Midterm Fantasy - ตอนที่ 273
รอนปรับสายตาให้เข้ากับความมืดรอบๆตัวก่อนจะเดินไปหยิบม้วนเวทหายตัวที่วางทิ้งไว้ก่อนข้ามมิติไป เขาใช้ม้วนเวทหายตัวแล้วก็ค่อยๆเดินผ่านหลังของตำรวจฮ่องกงที่ยืนเฝ้าอยู่ออกมา
รอนมองดูคุณหลิวลี่จงที่ใบหน้าเปื้อนเลือดจากการโดนซ้อมเมื่อครู่ รอจนกระทั่งนักข่าวเข้าไปในคอนเทนเนอร์
ตอนที่แสงแฟลชสว่างขึ้นและเสียงร้องของตำรวจดังขึ้นว่าภายในคอนเทนเนอร์นั้นไม่มีอะไรอยู่ รอนก็รู้แล้วว่าคุณหลิวลี่จงและพวกปลอดภัยแล้ว
… จะว่าไปก็สงสารตำรวจกลุ่มนั้นที่ทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องแท้ๆ เอาไว้เขาค่อยหาทางให้ตำรวจพวกนั้นทีหลังก็แล้วกัน
รอนออกจากท่าเรือมาที่ถนนด้านนอก โรงพยาบาลไขว่ซุงอยู่ไกลๆที่ตรงข้ามทางด่วน …
“จะว่าไปเราได้พลังเต็มที่มาแล้ว ลองกระโดดข้ามถนนดูดีกว่าว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน … ฮึบ โอ้ววว”
พื้นดินที่รอนยืนอยู่ยุบตัวลงไปฟุตนึง ร่างของเด็กหนุ่มพุ่งขึ้นไปในอากาศลอยข้ามทางด่วนไป
“จะเลยแล้ว จะเลยแล้ว ย่ะห์”
บึม บึม
รอนปล่อยหมัดออกไปสองครั้ง บังเกิดแรงอัดอากาศจนกระทั่งความเร็วของเขาหยุดลง ร่างของเด็กหนุ่มตกลงบนดาดฟ้าโรงพยาบาล รอนปีนกลับไปที่ห้องน้ำเดิม
“ตายล่ะ เลือดเต็มไปหมดเลย ออกไปแบบนี้ไม่ได้แน่” รอนมองเสื้อผ้าตนเองที่แดงฉานไปด้วยเลือดออร์คและเลือดมังกร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“คุณเจนัสครับ ช่วยมาที่ห้องน้ำหน่อยครับ รบกวนเอาชุดมาเปลี่ยนให้ผมด้วย” รอนบอกไปในโทรศัพท์แล้วก็รอ
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รอนเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ หญิงสาวรีบเปิดประตู แทรกตัวเข้ามาแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็วเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นว่าเข้ามาในห้องน้ำชาย เธอหยิบเป้ส่งให้รอนแล้วก็เอามือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ
“เลือดพวกนี้…” เจนัสถาม
“ไม่ใช่เลือดผมครับ” รอนรีบตอบเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของหญิงสาว เขาถอดชุดเปื้อนเลือดลงแช่น้ำในอ่างล้างหน้า แล้วก็เปลี่ยนชุดใหม่ … รอนกลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายแล้วเงยหน้ามองเจนัสที่ยืนแก้มแดงอยู่ข้างๆ
“คุณเจนัสเป็นอะไรไปครับ” รอนถามอย่างงงๆ
“เมื่อกี้เธอ …เธอเปลี่ยนชุด..” เจนัสพูดออกมาช้าๆ ทำให้รอนนึกได้ว่าเมื่อกี้เขาถอดชุดออกเปลี่ยนต่อหน้าต่อตาหญิงสาว
และสีหน้าเอียงอายของเจนัสก็ทำให้รอนนึกอะไรขึ้นได้
“จริงสิคุณเจนัส …ผมอยากจะขอทำอะไรกับคุณหน่อย …”
รอนพูดขึ้นแล้วก็ส่ายหน้า … อย่าดีกว่า มันไม่เหมาะ
“ขออะไรเหรอ” เจนัสถามใจเต้นตึกตัก รอนทั้งโทรให้เธอเอาชุดมาส่งที่ห้องน้ำตอนกลางคืนแบบนี้แถมยังมาถอดเปลี่ยนชุดต่อหน้าเธอ … แล้วตอนนี้จะมาขอทำอะไรกับเธอกันนะ
“มันไม่เหมาะมั้งครับ”
“แล้วถ้าไม่บอกคนอื่นจะรู้ไหมว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ”
หญิงสาวกลั้นใจตอบ อยากรู้ว่ารอนจะขออะไร
“งั้น …ผมขอจูบหน่อยนะครับ”
เจนัสถอนหายใจโล่งอกนิดๆ แล้วก็พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยินยอมแล้วเขาก็เดินเข้าไปหา ใช้มือซ้ายกอดเอว มือขวาสอดประคองเรือนผมของหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆจูบลงไป ….
อย่างที่คิดจริงๆ
ไม่มีมานาเพิ่มขึ้นมา
รับรู้ได้ถึงแรงบีบที่แผ่นหลัง เสียงหายใจถี่ของหญิงสาวปลุกให้รอนนึกขึ้นได้ … เขาค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา เจนัสค่อยๆลืมตาขึ้น
“เรากลับไปหาทุกคนเถอะครับ เดี๋ยวทุกคนจะสงสัย” รอนบอก
เก็บของเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็กลับไปหาเจน แจน และคุณแม่ของแพทก่อนที่ทั้งหมดจะออกจากโรงพยาบาลและกลับที่พัก ทั้งหมดนั่งแท็กซี่ออกมาจากโรงพยาบาล
“{รอน}”
“เห System ทำไมจู่ๆถึงได้ชวนคุยได้ล่ะ”
“{คือจะบอกนายเรื่องการเพิ่มมานาน่ะ ว่าทำได้แต่กับเฉพาะนักรบมังกรด้วยกันเท่านั้น}” ศิลานักปราชญ์บอก “{และไม่ต้องจูบก็ได้ แค่เอาศีรษะแนบชิดติดกัน2-3วินาทีก็จะดึงมานาจากฝ่ายที่มากกว่าไปฝ่ายที่น้อยกว่าได้แล้ว}”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ ตะกี้จะได้ไม่ต้องขอคุณเจนัสจูบ”
“{ก็นายไม่เคยถาม}”
“อ้าว”
“{อ้อ มีอีกเรื่องที่นายควรจะต้องรู้}”
“อะไรเหรอ”
“{ตอนนี้นายไม่พูดกับเราในใจ แต่กำลังพูดแบบออกเสียง ทุกคนรอบๆได้ยินเสียงนายกันหมด}”
“เฮ้ย!”
รอนสะดุ้งมองไปรอบๆ นอกจากแท็กซี่ที่ฟังไม่เข้าใจแล้ว ทั้งเจน แจน และแม่ของแพทต่างหันมามองเขาและเจนัสด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก ขณะที่เจนัสได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างอายแสนอาย
“แค่ก แค่ก เรื่องของพวกเธอน่ะ แม่คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่จะพูดอะไรก็ดูรอบๆด้วย”
“ครับ” / “ค่ะ” ทั้งรอนและเจนัสรับคำพร้อมๆกัน
“อ้อ แล้วเดี๋ยวไปถึงโรงแรมแล้ว เราเช็คอินแค่ห้องเดียวก็พอนะ” อารยาบอก
“อ้าว แต่มันจะเหมาะหรือครับ มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น” รอนพูดแล้วก็ทำท่าแตกตื่น “ถ้าคุณแม่กลัวว่าผมจะแอบเรียกเจนัสมากลางดึกตอนที่ทุกคนหลับไปแล้วไม่ต้องห่วงเลยนะครับ ทุกคนอยู่กันแบบนี้ผมไม่กล้าแน่นอน”
ผู้หญิงทั้ง4คนต่างทำสีหน้าบอกไม่ถูก
“เอ่อ รอน แม่แค่คิดว่าคืนนี้คงต้องคุยกันเรื่องสิ่งที่เธอไปเจอที่โลกด้านโน้น จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงต่อ” อารยาบอก “…แต่ก็ดีเหมือนกัน แม่ลืมนึกเรื่องเธอกับเจนัสไป งั้นคืนนี้เรานอนรวมกันห้องเดียวนี่แหละ”
เจนและแจนนั่งกลอกตาไปมาขณะที่เจนัสพยายามจะแทรกตัวหนีอายมุดลงไปหลบใต้เบาะแท็กซี่
ที่โรงแรม รอนถูกสั่งให้นั่งรอที่ล็อบบี้ขณะที่ทุกคนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด รอนใช้เวลาช่วงนั้นในการโทรคุยกับหลิวลี่จงเพื่อให้คุยไกล่เกลี่ยไม่ให้ตำรวจพวกนั้นต้องรับโทษมากเกินไป
และที่ลืมไม่ได้คือให้หลิวลี่จงขอชุดเกราะตำรวจควบคุมฝูงชนจากสถานกงศุลวานาซูเอเล่มาด้วยชุดนึง
ครู่ใหญ่ๆ หลิวลี่จงก็มาถึง โดยมีตำรวจประจำสถานทูตติดตามมาด้วย
“นี่ครับคุณรอน” หลิวลี่จงยื่นกล่องให้
“ขอบใจมากคุณหลิว” รอนบอก “ลำบากคุณแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
“อืม เรื่องตำรวจฮ่องกงที่ไปล้อมจับคุณหลิวน่ะ จัดการถึงไหนแล้ว” รอนถาม
“เรื่องนั้น ผมให้ท่านกงศุลช่วยจัดการให้ ท่านกงศุลคุยกับผู้ว่าการรัฐแล้วว่าเป็นแผนของฝ่ายการค้าที่ต้องการลดอาวุธของพวกแก็งในฮ่องกงโดยการซื้ออาวุธสงครามจากแก็งให้หมด ถ้าต่อไปทางรัฐเข้มงวดอาวุธที่จะผ่านแดนเข้ามาได้ แก็งในฮ่องกงก็จะมีอาวุธสงครามน้อยลง”
หลิวลี่จงบอก
“และสำหรับแก็งที่มีการค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์ ผมส่งรายชื่อและแหล่งที่ซ่อนของคนที่ติดต่อในเบื้องต้นให้กับผู้ว่าการรัฐแล้ว ถ้าทางนั้นร้องขอมา ผมจะให้ทหารรับจ้างทีม Black Lotus ร่วมมือกับทางการในการกวาดล้าง รับรองว่าในเวลา3เดือนนี้ พวกเราจะขยายฐานอำนาจเข้ามาในฮ่องกงได้ครับ”
รอนพยักหน้ารับ …ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหลิวลี่จงต้องพยายามขยายฐานอำนาจเข้ามาที่นี่
สงสัยคุณหลิวคงอยากจะเปิดสาขาใหม่ที่นี่ด้วยกระมัง
“ดีครับ คุณหลิวจัดการได้ตามที่เห็นสมควรเลย แต่ไม่ต้องรีบร้อน ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของคุณและคนของเราก่อน” รอนบอก
“ครับ” หลิวลี่จงรับคำอย่างยินดีในใจ ดูเหมือนเขาคาดไม่ผิดจริงๆว่าคุณรอนต้องการขยายฐานอำนาจมายังฮ่องกงอีกทาง ไว้ใจเขาเต็มที่ แถมยังเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาอีก …เยี่ยมจริงๆ
“ดึกแล้ว ให้คุณรอนต้องมารอแบบนี้ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ” หลิวลี่จงกล่าว
“ไม่ขนาดนั้นหรอกคุณหลิว … ที่จริงผมต้องรออยู่ข้างล่างนี่ ยังขึ้นไปบนห้องไม่ได้” รอนบอก
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“คือผมรอให้ข้างบนอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จก่อนน่ะ”
“ข้างบน… อาบน้ำให้เสร็จก่อน…” หลิวลี่จงพูดทวนอย่างงงๆ
จังหวะนั้นเองประตูลิฟท์เปิดออก เจนัสในชุดนอนเดินออกมา
“รอน ชั้นอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอขึ้นไปอาบต่อเถอะ จะได้เข้านอนกัน” หญิงสาวบอก “อ้าว คุณหลิวลี่จง สวัสดีค่ะ”
“เส่าจือ” หลิวลี่จงทักเจนัสว่าพี่สะใภ้ด้วยความเคยชินก่อนที่จะทำท่านึกขึ้นได้
“งั้นผมขอตัวก่อน ไม่รบกวนเวลาคุณรอนและเส่าจือแล้วครับ”
หลิวลี่จงขอตัวและรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้รอนและเจนัสยืนงงกันสองคน
รอนกลับขึ้นไปที่ห้อง เจนัสเจนแจนเข้านอนไปแล้ว ขณะที่รอนและแม่ของแพทคุยเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นที่โลกฝั่งโน้น รอนบอกระดับสเตตัสที่ตนมีให้กับแม่ของแพท แน่นอนว่าละไว้ไม่บอกว่าพลังนี่เพิ่งได้มาหลังจากที่ไปจูบกับเวก้า
“นี่เธออัพสเตตัสทั้งหมดที่พละกำลังกับพลังชีวิตเลยงั้นรึ แล้วตอนนี้เลเวลของเธอมันเท่าไหร่แล้ว”
“เลเวล45ครับ”
“เลเวล45… สูงมาก” อารยานึกอะไรขึ้นได้ “ศิลานักปราชญ์ของแม่มีสกิลนักรบคลั่งซ่อนอยู่ เธอเปิดใช้ได้แล้วหรือยัง ถ้าใช้สกิลนั้นได้เธอจะใช้พลังชีวิตแลกพลังเวทย์ได้นะ เพียงแต่ว่าวิธีที่จะได้มามัน”
“สกิลนักรบคลั่งของผมอยู่ที่เลเวล10ครับ”
“เลเวล10!” อารยาอุทาน “นี่เธอ เธอฆ่า…”
“ครับ ทั้งคนและมนุษย์เผ่าสัตว์ที่ผมฆ่าไปตอนนี้อยู่ที่500คนครับ” รอนบอก “แต่เกือบทั้งหมดคือการฆ่าเพื่อป้องกันตัวและคนที่ผมรัก”
“ถ้าเธอรู้อย่างนั้นก็ดี” อารยาบอกก่อนจะนึกขึ้นได้ “เมื่อกี้เธอบอกว่าเกือบทั้งหมด?”
“ครับ เกือบทั้งหมด เพราะ10คนสุดท้ายที่ผมฆ่าในสนามรบ เป็นการฆ่าเพื่อหวังเพิ่มเลเวลของสกิลนักรบคลั่ง” รอนตอบ “แต่ตอนนั้นถ้าผมไม่ทำแบบนั้น ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้ดีว่าสกิลนี้มีความเสี่ยง ผมจะไม่ให้ถูกมันควบคุมได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
อารยาบอกข้อมูลเท่าที่ตนรู้เกี่ยวกับเวก้าให้รอนฟังทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องของสกิล Purge ที่เวก้าสามารถใช้กับนักรบมังกรแห่งแสงได้ และจุดอ่อนของมังกร
…
วันรุ่งขึ้นก่อนเที่ยงวัน รอนเตรียมตัวในห้องโรงแรม เขาใส่ชุดเกราะตำรวจควบคุมฝูงชน เตรียมดาบสั้นและโล่ที่เพิ่งซื้อมา
“น่าเสียดายที่เธออยู่ระหว่างต่อสู้ มือไม่ว่างเอาของอื่นไปด้วย ไม่งั้นจะได้เอาชุดกับไม้เท้านี่ไปให้แพทใช้ด้วย” อารยาบ่นเสียดาย มองชุดที่แขวนตั้งไว้กับไม้เท้าในมือ
“งั้นเดี๋ยวถ้าผมไปถึงหมู่บ้านแล้วเจอแพทเมื่อไหร่ก็ค่อยเอาไปให้ก็แล้วกันครับ” รอนบอก “เอาล่ะ เหลืออีก 1 นาที”
“ไปถึงแล้วอย่าลืมนะ จัดการกับเวก้าทันที อย่าให้มันร่ายเวทPurgeได้เป็นอันขาด”
“เข้าใจแล้วครับ” รอนบอก
เด็กหนุ่มถอยไปยืนที่กลางห้อง อารยาและสามสาวยืนมองการนับถอยหลัง …
“45 44 43 42 41….” รอนนับถอยหลัง
เจนัสยืนมองอย่างเป็นห่วงเพราะรู้ว่ารอนจะต้องข้ามไปอีกมิตินึงและกำลังจะต่อสู้ในขั้นตัดสิน
หญิงสาวมองการนับถอยหลังอย่างกระวนกระวาย … แล้วเธอก็ตัดสินใจเดินเข้าไป
“ระวังตัวด้วยนะรอน”
“ครับ”
“ขอให้เธอปลอดภัย” เจนัสพูดจบก็จูบลงไปที่หน้าผากของเด็กหนุ่มต่อหน้าทุกคน หญิงสาวถอยกลับมาพร้อมกับแก้มแดงเรื่อๆ ขณะที่อารยายิ้มและส่ายหน้า
“เด็กโง่ … นายรอนน่ะข้ามไปที่โน่นครึ่งวันก็จริง แต่สำหรับพวกเราน่ะเขาจะหายตัวไปแค่ 10 วินาทีเท่านั้น” อารยาบอก “นายรอน จบเรื่องนี้แล้วเราต้องคุยกันหน่อยนะ”
“ค ค ครับคุณแม่” รอนรับคำ “5 .. 4 .. 3.. 2..”
แว้บ
รอนหายวับไปกับตาของทุกคน
“เจนัส เราก็ด้วย พอจบเรื่องทั้งหมดแล้วเธอก็ต้องมาคุยกับพวกเราด้วย” อารยาบอก
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าโดยไม่สบสายตา
…
..
.
dead air กินเวลาอยู่เกือบห้านาที
“เอ๊ะ เมือกี้คุณแม่ว่ารอนเค้าจะหายไปแค่10วินาทีไม่ใช่เหรอคะ”
“นี่ก็ห้านาทีกว่าแล้ว ทำไมรอนยังไม่กลับมาอีก”
เจนและแจนถาม
“ชักไม่เข้าท่าแล้ว” อารยาพึมพำ
“ทำไมเหรอคะ” เจนัสถามทันที
“ถ้าไม่กลับมาในทันทีก็เป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกก็คือรอนเค้าตั้งใจไม่กลับมาเอง” อารยาบอก “แต่ว่ารอนรู้ว่าพวกเรากำลังรออยู่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะอยู่ฝั่งโน้นต่อ”
“แล้วทางที่สองล่ะคะ” เจนัสถาม
“ความตาย … ถ้านักรบมังกรตาย ก็จะไม่กลับมาอีก” อารยาอธิบาย “… แต่คงไม่ใช่หรอก เพราะถ้าหากตายหรือศิลานักปราชญ์หลุดออกจากร่าง มันก็ต้องมาปรากฎที่โลกฝั่งนี้ด้วย แต่นี่แม่ไม่เห็นศิลานักปราชญ์ นั่นก็แปลว่า….”
ตุบ!
เสียงอะไรบางอย่างตกลงที่พื้นจนทุกคนหันไปมอง
เจนและแจนมองไม่เห็นอะไร
หากแต่เจนัสและอารยาอุทานขึ้นพร้อมๆกัน
“ลูกแก้วนั่น!” เจนัสหันไปหาอารยาที่หน้าซีดเผือด
“นั่นมัน … ศิลานักปราชญ์!”
อารยาอุทานออกมา
“ทำไมมันมาอยู่ตรงนี้!”