Midterm Fantasy - ตอนที่ 247
บ่าย4โมงแล้ว คุณวิทวัสกำลังนั่งจิบชาแอปริคอทอยู่ที่หน้าจอทีวี ข่าวสารบนหน้าจอไหลผ่านไปเรื่อยๆ
“ต่อไปเป็นข่าวต่างประเทศ บริษัทรุ่งโรจน์ซีเคียวได้จับมือกับกลุ่มทุนในประเทศวานาซูเอเล่ทำสัญญาเศรษฐกิจ โดยเบื้องต้นได้มีแผนลงทุนมูลค่า1000ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การแพทย์สาธารณสุข และจะทำการจ้างงานคนในพื้นที่โดยมีแผนที่จะสร้างระบบรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคนี้การเซ็นสัญญาดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ทั้งนี้มีการตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นความพยายามเข้าแทรงแซงประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจหรือไม่ ทางมิสเตอร์โบลิวาร์ ผู้ถือหุ้นภายในประเทศได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการดำเนินงานครั้งนี้”
“คุณหลิวลี่จงผู้อำนวยการบริษัทรุ่งโรจน์เคยเป็นผู้อพยพ ที่ผ่านมาเขาเคยต้องช่วยเหลือคนร่วมเชื้อชาติของตนในการหาเลี้ยงชีพ บางครั้งก็ต้องทำงานขายของเถื่อน จึงรู้ดีว่าหากคนเราจนตรอกมากๆก็อาจจะทำงานที่ผิดกฎหมายมากขึ้นไปอีก , ผมกับคุณหลิวเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน เมื่อเดือนก่อนได้เชิญเขามาเที่ยวที่ประเทศนี้และคุณหลิวก็ได้ถูกแก๊งจับตัวไว้หลายวัน เขาเห็นสภาพนี้แล้วจึงทนไม่ได้ ไม่อยากเห็นประเทศแห่งนี้ได้รับความยากลำบาก ไม่อยากเห็นคนที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยการทำผิดกฎหมาย”
มิสเตอร์โบลิวาร์แถลง
“ทุกท่านคงทราบดีว่าเมื่อเดือนก่อนห้างสรรพสินค้าที่บริษัทของคุณหลิวดูแลถูกโจมตีก่อการร้าย ในครั้งนั้นคนของเขาได้ช่วยเหลือทายาทของเศรษฐีระดับโลกไว้หลายคน เพื่อเป็นการตอบแทน เศรษฐีเหล่านั้นจึงได้รวบรวมเงินมอบให้คุณหลิว คุณหลิวลี่จงนึกถึงเพื่อนรักอย่างผมได้ จึงขอให้ส่งเงินมาที่ประเทศวานาซูเอเล่นี้โดยตรงเพื่อสร้างโครงการดีๆเช่นนี้ขึ้น”
วิทวัสฟังแล้วหน้ากระตุกเล็กน้อย ฟังดูไม่มีอะไรก็จริง แต่ในสายตาของรัฐบาลและตำรวจ การพูดแบบนี้ก็คือการประกาศตรงๆว่าเงินนี่มีที่มาผิดกฎหมาย เพราะถ้ามอบเงินผ่านหลิวลี่จงตรงๆบริษัทรุ่งโรจน์ต้องเจอตรวจสอบภาษี
“ฟังดูดี แต่มันจะมีจริงหรือที่จู่ๆใครจะเอาเงินมาให้คนอื่นๆฟรีๆ คุณหลิวตั้งใจจะแทรกแซงประเทศของเราหรือไม่คะ” นักข่าวคนนึงถามเป็นภาษาอังกฤษ
ทั้งตัวแทนทางการและตัวแทนกลุ่มทุนต่างลืมตากว้าง ไม่คาดคิดว่าจะมีคนถามอะไรตรงๆแบบนี้
“ใช่ ถ้าหากเอาเงินเข้ามาแต่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน ก็ไม่ต่างอะไรกับการให้แก๊งอันธพาลเข้ามาครองประเทศ แบบนี้รัฐบาลก็เป็นเหมือนหุ่นเชิด”
“ถูกต้อง คุณหลิวบอกมาตรงๆดีกว่า คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ คุณมีดีลลับกับรัฐบาลใช่ไหม”
นักข่าวร้องถามเป็นแถว
มิสเตอร์โบลิวาร์ทำท่าจะพูดแต่หลิวลี่จงเอามือขึ้นกันไว้ เดินมาเบื้องหน้าและกล่าวตอบเป็นภาษาอังกฤษ
“ถูกต้อง ในการมอบเงินนี้ เรามีดีลกับรัฐบาลของคุณ มีข้อแม้หลายประการที่รัฐบาลของคุณจะต้องออกกฎหมายเพื่อเรา”
เป็นคราวของนักข่าวบ้างที่อ้าปากค้าง ทำไมยอมรับกันอย่างหน้าตาเฉยต่อหน้ากล้องแบบนี้
“ถ่ายไว้ ถ่ายไว้”
“ลงพาดหัวเดี๋ยวนี้ นักธุรกิจโฉดหวังครอบงำประเทศ”
นักข่าวร้องลั่น
หลิวลี่จงยกมือขึ้นให้ทุกคนลดเสียงก่อนจะกล่าวต่อ
“นี่คือดีลที่ทางเราวางไว้กับรัฐบาลของคุณ”
“ข้อแรก : กำจัดแก๊งค้ายาเสพติด และแก๊งติดอาวุธในประเทศ”
“ข้อสอง : ออกกฎหมายบังคับฉีดวัคซีนในประชากร”
“ข้อสาม : ปรับปรุงสาธารณูปโภคในประเทศ”
“ข้อสี่….”
นักข่าวยิ่งฟังยิ่งงง ข้อแม้ที่ว่ามามันเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลควรจะทำไม่ใช่เหรอ นี่มันไม่ใช่นายทุนแล้ว นี่มันนักการเมืองที่กำลังหาเสียงชัดๆ
จริงสิ ต้องใช่แน่ๆ ประเทศวานาซูเอเล่มีน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก เจ้าบริษัทนี้ต้องหวังสัมปทานน้ำมันหรือฮุบบ่อน้ำมันแน่ๆ
“ข้อยี่สิบ : รัฐบาลต้องปกป้องไม่ให้บริษัทรุ่งโรจน์ซีเคียวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันและพลังงานฟอสซิลของประเทศนี้ และมีหน้าที่ปกป้องหากในอนาคตบริษัทถูกประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ขอให้เข้าไปทำธุรกิจน้ำมัน”
บูม!
นักข่าวช็อค
“คุณหลิว ข้อนี้เขียนผิดหรือเปล่า เค้ามีแต่เอาเงินมาลงทุนเพื่อขอฮุบสัมปทานน้ำมัน แต่คุณบอกว่าจะไม่ทำและให้รัฐบาลเราช่วยไม่ให้คุณเข้าไปทำเนี่ยนะ”
“เราเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่มีความรู้เรื่องน้ำมัน ยังไงเราไม่ทำธุรกิจน้ำมันอยู่แล้ว” หลิวลี่จงบอก “ที่เรากลัวก็คือกลัวถูกบีบบังคับให้เข้าไปทำธุรกิจน้ำมันมากกว่า ที่ประเทศคุณพังก็เพราะธุรกิจน้ำมันไม่ใช่รึ”
ทุกคนฟังแล้วเข้าใจในทันที ที่ผ่านมามีการแทรกแซงธุรกิจน้ำมันจากรัฐ ถ้าหากบริษัทรุ่งโรจน์เข้ามาแล้วเจอบีบให้ไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่ถนัดเพิ่มล่ะก็อาจจะมีปัญหาได้ ก็เลยมีข้อแม้นี้ออกมา
“ว่าแต่คุณจะได้ประโยชน์อะไร ที่ว่ามาทั้งหมดมันมีแต่เราได้ประโยชน์ บริษัทคุณไม่เห็นได้อะไรเลย” นักข่าวตั้งข้อสงสัย
หลิวลี่จงส่ายหน้า
“เพราะแบบนี้ไง คุณถึงเป็นได้แค่นักข่าว คุณไม่รู้จักโอกาสทางธุรกิจทั้งที่มันอยู่ตรงหน้า”
“ผมต้องการผูกขาดธุรกิจรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคนี้”
“ห๊ะ”
“ยังไงกัน”
นักข่าวงุนงง
“ทวีปนี้ทุกประเทศมีกฎหมายห้ามพกอาวุธ หากแต่มีแก๊งอาวุธสงครามและแก๊งค้ายาเสพติดระบาด ทำให้ธุรกิจรักษาความปลอดภัยไม่คุ้มความเสี่ยง ทวีปนี้เลยไม่มีธุรกิจนี้เลย”
“แก๊งเกิดขึ้นเพราะคนไม่มีทางเลือก แต่ถ้าผมอัดฉีดเงินเข้ามา สร้างความมั่นคงทางอาหาร สาธารณสุข และการเงิน แถมปราบปรามแก๊ง สุดท้ายแก๊งพวกนี้จะอยู่ไม่ได้”
“ถ้าไม่มีแก๊งค้าอาวุธ ไม่มีแก๊งค้ายา ก็จะเหลือแต่โจรที่ไม่ใช้อาวุธธรรมดา , กิจการรักษาความปลอดภัยก็จะปลอดภัยขึ้น และในสภาพที่ประเทศนี้ไม่มีธุรกิจรักษาความปลอดภัยเลยไม่ว่าทางบกหรือทางทะเล เราก็จะเป็นบริษัทเดียวในตลาดผูกขาดกิจการได้โดยปริยาย”
“แต่ที่คุณพูดมาก็แปลว่าบริษัทอื่นๆก็สามารถเข้ามาทำได้นี่” นักข่าวแย้ง
“แต่เรามีฝีมือ ทุกคนคงประจักษ์ชัดจากฝีมือการต่อต้านการก่อการร้ายของบริษัทเรา และเราเชื่อมั่นว่า ด้วยสิ่งที่เราทำให้กับประเทศนี้ ทุกคนจะนึกถึงบริษัทของเราเป็นบริษัทแรก” หลิวลี่จงประกาศ
หลิวลี่จงเอามือล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อ กดแกนมอนสเตอร์เข้ากับบอลเวท
“สิ่งที่เราอาจจะไม่เห็นผลในวันนี้ แต่ในอนาคต ลูกหลานของเราจะได้อาศัยในสังคมที่ปลอดภัยและมีความสุข”
ชายหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นสูง
และเหมือนกับตาฝาดไป รอบกายของเขาเหมือนกับจะมีแสงสว่างปรากฎขึ้น แสงสว่างสีขาวที่ส่องลงมาจากฟากฟ้า สะท้อนลงมาที่เสื้อสูทของหลิวลี่จง
“เพื่ออนาคตของวานาซูเอเล่”
วิทวัสหน้ากระตุกอีกรอบ แสงนี่มันแสงของเวท [High Blessing] นึกไม่ถึงว่ารอนจะใช้บอลเวทมนตร์นี่สร้างแสงสว่างให้หลิวลี่จงดูสง่าดุจดั่งได้รับพรจากฟากฟ้าแบบนี้
บรรดานักข่าวและคนที่มาร่วมงานต่างอ้าปากค้าง แสงสว่างจากท้องฟ้าลงมาส่องทับร่างของหลิวลี่จงจนดูศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง
เหตุผลของหลิวลี่จงนั้นดูดีเกินไป ดูดีดั่งกับคนมาแจกเงินให้ฟรีๆ
แต่ว่าแสงสว่างที่น่าอัศจรรย์นี่มัน!
มันเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ยังยอมรับในตัวชายผู้นี้
เสียงปรบมือดังกึกก้อง
ที่คฤหาสน์แก๊งค้าอาวุธซัมช่า
“หัวหน้า ไอ้บ้านี่มันพล่ามอะไรของมัน”
“ฮ่าๆ ให้มันพูดไป พวกเราเตรียมตัวไว้ พรุ่งนี้ยกกำลังไปถล่มมัน สั่งสอนมันให้หลาบจำ” หัวหน้าแก๊งค้าอาวุธบอก “เรามีรถหุ้มเกราะ มีเครื่องยิงจรวด มีอาวุธสงคราม สั่งสอนมันให้รู้ซะว่ายามก็คือยาม”
มีเสียงระเบิดดังมาจากนอกคฤหาสน์จากที่ห่างไกล ขณะที่ภาพในทีวีเลื่อนต่อไป หลิวลี่จงประกาศต่อ
“เพื่อช่วยเหลือประเทศวานาซูเอเล่ในการปราบแก๊งค้ายาและอาวุธ ทางเราได้ติดต่อหน่วยทหารรับจ้างไว้ เป็นหน่วยทหารรับจ้างที่รีไทน์ไปนานแล้วแต่เพิ่งกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งเพื่องานนี้โดยเฉพาะ”
กล้องแพนไปที่ด้านข้าง ลุงบัวปรากฎขึ้นในหน้าจอ
เพล้ง!!! แก้วไวน์ในมือหล่นลงแตก
“หัวหน้า เป็นอะไรไปครับ”
“น น นั่นมัน” หัวหน้าแก๊งเสียงสั่น “นั่นมันBlack Lotus … น นั่นมัน หน่วยทหารรับจ้าง Black Lotus Mercenary”
เสียงของหัวหน้าแก๊งสั่น มือสั่น ตัวสั่น โคมไฟเพดานสั่น
“ทหารรับจ้างแล้วยังไงพี่”
“แกไม่รู้อะไร Black Lotus เคยเป็นทหารรับจ้างที่ติด30อันดับแรกของโลก” หัวหน้าแก๊งบอก “และBlack Lotus Mercenary มีสมาชิก20คน แต่สมาชิกทุกคนคือนักฆ่าและทหารรับจ้างที่อยู่ใน 50 อันดับแรกของโลก ถ้าเป็นพวกนี้ล่ะก็พวกเราต้องแย่แน่ๆ”
“คิดมากหรือเปล่าลูกพี่” ลูกน้องวัย 20ต้นๆมองอย่างไม่เชื่อ มันคิดว่าหัวหน้าของมันกลัวมากเกินไป คนแค่20คนจะแค่ไหนกัน แถมฐานทัพของมันก็มีคนในแก๊งร่วม500คน จะกลัวอะไรกับคนแค่ 20 คน
บรึม! เสียงระเบิดใกล้เข้ามา จนหัวหน้าแก๊งและลูกน้องในห้องเอะใจ ประตูเปิดปังเข้ามา
“หัวหน้า ๆ แย่แล้ว แนวป้องกันเราถูกโจมตีครับ”
“ใครกัน ใครโจมตีพวกเรา มันมากันแค่ไหน”
“21 คนครับ พวกมันมากัน21 คน รถหุ้มเกราะของเราทั้งห้าคันระเบิดหมดแล้วครับ” ลูกน้องคนนั้นบอก “รังปืนกล ป้อมชั้นนอกแตกหมดแล้ว”
“พวกเรา เตรียมอาวุธ สู้ตาย” ทุกคนตะโกน ยกเว้นแต่ตัวหัวหน้าที่ชะงักกับจำนวนศัตรู 21 คน
จำนวนคุ้นๆแฮะ
เพล้ง กริ๊ก ๆ ๆ ลูกพลาสติกสีชมพูพุ่งทะลุหน้าต่างเข้ามา ด้วยสายตาอันมีประสบการณ์ทุกคนดูออกทันทีว่าไม่ใช่อาวุธสงคราม
“นี่มันอะไรกัน” ลูกน้องคนนึงหยิบขึ้นมา คนอื่นๆเดินเข้าไปดู แต่หัวหน้าแก๊งหมุนตัวพุ่งออกจากห้อง
“อะไรครับหัวหน้า”
ตูม!
[Binding] ระเบิดเวทมนตร์อัมพาต! ทำให้คนในรัศมี5เมตรสตันไป10วินาที
“Go Go Go” คนในชุดดำ 5 คนเข้าไปในห้องนั้น ใช้กระบอกปืนกวาดไปรอบๆ “ใครขยับ ตาย!”
หัวหน้าแก๊งค้าอาวุธวิ่งกระเซอะกระเซิงออกจากฐาน มันมองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว ค่ายกลางป่าของมันที่ภาคภูมิใจ ตอนนี้มีควันไฟขึ้นทั่ว หอคอยและกำแพงพังทลาย รถหุ้มเกราะหลายคันพลิกหงายท้องมีรูระเบิดตรงกลาง
ร่างผอมเกร็งปรากฎขึ้นจากควันไฟตรงหน้า มันยกปืนขึ้นตามสัญชาตญาณ
ผัวะ
แข้งฟาดเข้าที่แขนของหัวหน้าแก๊งจนปืนกระเด็น มันเตรียมต่อสู้หากแต่ร่างตรงหน้าระดมสาดแข้งเข้าใส่
ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ
“อ้ากกก” หัวหน้าแก๊งล้มลงพร้อมแขนทั้งสองข้างที่หักผิดรูป ลูกเตะเมื่อครู่หนักหน่วงยิ่งนัก
“แกเป็นใคร” หัวหน้าแก๊งร้องถาม
“Black Lotus” ลุงบัวตอบ
“ห๊ะ เป็นไปไม่ได้ แกอยู่ที่งานแถลงข่าวไม่ใช่เรอะ” มันร้องขึ้น “รึว่า..!!”
“นั่นไม่ใช่ถ่ายทอดสดน่ะ” ลุงบัวตอบ “ยอมแพ้ซะ วันนี้ข้ายังไม่อยากฆ่าคน”
เสียงเฮลิคอปเตอร์บินมาพร้อมกับเสียงรถหุ้มเกราะทหารที่เคลื่อนเข้ามาใกล้
“แก๊งซัมช่าจงฟัง นี่คือกองทัพรัฐบาลวานาซูเอเล่ เราล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว จงวางอาวุธซะ”
หัวหน้าแก๊งซัมช่ายิ้มแห้งๆออกมาในความโชคร้ายของตน
ทำไมพวกทหารไม่มาให้เร็วกว่านี้นะ
ส่วนลุงบัวมองดูระเบิดเวทมนตร์ในมืออย่างพึงพอใจ ของเล่นจากรอนชิ้นนี้น่าจะทำให้งานของพวกเขาเสร็จเร็วกว่าที่คาดไว้
****
“ขณะนี้มีรายงานด่วนเข้ามาว่าแก๊งซัมช่า แก๊งค้าอาวุธอันดับ3ของประเทศวานาซูเอเล่ได้ถูกปราบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางรัฐบาลประกาศให้เวลาแก๊งทั้งหลายวางอาวุธภายในเวลา1สัปดาห์ มิฉะนั้นจะเข้าทำการปราบปราม”
วิทวัสมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก ลุงบัวยืนอยู่ที่ยอดตึก บนนั้นปักธงสีดำ มีลายเส้นสีขาววาดเห็นเป็นภาพดอกบัวสีดำที่กำลังบานออก ที่ลานด้านล่างมีสมาชิกคนอื่นๆยืนอยู่
“นั่นทหารรับจ้าง Black Lotus เหรอคะ” แม่ของแพทเดินผ่านมา
“ใช่ ที่ผมเคยสู้ด้วยเมื่อ30ปีก่อนนั่นแหละ” วิทวัสบอก “ไม่นึกว่าจะกลับมารวมกลุ่มกันได้ แล้วนั่นคุณจะไปไหนน่ะ”
“ไปหาเพื่อนที่สหประชาชาติค่ะ นายหลิวลี่จงให้ชั้นช่วยประสานกับคนในสหประชาชาติเรื่องการส่งความช่วยเหลือทางการแพทย์เข้าไปที่วานาซูเอเล่” อารยาบอก “ดูเหมือนนายรอนจะตั้งใจฟื้นฟูประเทศนั้นจริงๆ ถึงกับสั่งหลิวลี่จงให้ทำงานใหญ่ขนาดนี้”
“เจ้านั่นมันคิดอะไรของมันก็ไม่รู้” วิทวัสส่ายหน้า
“คงอยากจะทำให้ตัวเองมีเงินมากกว่าบ้านเรามั้งคะ” อารยาตอบ “เขาเป็นผู้ชาย คงไม่อยากให้บ้านผู้หญิงดูรวยกว่า”
“แต่มันมีเงินจะแตะหมื่นล้านแล้วนะ ยังจะอะไรอีก”
ตอนที่วิทวัสเอาทองมาจากโลกโน้น โลกยุค30ปีก่อนยังมีช่องทางขายทองไม่มากแบบนี้ กิจการเลยหยุดอยู่ที่ร้านทองธรรมดา
แต่นายรอนขนทองมามหาศาล แถมยังขายทองเถื่อนอย่างเป็นระบบ แถมผ่านการเพิ่มขยายจาก Bitcoin ตอนนี้ทรัพย์สินที่มีมากกว่าครอบครัวเขาไม่รู้กี่สิบเท่าแล้ว
“หรือไม่รอนก็อาจจะอยากก้าวให้พ้นพวกเรา อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นนักรบมังกรเคยคุมกองทัพนับพันมาก่อน ดีไม่ดีรอนอาจจะอยากให้ตนเองมีอำนาจปกครองพื้นที่ก็ได้”
“คิดอะไรบ้าๆ”
“คุณก็พูดไป จำไม่ได้เหรอ ที่คุณไปต่อสู้กับทหารรับจ้างทีมลุงบัวน่ะ เพราะความตั้งใจที่ครองโลกผ่านทางกองกำลังใต้ดิน เป็นนักรบอันดับหนึ่งของโลกนี้ไม่ใช่เหรอ” อารยาแซว
“นั่นมันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นผมสังกัดทัพของราชาอันเดท ก็เลยอยากจะครองโลกฝั่งนี้จะได้ช่วยราชาได้” วิทวัสห่อไหล่ลงเมื่อเจอภรรยาแซว
กริ๊งๆๆ กริ๊งๆๆ โทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“โทรศัพท์ใครกัน อ้อบราเดอร์โทรมาจากโรงเรียนลูก” วิทวัสมองดูเบอร์
“จะว่าไป แพทกับรอนไปเข้าค่ายกันสองคนนี่” อารยาบอก “โทรมาทำไมกันนะ หรือว่านายรอนกับแพทจะไปก่อเรื่องอะไรเข้าอีก”
“ถ้านายรอนทำแบบนั้นผมหักคอมันแน่” วิทวัสพูดก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีครับบราเดอร์ ผมวิทวัสพูดครับ”