Midterm Fantasy - ตอนที่ 36
เช้าวันอาทิตย์ที่แสนสดใส รอนตื่นขึ้นรับวันใหม่ด้วยใจที่เป็นสุขสงบชื่นบาน อาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบลงไปชั้นล่าง
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” รอนยกมือไหว้พ่อกับแม่ที่อยู่ในห้องครัว
“อื้อ … วันนี้ดูดีกว่าเมื่อวานนะลูก” พ่อทัก
รอนพยักหน้า เขาก็รู้ว่าเมื่อวานนี้เขาทำท่าทางเนือยหน่ายน่ากังวลขนาดไหน
ครอบครัวกินข้าวพร้อมหน้ากัน กินเสร็จทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานชามแล้วล้างกันก่อนจะไปนั่งที่ห้องรับแขกพร้อมหน้า รอนตรงไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วต่อเชื่อมกับโทรศัพท์มือถือ เขาถ่ายข้อมูลไฟล์ข้อความที่เขาพิมพ์สรุปเนื้อหาวิชาต่างๆไว้ จากนั้นก็ปรินท์ผ่านเครื่องพิมพ์เป็นกระดาษ เตรียมการเรียนวันจันทร์
“เตรียมบทเรียนเหรอลูก?”พ่อถาม ตอนนี้พ่อไม่แปลกใจกับการตั้งใจเรียนของลูกแล้ว
“ใช่ครับ” รอนบอก ก่อนจะวางกระดาษที่ปรินท์ออกมาเป็นสองชุด ชุดหนึ่งสำหรับตัวเขาเอง อีกชุดหนึ่งสำหรับแพท ทั้งพ่อและแม่มองไปแต่ไม่ได้พูดอะไร
” เอ้อ รอน …เดี๋ยววันนี้พ่อกับแม่จะออกไปงานแต่งงานลูกเพื่อน จะไม่อยู่ช่วงเย็นกลับอีกทีก็ตอน4ทุ่ม ยังไงลูกหาข้าวเย็นกินเองนะ แล้วถ้าออกจากบ้านไปยังไงก็ล็อคบ้านไว้ด้วย” แม่บอก
“ได้ครับแม่”
ตุ่งตุงตุ๊ง ตุ่งตุงตุ๊ง
เสียงวีดีโอคอลดังขึ้น เด็กหนุ่มรับสายเปิดตรงหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์
“รอน …เป็นยังไงบ้าง”แพทถาม
“อืม ดีแล้วล่ะ”รอนตอบ ” เมื่อคืนเราขอโทษทีนะที่ตัดสายไป”
” ไม่เป็นไรหรอก ” เด็กสาวตอบด้วยสีหน้าที่ดูยิ้มแย้มขึ้น เมื่อคืนหลังจากตัดสายไปเธอกังวลอยู่นานเลย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้หรือไม่ แต่วันนี้สีหน้าเขาดูดีขึ้นเยอะแล้ว
“วันนี้รอนว่างหรือเปล่า ไปเที่ยวกันไหม” เด็กสาวถาม
“อือ ก็ดีเหมือนกัน” รอนตอบ
พ่อกับแม่มองหน้ากันก่อนที่แม่จะเดินกลับเข้าห้องครัว เธอเดินผ่านด้านหลังรอนที่นั่งวีดีโอคอลอยู่ จนแพทมองกวาดตาตาม
” อ๋อนั่นแม่เราเอง คุณพ่อก็นั่งอยู่ด้วย” รอนบอก ก่อนจะหันกล้องไปให้แม่ … ” แม่ครับ พ่อครับ นี่แพท เพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียน …แพท นี่พ่อกับแม่เราเอง”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”เด็กสาวยกมือไหว้ก้มศีรษะอย่างงดงาม
“สวัสดีจ๊ะ” แม่กับพ่อรับไหว้นึกชมในใจที่เด็กสาวคนนี้สุภาพมารยาทงาม
รอนกับแพทคุยกันครู่นึงก่อนจะนัดสถานที่ไปเที่ยวกัน รอนให้แพทจัดการปักหมุดลงในแผนที่แล้วส่งพิกัดกับเวลานัดมา ก่อนที่จะขึ้นไปแต่งตัวและเก็บกระเป๋าโดยไม่ลืมเอาผลึกแกนมอนสเตอร์ทั้งสองอันไปด้วย
<แกนมอนสเตอร์ Lv3>
ระดับของก็อบลินเมจถือว่าสูงกว่าก็อบลินทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งรอนก็ไม่แปลกใจนัก เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว ก็อบลินธรรมดาล้วนรู้จักแต่การทำตามคำสั่งพื้นๆของก็อบลินที่สูงกว่า หรือไม่ก็บุกดาหน้าเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีแผนการอื่นใด
ในขณะที่ก็อบลินเมจ มีความสามารถในการวางแผนและกับดักซุ่มโจมตีซึ่งถือว่าเป็นอันตรายที่มองข้ามไปไม่ได้เลย
เด็กหนุ่มเดินถือถุงผ้ามากดเงินที่ปากซอยหน้าบ้าน แล้วคิด นอกจากเป้สะพายหลังที่ต้องซื้อใบใหม่แล้ว …ตอนกลับไปเขาควรเอาอาวุธไปเพิ่มนี่นะ … อย่างน้อยเขาก็อยากจะให้พอลมีอาวุธที่ดีกว่านี้ เพราะว่านอกจากเบรเซอร์แล้ว พอลเป็นคนเดียวที่มีความสามารถในการต่อสู้และสั่งการชาวบ้าน
รอนเข้าไปในร้านอาม่า
“อาม่าครับ …. ” รอนเรียก อาม่าเจ้าของร้านชำเดินออกมาช้าๆ “อะไรรึอารอน”
“คือผมอยากจะซื้อมีดแบบเมื่อวานเพิ่มน่ะครับ อาม่ามีอีกสักเล่มสองเล่มไหมครับ” เด็กหนุ่มตอบ … เขาหวังว่าอาม่าคงไม่ถามว่าเขาจะเอาไปทำอะไร…. ซึ่งอาม่าก็ไม่ถามจริงๆแต่เดินไปที่กองถุงพลาสติกใส่ถ่านไม้ คุ้ยๆเข้าไปดึงถุงพลาสติกยาวออกมา แก้ปากถุงแล้วดึงเอามีดแบบเดียวกันกับที่ขายให้รอนเมื่อวานออกมา
“อารอนจะเอามีดไปเฉาะมะพร้าวเหรอ” อาม่าถาม
รอนหายใจเข้าลึกๆ
มีดเหล็กกล้าใบมีดหนา ใบมีดยาวประมาณ 2ฟุต …. และส่วนด้ามจับอีก15ซม. มีคมฝั่งเดียว …. ซึ่งหากเทียบกับดาบญี่ปุ่น มันก็ยาวเท่ากับดาบวากิซาชิแบบยาว …
เขาไม่แปลกใจที่อาม่าจะขายของพวกนี้ไม่ออก เพราะมีดดาบยาวขนาดนี้ไม่มีใครเอามาเฉาะมะพร้าวกันหรอก อันนี้พวกเดินป่าเค้าเอาไว้ตัดแหวกทาง
“เอาสองอันครับ” รอนจ่ายเงินให้อาม่าไป1000บาท แล้วรับมาถือไว้ก่อนจะชี้ไปที่มีดอีกเล่มที่ห้อยตรงผนัง ยาวหนึ่งฟุต ทำจากเหล็กตีสีดำแบบที่ด้ามจับก็ทำมาจากเหล็กชิ้นเดียวกัน “แล้วอันนั้นขายเท่าไหร่ครับ”
อาม่าเหลือมองดู “150บาท”
รอนจ่ายเงินแล้วเอามีดเก็บใส่ถุงผ้า ส่วนมีด(จริงๆดาบ)เฉาะมะพร้าว เขาก็ถือเดินกลับเข้าซอย เอาไปวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ในบ้าน … ก่อนจะเดินกลับออกมาขึ้นสองแถวแล้วเดินทาง
เด็กหนุ่มต่อรถเมล์ไปอีกสองสาย ทีแรกเขานึกว่าแพทปักหมุดที่หมายไว้ที่สยามฯ แต่พอนั่งรถเมล์ไปเขาก็เพิ่งสังเกตว่าแพทปักไว้ก่อนถึงตรงนั้น … ตรงจุดที่ไม่มีห้าง ไม่มีร้านค้าอะไร …แม้จะแปลกใจ แต่ว่าเด็กหนุ่มก็ลงรถเมล์ เดินลงอุโมงค์ลอดถนนข้ามไปอีกฝั่ง แล้วเข้าประตูรั้วสถานศึกษาตรงหน้าเข้าไป
รอนเดินผ่านสระน้ำใหญ่ ยกมือไหว้รูปปั้น ก่อนจะเดินต่อผ่านหอนาฬิกาไปสิ้นสุดที่จุดนัดหมาย เป็นตึกหลังหนึ่งสีแดงอิฐ ทางเข้าเป็นช่องโค้งดูผาดๆเหมือนอุโมงค์ ตรงหน้าทางเข้ามีเด็กหญิงคนนึงอยู่ในชุดเดรสสีขาว ชายกระโปรงไล่สีชมพูยาวพอดีเข่า ยืนโบกมือให้เขาอยู่
“รอนมาไว้จัง เราเพิ่งมาถึงพอดีเลย” แพทบอก
“ว่าแต่ตรงแถวนี้มีอะไรเหรอ” รอนถาม มหาวิทยาลัยในวันหยุดแบบนี้เงียบสงบเป็นพิเศษ เพราะทั้งวัยรุ่นนักศึกษาต่างเลือกไปเที่ยวศูนย์การค้าที่อยู่รอบๆมากกว่า
“มานี่สิ” แพทจับมือรอนดึงไป เดินขึ้นบันไดไปบนตึกชั้นสอง
“ที่นี่เป็นที่ที่สมัยก่อนพ่อกับแม่พาเรามาเที่ยวบ่อยๆ”แพทบอก ก่อนจะชี้ไปที่ประตูทางเข้า
“พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา?” รอนพูดอย่างแปลกใจ
“ใช่”
“เปิดทำการ10.00.-16.30 เฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์ ปิดในวันหยุดราชการ”
“ห๊ะ!!!!!!!!” แพทหันไปมอง “ไม่จริงน่า”
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลา 11.00น. แต่ว่าเป็นวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นไฟภายในพิพิธภัณฑ์จึงปิดหมด ภายในมืดสลัว
“วันนี้ปิดค่ะ” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง “อ้าว นี่หนูแพทหรอกเหรอ”
แพทหันหลังกลับไปดูแล้วยกมือไหว้สวัสดี “สวัสดีค่ะอาจารย์มิวสิค….วันนี้อาจารย์อยู่เวรเหรอคะ”
“จ๊ะ ….. ว่าแต่วันนี้หนูมาทำอะไรเหรอ”
“คือหนูจะพาเพื่อนมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์น่ะค่ะ … แต่ลืมไปว่าวันนี้วันหยุด”
“งั้นเดี๋ยวอาจารย์เปิดให้แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจารย์ หนูเกรงใจ” แพทบอก เพราะแม้จะไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่ว่าการเปิดพิพิธภัณฑ์ก็ยังต้องมีการเปิดไฟเปิดพัดลม เธอกลัวว่าจะทำให้อาจารย์มิวสิคลำบาก
“อย่าคิดมากน่า เธอก็น่าจะรู้ …. ว่าคุณพ่อของเธอบริจาคเงินบำรุงให้ที่นี่ทุกปี ปีนึงหลายหมื่นบาททั้งที่หลังๆก็ไม่ค่อยได้มาแล้ว … แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
อาจารย์สาวกดเปิดสวิทซ์ไฟภายในตู้ สำหรับไฟส่องสว่างในอาคาร เธอกดสวิทซ์ตัวนึง จากนั้นแผ่นปูหนังคาก็เลื่อนตำแหน่งให้แสงจากด้านบนกระจายลงมาที่ด้านล่างได้ พัดลมเพดานหมุนติ้วๆๆ
แพทพารอนเดินไปตามตู้ต่างๆ เธอชี้ให้ดูกระดูกสัตว์ที่วางเรียงรายในตู้ ชี้กระดูกวัวและม้าที่อยู่ด้านบน พาไปดูหอยทากตัวจ้อยนานาชนิด คอลเลคชั่นผี้เสื้อที่ตั้งในตู้กระจกเต็มไปหมด กบ คางคก ที่ถูกเก็บรักษาในหลอดท่อใสยาว
รอนฟังเด็กสาวอธิบายตามจุดต่างๆไปเรื่อยๆ นอกจากจะได้ความรู้ใหม่ๆที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน เขายังรับรู้ได้ว่าแพทเล่าไปด้วยสีหน้าและแววตาที่มีความสุขอย่างมาก
เด็กสาวที่ไม่สามารถอ่านตัวหนังสือได้ แต่ว่าเล่าอธิบายได้เป็นฉากเป็นตอน เรื่องที่ออกมาล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กในยามที่พามาเดินเที่ยวที่นี่
ทั้งสองคนเดินดูส่ิงของในพิพิธภัณฑ์ไปจนหมดสุดทาง แพทซึ่งสังเกตรู้ตัวว่าตลอดช่วงที่พาเดินเธอเป็นคนพูดเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้เลยหยุดพูดไป
” ดูเหมือนแพทชอบที่นี่มากเลยนะ”
” ใช่ … ทุกครั้งที่เราเครียดหรือว่ารู้สึกไม่สบายใจ เราจะมาที่นี่ แล้วเราจะรู้สึกดีขึ้น”
เด็กสาวค่อยๆเดินไปตรงทางออก กดสวิทส์ปิดไฟส่องสว่างและพัดลมหมุนเพดานอย่างแคล่วคล่อง
“ขอบใจนะที่พาเรามาเดินที่นี่” รอนบอก “เราโอเคแล้วแหละ”
แพทยิ้มให้ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินลงจากตึก … รอนไม่ได้กับแพทไปว่า จริงๆแล้วเรื่องที่ทำให้เขาขุ่นมัวได้จางหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และไม่ได้บอกว่าจริงๆแล้วการพามาเดินพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นหรอก หากแต่เป็นความห่วงใยที่แพทมีต่อเขาต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกดี
นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ ว่าความรู้สึกคลายเครียดที่แพทมีต่อที่นี่ เกิดจากเป็นที่ที่พ่อแม่พามาเที่ยวตอนเด็ก
เป็นพื้นที่ที่เธอรู้สึกผูกพัน และเป็นที่ที่เธอรู้จัก …
สำหรับคนที่ไม่สามารถอ่านตัวอักษรได้แบบแพท หากให้ไปพิพิธภัณฑ์อื่น เธอคงไม่สามารถเล่าอะไรแบบนี้หรือรู้สึกดีได้ เพราะเธอไม่สามารถอ่านข้อมูลอะไรได้เลย
รอนเดินไปด้วยกันกับแพท ตามเด็กสาวไปยังจุดต่อไป
**** **** ****
“ตกลงมันอยู่แถวนี้จริงเหรอวะ” กวินพูดอย่างหัวเสีย
“แกก็ดูเอาเองสิ ก็แผนที่มันบอกแบบนี้น่ะ” เอกชัยเดินไปด้วยกันใต้ร่มเงาไม้ “ว่าแต่นายจะเอาแบบนี้จริงเหรอ”
“เอาจริงสิ … แกไม่เห็นเหรอไงว่าที่เราทั้งคู่ตกในสภาพแบบนี้เพราะใคร”
กวินพูดอย่างเกรี้ยวกราด … เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่เขาบอกให้รอนเข้าทีมมาเล่นด้วย แต่ว่ารอนกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ผลก็คือทีมของเขาแพ้และเสียเดิมพันไปหมดทั้ง2หมื่น
และพอเขาขอเล่นแก้มืออีกครั้งโดยใช้เดิมพันเท่าเดิมหวังจะถอนทุนคืน ปรากฎว่าทีมของเขากลับแพ้อีกครั้ง ….และครั้งนี้แย่ยิ่งกว่าเพราะว่าเขาและเอกชัยมีเงินไม่พอจ่ายค่าเดิมพันที่วางลงไป ….เมื่อวานเขาพยายามโทรหารอนอีกถึง “2” ครั้ง แต่รอนกลับไม่ยอมรับโทรศัพท์ ทิ้งให้เขาทั้งคู่รับชะตากรรมเจออีกฝ่ายมาทวงเงิน
ความจริงที่ผ่านมาทั้งสองคนไม่ได้เล่นเกมเก่งอะไร เพียงแต่ว่าพอเล่นกับรอนแล้วรอนพาทีมชนะบ่อยครั้ง ทั้งกวินและเอกชัยเลยเริ่มคิดได้ว่าถ้ามีการวางเดิมพันไปพร้อมๆกัน ก็จะทำให้เล่นเกมไปด้วยและสามารถหาเงินค่าขนมไปได้ด้วย ทั้งคู่จึงแอบวางเดิมพันพนันกับอีกทีมที่แข่งด้วยเป็นครั้งคราว โดยไม่เคยบอกหรือแบ่งอะไรให้กับรอนเลย
” นั่นไง มันอยู่ที่นี่จริงๆ ” เอกชัยชี้ไป รอนกำลังนั่งกับแพท โยนขนมปังลงในสระน้ำใหญ่ ปลาผุดดำว่ายขึ้นมากินขนมปังเป็นกลุ่ม
กรอด ” เพื่อนทรยศ … เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน แกยังจะลังเลอีกเหรอไง” กวินบอก “โทรบอกพวกนั้นได้แล้วว่าเจ้ารอนมันอยู่ที่นี่ ให้มาทวงเงินกับมันเอา”
…
เอกชัยกดปิดแอปแผนที่ ส่วนกวินหยิบโทรศัพท์มาโทร
” นี่ผมเอง …. ผมหาตัวคนที่จะให้จ่ายหนี้ให้ได้แล้ว ” กวินบอกไป ” อาฮะ พวกนายอยู่แถวนี้พอดีเรอะ ? งั้นดีเลยจะให้พวกผมนัดไปตรงไหน … ได้ ได้ พวกคุณไปรอเลยเดี๋ยวผมบอกเอง”
กวินวางสายไป “โชคดีมาก พวกนี้อยู่ตรงห้างใกล้ๆนี่เอง ไม่เกิน 5 นาทีก็มาถึง ”
** ** ** ** **
บ่ายสามโมงแล้ว … รอนนั่งบิขนมปังปอนด์โยนลงสระน้ำเป็นระยะ แพทนั่งดูปลาที่ขึ้นมาแย่งกินขนมปังแบบเพลินตา … พอเห็นขนมปังในมือรอนกำลังจะหมด เธอก็หันไปหยิบขนมปังถุงใหม่ … จากกองขนมปังที่เธอซื้อมา เธอซื้อมาเยอะจนไม่มีที่ถือ แม้จะยัดบางส่วนไว้ในกระเป๋าเป้และกระเป๋าผ้าของรอนแล้วยังเต็มไม้เต็มมือ
ป้าขายขนมปังสำหรับปลายิ้มให้แพทจากอีกฟากของสระ ทุกครั้งเด็กสาวคนนี้จะมานั่งโยนขนมปัง 1-2 โหล คนเดียว แต่มาวันนี้เธอพาเพื่อนมาด้วยและไม่ได้ดูเหงาอย่างเคย
กริ๊งๆๆๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รอนก้มมองและกดรับสาย
” อ้อ ไงกวิน …โทษทีเมื่อวานกำลังยุ่งๆเลยไม่ได้โทรกลับ”
” ไม่เป็นไรเพื่อน … เออ ตอนนี้นายอยู่แถวโรงเรียนหรือเปล่า ” กวินบอก …ในใจโมโหกรุ่น … ถ้านึกถึงกันจริงก็ต้องโทรกลับตั้งแต่แรกสิ
“อ๋อ เราอยู่ตรงมหาลัย …… ” รอนบอกชื่อมหาวิทยาลัยไป
“พอดีเราอยากจะยืมเงินนายหน่อย จะเอาไปลงทะเบียนเรียนหน่อย”
รอนพยักหน้าเบาๆ “ได้ๆ แล้วจะให้ไปเจอกันตรงไหน”
“เดี๋ยวเราลงรถแล้วรอนายตรงอุโมงค์ลอดใต้ถนนแล้วกัน” กวินบอก “รอเราในอุโมงค์แล้วกันนะ”
รอนวางสายแล้วหันไปบอกกับแพท “กวินจะขอยืมเงินหน่อย เดี๋ยวเราไปหาเขาแล้วกลับมานะ แพทรอแถวนี้ก่อนแล้วกัน”
เด็กหนุ่มเดินถือถุงผ้าเดินไปที่นอกรั้วมหาวิทยาลัย เขาเดินไปตามถนนที่ปราศจากผู้คน มีเพียงรถวิ่งไปมาสองข้างทางจนเมื่อถึงอุ
โมงค์เขาก็เห็นกวินอยู่ที่อีกฝั่งโบกมือมาให้
รอนเดินลงไปในอุโมงค์ แสงสว่างภายในน้อยกว่าด้านนอกชัดเจนจนเขาต้องรอปรับสายตาให้ชินชั่วหนึ่ง … ที่อีกด้านของอุโมงค์ไม่มีกวินแต่อย่างใด …เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะๆก้องไปกับกำแพงอุโมงค์
“เฮ้ย โยนกระเป๋าเงินมา … แล้วบอกรหัสบัตรเอทีเอ็มมา” เสียงดังมาจากด้านหลัง มีคนยืนอยู่ประมาณ 5 คน รอนเดินไปด้านหน้าต่อ … แล้วก็พบว่ามีอีก 5 คนเดินลงมาจากอีกฝั่ง
และจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากทั้งสิบคนที่ลงมาหน้าหลัง คลี่หนังสือพิมพ์ในมือทิ้งลง และปรากฎมีดและดาบยาวกันฝั่งละ3เล่ม !
รอนส่ายหน้าแล้วล้วงกระเป๋าเงินออกมา เขากำลังจะบอกรหัสบัตรให้พวกนั้นไปในตอนที่ทางฝั่งนั้นขมวดคิ้ว
… กลุ่มวัยรุ่นที่ลงมาล้อมหน้าหลังเริ่มปรับสายตาให้เข้ากับความมืดในอุโมงค์ แล้วก็มองหน้ารอนดีๆ
“เฮ้ย ไอ้นี่มันคนที่รุมพวกเราครั้งก่อนนี่หว่า”