Midterm Fantasy - ตอนที่ 262
“ท่านเวก้า กองทัพออร์คของข้าทำลายประตูปราสาทได้แล้ว พวกเรายึดทางเข้าปราสาทได้แล้วขอรับ”
“กองทัพก็อบลินของข้าก็ยึดกำแพงชั้นนอกของปราสาทได้ทั้งหมดแล้วเช่นกัน”
เวก้าลุกขึ้นยืน มองตรงไปยังปราสาทเมืองกาล่าที่กำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง
การโจมตีเมืองกาล่าเนิ่นช้ากว่าที่มันคิดไว้มากนัก จากที่คิดว่าเมืองที่มีกำลังทหารไม่ถึงหนึ่งหมื่นจะถูกกองทัพนับแสนถล่มได้อย่างรวดเร็ว แต่ปรากฎว่าพวกมนุษย์กลับต้านทานได้มากกว่าที่คิด พวกมนุษย์ใช้อาวุธและเกราะโอริค่อนกันทั้งหมด เหล่าทหารมีเทคนิกการต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงไป มีอาวุธเวทมนตร์จำนวนมากให้ใช้ อีกทั้งเครื่องยิงหินยักษ์ที่ทำลายได้แม้กระทั่งโทรล
การโจมตีที่คาดว่าจะสำเร็จในไม่กี่ชั่วโมงก็กลับเนิ่นช้าไปเป็นวัน จนสุดท้ายเวก้าต้องส่งกองทัพมังกรและไวเวิร์นเข้าร่วมโจมตีด้วยจึงจะทำลายแนวป้องกันชั้นนอกได้ แต่กระนั้นโซล่าผู้เป็นเจ้าเมืองก็นำกำลังทหารที่เหลือถอยกลับเข้าปราสาทและทำการต่อต้านอย่างแข็งขัน ขณะที่มีอาบุตรสาว คุมกำลังอีกส่วนตีฝ่าคุ้มกันชาวเมืองหนีออกไปอีกด้านหนึ่งได้ตั้งแต่แรกที่เมืองถูกโจมตี
“ท่านเวก้า จะให้พวกเราบุกเข้าไปเลยไหมครับ” ราชาออร์คถาม
“ช้าก่อนกรูมแซค ข้ารู้สึกแปลกๆ” เวก้าลุกขึ้นเดินตรงไป เหล่ามอนสเตอร์ที่ยึดทางเข้าปราสาทได้ต่างลุกขึ้นร้องคำรามแสดงความเคารพ
“[Battle Map]”
แผนที่รบปรากฎขึ้นในหัวของมัน นอกจากพื้นที่นอกปราสาทที่สามารถมองเห็นหน่วยต่างๆของมันแล้ว พื้นที่ในปราสาทเมืองกาล่านั้นเป็นสีดำมืดที่มองไม่เห็นภายในใดๆ
“มันมีของวิเศษที่ป้องกันการตรวจสอบจากแผนที่เรอะ” เวก้ารำพึง “[Sensing]”
วงแหวนเวทปรากฎขึ้นรอบตัวของมันก่อนจะแผ่ขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่ปราสาท เวก้ารับข้อมูลที่ปรากฎขึ้นแล้วก็ยิ้มออกมา
“ทั้งหมดถอนกำลังได้” เวก้าประกาศ “กรูมแซค เฉพาะเจ้าและกองทัพออร์คจำนวน3หมื่น ให้หลบซ่อนอยู่ในตัวเมือง เมื่อพวกมันหลบหนีออกจากปราสาทก็ให้นำกำลังออกติดตามซะ”
“ท่านเวก้า พวกมันที่เฝ้าลูกแก้วไพล่อนอยู่จะยอมออกมาจากที่มั่นหรือครับ”
“ต้องออกมาแน่นอน เพราะว่าภายในนั้นไม่มีลูกแก้วไพล่อน” เวก้าบอก “ข้ารับรู้ได้ว่าภายในปราสาทไม่มีนักรบมังกรแห่งแสงสว่างอยู่ ในเมื่อการใช้ไพล่อนเปิดประตูมิติต้องใช้นักรบมังกรแต่ข้างในไม่มีนักรบมังกร ก็แปลว่าพวกมันไม่ได้เก็บลูกแก้วไพล่อนไว้ที่นี่”
“ถ้าเช่นนั้นมันจะอยู่ที่ไหนกันล่ะขอรับ”
“มีอยู่ที่หนึ่งที่น่าสงสัย” เวก้าพูดขึ้นก่อนจะขึ้นหลังมังกรดำ “กองททัพทั้งหมด เคลื่อนพล เราจะโจมตีหมู่บ้านโอลเซ่นกัน”
****
ที่กำแพงชั้นนอกของหมู่บ้านโอลเซ่น ความตึงเครียดแผ่ขยายไปทั่ว เพราะเมื่อหลายชั่วโมงก่อนมีสัญญาณจากเมืองกาล่าว่ากำแพงเมืองได้ถูกตีแตกไปแล้ว
ท่ามกลางความมืดมิดยามตีห้าเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่เวรยามล้วนแล้วแต่อยู่ในความตึงเครียดไม่รู้ว่าจะถูกโจมตีเมื่อใด โรล่าในชุดเกราะเดินตรวจตราความเรียบร้อยบนกำแพงเมืองและกระตุ้นเตือนให้คนที่อย่เวรยามไม่หลับ
เด็กสาวเดินตรวจตราไปจนถึงหน้าประตูหมู่บ้าน ก็เห็นแพทเดินนำหน้าชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
“คุณแพทคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” โรล่าถาม
“แพทเอากาแฟมาแจกจ่ายค่ะ” แพทส่งสัญญาณให้คนที่เดินตามทำหน้าที่ต่อไป เหล่าชาวบ้านกลุ่มนั้นแบกถังไปวาง ไขก็อกเปิดให้กาแฟไหลลงสู่แก้วและแจกจ่ายให้คนที่อยู่เวรยาม
“แล้วคุณจิลล่ะคะ” โรล่าถาม
“คุณจิลใช้พลังนักรบมังกรกระตุ้นลูกแก้วไพล่อนอยู่น่ะ” แพทตอบ “ทางนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เงียบค่ะ เงียบมาก” โรล่ามองออกไป “ไม่มีแม้แต่มอนสเตอร์สักตัว”
ครืนนนน
เสียงบางอย่างดังมาจากที่ห่างไกลจนทำให้คนบนกำแพงเมืองมองตาม ต่างคนต่างเตรียมเกราะและจับอาวุธของตนขึ้น
“เสียงอะไรกันนะ” โรล่ารำพึง
“[Battle Map]” แพทเปิดแผนที่รบขึ้นแล้วเลื่อนตำแหน่งไปยังทิศดังกล่าว ซูมดูจนเห็นภาพ จุดสีเขียวและน้ำเงินจำนวนมากกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้ามาทางหมู่บ้านโดยมีจุดสีแดงตามหลัง
“คุณโรล่า เรียกระดมพลค่ะ”
“คะ?”
“ข้างนอกนั่นมีผู้อพยพจากเมืองกาล่าค่ะ มีทหารคุ้มกันมาด้วย” แพทวิ่งลงจากกำแพงเมือง “ที่ด้านหลังมีกองทัพก็อบลินติดตามมาด้วย”
แพทลงไปที่ค่ายทหารเบื้องล่าง เปิด walkie talkie แจ้งข่าวให้คุณเบรเซอร์และรีบไปหากองทหารม้า
“เปิดประตู”
“กองทหารม้า เตรียมตัวเคลื่อนพล” กัปตันเรย์สั่ง “รอคำสั่ง!”
กองทหารม้าเบาเคลื่อนตัวไปตามถนนตรงไปยังประตูหมู่บ้านที่เปิดออก ขณะที่แพทยืนอยู่ที่กำแพงหมู่บ้าน
ตอนนี้เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้า ความมืดทำให้การเคลื่อนพลหรือแยกแยะมิตรศัตรูยุ่งยากได้ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องทำให้มันสว่างขึ้น
เด็กสาวยกไม้เท้าเวทในมือขึ้นร่ายเวท
“วงแหวนแห่งแสง [Fortunar]”
ฉับพลันบังเกิดวงแหวนแสงสว่างขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น สาดส่องไฟดุจดั่งสปอตไลท์ แสงสว่างเจิดจ้าดุจดั่งดวงอาทิตย์จนหากใครมองมาก็ต้องหยีตามิอาจสู้แสง ลำแสงนั้นส่องไปไกลหลายกิโลเมตรจนเห็นประชาชนเมืองกาล่าที่กำลังอพยพมาโดยมีก็อบลินรุกไล่อยู่เบื้องหลัง
“กองทหารม้าเบา เคลื่อนพลได้ เป้าหมายสกัดกองทัพก็อบลิน”
กองทหารม้าโรมันเคลื่อนกำลังไปตามถนนอย่างรวดเร็วตรงไปยังผู้อพยพที่แหวกเปิดทางให้ กัปตันเรย์เคลื่อนไปถึงด้านหลังและสกัดทัพก็อบลินด้วยระเบิดเวทมนตร์ ขณะที่มีอาและทหารจากกาล่าก็เคลื่อนพาชาวเมืองให้หนีเข้าหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย
“ท่านมีอา” แพทร้องเรียก
“คุณแพท โรล่า” หญิงสาวเดินเข้าไปหาอย่างเหนื่อยอ่อน
“แล้วท่านโซล่าล่ะคะ”
“ท่านพ่อกับทหารที่เหลือถอยเข้าไปอยู่ในปราสาทค่ะ” มีอาตอบ “ตอนนี้เวก้าเข้าใจว่าลูกแก้วไพล่อนอยู่ในปราสาทเมืองกาล่า เลยพยายามโจมตีปราสาทอยู่”
แพทมองหน้ามีอาอย่างเห็นใจ แต่ดูเหมือนนักดาบสาวจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น
นี่เป็นแผนการที่ทุกคนยอมรับ ท่านโซล่าจะนำทหารเข้าไปป้องกันปราสาทเพื่อล่อให้เวก้าทำการโจมตี หากเวก้ามุ่งโจมตีปราสาท กว่าจะรู้ว่าลูกแก้วไพล่อนไม่ได้อยู่ที่นั่นก็คงสายไปแล้ว
“นี่เป็นแผนที่ใช้เมืองกาล่าเป็นตัวล่อ แต่แลกมาซึ่งความอยู่รอดของทั้งอาณาจักร และชาวเมืองส่วนใหญ่ก็รอดมาได้ การเสียสละเพียงเท่านั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มีอาบอก “ทางนี้ปลอดภัยดีนะคะ”
“ค่ะ ทางนี้ปลอดภัยดี มอนสเตอร์ไม่ได้สนใจเรามาก” แพทบอก “ตอนนี้แพทสั่งให้ปิดไฟส่องสว่างหมดแล้ว พวกมันคงคิดไม่ถึงแน่ว่านักรบมังกรจิลกำลังใช้ลูกแก้วไพล่อนอยู่ที่นี่”
“เจ้าคิดอย่างนั้นแน่รึ ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะดังมาจากท้องฟ้า ทุกชีวิตในหมู่บ้านโอลเซ่นเงยหน้ามองขึ้นดูอย่างประหวั่น ร่างเงาสีดำบินอยู่บนท้องฟ้า ปีกที่แผ่ขยายกว้างใหญ่บ่งบอกว่ามันคือมังกร! มังกรแท้จริง ไม่ใช่ไวเวิร์น
“หน่วยบัลลิสต้า ประจำแท่นยิง เตรียมยิงมังกร”
“บรรจุกระสุน”
เวก้าที่อยู่บนหลังมังกรดำไม่ใส่ใจกับเครื่องยิงเบื้องล่าง ระยะบินในตอนนี้ห่างไกลเกินกว่าจะใช้เครื่องยิงได้
“[Blizzard] [Frost Nova]”
ก้อนน้ำแข็งก่อตัวขึ้นรอบกายของเวก้า ก่อนจะร่วงหล่นลงไปตามแรงโน้มถ่วง เป้าหมายก็คือ
“โบสถ์! แย่แล้ว”
ตูม!
โบสถ์ถล่มลงไปแถบหนึ่งจากการกระแทกของก้อนน้ำแข็งยักษ์ แสงสว่างสีฟ้าเรืองรองสาดส่องออกมาจากซากปรักหักพัง ลูกแก้วไพล่อนลอยตัวอยู่เหนือแท่นพิธี
“เตรียมตัวตายซะ เจ้า…” เวก้าพูดได้เพียงเท่านั้นแล้วมันก็ลดกายลง มังกรดำหมุนเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ธนูเวทมนตร์พุ่งเฉียดไปไม่ถึงเมตร
ร่างของนักรบมังกรจิลพุ่งออกมาจากซากโบสถ์ เธอกระโดดลอยไปในอากาศ แล้วไวเวิร์นประจำตัวก็บินขึ้นมารับร่างเอาไว้แล้วลอยตัวขึ้น มันบินขึ้นตีคู่เข้ากับมังกรดำของเวก้า
“ตายซะเถอะเจ้าเวก้า” หอกในมือของหญิงสาวพุ่งเข้าใส่ เวก้าชักดาบของตนออกปัดป้อง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
จิลพุ่งหอกเข้าใส่อย่างดุดัน ขณะที่เวก้าตั้งรับอย่างใจเย็น มันตบลงไปที่หลังของมังกรดำสองครั้ง แล้วมังกรก็หมุนตัวดำดิ่งลงอย่างกระทันหัน ยืดคอยาวออกกัดขาของไวเวิร์น
ก๊าซซซ!
“อร๊า!”
ทั้งจิลและไวเวิร์นของเธอเสียหลักหมุนควงลงสู่พื้นเบื้องล่าง เวก้าจับหลังมังกรอย่างแน่นหนาเมื่อมันหมุนตัวกลับและร่อนลงสู่พื้นทิ้งร่างไวเวิร์นให้พุ่งตกลงต่อไป
บูม!
กลุ่มควันธุลีพุ่งขึ้นจากแรงกระแทกของมังกรบินไวเวิร์น เวก้าลงจากหลังมังกรของมันและเดินเข้าไปพร้อมดาบ
“[พันบุปผา]”
ประกายหอกพุ่งออกมาจากกลุ่มควันมุ่งเข้าใส่เวก้า มันถอยหลังให้เพียงสองก้าวและยกดาบขึ้นปัดป้อง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
และในจังหวะที่เวก้ายกดาบขึ้นสูงเพื่อปัดปลายหอก มือซ้ายของจิลก็เลื่อนไปที่เอว ควักหน้าไม้สั้นออกมา
เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว
แครก แครก แครก
ดาบของเวก้าหมุนควงลงมาตัดลูกศรอย่างแม่นยำ แล้วมันก็ยกขาเตะท้องน้อยของจิลอย่างจังจนหญิงสาวกระเด็นล้มลง
“[Sensing]”
พลังเวทแผ่ขยายกระจายตรวจสอบ เวก้าตรวจดูในแผนที่อีกครั้งร่วมกัน
นักรบมังกรแห่งแสงมีเพียงคนเดียว
“ข้าน่ะเกลียดที่สุด พวกอ่อนหัดที่ใช้กำลังจากศิลานักปราชญ์ในการอัพเกรดตนเอง” เวก้าเดินเข้าหาจิลที่นอนหมอบอยู่ “ขณะที่คนอื่นๆต้องฝึกฝนเอาเป็นเอาตาย แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับการใช้Skill Point / Bonus stat”
ร่างของจิลที่หมอบอยู่พุ่งปราดเข้าใส่พร้อมหอกในมือ
“ตายซะ! [พันบุปผา]”
“[Purge]”
เวก้ายกฝ่ามือ ปล่อยสกิลประจำตัวเข้าใส่นักรบมังกรแห่งแสงตรงหน้า หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีมือนับร้อยพันจับร่างของเธอไว้แล้วออกแรงดึง
กิ๊ง! ตุบ!
เสียงดังใสมาจากพื้นเบื้องหลังจนจิลอดไม่ได้ที่จะหันมอง ลูกแก้วขาวใสที่คุ้นตาตกอยู่ที่พื้นเบื้องหลัง
ศิลานักปราชญ์ของเธอ!
“<System>!”
หญิงสาวพยายามเรียก แต่ว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“ฮ่าๆๆ เข้ามาสิ เข้ามา ข้าอยากจะรู้นักว่านักรบมังกรที่ปราศจากพลังน่ะจะมีฝีมือแค่ไหน” เวก้ายกแขนสองข้างชูเชิญชวนเชื้อเชิญ
“ย้าก”
แคร้ง แคร้ง แคร้ง เฟี้ยว ผัวะ!
จิลแทงหอกอย่างเงอะงะเชื่องช้า แม้จะยกหน้าไม้ยิงก็ล้วนอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย สุดท้ายถูกฟาดด้วยฝักดาบจนล้มลง
“สุดท้ายก็มีน้ำยาแค่นี้ พอไม่มีศิลานักปราชญ์ก็ทำอะไรไม่ได้” เวก้าเตะซ้ำอีกครั้งแล้วเดินตรงไปที่ลูกแก้วไพล่อน
ปึด ปึด ปึด
[-5] [-5] [-7] [-7] [-9] …
“ชิ เข้าใกล้ไม่ได้เรอะ” เวก้ามแงดูพลังชีวิตที่ลดลง ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งลดมากและเร็ว ดูเหมือนของวิเศษของเทพเวโรน่าชิ้นนี้จะต้องใช้มอนสเตอร์ที่ไม่ใช่นักรบมังกรในการจัดการ
มันมองดูเลขเวลา ที่หยุดนิ่งที่ 42 ชั่วโมง 10นาที 23วินาที แล้วก็ยิ้มออกมา
สกิล Purge ของมันสามารถถอดศิลานักปราชญ์แห่งแสงสว่างออกจากร่างนักรบมังกรได้72ชั่วโมง และในสภาพที่นักรบมังกรคนเดิมยังไม่ตาย ศิลานักปราชญ์ที่ถูกดึงออกมาด้วยสกิลนี้จะไม่รับเจ้าของใหม่ … พวกมนุษย์จะหาคนอื่นมารับช่วงต่อตอนนี้ก็ไม่ได้
42 ชั่วโมง เวลาเหลือเฟือจริงๆ
“ท่านเวก้าขอรับ ตอนนี้กองทัพแอสคาลอนกำลังต้านกองทัพของเราที่แม่น้ำออเรเรียส กองกำลังของเราถอยร่นมาได้ 4ไมล์แล้วขอรับ” เสียงดังออกมาจากเครื่องสื่อสารพลังเวท
“ถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป กองทัพออร์คทั้งหมดให้เคลื่อนทัพผ่านหมู่บ้านนี้ไป ไม่ต้องโจมตี ไปสมทบกับทัพที่แม่น้ำออเรเรียสซะ” เวก้าบอก “ส่วนราชาก็อบลิน ให้ร่วมกันกับหน่วยของข้าโจมตีหมู่บ้านนี้ซะ ทำลายลูกแก้วไพล่อนให้ได้แล้วติดตามข้าไปแม่น้ำออเรเรียส”
“หน่วยของท่าน รึว่า…”
“ถูกต้อง … หน่วยรบมังกร”
ครืนนนนนนน แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้จากพื้นดินเวก้ากระโดดขึ้นหลังมังกรดำแล้วสั่งออกบิน มุ่งหน้าไปทางทัพใหญ่ของแอสคาลอน
“ท่านเวก้าถึงท่านจะเข้าไปทำลายลูกแก้วไพล่อนเองไม่ได้ แต่ทำไมท่านไม่ให้ข้าทำลายให้เล่า”มังกรดำถาม
“ถ้าข้าทำลายลูกแก้วไพล่อน กองทัพแอสคาลอนที่ออกมาอาขจะล่าถอยกลับเพื่อป้องกันตั้งรับ” เวก้าบอก “ข้าต้องการให้พวกมันมีเวลาส่งข่าว ให้พวกมันมีความหวัง จะได้บุกต่อเข้ามาพบกับจุดจบ”
“อีกอย่าง ที่นี่มีนักรบมังกรเพียงคนเดียว ถ้าข้าทำให้มันใช้ไพล่อนต่อไม่ได้ มันก็ต้องส่งนักรบมังกรแห่งแสงคนอื่นมา ข้าจะได้จัดการพวกมันในคราวเดียว”
มังกรดำบินผ่านพื้นที่ราบ เบื้องล่างมีเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างของมังกรดินหลายสิบตัวเคลื่อนตัวมุ่งหาหมู่บ้านโอลเซ่น ส่วนบนท้องฟ้ามีไวเวิร์นนับสิบบินมุ่งหน้าไป
“หวังว่าพวกมันจะไม่ตายกันเร็วเกินไปนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า จงสิ้นหวังกันเข้าไปเถอะ พวกมนุษย์ทั้งหลาย จงสิ้นหวังที่เห็นไอเท็มแห่งความหวังอยู่ตรงหน้าแต่ใช้มันไม่ได้” เวก้าหัวเราะออกมาก่อนจะไม่สนใจอะไรกับหมู่บ้านเบื้องหลังอีก
ขณะเดียวกัน แววตาของทุกคนในหมู่บ้านนั้นมิใช่สิ้นหวัง หากแต่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าเวก้าหลงกล” จิลค่อยๆยันกายขึ้น “คุณแพทคะ”
“ค่ะ” แพทวิ่งเข้าไปที่โบสถ์ที่พังทลายใช้มือทั้งสองข้างจับและปล่อยมานาในร่างเข้าไป ลูกแก้วไพล่อนเหมือนจะสแกนร่างของเธอวูบหนึ่งและรับรู้ว่าเป็นมิตร และปล่อยให้เธอจับต่อไปโดยไม่ทำอะไร
42 ชั่วโมง 10นาที 23วินาที
42 ชั่วโมง 10นาที 22วินาที
42 ชั่วโมง 10นาที 21วินาที
“ได้ผล!”
ทุกคนร้องออกมาอย่างยินดี
ในการศึกเมื่อ30ปีที่แล้วเวก้าฆ่านักรบมังกรแห่งแสงไปครึ่งนึงของทั้งหมด ทุกคนคาดว่ามันต้องมีสกิลพิเศษบางอย่างในการต้นหาและจัดการแน่ๆ
ดังนั้น แผนที่วางไว้คือเอาไพล่อนมาไว้ที่นี่ หากเวก้าหาไม่เจอก็ดีไป แต่หากหาเจอ ก็ให้จิลสู้ หากแพ้ขึ้นมา ด้วยการกดดันของทัพใหญ่ของแอสคาลอน เชื่อว่าเวก้าต้องเดินทางต่อทันทีมากกว่าการเสียเวลาทำลายหมู่บ้านด้วยตนเองแน่
หากให้แพทใช้ลูกแก้วไพล่อนต่อ ก็จะสามารถรันเวลาเปิดประตูมิติรับกำลังเสริมได้ โดยที่เวก้าคาดไม่ถึง
“เอาล่ะ ทุกคน งานของเรายังไม่เสร็จ” โรง่าตะโกน ให้ทหารม้าเข้ามาแล้วปิดประตูหมู่บ้าน”
ครืนๆๆๆๆๆๆ ประตูค่อยๆงับลงตามหลังทหารม้าคนสุดท้าย กลุ่มควันฝุ่นเบื้องหลังพุ่งขึ้นจากพื้นดิน พร้อมกับจุดสีเขียวบนท้องฟ้าที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“บัลลิสต้าบรรจุกระสุน เตรียมยิงไวเวิร์น” โรล่าร้อง “หน่วยยิงหิน เตรียมยิงต่อต้านมังกรดิน”
“ศึกที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นแล้ว!”