Midterm Fantasy - ตอนที่ 31
ตลอดค่ำคืนนั้นมีการโจมตีเกิดขึ้นประปรายหลายครั้ง มีการยิงลูกไฟข้ามมาอีก5-6ครั้งแต่ทุกครั้งก็สามารถดับได้โดยไม่มีอะไรมากนัก
ส่วนที่หน้าทางเข้ามีการโจมตีอีก 2 รอบ ก็อบลินตายไปอีกประมาณ 15 ตัว แต่ชาวบ้านโอลเซ่น 1 คน และชาวบ้านอัลเลน 2 คนต้องจบชีวิตลงในการป้องกันทางเข้าจากลูกธนูที่ก็อบลินกัปตันยิงเข้ามา
… ความจริงคนที่ถูกลูกธนูยิงมีหลายคน แต่ว่านักบวชร็อคโค่ช่วยใช้เวทย์รักษาได้ทัน ยกเว้นคนที่ถูกยิงเข้าหัวใจที่ตายในทันที
จนรอนเองก็ขนลุกเสียวสันหลัง
หากเขาถูกยิงเข้าหัวใจ … พลังรักษาตัวเองจะยังได้ผลไหม แล้วพลังชีวิตที่ตอนนี้ขึ้นว่า [50/50] จะหล่นลงไปเท่าไหร่
ถ้าเขาถูกฟันแขนขาด มือขาด มือจะงอกกลับมาไหม
ถ้าเขาตายที่นี่ จะเป็นยังไง
รอนมองสเตตัสของตนเอง นอกจากพลังชีวิต ที่มุมด้านซ้ายบนสุด มี เลข12สีน้ำเงิน และ เลข20สีเขียวที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร …
ตอนนี้เขาชักเริ่มคิดแล้วว่าเขามาทำอะไรที่นี่
เด็กหนุ่มมองดูแขนที่เป็นแผลจากดาบสั้นของก็อบลิน ตอนนี้เลือดหยุดไหลและแผลหายสนิทแล้ว … ท้องฟ้าเริ่มมีแสงเรืองรองขึ้นมองเห็นพื้นที่โดยรอบ ซากก็อบลินเกลื่อนกลาดใกล้ทางเข้า … ที่ไกลออกประมาณ200เมตร ก็อบลินเมจยืนเด่นอยู่ตรงกลาง โดยมีก็อบลินฝูงใหญ่ยืนอยู่
“….. ไหนว่ามีสองร้อยตัวไง” พอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
ไม่ว่าใคร ตอนนี้ก็ต้องสั่นกันทั้งนั้น ….
เพราะเมื่อคืนนี้ทุกคนประมาณกันว่าได้จัดการก็อบลินไปแล้วประมาณ50ตัว ….ดังนั้นก็น่าจะเหลืออีกสัก150 ตัว
แต่ที่เห็นอยู่ตอนนี้ พวกมันยืนเป็นแถวเป็นแนวกลุ่มละประมาณ50ตัว ….และมีให้เห็นอยู่ 5 กลุ่ม
อย่างต่ำๆข้างหน้านี้คือ 250 ตัว ชัดๆ!
ดูท่าว่าหลังจากการต่อสู้เมื่อคืนนี้ จะมีก็อบลินที่ออกอาละวาดในบริเวณนี้มาสมทบเพิ่ม
ที่หน้าแถวของพวกมัน ก็อบลินสามตัวชูหอกตัวละด้าม ข้างบนของหอกแต่ละอันมีอะไรบางอย่างปักเสียบอยู่ หัวที่อยู่ตรงกลางมีผ้าสีฟ้าปักเสียบอยู่
อิ๊! ใครคนนึงร้องขึ้นแล้วชี้นิ้วไป
รอนจ้องดีๆจากนั้นก็ใจหายวาบ
“หัวมนุษย์” เขาพูดกับตัวเอง
“ล็อค!”เสียงของโรล่าที่ยืนอยู่ข้างๆอุทานขึ้นมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะใครหลายคนที่ยืนใกล้ๆจะได้ยิน
“นั่นผ้าโพกหัวของล็อคจริงๆ”ชาวบ้านหมู่บ้านอัลเลน … “ถึงจะไหม้ไฟขนาดนั้น แต่ว่าผ้าโพกหัวนั่นของล็อคไม่ผิดแน่”
“นั่นบิ๊ก …. ส่วนนั่นน่าจะเป็นเวจ”
โรล่าและมาเรียยืนตัวสั่นเหมือนจะร้องไห้ จนเบรเซอร์ต้องไล่ให้กลับเข้าไปในหมู่บ้าน
“สามคนนั่นใช่ไหมที่อาสารั้งท้ายตอนข้ามแม่น้ำมา” เบรเซอร์ถาม … โอเดียนชาวหมู่บ้านอัลเลนพยักหน้ารับ … ผู้เฒ่าได้แต่ถอนหายใจและบอกกับรอน
“ทั้งสามก็เหมือนกับโรล่าและมาเรีย เป็นเด็กกำพร้าที่ลิตแมน อดีตหัวหน้าหมู๋บ้านอัลเลนเก็บมาเลี้ยงเหมือนที่ข้าเลี้ยงเด็กกำพร้าอื่นๆ” เบรเซอร์พูด “บรรดาเด็กๆพวกนี้ในหมู่บ้านละแวกนี้ต่างก็รู้จักกันและกันดี”
“ท่านรอน” เบรเซอร์เอ่ย
“ครับ”
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านของท่าน ท่านไม่ได้มีคนรู้จักหรือญาติพี่น้องที่นี่ …. ถ้าท่านจะไปตอนนี้ก็ไม่มีใครว่าท่านหรอก … ท่านไปเสียเถอะ”
รอนรับฟังเงียบๆ ไม่ได้ตอบปฏิเสธหรือตกลง
“ก็อบลินในครั้งนี้แปลก …ปกติพวกมันไม่โจมตีในรูปแบบกองทัพ “เบรเซอร์พูด “และปกติมันจะไม่ควรจะรวมกันได้มากขนาดนี้ถ้าไม่มีก็อบลินลอร์ดสั่งการ”
“งั้นก็แปลว่ามีก็อบลินลอร์ดเหรอครับ” รอนถาม
“นั่นแหละที่แปลก” เบรเซอร์บอก
“เพราะก็อบลินลอร์ดไม่มีในธรรมชาติ….แต่เป็นก็อบลินที่ถูกสร้างขึ้นจากกรรมวิธีของพวกUndead เพื่อใช้ในการควบคุมก็อบลินอีกที”
ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ใจกลางหมู่บ้านมีการทำอาหารแจกจ่ายให้ชาวบ้าน … ช่างไม้วินเซนท์และลูกมือกำลังง่วนกับการนำเอาอาวุธซึ่งส่วนใหญ่คือมีดที่กวาดมาจากซากก็อบลินมาตอกมัดกับไม้ยาวให้เป็นหอกชั่วคราวอีก 20 ด้าม
…. มาตอนนี้รอนชักเสียดายแล้ว หากเมื่อวานเขาตัดสินใจเหมาซื้อมีดจากร้านยี่สิบบาทมา ก็น่าจะแจกจ่ายให้กับชาวบ้านได้ดีกว่านี้
แต่จะมาเสียดายตอนนี้ก็สายไปแล้ว เขาได้แต่เตรียมพร้อม
เก้านาฬิกา ก็อบลินกัปตันนำก็อบลินประมาณ50ตัวบุกเข้ามาคราวนี้แนวหน้าของพวกมันเป็นพวกที่ใช้หอก พวกมันไม่ได้พุ่งเข้ามาแต่ค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเริ่มเข้าตรงทางเข้าหมู่บ้าน รอนสั่งให้ทุกคนยิงหินทันที
“กี๊ซ” กอบลินกัปตันร้อง ก็อบลินทั้งหมดวิ่งพยายามปีนกำแพงทั้งสามด้านพร้อมกัน
“ย้าก”
“โอ๊ย”
“กี๊ซ”
“แก ตาย ตาย ตาย”
ก็อบลินส่วนใหญ่ถูกแทงตกจากรั้ว แต่ก็มีบางตัวที่ข้ามเข้ามาได้และอยู่ในระยะที่ใกล้เกินกว่าที่หอกยาวๆจะถอยมาสู้ได้ แต่พอลและรอนก็พร้อมรับสถานการณ์นี้อยู่แล้วเพราะเขาให้ชาวบ้านบางคนถือมีดหรือดาบสั้นแทรกอยู่ในกลุ่มคนที่ใช้หอกและรับหน้าที่จัดการกับก็อบลินที่ฝ่าแนวรับแทรกเข้ามาในกลุ่มได้
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนเจ็บหลายคน บางคนบาดเจ็บหนักจนสู้ต่อไม่ไหว
“กี๊ซ” ก็อบลินกัปตันพุ่งปีนรั้วขึ้นมา มันปัดป้องหอกที่พยายามแทงผ่านเกราะโลหะอ่อนที่สวมใส่อยู่ แต่ก่อนที่มันจะกระโดดลงจากรั้ว
ซวบ!
ลูกธนูพุ่งเสียบทะลุลำคออย่างแม่นยำ เบรเซอร์ที่ถือคันธนูร้องตะโกน
“จัดการมัน!”
คนที่ใกล้ที่สุดเข้าไปคว้าขาของก็อบลินกัปตันแล้วกระชากลงมา ก็อบลินเสียหลักหงายหลังหัวฟาดรั้วแล้วตกลงมาที่พื้น มันยังไม่ทันได้จัดการลูกธนูที่ปักคอ ก็ถูกชาวบ้านใช้หอกเลือกแทงตามช่องว่างของเกราะจนตาย
ก็อบลินตายอยู่ตรงนั้น30กว่าตัว ในขณะที่ชาวบ้านโอลเซ่นและอัลเลนไม่มีใครตายเลย เพียงแต่คนที่บาดเจ็บจนต่อสู้ไม่ได้อีกมีนับสิบคน
“ทำไมท่านร็อคโค่ไม่ใช้เวทย์รักษาล่ะครับ” รอนถามผู้เฒ่าอย่างสงสัย
“ท่านร็อคโค่ใช้มานาจนหมดแล้ว. ต้องรอให้มานากลับมาก่อน”
“แล้วทำไมไม่ดูดซับพลังจากผลึกแกนมอนสเตอร์ล่ะครับ”
“ท่านรอนคงไม่รู้ ว่ามานาที่ได้จากการดูดซับพลังมานาจากผลึกแกนมอนสเตอร์ สามารถใช้ได้กับเวทย์ทุกชนิดยกเว้นแต่เวทย์สายรักษา …. ไม่มีใครรู้เหตุผลชัดเจน แต่ว่ากันว่าพลังในผลึกที่ได้มาจากการฆ่า ไม่สามารถนำไปใช้ในการรักษาได้”
รอนไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่นั่งเฝ้าตำแหน่งนั้นไว้ … คนที่ยังมีแรงมีกำลังสลับเปลี่ยนมาเป็นแนวหน้าถือหอก ตอนนี้แม้แต่ผู้หญิงก็มาช่วยสู้เช่นกันทดแทนสิบกว่าคนที่บาดเจ็บ
ประมาณ 10 นาฬิกา คราวนี้ก็อบลินดาหน้าเข้ามาสองกองประมาณ100ตัว ก็อบลินกัปตันไม่ได้เข้ามาด้วยแต่สั่งการจากด้านนอก …. ครั้งนี้เช่นเดิม พวกมันเดินเข้ามาตรงกลางและเตรียมจะปีนรั้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชาวบ้านเตรียมพร้อมแล้ว
“พวกเรา สาดเลย” พอลตะโกน
“กี๊ซซซ”
“ก็าซซซซ”
‘ซ่าา’
เสียงไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มก็อบลินที่เข้าผ่านประตูรั้วมา เพราะพวกมันถูก คนรอบๆสาดน้ำร้อนที่ต้มเตรียมไว้ราดใส่อย่างไม่ปราณี ก็อบลินที่แสบร้อนต่างวิ่งหนีตายกลับออกไป สวนกับอีกกลุ่มที่พยายามผลักดันกลับเข้ามา
การต่อสู้ดำเนินไปอีกครู่หนึ่งก่อนที่ก็อบลินจะหนีถอยไป พวกมันตายอีก40กว่าตัว แต่ครั้งนี้ชาวบ้านตายไป 5 คน และบาดเจ็บอีก10กว่าคน รั้วที่ปักไว้หักพังเป็นช่องหลายจุด
รอนนั่งพักเหนื่อย เขาเดินไปหยิบชามข้าวต้ม ซดโฮกเข้าไปคราวเดียวจนหมด เพิ่มพลังชีวิตจาก [45/52] เป็น[52/52]
ความเหนื่อยที่มีเมื่อครู่หายไปหลังกินอาหาร …. อย่างน้อยสกิลของเขาก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง
แต่พอหันกลับไปดู รอนก็กระอักกระอ่วนในท้อง
เลือด เศษชิ้นส่วนอวัยวะ ของทั้งคนและมอนสเตอร์เกลื่อนกลาดเต็มพื้นทางเข้าไปหมด เขามองกลับไปที่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน โรล่ากำลังใช้มีดสีเงินที่เขามอบให้ แหวกเอาแกนมอนสเตอร์ออกมาจากอกของก็อบลินที่นอนตาย โดยมีมาเรียยืนถือหอกคอยคุ้มกันอยู่ใกล้ๆ
ส่วนพอล มีผ้าพันแผลพันห้ามเลือดที่แขนยืนพูดคุยกับชาวบ้านโอลเซ่นที่เหลือ … จาก30คนที่อยู่เวรยามกันมาตั้งแต่วันแรกตอนนี้เหลือคนที่มีกำลังและบาดเจ็บไม่มากเพียง16คน
“พอล คุณรอน โอเดียน ช่วยมานี่หน่อย” เบรเซอร์เรียกชายหนุ่มทั้งสามมา ทั้งสามเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ตอนนี้ข้าอยากคุยเรื่องแผนการอพยพหมู่บ้าน” เบรเซอร์บอกและดูปฏิกริยาจากทั้งสามคน ไม่มีใครแสดงสีหน้าแปลกใจ
“อย่างที่เห็นว่าพวกมันบุกเข้ามาไม่หยุด ในขณะที่พวกเราก็บาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ …. ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปและถ้าเราฝืนอยู่ต่อ อีกไม่กี่วันก็คงต้านมันไม่ได้”
“เมื่อครู่วินเซนท์บอกว่า พวกมันมีการสุมกิ่งไม้แล้วเผารั้วกำแพงหมู่บ้านบางจุด ซึ่งตอนนี้เรายังดับได้ทันด้วยการกะตำแหน่งข้ามกำแพงแล้วใช้เวทย์น้ำดับไฟ …. แต่ถ้าเราปล่อยยืดเยื้อต่อไปเราก็จะสู้ไม่ได้แน่นอน”
ผู้ใหญ่บ้านมองหน้าทั้งสามคน ก่อนจะบอกแผนการ
“ถ้าหมู่บ้านของเราทำท่าว่าจะไม่ไหวจริงๆ เราจะเอาไม้ที่ตอกปิดทางเข้าด้านหลังหมู่บ้านออก พอล กับโอเดียนจะรับหน้าที่หัวหน้ากลุ่มพาคนออกจากหมู่บ้านทางประตูนั้น และเมื่อเข้าถนนสายหลักก็ให้มุ่งตรงไปที่ตัวเมืองกาล่า ข้าคิดว่าระหว่างทางจะต้องเจอกับกองทหารที่เมืองส่งมาช่วยอย่างแน่นอน”
“แต่ข้าไม่มั่นใจว่าคนที่เราส่งไปขอความช่วยเหลือจะไปถึงเมืองหรือเปล่า เพราะตอนที่เราส่งคนออกไป พวกมันก็ล้อมหมู่บ้านเราแล้ว” โอเดียนตอบ
“ในช่วงวันสองวันนี้ท่านได้เจอกับพ่อค้าเร่กลาสหรือเปล่า” เบรเซอร์ถาม
“ไม่เจอนะ พอพวกข้าหนีออกจากหมู่บ้านก็ออกมาตามถนนแล้วย้อนมาทางหมู่บ้านโอลเซ่นโดยไม่เจอใครเลย” โอเดียนตอบ
“กลาสเพิ่งออกจากหมู่บ้านของข้าเพื่อเดินทางไปหมู่บ้านของเจ้า … ถ้าเขาเห็นว่าหมู่บ้านของเจ้าถูกล้อมอยู่ เขาก็ต้องรีบเดินทางเข้าเมืองไปขอความช่วยเหลือแน่ๆ …ในเมื่อเขาเดินทางไปหมู่บ้านของเจ้า แต่ไม่ได้พบกัน และตอนที่พวกเจ้าเดินทางมาที่นี่ก็ไม่เจอเขา ก็แปลว่าเขาต้องเลยแล้วแน่ๆ”
เบรเซอร์มั่นใจเช่นนั้น เพราะรอนฝากฝังให้กลาสนำยาไปให้ที่หมู่บ้านอัลเลน ดังนั้นไม่มีทางที่จะผ่านไปเฉยๆแน่ แต่คงจะเข้าไปแล้วพบเหตุก็เลยรีบไปขอความช่วยเหลือก่อน
ถ้าโชคดี กลาสอาจจะให้นักดาบคนใดคนนึงขี่ม้าเทียมรถม้าเพื่อไปแจ้งข่าวที่เมือง ถ้าให้เวลาตระเตรียมอาวุธ เครื่องมือ และถ้าโชคดีทหารเป็นทหารม้า ก็น่าจะเดินทางถึงหมู่บ้านอัลเลนในสายๆวันนี้ และถ้าออกเดินทางมาที่นี่ต่อ ก็น่าจะมาถึงตอนบ่ายๆ
แต่ถ้าโชคไม่ดี กลาสไม่ได้ให้ใครขี่ม้าไป หรือทหารที่ออกมาเป็นทหารเดินเท้า ก็อาจจะใช้เวลาสักสองสามวัน
“อีกอย่างนะพอล ถ้าหากอพยพ ขอให้เจ้าสั่งให้คนเก็บสิ่งของเฉพาะอาหารและพกพาของให้น้อยที่สุด …. ให้คนที่ถือหอกอยู่รอบนอก ถือดาบอยู่ด้านใน หนังสติ๊กให้คนเจ็บหรือผู้หญิงใช้ ถ้ามีมีดเหลือ พยายามให้ทุกคนมีอาวุธติดตัว …. ที่สำคัญ ถ้าเจอโจมตี อย่าให้ทุกคนแตกหนี แต่ต้องช่วยกัน …. เพราะในท้องทุ่งแบบนี้แยกกันหนีก็อบลินก็ไม่ต่างอะไรกับตาย”
พอลและโอเดียนพยักหน้า แต่รอนสงสัย
“ว่าแต่ถ้าหากหนีออกทางประตูหลัง แล้วใครจะยันพวกมันที่ประตูหน้าครับ” เด็กหนุ่มถาม
” คนรั้งท้าย …. รวมถึงข้าด้วย” เบรเซอร์ตอบ