Midterm Fantasy - ตอนที่ 259
“หน่วยไวเวิร์นที่ 4 5 6 กำลังกลับลงมา หน่วยไวเวิร์นที่ 10 11 12 เตรียมตัวขึ้นได้” รอนสั่งการ “ฝูงค้างคาวยักษ์มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 ตัว หน่วยกริฟฟอนที่11และ12 เตรียมขึ้นขับไล่”
“เคลียร์พื้นที่นำกริฟฟอนขึ้น สแครมเบิล ๆ หน่วยที่ 11 12 ขึ้นบินได้”
โฮกกก
พั่บ ๆๆๆๆ
หน่วยกริฟฟอนทั้งสองหน่วยเร่งความเร็วก่อนจะกระพือปีกบินขึ้น หัวหน้าหน่วยทั้งสองมีWalkie Talkie ติดหูฟังไปด้วย
“หน่วยที่ 11 นำฝูงฉีกออกทางซ้าย หน่วย12 ฉีกออกทางขวา ดี ดี กลับเข้าเส้นทางได้ ข้างหน้าพวกคุณจะมีบึงน้ำอยู่ มุ่งตรงไปทางนั้น พวกคุณจะโจมตีค้างคาวยักษ์ที่นั่น”
ฝูงกริฟฟอนทั้งสองพุ่งไปยังจุดหมาย ผู้นำฝูงยิงเวทส่องแสงไปที่บึงน้ำเบื้องหน้า เผยให้เห็นร่างดำทะมึนของค้างคาวยักษ์ที่ตื่นตกใจกับแสงสว่าง
“โจมตีได้”
ตูม ตูม ตูม
หน้าไม้ยิงกระสุนเวทมนตร์สาดกระสุนเข้าใส่มอนสเตอร์ที่ไม่ได้ตั้งตัว รอนหันไปสั่งการจุดอื่นต่อ
“หน่วยไวเวิร์นที่ 7 8 9 เตรียมตัว ทิ้งระเบิดได้” รอนสั่งลงไปในwalkie talkie “ทิ้งแล้วหันกลับมาได้เลย ศัตรูนำไวเวิร์นติดตามมา ปล่อยโดรนได้”
โดรน4 ตัวลอยตัวออกมาจากทหารบนไวเวิร์น ที่ใต้ตัวมันมีลูกระเบิดเวทมนตร์ขนาดใหญ่ติดอยู่และกลไกหน่วงเวลา
3 .. 2 .. 1 แกร๊ก ตัวหน่วงเวลาทำงานกระแทกแกนมอนสเตอร์เข้ากับลูกระเบิด ระเบิดเรืองแสงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ พร้อมกับที่ไวเวิร์นที่มีออร์คนั่งบนหลังบินตามมา
“อูกี้!” เสียงอุทานอย่างตกใจดังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แสงสว่างจะวาบขึ้นมา
บรึ้ม!
“ฝูงบินกริฟฟอน ที่9 10 เข้าโจมตีได้ ฝูงบินกริฟฟอนที่ 7 8 คอยวนสนับสนุน”
รอนนอนหลับตาอยู่โดยมีโทรศัพท์มือถือแนบที่ศีรษะ ในตอนนี้บนท้องฟ้ามีไวเวิร์นกว่า 10 ตัวที่ติดโทรศัพท์มือถือถ่ายพื้นที่เบื้องล่าง ทั้งหมดรีเลย์สัญญาณผ่านกันมาเป็นทอดๆจนถึงรอนที่อยู่ตรงลานปล่อยกริฟฟอนและไวเวิร์น
จากนั้นเจ้า “ฮัสเลอร์” ก็ประมวลผล ส่งให้ “เปิ้ล” แสดงเป็นภาพVRให้รอนที่กำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียง
แผนที่สนามรบแบบrealtime ทำให้เด็กหนุ่มสามารถสั่งการกองทัพอากาศของแอสคาลอนได้อย่างดี
หลังจากที่กองทัพทหารม้าและหน่วยกำลังสำรองทำหน้าที่กรุยเปิดเส้นทางออกจากเมืองวาเลนเทีย ได้จัดการกับกองกำลังขนาดเล็กของก็อบลินจนหมด ฝั่งออร์คก็ตอบโต้ด้วยการนำเอาหน่วยบินออกจู่โจม
แต่ก่อนที่หน่วยของออร์คจะทันได้โจมตีกองกำลังของแอสคาลอน มันก็ต้องพบกับการซุ่มโจมตีจากหน่วยบินกริฟฟอน ไม่ว่าจะส่งฝูงบินใดออกมา ก็ล้วนแล้วแต่ถูกดักทางได้จนหมด
รอนถอดโทรศัพท์ออกจากศีรษะและบอกกับนายทหารของกองทัพอากาศแอสคาลอน
“เราช่วงชิงความได้เปรียบสำเร็จ ตอนนี้เราครองความเหนือกว่าทางอากาศได้แล้วครับ รบกวนท่านรับช่วงต่อด้วย”
“ขอบคุณท่านรอนมาก”
นายทหารผู้นั้นรับช่วงสั่งการต่อ แม้จะไม่คุ้นเคยกับระบบ VR เวทมนตร์ แต่ในสภาพที่ศัตรูล่าถอยไปแล้วเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป
รอนกลับไปหาพ่อของแพทที่ยืนบนกำแพงเมืองสังเกตการณ์อยู่ เบื้องล่างนั้น ทหารยืนเรียงรายเป็นทิวแถว แต่ละโคฮอทตรวจตราเซ็นจูเรี่ยนของตน
แสงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า สาดส่องลงมายังทหารที่อยู่เบื้องล่าง เกราะสีเงินสะท้อนแสงวาววับตัดกับชุดและพู่หมวกสีแดง โล่สคูตุมสีแดงบนหลังของทหารโดดเด่นเห็นแต่ไกล
กองพลที่ 9 ฮิสปาเนีย ต่างรอการเคลื่อนพลอย่างใจจดใจจ่อ
ครืน ๆ ๆ ๆ ๆ ทหารม้าเกราะดำเคลื่อนพลออกจากประตูเมือง ควบเหยาะผ่านกองทหารออกไป ผู้นำหน่วยชูมือขึ้น ร่ายเวท [Battle Flag]
ธงเวทมนตร์สีม่วงปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า
เจ้าชายดีโอ
รัชทายาทแห่งแอสคาลอน
ทหารม้าหนักเมอร์มิดอน
จำนวน 2000 นาย
โดยปราศจากการโห่ร้องใดๆ ทหารทั้งหลายต่างยกมือขึ้นทำซาลูทให้กับกองทหารม้าเมอร์มิดอนจะทำหน้าที่บุกทะลวงกองหน้าของออร์คที่แม่น้ำออเรเรียสก่อนที่กองทัพใหญ่จะไปถึง
ทัพข้าศึกเดินทางมาเร็วกว่าที่คาด ขณะนี้กำลังจะข้ามแม่น้ำแล้ว ทัพม้าเบาและกำลังสำรองที่ไปถึงอาจจะต้านไม่อยู่ มีเพียงทัพม้าเมอร์มิดอนเท่านั้นที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้
กองทัพสีดำเคลื่อนตัวออกไป แล้วร่างในเกราะสีทองพู่หมวกม่วงก็ปรากฎบนกำแพงเมือง กวาดสายตามองไปยังทหารเบื้องล่าง
“ลีเจียน! พวกท่านทั้งหลายจงฟัง”
พระราชาลูเซียสประกาศออกไป สุรเสียงดังชัดด้วยเวทมนตร์ที่ใช้ออกไป
“ขณะนี้กองทัพของเวก้า ได้บุกโจมตีอาณาจักรของพวกเรา เข่นฆ่าและทำลายทุกชีวิตในเส้นทาง”
“และขณะที่พวกเรากำลังเตรียมออกเดินทาง ขณะนี้กองกำลังของพวกมันจำนวน 3 แสน กำลังเตรียมยกข้ามแม่น้ำออเรเรียส มุ่งหน้ามายังเมืองหลวงเพื่อทำลายล้างทุกชีวิต และอีก 2 แสน กำลังโจมตีเมืองกาล่า เพื่อไม่ให้กำลังเสริมจากอาณาจักรอื่นเดินทางมาช่วยเหลือเราได้”
“ด้วยกำลังของแอสคาลอนเพียงลำพัง ไม่ใช่คู่ต่อกรสำหรับกองทัพมอนสเตอร์ระดับนี้ พวกเราต้องสู้ สู้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง” พระราชาบอก “เมืองกาล่าใกล้จะถูกตีแตกแล้ว และเราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนำกำลังบุกเข้าไป ถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด”
ทั้งหมดเงียบนิ่งฟังคำพูดของพระราชา
นี่ไม่ใช่คำปลุกใจ
แต่เป็นคำอธิบายความจริง ความจริงที่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายจนไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากสู้อย่างเต็มที่
พระราชาลงจากกำแพงเมืองขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะนำหน้ากองทัพม้าเกราะดำ ราชองครักษ์กิลเลี่ยน ถือธงสีแดงยอดอินทรีอยู่เคียงข้าง
“ข้าจะนำท่านเข้าสู่สนามรบ จงตามข้ามา!”
“กองพลที่ 9 เคลื่อนทัพได้”
ดาบในมือถูกชูขึ้น ธงรบเวทมนตร์สีม่วงปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า
จักรพรรดิลูเซียส ลาตินัสที่6
จักรพรรดิแห่งแอสคาลอน
องครักษ์เพรเตอเรี่ยน 10000 นาย
ครืนนน ๆ ๆ ๆ
ทหารม้านับหมื่นเคลื่อนออกจากกำแพงเมือง ตามด้วยขบวนรถม้าติดธนูกลแห่งร้าน ARMAMENT ขบวนรถบัสลิสต้า และขบวนรถเครื่องยิงหิน
ที่เบื้องหลัง เป็นบิชอปคาร์มิลล่า ผู้นำสูงสุดของศาสนจักรเวโรน่าประจำแอสคาลอนและทหารม้านักบวช , หน่วยรบคนแคระ , หน่วยรบเอลฟ์
“โคฮอทที่1 กัลโลรุม เดินทัพได้!”
“โคฮอทที่2 ฟรานเชสโนวุม เดินทัพ!”
“โคฮอทที่3 ลูเซนเซี่ยม หน้าเดิน!”
“โคฮอทที่4 ……”
รอนยืนมองกองทัพอันยิ่งใหญ่ตรงหน้าออกเดินทาง
ด้วยความรู้จากปัจจุบัน เขารู้ดีว่ากองทัพตรงหน้านี้ใหญ่เสียยิ่งกว่ากองทัพโรมันในสมัยจักรพรรดิไทบีเรียสซึ่งถือเป็นยุคที่รุ่งเรืองทางทหารที่สุดยุคนึงเสียอีก
แต่ว่ากองทัพของอีกฝ่ายนั้นก็มากยิ่งกว่ากองทัพใดๆที่เขาเคยเห็นมา
“ท่านรอนพวกเราขอตัวไปเตรียมตัวกันก่อน”
เสียงดังมาจากเบื้องหลัง ข้างหลังของรอนคือกลุ่มของนักรบมังกรแห่งแสงทั้ง 4 คน ลีออน อัลเบิร์ต คริส แคลร์
“พวกเราจะออกเดินทางกันตอนเที่ยงคืนนี้ ทั้งคุณรอนและท่านเท็นสไควร์พักผ่อนให้มากไว้” อัลเบิร์ตบอก “ว่าแต่ คุณรอนแน่ใจหรือว่าจะพาคนกลุ่มนั้นกลับไปด้วย”
ที่เบื้องล่างกำแพงนั้น คือชาย 200 คนของร้าน ARMAMENT ซึ่งเป็นชาวหมู่บ้านโอลเซ่น
“ครับ ทุกคนตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปสู้ที่หมู่บ้าน” รอนบอก “ครอบครัว คนรัก ญาติมิตรของทุกคนอยู่ที่นั่น”
เด็กหนุ่มนึกขึ้นมา … จริงสินะ ไม่ใช่แค่ชาวหมู่บ้านเหล่านี้ที่มีคนรักญาติมิตรที่โอลเซ่น
เขาเองก็เช่นกัน
แผนของจักรพรรดิลูเซียส เรียกได้ว่าบ้าระห่ำมาก
นั่นคือจะใช้กำลังภาคพื้นดินบุกกดดันกองทัพมอนสเตอร์จำนวน 3 แสนเอาไว้ คาดว่าจะเดินทางไปถึงและประจัญหน้ากันตอนเที่ยงคืนนี้หรือ 24 ชั่วโมงหลังจากเริ่มร่ายเวท
หากเวก้ารู้ว่าจักรพรรดิและเจ้าชายนำทัพมาเอง ก็คงจะทิ้งกำลังพลทางนั้นให้ค้นหาลูกแก้วไพล่อนกันเอง ส่วนตนก็กลับมาเพื่อจัดการกับเชื้อพระวงศ์2คนสุดท้ายของแอสคาลอน
รอน เท็นสไควร์ นักรบมังกรทั้ง 4 คนพร้อมหน่วยรบพิเศษก็จะใช้กองทัพอากาศบินข้ามไปลงที่โอลเซ่น
อัลเบิร์ต จิล คริส แคลร์ และลีออน ทั้ง 5 คนจะแยกย้ายกันไปคนละทิศ ใช้ธงรบเวทมนตร์ของตนล่อให้กองทัพมอนสเตอร์ติดตาม
ลูกแก้วไพล่อนต้องใช้นักรบมังกรในการกระตุ้นพลัง
เวก้าย่อมต้องเข้าใจว่าลูกแก้วไพล่อนอยู่กับหนึ่งในห้าคนนั้น
ต้องคาดไม่ถึงแน่ว่าแท้จริงแล้วลูกแก้วไพล่อนไม่ได้อยู่กับใครในห้าคนนั่นทั้งนั้น
แต่อยู่กับแพท!
“รอน เตรียมตัวไปเอาคอนเทนเนอร์อาวุธแล้วใช่ไหม”
“ครับ ผมกับคนอื่นๆเตรียมตั๋วไปฮ่องกงกันแล้ว”
“ดีมาก อย่าลืมเอาถุงมือที่สั่งไว้มาด้วย”
“ครับ”
รอนรับคำกับคุณพ่อของแพท
“ว่าแต่คุณพ่อครับ”
“หืม มีอะไรเรอะ”
“ตอนที่คุณพ่อข้ามมาโลกนี้แล้วคุยกับ <System> ได้นี่มันคือยังไงครับ”
รอนถาม
”เราคุยกับ <System> ได้ด้วยเหรอครับ”