Midterm Fantasy - ตอนที่ 279
“ตอนนี้อาณาจักรของเราเพิ่งผ่านศึกสงครามครั้งร้ายแรงมา เฉพาะทหารที่ตายไปก็เป็นจำนวนกว่า 5 หมื่นนาย นี่ยังไม่นับรวมประชาชนที่ตายไปก่อนหน้านี้จากการโจมตี จากหมอกดำมืด และจากโรคระบาด เวลานี้คือช่วงที่อาณาจักรของเราอยู่ในภาวะที่เปราะบางที่สุด” จักรพรรดิลูเซียสบอก “ในเวลาแบบนี้ ศึกภายในยังไม่จบ เราจำเป็นต้องพึ่งพากำลังทหารจากอาณาจักรคาร์พาเธียและเอ็มโพเรีย ในช่วงระหว่างนี้หากประชาชนแอสคาลอนเกิดกำลังใจถดถอย โดยมีทหารของอีกสองอาณาจักรแสดงกำลังให้เห็น อาจจะมีบางคนที่อยากจะไปเข้าร่วมกับสองอาณาจักรนั้นได้”
“หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนไม่เชื่อใจคือความไม่แน่นอน … ข้ามีดีโอเป็นรัชทายาท หากแต่ดีโอไม่มีคู่ครอง ไม่มีบุตรที่จะสืบต่อ … สิ่งนี้ทำให้ประชาชนบางส่วนลังเลถึงอนาคตของอาณาจักรว่าเมื่อหมดรุ่นของข้าไปแล้วจะเกิดปัญหาการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเจ้าเมืองหรือไม่”
จักรพรรดิกล่าวต่อ
“หากดีโอเข้าพิธีอภิเษก ความกังวลนี้ก็จะหมดไป และหากผู้ที่เป็นคู่ครองของดีโอมีฐานะที่ประชาชนยอมรับ ทุกอย่างก็จะยิ่งง่ายเข้า”
โรล่าฟังแล้วเอียงคอถาม
“ข้าไม่เข้าใจ … ก็ถ้าประชาชนไม่มีอยากอยู่กับแอสคาลอน ก็ปล่อยให้อาณาจักรนี้ล่มสลายไป ให้ผู้คนไปขึ้นกับสองอาณาจักรนั้น ก็ไม่น่ามีปัญหานี่คะ”
บิชอปคาร์มิลล่าลืมตากว้าง ขณะที่จักรพรรดิลูเซียสสะอึกครั้งนึง แล้วส่ายศีรษะ
“เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมทั้งที่มนุษย์ไม่ได้ก่อสงครามกันเอง แต่กลับแบ่งแยกเป็นสามอาณาจักรโดยไม่ได้มารวมกัน” จักรพรรดิถาม เมื่อเห็นโรล่าส่ายหน้าจึงได้กล่าวต่อ
“ก็เพราะว่าวัฒนธรรมแตกต่างกันเกินไปยังไงล่ะ …ถ้าแอสคาล่อนล่มสลาย คนที่นี่ก็จะแยกไปขึ้นกับส่วนกลางที่มาจากคาร์พาเธียหรือเอ็มโพเรีย เมื่อถึงเวลานั้น ประชากรจากแอสคาลอนเดิมก็จะกลายเป็นชนส่วนน้อยในอาณาจักรนั้น คราวนี้การดำรงชีวิตก็จะลำบากไม่ต่างอะไรกับพลเมืองชั้นสอง” จักรพรรดิลูเซียสบอกต่อ “ที่สำคัญที่ผ่านมาเวลามีข้อพิพาทระหว่าง2อาณาจักร จะมีอีก1อาณาจักรที่เป็นตัวกลาง ความขัดแย้งจึงมักจะจบลงไม่ขยายต่อ แต่หากเหลือเพียงสองอาณาจักร โอกาสที่จะเกิดสงครามรุนแรงระหว่างมนุษย์ก็จะเกิดขึ้นได้”
โรล่าพยักหน้าว่าเข้าใจ
“แต่เจ้าชายรักคุณแพทนี่คะ”
“ข้ารู้ แต่ว่าดีโอบอกข้าแล้วว่ารายนั้นไม่มีโอกาสแน่นอน … ตัวเลือกถัดมาจึงมาตกที่เจ้า”
“ข้า? แต่เจ้าชายไม่ได้รักข้า?” โรล่าตอบ “ท่านก็รู้ว่าข้ารักคุณรอน ไม่ได้รักเจ้าชาย เจ้าชายก็ไม่ได้รักข้า ถ้าให้ข้าแต่งงานกับเจ้าชายมันจะดีเหรอ”
“เอาเถอะ ให้ฟังจากปากของดีโอเองก็แล้วกัน”
บิชอปคาร์มิลล่าเดินไปเรียกเจ้าชายดีโอเข้ามา
“ท่านพ่อ”
“ดีโอ ถ้าข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับโรล่า ผู้กล้าแห่งแอสคาลอนผู้นี้ เจ้าจะยินยอมหรือไม่”
ดีโอมองหน้าเด็กสาว
“ข้าไม่ได้รักท่าน” โรล่าตอบ
ดีโอหันไปมองบิดา
“ท่านพ่อได้ยินคำตอบแล้วนี่” เจ้าชายตอบ
“เจ้า! เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าสถานการณ์ของแอสคาลอนเป็นยังไง ถ้าเจ้าไม่รีบแต่งงาน ความเชื่อมั่นจะหายไป อาณาจักรจะเสี่ยงต่อการล่มสลาย ประชาชนจะลำบาก” จักรพรรดิคำราม “เจ้าไม่แต่งกับแพท พอเป็นโรล่าเจ้าก็ไม่แต่งอีก แล้วยังมีหญิงคนใดที่มีตำแหน่งที่เป็นที่นับถือของประชาชนพอที่จะให้ทุกคนยอมรับอีกห๊ะ”
“ผู้หญิงที่เป็นที่นับถือรึ ก็มีไง” ดีโอหันไปทางด้านหลัง “บิชอปคาร์มิลล่า ท่านจะแต่งงานกับข้าได้หรือไม่”
“เจ้า! อั่คคคคค” จักรพรรดิกระอักเลือดออกมา “เจ้าพูดเสียมารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่คิดบ้างรึว่าท่านบิชอปจะคิดอย่างไร”
“แล้วท่านพ่อได้ถามความรู้สึกของโรล่าหรือไม่ว่าเธอคิดอย่างไร” เจ้าชายดีโอบอก “ข้าขอร้องล่ะท่านพ่อ … ในเมื่อมันไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกัน เป็นการแต่งงานทางการเมืองอย่างเดียว ก็ขอให้มีคนที่เจ็บปวดกับการแต่งงานนี้ให้น้อยที่สุดเถอะ”
ดีโอยื่นมือไปจับไหล่ของเด็กสาวแล้วพาไปอยู่ทางด้านหลัง ขณะที่จักรพรรดิมือสั่นระริก
“ขอร้องล่ะท่านพ่อ ถ้าหากการแต่งงานนี้ต้องทำให้โรล่าเจ็บปวดล่ะก็ ข้าคงเป็นทุกข์ไปตลอดชีวิตเช่นกัน ข้าไม่อยากเห็นนางต้องใช้ชีวิตที่มีความทุกข์แบบนั้น” เจ้าชายบอก
จักรพรรดิหายใจถี่อย่างโมโหที่ถูกขัดใจ แต่บิชอปคาร์มิลล่าฟังแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้
“ข้าคิดว่าเราใช้คำถามผิดไป ขอข้าเป็นผู้ถามเองเถอะ” บิชอปหญิงกล่าว
“เจ้าชายดีโอ ท่านบอกว่ารักท่านแพท แต่ท่านรู้สึกยังไงกับโรล่าคนนี้” บิชอปถาม
“ก็ …. ข้าก็ชอบนางอยู่ ท่านก็น่าจะเห็น ข้าไม่อยากบังคับนางแล้วให้นางต้องมีความทุกข์ไปตลอด” เจ้าชายดีโอบอก
“แล้วเจ้าล่ะโรล่า เจ้าบอกว่ารักท่านรอน แต่ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนั้น เจ้ารู้สึกยังไงกับเจ้าชายดีโอบ้าง”
“ถ้าไม่นับท่านรอน” โรล่าเอียงคอคิด “เจ้าชายเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนตรงไปตรงมา คุยกันรู้เรื่อง เวลาอยู่ด้วย…ตอนที่เจ้าชายปรึกษาเรื่องคุณแพทข้าคุยด้วยแล้วก็รู้สึกอบอุ่น … นอกจากนี้เวลาที่เจ้าชายอยู่กับประชาชนและทหารใต้บังคับบัญชา …”
ทั้งสามคนฟังโรล่าสาธยายความดีงามของเจ้าชายดีโออีกประมาณ5นาที จนเจ้าชายอ้าปากหวอ
“เอาล่ะ งั้นถ้าเป็นตอนนี้ข้าถามใหม่” บิชอปคาร์มิลล่าถามอีก “ในเมื่อเจ้าชายก็ชอบเจ้า ถ้าไม่พูดถึงเรื่องเจ้ากับท่านรอน ถ้าจะให้เจ้าแต่งงานกับเจ้าชายจะมีปัญหาไหม”
“ถ้าไม่พูดถึงท่านรอน ……. ข้ากับเจ้าชายถึงจะไม่ได้รักกัน แต่ก็รู้สึกดีต่อกัน … งั้นก็ไม่มีปัญหานี่คะ” โรล่าตอบ
“แล้วเจ้าล่ะดีโอ ในเมื่อโรล่าไม่มีปัญหา เจ้าจะแต่งกับนางได้ไหม” บิชอปมองหน้าเจ้าชายแล้วพูดต่อ “จริงสิ ข้าได้ยินคำตอบจากนางแล้ว ไม่ต้องการคำตอบจากท่านแล้ว”
เจ้าชายแทบกระอักเมื่อได้ยินคำพูดยั่วยุจากบิชอปคาร์มิลล่า …เป็นคำตอบเดียวกับที่เขาเพิ่งตอบยั่วโมโมท่านพ่อไปเมื่อครู่
“แต่….” โรล่าเอ่ยปาก แต่บิชอปคาร์มิลล่าโบกมือห้าม
“ข้ารู้ นั่นคือกรณีที่เราไม่พูดถึงท่านรอนของเจ้า ดังนั้นข้าเสนอว่า ให้เจ้าบอกข้อแม้ทั้งหมดของเจ้ามา จากนั้นก่อนที่จะตกลงกับเรา ก็ให้เจ้าไปคุยกับท่านรอนของเจ้า … ได้คำตอบอย่างไรก็ว่ากันตกลงไหม”
เด็กสาวนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ๆ …. จากนั้นก็พยักหน้า
ต่อจากนั้นเธอก็ค่อยๆบอกข้อแม้บางประการออกมา
“รับได้หรือไม่คะ” โรล่าถาม ใจคิดว่าข้อแม้ของเธอทั้ง3ข้อนั้นมันบ้าเกินไปเกินกว่าที่จะรับได้ … แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ทั้งสามคนกลับยอมรับได้อย่างง่ายดาย
“ที่ข้ารับก็มีเหตุผลอยู่ อันที่จริงการใช้เวทบรรพกาล Time Stop อย่างฝืนกำลังของดีโอก็มีผลข้างเคียงที่รุนแรงบางอย่าง” จักรพรรดิบอก “และผลข้างเคียงนั้น คือเหตุที่ทำให้เจ้า เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ดีกว่าคุณแพท หรือแม้แต่บิชอปคาร์มิลล่า เพราะว่า ….”
จักรพรรดิบอกเล่าต่อไป โรล่าฟังแล้วก็ครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอกลับไปคุยกับคุณรอนคุณแพทและคนอื่นๆก่อนแล้วจะให้คำตอบกับพวกท่าน”
จักรพรรดิลูเซียสดึงวัตถุหนึ่งที่เตรียมไว้แล้วส่งให้โรล่า
“เจ้านำสิ่งนี้ไปใช้ จะได้คุยกับคุณรอนได้”
เด็กสาวรับไว้และเดินออกจากที่ทำการหมู่บ้านด้วยท่าทีปกติ มุ่งหน้าไปยังบ้านของพ่อเฒ่าเบรเซอร์ที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ ระหว่างทาง ทหารทั้งหลายต่างแสดงความเคารพ นักผจญภัย ไปจนถึงประชาชนที่มาจากต่างเมืองต่างให้ความเคารพยำเกรง ….
…
เด็กสาวรับรู้ได้ถึงความหนักอึ้งที่แบกรับอยู่บนบ่าทั้งสอง
เธอรู้ดีว่าสิ่งที่จักรพรรดิกลัวจะเกิดขึ้นจริง
หากเกิดความหวั่นเกรงของประชาชนขึ้นในเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ … และประชาชนเห็นทหารจากอาณาจักรอื่นมาช่วย … โอกาสที่อาณาจักรจะแตกแยกก็มีสูง
และหากไม่มีแอสคาลอนแล้ว หมู่บ้านนี้ เมืองนี้ ต้องไปขึ้นกับคาร์พาเธียหรือเอ็มโพเรีย สถานะของผู้คนจะย่ำแย่กว่าก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
โรล่าปรึกษากับมาเรียอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะไปหาพ่อเฒ่าเบรเซอร์ … พ่อเฒ่าเบรเซอร์เองขอให้โรล่าตัดสินใจตามหัวใจของตนโดยไม่ต้องสนใจสิ่งอื่น … แต่เมื่อถามย้ำเข้า
“โรล่า เจ้าก็เห็น …ข้าเองมีสีผิวต่างจากเจ้า ข้าเป็นคนผิวสีดำที่อพยพจากทวีปอื่นมา … ข้ารู้ดีว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน สร้างความยากลำบากมากขนาดไหน”
“แต่การตัดสินใจเป็นของเจ้า ความสุขชั่วชีวิตเป็นของเจ้า จงเลือกอย่างที่เจ้าอยากเลือกเถิด”
โรล่าออกจากบ้านของพ่อเฒ่าเบรเซอร์ กลับไปนั่งอยู่กับมาเรียกันสองคนอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะออกไปที่เรือนพยาบาล ที่นั่น แพทกำลังนั่งที่โต๊ะไม้หน้าเรือนพยาบาล
“คุณแพทคะ โรล่าขอเวลาสักครู่ค่ะ”
เวลาล่วงไปจนถึงช่วงบ่าย ทั้งสองคุยกันอย่างเปิดใจ
“โรล่ามั่นใจแล้วเหรอ”
“ค่ะ” โรล่าพยักหน้า “โรล่าอยากจะคุยกับคุณรอน คุณแพทไม่ว่านะคะ”
แพทส่ายหน้า แม้จะหวงรอนมากแค่ไหน แต่หลังจากผ่านหลายสิ่งหลายอย่างกันมาเธอก็รู้ว่าโรล่ากับรอนรู้สึกเช่นไร
ก๊อกๆๆ
เด็กสาวทั้งสองเปิดประตูเข้าไป แพทเอาสิ่งที่อยู่ในมือยื่นส่งให้รอน
“อะไรเหรอ?”
“[เยลลี่แปลภาษา] 1pt เป็นของวิเศษของโบสถ์แห่งแสง ช่วยให้พูดคุยได้ทุกภาษานานครึ่งวัน”
รอนรับเอาเยลลี่แปลภาษาไปกิน
“คุณรอนฟังโรล่าเข้าใจไหมคะ” โรล่าถาม
“เข้าใจแล้วล่ะโรล่า” เด็กหนุ่มยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นชั้นขอตัวก่อน เธอสองคนคุยกันตามสบายเลย” แพทบอกและเตรียมจะเดินออกไป
“คุณแพทอยู่ด้วยเถอะค่ะ” โรล่าดึงแขน “โรล่าอยากฟังสิ่งี่คุณรอนจะพูดในแบบที่คุณแพทก็อยู่ด้วย”
โรล่ารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอมันยุ่งเหยิงแค่ไหน
เธอรู้ว่าแพทและรอนมาจากโลกที่ความสัมพันธ์ที่มากกว่า1คนไม่ได้รับการยอมรับ และที่ผ่านมารอนแสดงออกเสมอมาว่าเขาเห็นแพทสำคัญเป็นที่สุด และวางตัวกับเธอโดยเกรงใจแพทมาตลอด
วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เธออยากจะเห็นการตัดสินใจของรอนจริงๆสักครั้ง
ทั้งสามนั่งลง โรล่าเล่าเรื่องที่จักรพรรดิลูเซียสเรียกตัวเธอไปคุยเรื่องการอภิเษกกับเจ้าชายดีโอ เล่าถึงความจำเป็นตามที่จักรพรรดิลูเซียสบอก
“โรล่าไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเจ้าชายก็ได้นะ ถ้าเธอไม่ได้รักเจ้าชายก็ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ มันคือความสุขชั่วชีวิตของเธอเลยนะ” รอนห้ามในทันที
“แต่โรล่าก็ไม่ได้เกลียดเจ้าชาย เจ้าชายก็ไม่ได้รังเกียจโรล่า เราสองคนก็พูดคุยเข้ากันได้ คงไม่มีปัญหามั้งคะ” โรล่าบอก “เรื่องนี้จะเอาแต่ใจของโรล่าก็ไม่ได้ เพราะมันมีเรื่องอนาคตของแอสคาลอนเป็นเดิมพัน”
“เรื่องนั้น … เรื่องนั้น …” รอนนิ่งไปชั่วขณะ เขารู้ว่าเหตุผลที่โรล่าบอกเป็นไปได้จริง … ในเวลาเช่นนี้หากประชาชนแอสคาลอนเกิดความหวั่นไหวจนเกิดความแตกแยก สมดุลของอาณาจักรมนุษย์ก็จะเสียไป สิ่งที่จักรพรรดิลูเซียสกังวลไว้ก็จะเกิดขึ้นจริง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
“ไม่ได้นะโรล่า เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น” รอนร้องออกมา
“แต่อนาคตของแอสคาลอน….” โรล่าเอ่ย
“ช่างมัน อนาคตของที่นี่จะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับโรล่านี่” รอนบอก
“แต่โอลเซ่น ทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสำคัญต่อโรล่า ถ้าปล่อยไว้แบบนี้…” เด็กสาวยังพูดต่อไป หากแต่รอนพุ่งเข้าหาและสวมกอด
“โรล่า ผมรักคุณ”
รอนกอดโรล่าไว้อย่างแน่นหนาไม่ยอมให้ขยับไปไหน แพทนั่งมออยู่อย่างเงียบๆไม่พูดอะไร
“โรล่าไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับเจ้าชาย … อนาคตของแอสคาลอน ถ้าหากเป็นอนาคตของที่นี่ผมจะรับเอาไว้เอง” รอนพูดเสียงสั่น “ถ้าชาวแอสคาลอนไม่มั่นใจในอาณาจักร ผมจะใช้กำลังของผม จะใช้กำลังของร้าน ARMAMENT จะใช้ความเชื่อของนิชลิน ทำให้แอสคาลอนยังคงอยู่ให้ได้”
รอนกอดโรล่าไว้แน่นอย่างไม่อยากให้อีกฝ่ายจากไป เด็กสาวยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
“โรล่าดีใจที่คุณรอนรู้สึกกับโรล่าแบบนี้” เด็กสาวบอก “โรล่าก็รักคุณค่ะ”
“แต่คุณรอนเองก็รู้ว่าสิ่งที่คุณบอกมาไม่มีทางเป็นไปได้แม้ว่าคุณจะมีร้าน ARMAMENT มีสิ่งต่างๆมากมายที่จะทำให้แอสคาลอนเป็นปึกแผ่นได้ แต่มันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในตอนนี้”
โรล่าค่อยๆผละออกจากอ้อมกอด
“ก่อนที่กองทัพพันธมิตรจะเคลื่อนพลไปตามเมืองต่างๆ เราจะต้องดึงความมั่นใจของประชาชนแอสคาลอนกลับมาให้ได้ งานแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า ลำพังกำลังของคุณไม่มีทางสร้างความมั่นใจในประชาชนในเวลาแค่สามวันใช่ไหมคะ”
เด็กสาวยิ้มให้อีกครั้ง
“โรล่ามาที่นี่วันนี้ เพื่อจะมาบอกคุณว่า โรล่ารักคุณค่ะ แต่โรล่าก็รักคนที่นี่ และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนที่โรล่ารักมีชีวิตที่มั่นคงและไม่ต้องลำบาก”
โรล่าจูบรอนอย่างเนิ่นช้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“งานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสามวันก่อนที่แม่ทัพพันธมิตรจะออกเดินทาง โรล่าอยากให้คุณรอนอยู่ร่วมงานด้วย” เด็กสาวเปิดประตูออกไป “คุณแพทคะ โรล่าฝากดูแลคุณรอนด้วยนะคะ อย่าให้เขาทำอะไรเสี่ยงๆในช่วงนี้”
รอนทรุดลงนั่งอย่างซึมเซา แพทเดินเข้าไปนั่งข้างๆและสวมกอดไว้อย่างปลอบใจ
(กำลังปั่นตอนถัดไปอยู่)