Midterm Fantasy - ตอนที่ 42
ชาวบ้านเริ่มร้องเอะอะวุ่นวายกัน ส่วนทหารมองไปที่เบื้องล่างไกลออกไป
ด้วยความเร็วเท่านี้ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงกลุ่มออร์คน่าจะมาถึงจุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่แล้ว
“ทำไมพวกเราไม่รีบหนีกันอีก” โอเดียนถามอย่างร้อนใจ “พวกมันตามพวกเรามาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ยังไงพวกมันต้องเหนื่อยแน่ๆ ตรงนี้เป็นเนินเขายังไงพวกมันตามเราไม่ทันอยู่แล้ว”
ชาวบ้านหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยและเตรียมตัวเดินทางต่อ
“เราต้องสู้กับพวกมันที่นี่ครับ” รอนบอก ” ยิ่งพวกมันตามเรามาทั้งคืนโดยไม่พัก และมาเร็วขนาดนี้ พวกเรายิ่งต้องปักหลักสู้กับพวกมันตรงนี้”
” ตอนนี้พวกมันต้องเหนื่อยอย่างเต็มที่แน่นอน และถ้าต้องบุกขึ้นเนินเขานี้ขึ้นมาพวกเรายิ่งได้เปรียบ ดังนั้นเราต้องสู้ที่นี่ครับ”
ชาวบ้านหลายคนหยุดชะงักแล้วมองไปทางทหาร ทางทหารไม่ได้เตรียมการเดินทาง หากแต่เห็นได้ชัดว่ากำลังเตรียมอาวุธและเตรียมพร้อมรับการรบอยู่ โยฮันส่งสัญญาณเรียกรอนให้ไปหา
“เราจะเตรียมสู้ที่นี่ด้วยแผนที่ตกลงกันไว้ แต่พวกเราจะเลือกตำแหน่งตรงไหนดี ระหว่างสู้กับพวกมันระหว่างขึ้นเนินหรือว่าให้มันขึ้นเนินก่อนแล้วค่อยจัดการ”
“ให้พวกมันขึ้นมาก่อนครับ” รอนบอก “ถ้าพวกเราทำตามแผนตั้งแต่ตอนที่พวกมันกำลังขึ้นเนินอยู่ ตัวหัวหน้าจะมองเห็นสถานการณ์แล้วสั่งถอยได้ แต่ถ้าให้พวกมันพ้นเนินเขาขึ้นมาแล้วค่อยลงมือ หัวหน้าของพวกมันจะสั่งถอยไม่ได้จนกว่ามันเองจะขึ้นมาครับ”
“แต่ว่า …. เราจะทำยังไงให้พวกมันขึ้นมาได้ ” โยฮันรำพึงกับตัวเองและมองลงไป … ตอนนี้ออร์คห่างออกไปประมาณครึ่งไมล์ และกำลังเริ่มขึ้นเนินเขามาแล้ว
“เดี๋ยวผมจัดการเรื่องล่อพวกมันขึ้นมาเอง ….. และพวกเราจะจัดการพวกมันตรงนั้น” รอนชี้ไปตรงพื้นถนนด้านหลัง ” ท่านโยฮันจัดกำลังเตรียมได้เลยครับ”
“ทุกคนถอยห่างจากขอบเนินเขาให้หมด” นายกองโยฮันร้องเตือนทหารทุกคนให้ถอยห่างออกมา ” ตั้งรับห่างจากขอบเนินเขาออกไป100ก้าว “
ทหารทั้งหมดไปตั้งแถวรวมกัน …ชาวบ้านนำหอกไพลั่มมาวางกองรวมกันไว้ให้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนโรล่าวิ่งมาที่ด้านหน้านำเอากระป๋องสีเหลืองน้ำเงินที่รอนสั่งไว้มามอบให้พร้อมเศษผ้าและหญ้าแห้งกองใหญ่
“พอล ให้ทุกคนที่มีไม้หนังสติ๊กยิงลูกหินมารวมกันที่นี่ ถ้าเห็นว่าออร์คเข้ามาในระยะยิงให้ยิงได้เลยครับ” รอนสั่ง
” คุณแอริส มาวางกับดักตรงนี้ครับ” รอนชี้จุด ” ช่วยวางวงแหวนเวทไฟแบบกับดักทีครับ “
แอริสตรงมายังจุดที่รอนชี้ เป็นพื้นถนนที่ห่างจากขอบเนินประมาณ20ก้าว จากจุดนี้พวกออร์คที่กำลังขึ้นเนินมาไม่มีทางเห็นว่ากำลังมีการวางกับดัก นักเวทหนุ่มตรงไป ขุดร่องเล็กลงบนพื้นแล้วโรยผงผลึกแกนมอนสเตอร์ลงไป เป็นกับดักเวทไฟที่จะทำงานเมื่อมีการเหยียบโดยสิ่งที่มีน้ำหนัก
เมื่อแอริสวางวงแหวนเวทและปักผลึกมอนสเตอร์ไว้ทั้งสี่มุม รอนก็เอาเศษผ้าและหญ้าแห้งมาวางสุมทับๆๆลงไป ก่อนจะหยิบกระป๋องสีเหลืองน้ำเงินออกมาสองกระป๋อง บีบของเหลวกลิ่นฉุนภายในราดลงไปจนทั่ว
“อะไรครับคุณรอน”
“มันจะทำให้ไฟติดดีครับ” รอนบอกสั้นๆ ก่อนจะยัดกระป๋องที่สามเข้าไปในเป้เผื่อจะต้องใช้อีก
“ฮ่า น่าสนใจจริงๆ ผมว่ากลับไปคราวนี้ผมมีเรื่องเล่าให้น้องสาวผมฟังอีกเยอะแน่ๆ” แอริสบอกแล้วยกมือขึ้นเหนือกับดัก “<Activate>”
เมื่อเปิดกับดักให้ทำงานแล้วนักเวทหนุ่มก็วิ่งกลับไปที่ธงสี่เหลี่ยมแดงที่ปักอยู่ตรงกองทหารทางด้านหลัง
“พอล ทุกๆคน ตรงนี้มีกับดักไฟอยู่ ห้ามเหยียบเด็ดขาดนะครับ ” รอนตะโกนร้องจนทุกคนที่กำลังยิงลูกหินลงไปเบื้องล่าง “ตอนนี้พวกมันยังอยู่อีกไกลไหมครับ”
รอนถามแล้ววิ่งไปดู … ออร์คอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ200เมตรเท่านั้น จำนวนของพวกมันกะด้วยสายตา ประมาณ80ตัว แบ่งเป็นสองกลุ่ม มีก็อบลินอีกสองกลุ่มเป็นปีกด้านข้างอีกด้านละ10กว่าตัว
ด้วยสกิลของรอนทำให้เห็นว่าแถบพลังชีวิตของออร์คทุกตัวเป็นสีเขียวทั้งหมด นี่คงเป็นเหตุที่พวกมันยังไม่ยกโล่ป้องกันแต่เดินตรงมาอย่างรวดเร็ว
รอนหยิบหนังสติ๊กของตนขึ้น ลูกเหล็ก3ลูกสุดท้ายอยู่ในมือ เขายกมือขึ้น เหนี่ยวหนังยาง
วู้ส
ออร์คตัวนึงกุมศีรษะ ก่อนจะเดินต่อ
วู้ส
มันกุมอีกครั้งหนึ่ง และคลำหัวแต่ก็ยังเดินต่อ
รอนหายใจเข้าลึกๆ
<Focus>
วู้ส
“โอคคคคค!”ออร์คตัวนั้นกุมเบ้าตา เลือดและของเหลวใสไหลออกมา แถบพลังชีวิตเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหลือง
ร่างๆหนึ่งที่อยู่ใจกลางกลุ่มออร์คยกมือขึ้นสูงแล้วส่งเสียงตะโกนร้องขึ้นมา ออร์คทุกตัวขานรับ
“โฮกกกก!!!!!”
จากนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ออร์คแต่ละตัวก็ยกโล่สี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่ขึ้น ตั้งแถวหน้ากระดาน10ตัว
แถวหน้าสุด มีโล่ทั้ง10เรียงหน้ากระดานอย่างไร้ช่องว่าง ….
แถวที่สองและสาม โล่ถูกยกขึ้นตั้งเหนือศีรษะ
รอนมองแล้วหายใจเข้าลึกๆกับภาพที่เห็นตรงหน้า
Testudo Formation!
Tortoise Formation!
กระบวนรบทหารราบโรมัน กำแพงแกร่งที่ตะลุยในสนามรบเมดิเตอร์เรเนี่ยนเมื่อสองพันปีก่อน บัดนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ….
เพียงแต่กระบวนรบนี้กำลังบุกเข้ามาบดขยี้พวกเขา !
“ทุกคนยิง และเตรียมถอย ระวังอย่าไปเหยีบบกับดัก” รอนตะโกน ” ….. เตรียมตัว ถอยได้ “
รอนสั่งเมื่อเห็นว่าออร์คค่อยๆเคลื่อนตัวมาช้าๆห่างไปประมาณ20เมตร ทุกคนยิงครั้งสุดท้ายก่อนจะวิ่งหลบออกไป
ในสายตาของออร์คตอนนี้เห็นเพียงมนุษย์ที่ไร้ทางสู้กำลังหนี …. บนเนินน่าจะมีพวกมนุษย์รออยู่ …. แม้ว่าพวกออร์คจะเหนื่อยจากการไล่ติดตามมาตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่พวกมันก็อดรนทนไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าพวกมันกำลังจะได้ฆ่าฟันพวกมนุษย์เหล่านี้
ขบวนโล่ของออร์คค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นผ่านพ้นขอบของเนินเขา ทั้งชาวบ้านและทหารต่างมองอย่างหวาดเกรง โดยเฉพาะพวกทหารซึ่งเคยประมือมาแล้วและเอาชนะไม่ได้
“เซ็นจูรี่!…… เตรียมธนู ยิง!” โยฮันสั่ง … พลธนูยิงจากด้านหลังของกลุ่มลอยข้ามไปปักที่โล่ของออร์ค … พวกมันเดินต่ออย่างไม่สนใจอะไร
“ย้ากกก” เสียงคนตะโกนแล้วขว้างหอกลอยไป …
“อย่าขว้างหอก” โยฮันตะโกน แต่ไม่ทันแล้ว หอกของชาวบ้านที่กำลังตกใจ ขว้างพุ่งลอยออกไปแล้ว …. หอกสองด้ามลอยโค้งก่อนจะตกไปปักชี้บนโล่ … ออร์คที่ถือโล่ขยับลดโล่ลงดึงกระชากหอกออก ก่อนจะขว้างกลับมา
“หาที่กำบังงงง” โยฮันตะโกนแล้วก้มไปหลบหลังทหารที่ยกโล่ขึ้น
เคร้ง !
ฉึก ! อ้าก!
หอกด้ามหนึ่งกระแทกโล่ของทหารแล้วตกไป แต่อีกด้ามพุ่งตกในกลุ่มชาวบ้านและปักคาที่ขาจนชายโชคร้ายล้มลง … ออร์คยังคงเดินมาเรื่อยๆ เหลืออีกไม่กี่ก้าวจะมาถึงกับดักที่วางไว้
…
ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นไปตามแผน รอนมองไปที่นายกองร้อยเซ็นจูรี่ พยักหน้าให้กัน เด็กหนุ่มตะโกน
” เซ็นจูรี่!! ….หยิบหอกไพลั่ม! เล็งไปที่โล่แถวหน้าสุด ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้น สังเกตกับดักที่พื้นที่กำลังจะถูกเหยียบ แล้วเขาก็สะบัดมือลง “ขว้างได้!”
Pilum ถูกขว้างลอยออกไปเป็นวิถีตรงอย่างงดงาม มุ่งพุ่งตรงไปที่กลางโล่สี่เหลี่ยม ก่อนจะปัก … และทะลุเข้าไป!
“อุ้ก”
“โฮกกก”
“อร่อค”
ด้วยความที่ส่วนหัวโลหะของมันหนากว่าส่วนปลาย ทำให้หอกซัดชนิดนี้ทะลุเข้าไปได้ลึกกว่าหอกปกติ ทิ่มแทงมือและแขนของออร์คที่ถือโล่อยู่
แม้คนอื่นจะไม่เห็น แต่ด้วยสกิลของรอน เขาเห็นแถบพลังชีวิตของออร์คแถวหน้าเกือบทุกตัวลดลงจากแถบเขียวเข้าสู่แถบเหลือง
และยังไม่หมดแค่นั้น
ออร์คที่บาดเจ็บพยายามดึงหอกซัดออกจากโล่ แต่ไร้ผล เพราะหลังจากที่หอกปักเข้ามา น้ำหนักของด้ามหอกก็ถ่วงลง ดึงให้หัวหอกที่มีลักษณะยาวเรียวโค้งงอลง … ด้ามหอกปักลงไปที่พื้น จนออร์คที่ถือโล่อยู่ต้องใช้แรงดันโล่มากกว่าปกติ
เมื่อพวกแถวหน้าหยุดลงแต่แถวหลังยังเดินหน้า จึงเกิดการอัดกันตรงกลาง … และตอนนั้นเองที่ออร์คในขบวนรู้สึกได้ …. ว่าตรงจุดที่มันยืนอยู่มีกลิ่นฉุนผิดปกติ … พวกมันมองลงไปที่พื้น ก่อนจะเห็นแสงสว่างสีแดงเป็นวงกลมวาบขึ้น
“โฮกกกกกกกกก”
“อ่อออออออ”
แสงสว่างวาบพรึบขึ้นมาใจกลางกลุ่มออร์ค … ตามด้วยไฟที่ลุกโชนติดทั่วพื้นและเชื้อเพลิงด้วยผลจากน้ำมันไฟแช็กที่รอนราดเอาไว้ ออร์คแถวหน้าที่เพิ่งบาดเจ็บไปถึงกับร้องด้วยความรู้สึกโชคร้าย
จะเดินหน้าก็ไม่ได้ เพราะโล่มีหอกที่ปักติดแล้วงัดดันอยู่กับพื้นดิน
จะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะพวกของมันดันมาจากด้านหลัง
จะอยู่เฉยๆก็ไม่ได้ เพราะทั้งไฟและควันที่มาจากพื้น
พวกมันไม่รอฟังคำสั่งจากหัวหน้า พวกมันโยนโล่คว่ำลงแล้วเตรียมกระโดดไปข้างหน้า แล้ว ….
ฉึก ๆ ๆ ๆ ๆ
ออร์คแถวหน้าล้มลงเกือบทั้งหมดจากลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่คอและหัว
“เซ็นจูรี่ เตรียมธนู เล็ง ยิง!”
พรึบๆๆ
ออร์คแถวที่สองล้มลง บางตัวไม่ตายแต่ปล่อยโล่ บ้างวิ่งหนี บ้างวิ่งพุ่งมาข้างหน้าก่อนจะถูกธนูปักจนล้มลง
ถึงตอนนี้ ออร์คที่เหลือก็ทิ้งโล่แล้ววิ่งถอยกลับไปด้านหลัง ไปชนกับ ออร์คกลุ่มหลังที่ยังคงกระบวนรบ ตั้งโล่ป้องกันมุ่งเข้ามา …. รอนวิ่งไปข้างหน้าราวๆ6-7เมตรไปหยุดตรงซากศพออร์คที่นอนตายอยู่แล้วโบกมือ
“เซ็นจูรี่ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าไปยังตำแหน่ง …. เตรียมหอกไพลั่ม10นาย!”
ทหารทั้งหมดก้าวเท้าไปด้านหน้าตามที่ซักซ้อมไว้ แถวหน้าสุดยกโล่กันด้านหน้า แถวหลังอีก10นายถือหอกไพลั่มเอาไว้แล้วเดินตามมา ทุกคนตั้งแนวเพื่อเดินไปให้ถึงรอนที่ไปยืนมาร์กตำแหน่งไว้
“[Defelct]” รอนยกกระทะขึ้นกัน
เคร้ง … ฉัวะ
ดาบแฉลบกระทะไป มือหยาบหนาของออร์คยกสูงขึ้นตามโมเมนตัมของน้ำหนักดาบ … ก่อนจะปลิวลอยออกไปหลังจากรอนตวัดมีดดาบขึ้น
[Critical Hit]
รอนฟันเข้าไปที่คอของออร์คที่ยืนกุมมือ ก่อนจะถอยหลังออกมา …. โชคดีที่บังเอิญเขาตัดเข้าไปที่ข้อมือพอดีทำให้ได้ Critical Hit ถ้าถูกแค่แขนคงตัดไม่ขาดแน่ๆ … รอนถอยเข้าไปในกลุ่มทหาร ตาเหลือบมองดูทั้งสองฝั่ง …ตอนนี้ก็อบลิน10กว่าตัว พยายามล้อมโอบเข้าหาชาวบ้านแล้ว
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ทุกคนคงเสียขวัญ แต่ว่าในตอนนี้ชาวบ้านเพิ่งผ่านการต่อสู้กับก็อบลินมาเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ประกอบกับอาวุธที่ยึดมาจากการสู้ครั้งก่อน จึงสามารถยันก็อบลินไว้ได้โดยยังไม่มีใครบาดเจ็บ
“เซ็นจูรี่ เตรียมไพลั่ม!!! “รอนตะโกน ตามองไปข้างหน้า ตอนนี้ออร์คที่วิ่งหนี10กว่าตัว พยายามดันกับกลุ่มที่ตามมาอีก40ตัว จนที่สุด พวกมันก็วางโล่ลงเพื่อให้พวกของมันเข้าไปหลบด้านหลังได้
“ทุกคน ขว้างหอกได้ …. พลธนู ยิงได้” รอนตะโกน
Pilum ที่เหลือทั้งหมด20ด้าม พุ่งลอยไปข้างหน้าด้วยวิธีโค้งก่อนจะปักทะลุออร์ค บ้างปักตัว บ้างปักขา บ้างปักคอตัวหนึ่งแล้วทะลุไปปักตัวของอีกตัวหนึ่ง …. และขณะที่พวกมันยังสับสนอยู่ ห่าธนูอีกสองชุดก็ปักพรมลงไป ออร์คที่เพิ่งวางโล่ลงแล้วยกไม่ทันต่างถูกปักไปตามๆกัน
“เซ็นจูรี่ เดินหน้าได้” สิ้นเสียงคำสั่งของโยฮัน คนที่ถือธนูโยนคันธนูและแล่งศรที่ว่างเปล่าทิ้ง จากนั้นก็เข้าไปรวมกลุ่มกับพวกพ้อง
เสียงแผ่นเกล็ดของเกราะโลหะกระแทกกันเป็นจังหวะ ชุดสีแดงที่อยู่ภายใต้เกราะชุ่มไปด้วยเหงื่อ … แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยทหาร5คน โล่ถูกยกกันไปด้านหน้า3อันโดยมีหอกชี้ไปข้างหน้า ส่วนด้านข้างเป็นทหารที่ใช้ดาบคอยป้องกันศัตรูที่จะหลบโล่เข้ามา
ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน เพียงเริ่มได้ไม่กี่อึดใจ ออร์คก็ตายไปแล้ว1ใน3 และที่เหลือก็มีบางส่วนที่เริ่มแตกหนีแล้ว
สำหรับชะตากรรมของก็อบลินที่พยายามโอบไปโจมตีชาวบ้าน ก็แย่ยิ่งกว่าออร์ค เพราะตอนนี้มันกลายสภาพเป็นก็อบลินเสียบไม้ไปหมดแล้ว
พอลชูหอกขึ้นและยิ้มให้รอน ระหว่างการเดินทางในวันนี้ รอนสอนกับทุกคนสอนวิธีต่อสู้แบบใหม่ให้
ไม่ใช่เทคนิก
ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้
แต่เป็นทีมเวิร์ค
เด็กหนุ่มให้แต่ละคนจับกลุ่มเป็นกลุ่มละ 5 คน ให้แบ่งกันเป็น ลำตัว ไหล่ซ้าย ไหล่ขวา ขาซ้าย ขาขวา
และให้จำไว้แค่สองแบบ
ก. ศัตรูดาหน้ามาข้างหน้า จิ้มแต่จุดที่ตนรับผิดชอบ
ข. ถ้าศัตรูมาเดี่ยวๆ ให้ลำตัว ไหล่ซ้าย ไหล่ขวา กระจายเหมือนจะล้อมนิดๆ แล้วคนที่รับผิดชอบขา ให้คอยคุ้มกันเพื่อนจนกว่าจะจิ้มศัตรูเสร็จ
จนตอนนี้ก็อบลินทั้งฝูงไม่เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว
“ระวังหอกซัด <Wind Shield>!” เสียงโยฮันตะโกนขึ้นขณะที่มีหอกลอยมาจากหมู่ออร์คที่ตอนนี้ทุกตัวทิ้งโล่หมดแล้วและพร้อมใจกันขว้างหอกมา
“<Wind Shield>!” “<Wind Shield>!”
“<Wind Shield>!” “<Wind Shield>!”
“<Wind Shield>!” “<Wind Shield>!”
เสียงตะโกนดังขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกัน
เคร้ง ๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงหอกนับสิบกระแทกโล่กลมของทหาร แต่ไม่มีแม้สักอันที่ทำอันตรายต่อทหารได้ ….
หอกพุ่งมาอีกรอบหนึ่งด้วยจำนวนที่น้อยกว่าเดิม เสียงร่ายเวทโล่ลมดังทั่วสนามรบอีกครั้ง หอกของออร์คถูกลดความเร็วกลางอากาศก่อนจะสัมผัสกับโล่เหล็กอย่างแผ่วเบาแล้วตกสู่พื้น … ออร์คที่เหลือแต่ดาบสั้นบุกเข้ามา ก่อนจะถูกแทงพรุนทีละตัว ทีละตัว ….
รอนถอนหายใจโล่งอก จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องของคนจากด้านขวามือ
“ระวัง มันมีเกราะ”
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
“ถอยก่อน”
รอนหันไปมอง ทหาร5นายถอยกรูดกลับมา โล่สามอันถูกทิ้งไว้ที่พื้นบุบบู้บี้ ดาบเหล็กในมือของทหารสองคนงอบิด
ส่วนเจ้าสิ่งที่ทำให้ดาบเหล็กบิดงอได้ ก็คือ
เคร้ง “อ้าก”
เคร้งชิ้ง เคร้ง “ถอยๆๆๆ”
ขวานเหล็กอันใหญ่ฟันลงมา ทหารที่พยายามใช้ดาบป้องกันต้องถอยออกเมื่อพบว่าขวานอันหนาหนักทุบจนดาบเหล็กในมือบิดงอ หลายคนพยายามใช้หอกทิ่มแทงเข้าไปแต่ไร้ผล เพราะเกราะของออร์คตัวนี้
… คือ Full Plate armor!
‘ขี้โกง’ รอนพึมพำเบาๆ พลางมองไปที่ออร์คตัวนั้น … มันอยู่ในชุดเกราะบรอนซ์
หมวกคลุมทั้งหัว ตรงช่องมองเป็นรูกลมพรุนเล็กๆ ป้องกันการแทงมีดเข้าไป
เกราะลำตัว ปกคลุมลำตัว อก หลัง ไหล่ บ่า เอว
เกราะคลุมแขนขาทั้งหมด แม้แต่เท้ากับมือ ก็เป็นเกราะโลหะ
Full plate armor ในเกมอาจจะแค่เป็นเกราะที่พลังป้องกันสูงเฉยๆแต่ถ้าใช้พวกมากรุมก็เอาชนะได้ แต่ความจริงเป็นเกราะที่ป้องกันได้สมบูรณ์ที่สุด เพราะอาวุธคมทั้งหลายไม่ว่าหอก ดาบ ขวาน จะแทบทำอะไรไม่ได้เลย
แต่ในประวัติศาสตร์มนุษย์ อัศวินหรือนักรบไม่ได้ใช้เกราะนี้สู้บนพื้นตามปกติ เพราะว่ามันหนัก เคลื่อนไหวได้ช้า ….
แต่กับออร์คที่มีพละกำลังมากกว่ามนุษย์
“ไอหยาา”
“โอ้ย”
ทหารที่ถูกฟันที่ไหล่และลำตัวล้มลง แม้เกราะโลหะจะป้องกันได้บ้างแต่ก็ยังบาดเจ็บ เพื่อนๆช่วยกันลากออกมา ชาวบ้านกลุ่ม5คนตรงนั้นเข้าไปสมทบ
โรล่าอยู่ในกลุ่มนั้น!
รอนใจหายวาบ เพราะทีแรกเขาจัดให้กลุ่มผู้หญิงอยู่ใกล้กับทหารมากที่สุด เพราะว่าจะได้ลดLoadตอนที่ก็อบลินโจมตี
ปรากฎว่า พอทหารสู้ไม่ได้ กลุ่มแรกที่ต้องรับศึกหนักดันกลายเป็นกลุ่มผู้หญิง
รอนวิ่งเข้าไป … แต่ออร์คตัวนั้นฟันลงมาแล้ว
แคร้กๆๆ
หอกในมือหักหลุดกันเกือบหมด ก่อนที่ออร์คจะยกขวานขึ้น เตรียมฟันลงไปยังกลุ่มผู้หญิง
“ข้าแต่เทพโบร่า จงเป็นกำลังปกป้องข้า <Wind Wall>”
ปึ้ก!
ออร์คชุดเกราะฟันชนกับอากาศที่ก่อตัวเป็นกำแพงที่ด้านหน้าของกลุ่มผู้หญิง มันมองไปทางต้นเสียง นักเวทแอริสยืนไม่ห่างไปนักและกำลังร่ายเวทชุดที่สอง
“ข้าแต่เทพธอร์แห่งสายฟ้าแต่โบราณกาล โปรดประทานพลังให้แก่ข้าเพื่อหยุดยั้งศัตรู <Thun……… อุ้ก”
ร่างของแอริสลอยขึ้นตามหอกที่ปักเข้าที่ท้อง ก่อนจะถูกเหวี่ยงลอยออกไป ออร์คในชุดเกราะหันไปทางโรล่าที่ยังไม่ทันถอยออกไปและเงื้อขวานขึ้น
“[Charge!!!!!!]