวางอย่างไม่ระมัดระวัง เหล่าคนที่อพยพมาที่หมู่บ้านอาจจะโดดกับดักเองก็ได้ กับดักพวกนั้นเราวางได้แต่ตอนที่ข้าศึกมาแล้วเท่านั้น”
“คุณเบรเซอร์ แล้วการฝึกชาวบ้านไปถึงไหนแล้วครับ” รอนถามต่อ
“ถ้าเป็นชาวบ้านโอลเซ่นเดิมน่ะไม่มีปัญหา ทุกคนฝึกการใช้อาวุธกกันอย่างดีแล้ว ทุกบ้านมีอาวุธและชุดเกราะโอริค่อนพร้อม” พ่อเฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านบอก “ส่วนชาวบ้านชั้นนอกที่มาอยู่ใหม่ ทุกคนผ่านหลักสูตรรักษาดินแดนตามที่คุณรอนเสนอ เราจ้างพวกทหารรับจ้างและนักผจญภัยให้ฝึกสอนการรบและใช้อาวุธเบื้องต้นแล้ว”
“สำหรับเครื่องยิงหินทราบูเชต์ พวกเราก็ฝึกฝนการยิงกันทุกวัน มีติกตั้งไว้ที่กำแพงเมืองฝั่งละ 8 ตัว” เบรเซอร์บอกต่อ “และในหมู่บ้านตั้งแต่ทางเข้าเป็นต้นมา มีการติดตั้งจุดซุ่มโจมตีตามหลัก Tower Defense ที่คุณรอนเสนอ มีการวางจุดอับสายตาสำหรับซุ่มคนไว้โจมตี และติดป้ายบอกทางด้วยภาษามนุษย์ไว้แล้ว”
รอนพยักหน้าอย่างพอใจ เขาใช้หลักของเกม Tower Defense ที่ตั้งหอคอยโจมตีบนเส้นทางของข้าศึกมาใช้ในการตั้งแนวป้องกันในหมู่บ้าน , รวมทั้งใช้หลักของห้าง Earth Convention center ที่ก่อสร้างห้างให้เส้นทางสับสนดูหลงทาง ในการหาจังหวะโจมตีศัตรู
นอกจากนี้ศัตรูคือมอนสเตอร์ที่อ่านภาษามนุษย์ไม่ได้ รอนเลยใช้ประเด็นนี้ในการติดตั้งป้ายบอกทางภาษามนุษย์ เพื่อที่ในเวลาคับขันคนจะได้อ่านป้ายบอกทางได้ขณะที่มอนสเตอร์วิ่งมึนไม่รู้ทิศทาง
“ระบบไฟฟ้าของเมืองก็สามารถใช้ได้24ชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์จ ตอนนี้แพทสอนให้ชาวบ้านสามารถใช้ระบบไฟได้ ระบบไฟของแต่ละเขตจะแยกสายไฟและแบตเตอรี่กัน เราจะไม่มีปัญหาเรื่องถูกลอบโจมตีในตอนมืดแน่ๆ” แพทบอก “ส่วนwalkie talkie ก็ถูกแจกไปติดตั้งตามจุดสำคัญแล้ว ทุกเครื่องจะเชื่อมไปที่ที่ทำการหมู่บ้านและรายงานสถานการณ์ไปที่นั่น เครื่องนี้ใช้ได้ระยะไกล 10 กิโลเมตร ดังนั้นถ้าเราใช้ในหมู่บ้านก็ไม่มีปัญหาสัญญาณดับแน่นอน”
“จะเหลือก็แต่ถ่านหินที่คุณรอนให้ขนส่งมาที่หมู่บ้าน อีกสัปดาห์นึงน่าจะมาถึง” เบรเซอร์บอกต่อ “อีกปัญหานึง ตอนนี้มีชาวบ้านของเราอีก200กว่าคนที่ถูกส่งไปทำงานของร้านARMAMENTยังไม่ได้กลับมา เพื่อความปลอดภัยข้าจึงให้ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่เมืองหลวงก่อน ถ้าพร้อมแล้วก็ให้กลาสพากลับมาพร้อมกัน”
“ต้องใช้คนคุ้มกันหรือเปล่าครับ”
“โอ๊ย คุณรอน 200กว่าคนที่ว่านั่นน่ะ คือกลุ่มที่มีฝีมือที่สุดของหมู่บ้านเรา ไม่เช่นนั้นไม่ได้ถูกส่งไปทำงานข้างนอกหรอก”
ดูแล้วทุกอย่างก็ดูพร้อมดี
อันที่จริงตอนนี้ทุกเมืองก็กำลังเตรียมพร้อมทำสงครามอยู่ เจ้าเมืองทุกแห่งจัดการเพิ่มกำลังทหาร มีการฝึกกำลังเสริม
แต่เพราะไม่มีศัตรูให้เห็นแบบชัดๆ บรรยากาศของคนทั่วไปก็เลยยังเป็นไปตามปกติ ชาวบ้านก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ พ่อค้า นักเดินทาง การแสวงบุญ ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม
ที่จะมีคึกคักสักหน่อยก็เห็นจะเป็นบริษัทรถม้าแท็กซี่ของพ่อค้าอูเบอร์ ที่มีการจ้างคนขับอย่างเป็นการเป็นงาน มีการใช้แผนที่อย่างละเอียดในการบอกเส้นทาง อีกทั้งการประชาสัมพันธ์ก็เป็นไปได้ด้วยดีเนื่องจากสัญลักษณ์ของบริษัทที่เป็นท่านเทพนิชลีน ซึ่งเพิ่งเป็นจุดสนใจหลังจากสามารถกำจัดฝูงตั๊กแตนไปได้
ทุกอย่างดูปกติสุข สงบสุข จนเหมือนกับแดนในฝัน
“รอน จะมีสงครามอีกเหรอ” แพทถาม
“น่าจะใช่” รอนตอบ
“พวกเราสองคนจำเป็นจะต้อง…” แพทชะงักคำพูดเอาไว้เมื่อเห็นโรล่าเดินผ่านมา โรล่ายิ้มทักทายทั้งสองก่อนที่จะเดินหลบออกไปไม่เข้ามารบกวน
“เรื่องนั้น…” รอนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจจนแพทเห็นได้
เด็กหนุ่มสาวทั้งสองเดินเงียบๆกลับไปที่หอตรวจการณ์ที่ใจกลางหมู่บ้าน ขึ้นไปบนหอและมองไปรอบๆ
จากจุดนี้ทั้งสองสามารถมองเห็นทุกอย่างในหมู่บ้าน
เด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกัน
เหล่าแม่บ้านที่ซักผ้าร่วมกัน
เด็กหนุ่มที่กำลังซ้อมอาวุธ
นักผจญภัยและนักเดินทางที่ผ่านมาเพื่อแสวงโชค
ทั้งสองมองภาพเบื้องล่างอย่างสงบใจ
“แพทก็มาที่นี่ ได้รู้จักใครหลายคนที่นี่ ในเมื่อแพทมีพลังที่จะปกป้องคนอื่นได้ แพทก็จะอยู่ที่นี่และช่วยทุกคนเหมือนกับรอนแหละ” แพทบอก “แพทก็ผูกพันกับคนที่นี่เหมือนกัน”
ไม่ต้องอธิบายอะไรมากแพทก็พอจะเข้าใจอะไรต่ออะไรได้
นับตั้งแต่รอนและโรล่ากลับมาจากเมืองหลวง ดูเหมือนโรล่าจะลดการตามติดรอนไปมาก และถ้าหากเธออยู่กับรอน โรล่าก็จะพยายามไม่เข้ามารบกวน ส่วนรอนเองก็ระมัดระวังไม่ใกล้ชิดโรล่ามากนัก แต่เด็กสาวก็ยังดูออกว่าทั้งสองคนรู้สึกดีๆต่อกัน
จะให้รอนละทิ้งคนที่เขารู้สึกดีไป คงไม่ใช่สิ่งที่รอนต้องการแน่
“ขอบใจนะแพท”
“อือ”
เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือของเด็กสาว
“รอน”
“หืม”
“ก่อนที่เจ้าชายดีโอจะไป พวกเธอสองคนคุยอะไรกันเหรอ” แพทถาม
“เรารักเธอนะแพท” เด็กหนุ่มตอบ
เด็กสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะประมวลผลในสมองไม่ถูก
“คือเมื่อตอนที่เธอเดินออกมา เจ้าชายถามว่าเข้าใจใช่ไหมว่าเจ้าชายรู้สึกยังไงกับเธอ เราเลยตอบไปว่ารู้ เราก็รู้สึกเหมือนกันเพราะเรารักเธอ”
“โหย ตาบ้า ทำลายความโรแมนติกหมด” แพทค้อนขวับก่อนจะหันหลังให้ รอนกำลังเตรียมจะง้อ แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงแสงสว่างบางอย่างที่ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้ายามเย็นย่ำค่ำ
ทุกคนในหมู่บ้านเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกัน บนฟ้าขณะนี้มีดาวนายพรานขึ้นเด่น ดาวบีเทลจุสที่ส่องสว่างจู่ๆก็รอนแสงลง
และก่อนที่ใครจะทันพูดอะไร ก็บังเกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นบนท้องฟ้า
เสียงร้องอย่างตระหนกตกใจจากเบื้องล่างดังขึ้นมา แสงสว่างนั้นค่อยๆลดลงจนเหลือความสว่างเท่ากับดวงจันทร์
“อะไรน่ะ” แพทร้องถาม
“ซูเปอร์โนวา” รอนบอก “ดาวบีเทลจุสปล่อยคลื่นวิทยุไม่ปกติมาหลายปีแล้ว ในที่สุดก็ระเบิดจนได้”
เด็กทั้งสองยืนกุมมือกันตามลำพัง ดูปรากฎการณ์บนฟากฟ้าที่แปลกตานี้
“แพท”
“หืม”
“ผมรักคุณ”
เด็กหนุ่มหันมองเด็กสาวที่ยืนเคียงข้าง
แทนคำตอบ เด็กสาวเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ริมฝีปากนุ่มเคลื่อนเข้าหา ลมหายใจรดใบหน้าของกันและกันอย่างแผ่วเบาก่อนที่ประกบเข้าหากัน
ใจเต้นระรัว!
แม้จะเคยจูบกันและกันมาเกินสิบครั้งแล้วแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รอนสารภาพรักอย่างเป็นการเป็นงาน
ริมฝีปากเคลื่อนออกจากกันช้าๆ แพทจ้องตารอน
“เรารักเธอนะรอน”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเปี่ยมความหมาย ก่อนที่แพทจะจับแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่ม ดึงร่างเข้ามาและจูบเข้าที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วง รอนยกมือทั้งสองขึ้นอย่างแข็งขืนอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะอ่อนลงและเลื่อนไปกอดที่แผ่นหลังของเด็กสาว และค่อยๆเลื่อนลงสู่เบื้องล่างช้าๆ
ขณะเดียวกัน แพทก็เลื่อนมือไปตระกองกอดเพื่อนชาย มือแปะป่ายลงไปที่หลัง เอว และเลื่อนลงไปที่หลังกางเกง สัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่างแข็งๆ
“หืม”
แพทถอยหน้าออกมา หยิบเอาห่อสี่เหลี่ยมสีเงินรูปร่างคุ้นตาออกมา ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“อีตาบ้า นี่มันอะไรเนี่ย”
“ถุงยางอนามัย เฮ้ย มันมาได้ไง”
“ทำไมเธอมีของแบบนี้ติดตัวได้เนี่ย”
“เราไม่รู้ เดี๋ยวนะๆ” รอนค่อยๆนึก “จริงสิ ต้องเป็นตอนที่นั่งรถมากับเจนัสแน่ๆ สงสัยต้องเป็นคุณเจนัสเอาใส่กระเป๋าเรามาแน่ๆ”
“ห๊ะ รอน แล้วทำไมคุณเจนัสถึงได้เอามาใส่กระเป๋าเธอ แล้วทำไมเค้าถึงพกถุง… ตายแล้ว นี่ นี่ เธอสองคน!!!”
“เปล่านะแพท เราไม่รู้จริงๆ สงสัยคุณเจนัสเค้าเข้าใจผิดแน่ๆ”
รอนบอกเรื่องที่คุยกับเจนัสในรถ แพทฟังแล้วก็หัวเราะพรวดแทน
“รอน เธอนี่นะพูดอะไรไม่รู้จักคิดเลยว่ามันแปลความได้สองแง่สามง่าม คุณเจนัสเค้าเลยเข้าใจผิดเลยว่าเรามีอะไรกันแล้ว และคิดว่าที่มาค่ายลูกเสือน่ะเธอลืมพกถุงมา ก็เลยเอาถุงใส่มาให้” แพทพูดก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียด “แต่ว่าเธอจะประมาทไม่ได้นะ เพราะแบบนี้แปลว่าคุณเจนัสน่ะเตรียมพร้อมอยู่แล้ว”
“เอ่อ เรื่องนั้น …. ไม่ต้องห่วงนะแพท เราไม่มีทางทำอะไรกับคุณเจนัสลับหลังเธอเด็ดขาดแน่นอนเราสัญญา” รอนบอก
แพทฟังแล้วหน้าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงอีกครั้ง
“อีตาบ้าๆๆๆๆๆพูดสองแง่สามง่ามอีกแล้ว”
“โอ๊ย เจ็บๆๆๆๆๆ อะไรกัน”
รอนวิ่งหลบหมัดของแพทวนเป็นวงกลม ก่อนที่จะมีตัวอักษรเด้งขึ้นที่หน้าจอ
[คำเตือน คำเตือน ฝ่ายตรงข้ามใช้เวท Dimension Lock เตรียมตัวข้ามมิติใน 5 4 3 2 1]
แว้บ
แพทหยุดชะงักลงมองไปรอบๆ
“รอน รอน เธอหายไปไหนน่ะ รอน”
เด็กสาวมองไปรอบๆอย่างงุนงง ไม่ปรากฎร่างของเพื่อนชายที่กำลังวิ่งไล่กันเมื่อครู่แต่อย่างใด
ในเวลาเดียวกัน แสงสว่างแวบขึ้นที่ป่าในค่ายลูกเสือ
“เห เกิดอะไรขึ้น ทำไมเรากลับมาก่อนกำหนดล่ะ”
รอนมองรอบกายอย่างงุนงง เขาอยู่ที่โลกโน้นแค่7ชม. ยังเหลือเวลาอีก5ชม.นี่นา
รอนรู้สึกไม่ค่อยดี
“จริงสิ Battle map”
เมื่อครู่เขาจูบกับแพทมา ต้องมีมานาใช้เปิดแผนที่ได้นี่
รอนเตรียมสั่งเปิดแผนที่แต่แล้วก็ต้องผงะ
“อ๊ะ นี่มันอะไรกัน”
หน้าจอสเตตัสในตอนนี้กลายเป็นสีเทา เขียนว่า
[ด้วยผลกระทบจากสกิล Dimension Lock ของฝ่ายตรงข้าม]
[การข้ามมิติถูกระงับ เป็นเวลา72ชั่วโมง]
[ข้ามมิติครั้งถัดไปในเวลา 77ชั่วโมง 13นาที 15วินาที]
“[Battle Map]” รอนร้องขึ้นเปิดแผนที่ แผนที่เปิดออก รอนเลื่อนสายตามองดูทั่วทั้งบริเวณค่ายลูกเสือ
“ไม่มี ไม่มี แพทไม่ได้กลับมาด้วย!” รอนร้องเสียงหลง
ก่อนที่แผนที่จะกระพริบกลายเป็นสีเทาและดับไป