Midterm Fantasy - ตอนที่ 266
“ท่านอัลเบิร์ต ที่เหลือฝากท่านด้วย” หัวหน้าหน่วยไวเวิร์นร้อง “หน่วยไวเวิร์นคุ้มกันทั้งหมด ตามข้ามา”
ไวเวิร์นคุ้มกันทั้งหมดปักหัวดิ่งลงพุ่งโจมตีไปเบื้องล่าง สวนกับลูกไฟที่พุ่งขึ้นมา ดาร์กเอลฟ์ที่คุมปืนใหญ่เวทมนตร์ต่างต้องเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อป้องกันตัว
รอนมองไปที่เบื้องล่าง ตอนนี้พวกเขากำลังเข้าเขตเมืองอัมโบรเซีย ถ้าหากพ้นจากนี้ไปก็จะเป็นเมืองกาล่าแล้ว
แต่ยิ่งใกล้จุดหมายเข้าไปเท่าไหร่ สิ่งที่มองเห็นลงไปก็ยิ่งน่าอนาถใจ
กองทัพมอนสเตอร์เคลื่อนพลอยู่เต็มไปหมด ซากหมู่บ้านถูกเผาไหม้ทำลายอยู่ระหว่างทาง ป้อมหอคอยที่รอนแนะนำให้สร้าง บางแห่งก็เหลือแต่เพียงซาก บางครั้งพวกเขาก็บินผ่านจุดที่เคยมีการต่อสู้ ซึ่งใจกลางจุดนั้นก็คือซากศพของมนุษย์ และกองรถม้าของอูเบอร์
ใช่ว่าทุกคนที่หนีออกมาจะเดินทางไปถึงจุดหมาย
หน่วยกริฟฟินและไวเวิร์นคุ้มกันค่อยๆล้มตายไป หลายต่อหลายครั้งต้องใช้วิธีสละบางส่วนในการถ่วงเวลาข้าศึก ทำให้ตอนนี้กองทัพอากาศเหลือกำลังพลเพียงครึ่งเดียว เป็นหน่วยกริฟฟินทั้งหมด
เฟี้ยวววว ตูม ลูกไฟลอยขึ้นจากพื้นและระเบิดในอากาศ
“ทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ก็ไม่มีอะไรมาขวางเราแล้ว”
เฟี้ยวว ตูม ๆ ๆ ๆ
เสียงระเบิดดังขึ้นตลอดเป็นระยะ ไวเวิร์นขนส่งทั้ง 21 ตัวได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจนไม่มีตัวใดที่ถูกยิง แต่นั่นเป็นเพราะทหารกริฟฟินที่คุ้มกันต่างใช้กริฟฟินของตนรับลูกไฟเหล่านั้นไว้
รอนมองดูกริฟฟินที่ร่วงลงไปทีละตัวสองตัวอย่างเจ็บปวด
“ทนอีกนิดครับ อีกไม่นานพวกเราจะพ้นจากตรง…..” รอนชะงัก “ทุกคนระวัง ท้องฟ้าข้างหน้ามีมอนสเตอร์จำนวนมาก!”
หน้าจอแผนที่ปรากฎจุดสีแดงของมอนสเตอร์ฝ่ายตรงข้ามนับร้อยตัว
“หน่วยกริฟฟินทั้งหมด ตามข้ามา”
“เฮฮฮฮฮ”
“ท่านรอน พวกเรามาส่งท่านได้แค่นี้ รักษาตัวด้วย”
บรรยากาศบนไวเวิร์นขนส่งเงียบกริบ ฝูงกริฟฟินที่คุ้มกันพวกเขามาตลอดทางแยกตัวออกไป พุ่งเข้าหาข้าศึกที่จำนวนมากกว่าทั้งยังมีพลังมากกว่า
“ทั้งหมด ใช้เวทเร่งความเร็วกับไวเวิร์น พวกเราจะเร่งความเร็วให้สูงที่สุด” ลีออนบอก “[Swift]”
ไวเวิร์นขนส่งเพิ่มความเร็วขึ้น ทิ้งฝูงกริฟฟินที่กำลังต่อสู้อยู่ไว้ที่เบื้องหลัง รอนมองไปเบื้องหลังแล้วร้องออกมา
“คุณลีออน ไวเวิร์นที่ขนคนของโอลเซ่นตามพวกเราไม่ทัน” รอนร้องบอก “จริงสิ ชาวบ้านโอลเซ่นใช้เวทเพิ่มความเร็วระดับนั้นไม่ได้”
ไวเวิร์นของหมู่บ้านโอลเซ่นทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ชาวบ้านโอลเซ่นที่บังคับไวเวิร์นนั้นอยู่ไม่มีเวทเพิ่มความเร็วในระดับที่ใช้ได้กับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้ไวเวิร์นตัวนั้นทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
“อัลเบิร์ต ว่ายังไง” ลีออนถาม
“ลดความเร็วลง ข้าจะข้ามไปที่ไวเวิร์นตัวนั้นแล้วร่ายเวทให้มันเอง” อัลเบิร์ตบอกและเดินไปที่ประตูคาร์โก
เมื่อไม่มีนักรบมังกรที่เชื่อมต่อสัญญาณแผนที่ให้ แผนที่ในหัวของรอนก็หายไป เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์แล้วเดินตามอัลเบิร์ตไปที่ประตูทางออก ลีออนส่งสัญญาณให้หน่วยขนกำลังพลลดความเร็วลง …ไวเวิร์นของโอลเซ่นที่ถูกทิ้งห่างไปกว่า 500 เมตรก็ค่อยๆใกล้เข้ามา
“ช้าหน่อย ช้าหน่อย” อัลเบิร์ตพูด ทุกสายตาจ้องไปที่ไวเวิร์นของโอลเซ่นด้านหลัง ขณะที่รอนมองไปรอบๆ พื้นที่ด้านล่างเป็นทุ่งหญ้าที่ขึ้นรกปราศจากมอนสเตอร์ …มีเพียงแถบพลังชีวิตนับไม่ถ้วน
“ทุกคน! เปิดแผนที่ให้หน่อย หาตำแหน่งศัตรูเร็วเข้า” รอนร้องตะโกนขึ้นมา
“[Battle Map]! เฮ้ย ทุกคนระวัง เกาะแน่นๆ” ลีออนร้องออกมา
เพราะในแผนที่นั้น ปรากฎจุดสีแดงของศัตรูที่ซ่อนอยู่เต็มไปหมด และทั้งหมดเป็นหน่วยโจมตีระยะไกล
เฟี้ยวววว ตูม ๆ ๆ
ลำแสงสีแดงยิงถูกเกราะเวทมนตร์ของไวเวิร์นและคาร์โกขนส่งอย่างจัง แสงที่ล้อมรอบคาร์โกค่อยๆจางลงอย่างรวดเร็ว ลีออนมองแถบพลังงานที่เหลืออยู่แล้วร้องออกมา
“ทุกคนเกาะแน่นๆ”
บรึม! ก๊าซ!
เสียงไวเวิร์นร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เลือดทะลักออกจากปีกของพวกมัน
การโจมตีดำเนินไปอีกครึ่งนาที ทั้งหมดก็ผ่านพ้นจุดซุ่มโจมตีมาได้
“หน่วยขนส่ง รายงานสถานะ”
“ลำที่1 ไวเวิร์นของเราปีกซ้ายหักครับ ท่าทางจะไปไม่ไหว”
“ลำที่2 คาร์โกของเราแตกเสียหาย เราเสียทหารไป20นายครับ”
“ลำที่3….”
ยิ่งฟังรายงาน ทั้งหมดยิ่งหัวใจหนักอึ้ง
ไวเวิร์นเกือบทั้งหมดได้รับบาดเจ็บหนัก มีเพียงไวเวิร์นที่ขนคนของหมู่บ้านโอลเซ่น200คนตัวเดียวเท่านั้นที่รั้งท้ายและหลบออกจากแนวซุ่มโจมตีได้ทันโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
“พวกเรา” แคลร์ถาม “จะทำยังไงต่อดี”
ทั้งหมดเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร สภาพแบบนี้ไม่มีทางไปถึงหมู่บ้านโอลเซ่นแน่นอน
“ดูนั่น ข้างล่างนั่นเมืองแอมโบรเซีย!”
ทุกคนหันไปมอง เบื้องล่างนั้น เมืองที่เคยสง่างามตั้งตระหว่าน มาบัดนี้กำแพงเมืองล้วนเต็มไปด้วยซากศพของมอนสเตอร์และมนุษย์ ทหารและชาวเมืองหลายหมื่นคนกำลังต่อสู้บนกำแพงเมืองอย่างสุดกำลัง ส่วนมอนสเตอร์หลายหมื่นตัวก็กำลังโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง กำแพงเมืองหลายส่วนแตกออกแล้ว
“หรือพวกเราจะช่วยเมืองนี้ ถ้ารักษาเมืองนี้ได้ มอนสเตอร์ที่ไปโจมตีทัพใหญ่ก็จะน้อยลง”
“แต่ตอนนี้ที่โอลเซ่นถูกโจมตีอยู่นะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับจิลที่ใช้ลูกแก้วไพล่อนอยู่ล่ะก็ แล้วใครจะเปิดประตูมิติให้กำลังเสริมกันล่ะ”
เสียงโต้เถียงดังขึ้นมา นักรบมังกรแห่งแสงทั้งสี่คนถกเถียงเหตุผลกัน ขณะที่วิทวัสและรอนถอยห่างออกรอการตัดสินใจ การถกเถียงเป็นไปครู่หนึ่ง วิทวัสที่หลับตาพักสายตาอยู่นั้นก็ลืมตาขึ้น
“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้ว” วิทวัสเอ่ย “ลองดูทางทิศตะวันออก”
นักรบมังกรแห่งแสงทั้ง4คนเปิดแผนที่รบของตนขึ้นแล้วผงะไป
“เวก้า!”
จุดสีแดงขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในจุดที่แสดงนั้นมีไวเวิร์นหลายสิบตัวติดตามมาอีกทั้งยังมีจุดที่แสดงถึงมังกร ด้วยความเร็วเท่านี้ อีกไม่กี่นาทีก็จะทันกันแล้ว
“สภาพของพวกเราตอนนี้ไม่มีทางหนีได้ทันและไม่สามารถต่อสู้บนท้องฟ้าได้ พวกเราต้องลงจอด” วิทวัสบอก “พวกเราต้องกลับไปที่แอมโบรเซีย”
เมื่อไม่มีทางเลือก ลีออนจึงให้สัญญาณ ไวเวิร์นทั้งหมดเปลี่ยนเส้นทางหันกลับไปที่เมืองแอมโบรเซียที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา
“พวกเราจะไปต่อครับ” เสียงพูดดังมาจากวิทยุสื่อสาร เป็นทหารชาวบ้านจากโอลเซ่น “พวกพ้องของเราต่อสู้อยู่ที่นั่น เราจะกลับไปครับ”
“ได้ ขอให้โชคดี” อัลเบิร์ตกล่าว
ครืน!
คาร์โกที่รอนโดยสารอยู่สะเทือนลั่น ไวเวิร์นที่โดยสารมาหมดกำลังลงเรื่อยๆ ขณะที่ข้าศึกปรากฎขึ้นที่ขอบฟ้า
“รอน มานี่หน่อย”วิทวัสเรียก
“ครับคุณพ่อ” เด็กหนุ่มเดินไปหาพ่อของแพท “มีอะไรเหรอครับ”
“ฝากแพทด้วย” วิทวัสตบบ่ารอน
“ครับ อ๊ะ? ว้ากกกกกกกกกก”
วิทวัสคว้าเอวของรอนเปิดประตูคาร์โก จากนั้นขว้างเด็กหนุ่มลอยไปในอากาศ ร่างของรอนพุ่งไปยังไวเวิร์นของหมู่บ้านโอลเซ่น
ตูม! รอนทะลุหน้าต่างเข้าไปกลิ้งอยู่ท่ามกลางชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นอย่างแม่นยำ
“คุณพ่อ!” รอนร้อง
“ฝากแพทด้วยไอ้ลูกชาย” วิทวัสตะโกนบอกก่อนจะหันกลับเข้าไป “ทุกคน ใช้เวทธงรบเดียวนี้เลย”
นักรบมังกรแห่งแสงทั้งสี่คนได้ยินแล้วก็นึกขึ้นได้ ทั้งหมดร่ายเวทออกมา
“[BattleFlag]”
ธงรบเวทมนตร์ทั้ง4โบกสะบัดบนท้องฟ้าเหนือร่างของไวเวิร์นขนส่งตัวนั้น มุ่งหน้าไปในทิศทางกลับเมืองแอมโบรเซีย
“พวกเขาร่ายเวทธงรบทำไมกัน” ชาวบ้านโอลเซ่นเอ่ยอย่างงุนงง
“พวกเขาใช้ตนเองเป็นตัวล่อ คนส่วนใหญ่รู้แค่ว่าแอสคาลอนมีนักรบมังกรแห่งแสงอยู่ 5 คน ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของผมและแพท … ถ้าเวก้าแวะโจมตีหมู่บ้านโอลเซ่นมาแล้ว เป็นไปได้ว่ามันจัดการกับคุณจิลแล้ว … เป้าหมายต่อไปก็คือจัดการอีก 4 คนที่เหลือ” รอนพูดขึ้น
ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าฝูงบินมอนสเตอร์ต่างเปลี่ยนทิศติดตามไวเวิร์นขนส่ง 20 ตัวนั้นไปโดยไม่สนใจลำที่รอนโดยสารอยู่
“ท่านเวก้า จะให้ส่งมอนสเตอร์ติดตามไวเวิร์นตัวนั้นไปไหมครับ” มังกรดำถาม
“ยังไม่ต้อง” เวก้าตอบ “พวกเราจัดการนักรบมังกร4คนนั่นก่อน เอาล่ะ โจมตีได้!”
มังกรดำอ้าปากออก มันพ่นลูกไฟลูกใหญ่ออกจากปากมหึมา ลูกไฟพุ่งเข้าหาไวเวิร์นของมนุษย์ นอกจากนั้นลูกไฟเวทมนตร์อื่นๆก็ถูกยิงจากจอมเวทดาร์กเอลฟ์เช่นกัน
ก๊าซซซซ
ไวเวิร์นที่ถูกโจมตีร้องออกมา เลือดไหลทะลักเต็มไปหมด ปีกข้างหนึ่งก็ลุกเป็นไฟจากเปลวไฟมังกร
“ทุกคนจับแน่นๆ!” ลีออนร้อง “เครื่องจะตกแล้ว!”
ตูม!
คาร์โกกระแทกเข้ากับพื้น สายรัดกระเด็นหลุดออกขณะที่ไวเวิร์นหมุนควงไปในอากาศแล้วกระเด็นตกลงไปกองอยู่กับพื้นตายสนิท
“ทั้งหมด ออกจากเครื่องได้ ตั้งแถว เตรียมเคลื่อนตัวถอยเข้าเมือง”
ทหารหน่วยกล้าตายกรูออกจากคาร์โกโดยสาร ทั้งหมดตั้งแถวจัดกำลัง ขณะที่ไวเวิร์นที่บาดเจ็บตัวอื่นๆก็ทยอยลงจอดทีละตัว พร้อมกับทหารที่ออกจากเครื่อง
มอนสเตอร์ที่กำลังล้อมเมืองอยู่ต่างแบ่งกำลังมุ่งมาทางพวกเขา หากแต่ทหารหน่วยกล้าตายทั้ง 4000 นายเหล่านี้คือทหารฝีมือดีที่สุดของอาณาจักรแอสคาลอน ทั้งหมดไม่ยี่หระกับมอนสเตอร์เพียงแค่นี้
“ทุกคนตั้งแนวรบแบบป้องกัน” อัลเบิร์ตสั่งการ “ … ระวัง มันยิงลูกไฟมาแล้ว”
ลูกไฟมังกรพุ่งจากท้องฟ้าลงมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะปรากฎแสงสว่างขึ้น
“[Holy Shield]”
ตูม!
แคลร์ร่ายเวทโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ทัน เปลวไฟมังกรถูกสกัดกั้นอย่างทันท่วงที
ท่ามกลางมอนสเตอร์ที่มากมายทั้งพื้นดินและท้องฟ้า ร่างสีดำมหึมาร่างหนึ่งค่อยๆลอยลงสู่พื้น
ร่างอันสง่างามน่าเกรงขาม เกล็ดสีดำเงาวับ ปีกอันแผ่กว้าง …มังกรดำ!
และที่ลงมาจากหลังของมันนั้น เป็นนักรบในชุดเกราะสีดำสนิท
“เวก้า!” อัลเบิร์ตร้องออกมา
“ถูกต้อง …. ดูเหมือนพวกเจ้าทั้ง4จะเป็นนักรบมังกรแห่งแสงสินะ” เวก้าถาม
“ใช่!” อัลเบิร์ตตอบ มือทั้งสองกำดาบไว้แน่น สายตามองไปรอบๆอย่างแปลกใจ เพราะมอนสเตอร์ในอากาศทั้งหมดไม่ได้มีทีท่าว่าจะลงมาช่วยต่อสู้เลย
“ไม่ต้องสงสัยหรอก” เวก้ายิ้ม “แค่พวกเจ้า 4 คนน่ะ ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
นักรบมังกรแห่งความมืดเหยียดแขนออกไป ปรากฎหอกยาวในมือขึ้นมา มันเดินเข้าหากองทัพมนุษย์ช้าๆ ทีละก้าว ละก้าว
“หนอย พวกเรามีกำลังอีกนับพัน เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวจะเอาชนะพวกเราได้งั้นเรอะ” นายทหารคุมกำลังคนนึงร้องขึ้น
“ใครว่าข้ามีแค่คนเดียว” เวก้าบอก “คู่ต่อสู้ของ4คนนี้คือข้า …ส่วนพวกเจ้า4000คน คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่ตรงนั้นแล้ว”
“มังกรเอ๋ย จัดการมันซะ”
โฮกกกกกกกกกกกกกก
มังกรดำโจนทะยานขึ้น พุ่งเข้าหากองทัพ แคลร์หันไปจะร่ายเวทป้องกันให้ทหาร
“แคลร์ ระวัง!”
นักรบมังกรสาวผงะหันมอง หอกยาวของเวก้าถูกขว้างตรงมาที่เธอ
เคร้ง!
“แคลร์ อย่าเสียสมาธิ” คริสลดโล่ในมือลง “จัดการเวก้าก่อน”
“คิดจะจัดการข้า จะง่ายอย่างนั้นรึ” เวก้าพุ่งเข้าใส่พร้อมดาบสีดำในมือ “ตายซะ”
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ลีออนและอัลเบิร์ตใช้อาวุธของตนเข้าต้านดาบของเวก้า
ตูม!
“อ้ากกกก”
ร่างของทหารหลายคนลอยไปในอากาศ จากการฟาดหางของมังกรดำ ขณะที่คริส แคลร์ อัลเบิร์ต และลีออนผลัดกันโจมตีเวก้า
“ฮ่าๆ นักรบมังกรแห่งแสงมีฝีมือแค่นี้เองเรอะ”เวก้าหัวเราะ “อย่าช้าล่ะ ถ้าช้า กองทหารของพวกเจ้าจะไม่เหลือทหารแม้แต่คนเดียว”
ตูม!
มังกรดำฟาดหางเข้าใส่อีกครั้ง กวาดทหารนับสิบกระเด็นออกไปโดยที่นักรบมังกรแห่งแสงทั้งสี่ทำอะไรไม่ได้
“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกมนุษย์ จงสำนึกถึงความต่ำต้อยของพวกเจ้าเถอะ” มังกรดำหัวเราะ “ตาย!”
หางดำยาวฟาดเข้าไปอีกครั้งหวังจะกวาดกองทหารด้านหน้า
“[Power Overwhelming]”
ตูม!
“อ๊ะ!” มังกรดำอุทาน
“พูดจบแล้วหรือยัง!” วิทวัสลดแขนที่ยกขึ้นกันหางลง “ถ้าจบแล้วก็หุบปากไปซะเจ้าโง่”
“เจ้า! …..”
ตูม!
“โอ๊ค!”
ร่างของมังกรดำเลื่อนไถลกลับไปเบื้องหลัง มันกุมท้องอย่างเจ็บปวด
“แก แกเป็นใครกัน” มังกรดำร้องอุทานออกมา
“ยังจำข้าไม่ได้อย่างนั้นเรอะ” วิทวัสเดินเข้าไปหาพร้อมกำหมัด “แต่ถ้าเป็นหมัดนี่แกคงจะจำได้สินะ”
หมอกสีดำเข้ามารวมที่กำปั้นของวิทวัส
“[หมัดราชาปีศาจ]”
“แก แกคือ ….” มังกรดำอุทานก่อนจะรีบร่ายเวทป้องกัน “[Dragon Shield]”
บูม!
เกราะเวทมนตร์มังกรชะลอหมัดได้เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะแตกออก กำปั้นสีดำพุ่งเข้าที่กลางท้องของมังกรอย่างแม่นยำ
มังกรดำเสียหลักล้มกลิ้งลง ก่อนจะลุกขึ้นปัดเป๋หางลงมาซ่อนอยู่ที่หว่างขา
“แก! แกคือเท็นสไควร์!”