Midterm Fantasy - ตอนที่ 46
รอนกลับถึงบ้านก็ถ่ายรูปหนังสือที่ยืมมาลงในโทรศัพท์ก่อนจะแปลงไฟล์เป็นไฟล์หนังสืออีกทีนึง จากนั้นค่อยๆอ่านคร่าวๆ
กลยุทธ์นึงที่เขานึกถึงในการรบที่ผ่านมา คือ รอซ้ำยามอ่อนแอ … อันนี้คืออันที่โยฮันใช้ไปตอนที่รอให้ออร์คที่กำลังเหนื่อยจากการไล่ตามทั้งวันทั้งคืนปีนข้ามเนินเขามา
ความจริงเขาเองก็คิดได้ แต่เป็นการคิดเฉพาะหน้า
ต่างจากนายกองโยฮัน ที่คิดล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่ก่อนจะเดินทางมาถึงจุดที่ว่านี้แล้ว
“สเตตัส”
[ภาษาประจำชาติ : Lv 4 21/100]
“เอ๊ะ … ไหงของที่ขึ้นมันเป็นภาษาล่ะ”
ดูเหมือนว่าการอ่านกลยุทธ์เฉยๆจะไม่เพิ่มความสามารถด้านนี้แฮะ มันคงต้องมีองค์ประกอบอื่นๆอีก … แต่รอนก็อ่านต่อไป
*** *** ***
“แพท ทำไมดูหงุดหงิดแบบนั้นล่ะลูก” พ่อเดินผ่านมาตรงห้องรับแขก
“พ่อดูสิคะ … วันนี้หนูเอาเงินที่พ่อฝากไว้ไปให้รอน แล้วดูสิ นี่มันอะไร ได้เงินไปไม่ถึงวันก็ใช้ไปแล้วพันนึง”
พ่อรับโทรศัพท์ไปดู … ตัวอักษร ‘มีด50คู่’ สะดุดตาทันที … เขาพยักหน้าเบาๆ
“เอาแหละลูก ยังไงตอนนี้มันก็คือเงินของเขา เค้าจะเอาไปซื้ออะไรก็เรื่องของเขา” พ่อบอก
“แล้วมีดนี่…”
“อาจจะเป็นชื่อเกมก็ได้มั้งแพท ใครจะซื้อมีดมา100เล่มเอามาใช้เองคนเดียว ถ้าซื้อมีดจริงๆมา100่ม มีแต่ต้องเอาไปแจกคนอื่นหรือไม่ก็เอาไว้ขายเท่านั้นแหละ”
เด็กสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับพ่อ
“นี่แปลว่ารอนไม่ได้เช็คว่าพ่อเอาเงินเข้าบัญชีหรือเปล่าด้วยใช่ไหม”
“ค่ะ ไม่ได้เช็ค”
“ไม่ไหว ไม่ไหว ทั้งเรื่องคบเพื่อนทั้งเรื่องเงินทอง แบบนี้ถึงจะเก่งเรื่องอื่นๆแต่มาเสียสองเรื่องนี้ก็ไม่ไหว”
พ่อของแพทพูดขึ้นแบบไม่ค่อยพอใจ
ถ้าหากเขารู้ว่ารอนเพิ่งยกบัตรเอทีเอ็มให้อดีตเพื่อนสองคนไปกดโดยไม่รู้ว่าเหลือเงินแค่ไหน …. คงไม่แค่ส่ายหน้าไม่พอใจแน่ๆ
แต่รอนไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแพท เพราะไม่อยากให้พ่อแพทไม่พอใจไปมากกว่านี้ จึงไม่ได้เกิดอะไรไปมากกว่านั้น
… สำหรับตอนนี้ ….
“พ่อคะ นี่ค่ะ รอนฝากมาให้”เด็กสาวส่งผลึกสีแดงให้
“อ้อ ขอบใจลูก”พ่อรับไว้ “งั้นเดี๋ยวพ่อโอนเงินให้รอนก่อน”
“ไม่ต้องค่ะพ่อ เอามาให้หนู เดี๋ยวหนูเอาไปให้เขาเอง”
“หือ?”
“ถ้าหนูเอาไปให้กับมือ เขาก็จะได้เห็นเงินจริงๆจากมือคนอื่น เขาจะได้รู้ว่ามีเงินเข้าและเห็นค่าเงินมากว่านี้” แพทบอก “อีกอย่างหนูจะได้เช็คสมุดรายรับจ่ายเขาด้วย”
“อือ … “พ่อมองหน้าลูกสาวตรงหน้าไม่พูดอะไร
“ยังไงเค้าช่วยสอนหนูเรื่องวิชาเรียนที่หนูอ่อนทำไม่ได้ หนูก็อยากหัดให้เขาได้เรื่องในส่วนที่เขาทำไม่ได้บ้างเท่านั้นเอง”
“เอาแบบนั้นก็ได้” พ่อควักเงินจากในกระเป๋าให้ “ยังไงลูกก็เตือนเขาด้วยแล้วกันเรื่องให้ระวังการคบคนกับเรื่องการใจดีมากเกินไป … ใจดีมากไปเดี๋ยวจะพาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัว”
“ได้ค่ะพ่อ …” แพทตอบและรับเงินมา … เธอมองไปที่ข้อมือของพ่อ “เอ๊ะกำไลอะไรคะคุณพ่อ แปลกดี”
แพทถามถึงกำไลเงินซึ่งมีผลึกแก้วสีแดงฝังไว้ เธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอใส่เครื่องประดับพวกพลอยมาก่อนเลย
“อ๋อ อันนี้ทำมาจากผลึกที่รอนเอามาให้น่ะ พ่อเอามาทำเป็นกำไล” พ่อตอบ
“สวยดีค่ะ … แล้วก็แปลกดี หนูไม่เคยเห็นพ่อใส่มาก่อน”
“… ว่ากันว่า ผลึกนี่ช่วยให้พลังได้จ๊ะ”
“นี่ยิ่งแปลกไปกันใหญ่ หนูไม่เคยเห็นพ่อเชื่อเรื่องพวกนี้เลย”
“เอาไว้เดี๋ยวพ่อทำให้ลูกสักอันแล้วกัน”
** ** ** ** ** **
รอนกลับไปยังเนินเขาพร้อมกับมีดเต็มกล่อง น้ำมันไฟแช็คสองกระป๋องที่ตกอยู่ในห้องเมื่อครั้งก่อน และคราวนี้เขาไม่ลืมพกอาหารเพิ่มพลังไปด้วย … เนื่องจากที่ผ่านมาเขากินน้ำตาลไปแล้ว มาม่าก็ใช้ไปแล้ว เนื้อออร์คก็ลองแล้ว ของถัดไปที่เขาอยากจะลองก็จะเป็นหมวดหมู่ไขมันมั่ง …. ของนี่เขาหยิบมาจากห้องครัวเป็นของที่พ่อซื้อมานานมากแล้วแต่ไม่ได้กินจนใกล้หมดอายุ น่าจะใช้ได้
เด็กหนุ่มหยิบขวดพลาสติกใสขึ้นมาดู ฉลากมีรูปมะพร้าวแปะอยู่ เขายิ้มกับตัวเอง
‘น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น’
เขาเปิดอ่านข้อมูลจากอินเตอร์เนทแล้วพบว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันอิ่มตัวที่อุดมไปด้วยกรดไขมันสายกลาง ซึ่งสามารถดูดซึมเป็นพลังงานในร่างกายได้อย่างรวดเร็วมากๆ ถ้าเป็นแบบนั้นมันน่าจะให้พลังได้รวดเร็วเท่ากับน้ำตาล
รอนเก็บขวดน้ำมันไว้ที่หลังก่อน จากนั้นตรงเอามีดไปแจกให้ชาวบ้าน
ไม่ผิดจากที่คาด ชาวบ้านต่างตกตะลึงในมีดสีเงินจำนวนมากที่รอนเอามาให้ ชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นซึ่งรู้ถึงราคามีดนี้ตอนที่รอนขายให้กับกลาส ต่างไม่ยอมรับมีดนี้เอาไว้ จนในที่สุดรอนต้องบอกว่าจะให้ใช้ยืมไว้ก่อนเท่านั้น แล้วหลังจากที่เข้าถึงเมืองแล้วค่อยให้ทุกคนคืนเขามาแล้วกัน ทุกคนจึงยอมรับเอาไว้
หลังจากให้มีดกับชาวบ้านทุกคนแล้ว รอนไปหาคุณเบรเซอร์
“คุณเบรเซอร์ครับ … ผมขอฝากสองกระป๋องนี้หน่อยครับ” รอนบอก “มันเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเดียวกับที่ใช้จัดการกับเจ้าออร์คพวกนั้น ที่สำคัญคือห้ามเข้าใกล้ไฟเด็ดขาดไม่งั้นจะเกิดไฟลุกได้ ผมอยากให้คุณเบรเซอร์ดูแลหน่อยครับ”
“ได้ๆ” เบรเซอร์รับไปแล้วเอาไปห่อผ้าใส่ไว้ใกล้กับตะกร้าสานใส่น้ำดื่มของหมู่บ้าน ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุใดๆจะได้มีน้ำดับทันที
นอกจากอาวุธประจำกายที่ห้อยที่กางเกงกับน้ำมันที่สะพายไว้ที่หลัง ตอนนี้รอนก็ไม่มีของอื่นแล้ว เขาเดินไปหาโรล่า
เด็กสาวนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้นดูพลึกแกนมอนสเตอร์ที่ห้อยผูกเชือกแล้วแขวนไว้เป็นสร้อยคอพลิกไปมา
“คุณรอน”
เด็กสาวลุกขึ้นเมื่อเห็นรอนเดินมา ผมสีทองสยายปลิวตามลม เสื้อผ้าบางที่มีรอยขาดทั้งจากความเก่าและจากการต่อสู้ เปิดเผยผิวขาวที่อยู่ด้านใน ยิ่งตอนนี้โรล่าสวมใส่สร้อยที่ห้อยผลึกแกนมอนสเตอร์สีแดง เลยยิ่งทำให้ตรงทรวงอกที่ผลึกห้อยอยู่เป็นจุดดึงดูดสายตาเข้าไปอีก
โรล่าชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาที่รอนมองมา เธอก้มมองไปที่เสื้อที่รอนกำลังมองอยู่ แม้จะไม่มีส่วนที่ต้องปกปิดโดยเฉพาะหลุดออกไป แต่สายตาแบบนี้นี่มัน …
“คุณรอนมองอะ…..” เด็กสาวเงยหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่ม ยังพูดไม่ทันจบเมื่อมีอะไรบางอย่างที่อบอุ่นมาโอบกอดรอบตัวเธอไว้
“โรล่าใส่เสื้อตัวนี้ทับไว้ดีกว่าครับ” รอนบอก “ตอนนี้เสื้อของคุณมีรูมีรอยขาดเต็มไปหมด แล้วก็ป้องกันอาวุธไม่ได้ ถ้าคุณใส่เสื้อแจ็คเก็ตตัวนี้ จะได้ปิดรูเหล่านี้ได้ แล้วก็ผมจะได้ไม่ต้องพะวงว่าคุณจะเป็นอะไรหรือเปล่าตอนที่พวกเราเจอมอนสเตอร์กัน”
โรล่าค่อยๆใส่แขนเข้าไปในเสื้อแจ็คเก็ต แม้จะหนาและหนักไปนิด แต่ว่าก็สามารถขยับแขนได้อย่างสะดวก และแม้ว่าลมบนเนินเขาจะแรง แต่เสื้อแจ็คเก็ตที่รอนเพิ่งถอดมาให้ก็ยังมีความอบอุ่น แถมยังมีกลิ่นหอมจางๆขึ้นมาอีก
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวตอบเบาๆ
“ครับ เดี๋ยวผมไปดูแถวนั้นก่อน โรล่าพักก่อนเถอะ” รอนตอบและเดินไปตรงจุดที่ไฟกำลังมอดลง เขาเดินก้าวเข้าไปตรงจุดที่ร่างของออร์คหลายร่างนอนทับถมกันอยู่ และมองไปที่แขนออร์คที่ถูกย่าง
[เนื้อออร์ค 25pt]
[เนื้อออร์ค 21pt]
[เนื้อออร์ค 19pt]
เขาตัดเนื้อออร์คทั้งสามแขนแล้วใส่เข้าหลังเป้ไป จากนั้นเดินออกมา
จะว่าไปที่เสื้อแจ็คเก็ตที่เขายกให้โรล่าไปก็มีกลิ่นเนื้อออร์คย่างนี้อันเกิดจากตอนที่โรล่าจุดไฟเผาออร์คในชุดเกราะแล้วเขาไปกอดรัดเอาไว้
หวังว่าโรล่าคงไม่ว่าอะไรเขานะ
** ** ** **
“เดี๋ยวเราจะเดินทางกันอีกตอนไหนครับ” รอนถามโยฮัน
นายกองเซ็นจูรี่ชี้ไปที่กองทหาร มีบางคนที่ยังต้องนอนเจ็บอยู่ที่พื้น “ตอนนี้เรายังไม่พร้อมเสียทีเดียว เพราะมีคนเจ็บหลายคนที่ยังไม่ได้รับการรักษา”
เมื่อครู่นี้ที่มีการรักษาแอริส คนที่ใช้เวทรักษาได้ดีต่างใช้เวทไปกับแอริสหมดแล้ว ดังนั้นคนที่บาดเจ็บคนอื่นๆก็ได้รับการรักษาด้วย<Heal> ธรรมดา พอห้ามหยุดเลือดได้ แต่ว่าบาดแผลใหญ่ที่เกิดขึ้นยังไม่หายปิดสนิทพอที่จะลุกเดินระยะไกลได้
“ตอนนี้ข้าให้เรย์และทหารม้าที่พอไหว ออกไปลาดตระเวนอีกสักหน่อย จะได้รู้ว่าข้างหน้ายังมีมอนสเตอร์อีกหรือไม่”โยฮันบอก
รอนไปกินอาหารกับชาวบ้าน เขาสังเกตว่าอาหารยังเป็นข้าว ธัญพืช เนื้อปลาและบราวนี่ … ไม่มีใครตัดเอาเนื้อออร์คมากิน
“เนื้อออร์คเหรอ ….. กินได้สิครับ แต่ไม่ค่อยมีคนกินหรอกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ” พอลบอก ” มันรูปร่างเหมือนมนุษย์ไปหน่อย เวลาทำอาหารมันจะดูเหมือนกำลังกินคนอยู่ คนเลยไม่ค่อยชอบกินกัน แต่ถ้าจำเป็นจริงๆก็กินแหละครับ”
รอนนั่งล้อมวงกินอาหารกับคนอื่นๆ แล้วก็มองไปรอบๆ แดดยามบ่ายสาดส่องทุ่งหญ้าและถนน ตรงด้านหน้าเขาเห็นทหารม้าค่อยๆควบเหยาะๆกลับมา … รอนรอจนกัปตันเรย์คุยกับโยฮันสักพักหนึ่งจึงค่อยๆเข้าไปสมทบพร้อมด้วยเบรเซอร์
“มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย เดี๋ยวให้เรย์เล่าสถานการณ์แล้วกัน”โยฮันบอก
“ครับ …เมื่อครู่ผมออกไปลาดตระเวนมา พื้นที่ข้างหน้าเป็นที่ราบกว้างโล่งไม่มีที่กำบัง ปัญหาอยู่ที่ว่ามีออร์คและก็อบลินตั้งกำลังอยู่ ” เรย์บอก “แต่ละกลุ่มที่พวกมันตั้งอยู่มีประมาณ20กว่าตัว ตั้งกำลังแบบเป็นกลุ่มกระจายห่างจากกันราวๆ 300-400ก้าวเป็นจุดๆพอมองเห็นกัน พอผ่านชั้นแรกไป ก็มีชั้นที่สอง สาม สี่ ทั้งหมดตั้งกำลังเป็นจุดๆกระจายกัน …. พวกผมลองใช้ม้าวิ่งเลี่ยงดู พอวิ่งผ่านตรงกลาง พวกออร์คทั้งสองด้านก็จะเข้ามา”
“ช่วงที่พวกผมลองเข้าไปกัน บางครั้งมีออร์คที่ประจำจุด4กลุ่มพยายามวิ่งตาม ถ้ามากหน่อยก็6กลุ่ม ถ้าเราเป็นกองกำลังม้าทั้งหมดสามารถผ่านไปได้โดยไม่ยาก แต่ว่านี่ขบวนของเราเป็นขบวนเดินเท้า ถ้าหากพลาดไปปะทะกับกลุ่มใดกลุ่มนึง เราจะเจอออร์ค60-80ตัวล้อมกรอบในทันที”
“ปกติพวกออร์คมันตั้งกำลังกันแบบนี้ด้วยเหรอครับ” รอนถาม
“นี่แหละที่แปลก ที่ผ่านมาออร์คไม่เคยจัดกองทัพ ไม่เคยจัดแนวป้องกัน …. นี่พอพวกข้าผ่านมาได้ พวกออร์คนี่ก็ไม่ได้ตามมา แต่กลับไปประจำจุดของตัวเองใหม่” เรย์บอก
“มันเหมือนว่า พวกออร์คตั้งกำลังดักอยู่ตรงด้านหน้า รอให้พวกมนุษย์ที่ข้ามเนินเขามาเหนื่อยๆต้องไปเจอกับแนวกับดักของพวกมัน โดยมีออร์คชุดเกราะและกองกำลังพวกนี้เป็นตัวไล่ต้อนมา” โยฮันบอก “ถ้าเรากลับไปถึงต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้เบื้องบน”
“แล้วนี่เราจะผ่านไปได้ยังไง”เบรเซอร์ถาม
แต่ละคนนิ่งเงียบกัน ถ้าจะผ่านไปให้ได้ ก็ต้องทำให้กลุ่มเล็กที่สุด แล้วแทรกเข้าไประหว่างจุดที่ออร์คตั้งสกัดอยู่ และหากพลาดแม้แต่น้อย ออร์คจากรอบๆทิศก็จะเข้ามารุม
ตอนนี้กำลังทหารราบมีไม่ถึง 100 คน หากถูกกระหนาบจากออร์คจำนวนพอๆกัน ความสูญเสียต้องมากแน่ๆ
“ผมว่าผมมีวิธีครับ” รอนพูดขึ้น
** ** ** ** ** **
“คุณรอนแน่ใจเหรอว่าจะใช้วิธีนี้” พอลถาม
“ยังไงเราก็ต้องลองแหละครับ” รอนบอก “ไม่งั้นเราต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่… เอาล่ะครับทำตามแผนดีกว่า”
รอนเดินออกไปด้านหน้า เข้าไปหากลุ่มออร์คช้าๆ จนห่างไปราวๆ50เมตร ออร์คที่นั่งอยู่ค่อยๆลุกขึ้นทีละตัว
“ไอ้พวกหน้าโง่ แน่จริงก็ตามมา” รอนหันตะโกนแล้วชูนิ้วนางให้ …. ก่อนจะเดินถอยหลัง ช้าๆ ช้าๆ ออร์คทั้ง20ตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งตามมาทันที … ในขณะที่ออร์คที่ประจำจุดอื่นๆเห็นเหตุการณ์ แต่ก็แค่มองแบบไม่สนใจอะไร
“พวกเรา เตรียมพร้อม … รอคุณรอนก่อน” โยฮันสั่งการกับทหารคนอื่นๆที่หมอบอยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เตรียมตัว ระวัง … ยืน!”
รอนวิ่งมาถึงพอดีกับแถวหมู่ทหารที่ลุกขึ้นยืน ออร์คที่วิ่งตามหลังมาเบรกหยุดเพราะมนุษย์จำนวน40กว่าคนที่ลุกขึ้นมาพร้อมกัน
“ยิง!”
ธนูพุ่งเป็นแผงเข้าหาออร์ค บางตัวล้มลง บางตัวร้องอย่างเจ็บปวด
“ยิง!”
ออร์คที่เหลือสิบกว่าตัวระส่ำระสาย และกำลังคิดว่าจะเอายังไงดีตอนที่
“ย้ากกกก” ฉัวะ
แขนของออร์คตัวที่แตกกลุ่มมากที่สุดขาดออก มันหันไปมองอย่างงงงัน เด็กหนุ่มคนเมื่อกี้ที่ยกนิ้วนางให้พวกมันนี่นา
พล็อบ!
ศีรษะออร์คตัวนั้นหลุดออกจากบ่า เลือดไหลพุ่งขึ้นฟ้าเป็นทางก่อนที่ร่างจะล้มลง
“พวกเรา ลุย!” ทหารสี่สิบกว่าคนพุ่งเข้าไปพร้อมโล่กลมและหอก แผ่นเกราะสั่นระรัวเป็นจังหวะ เสียงฆ่าฟันดังเป็นระยะ … ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยมีออร์คอีก 4 กลุ่มที่ตั้งห่างออกไปมองดู โดยตัดสินใจไม่ถูกว่าจะยืนประจำจุดที่ได้รับมอบหมาย หรือจะเข้ามาช่วยดี
“ช่า!” เสียงร้องทหารดังขึ้น ก่อนที่ออร์คตัวสุดท้ายจะล้มลง … ทุกคนหันไปมองรอบๆ ไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรง …. ออร์คที่ตั้งสติได้กลุ่มหนึ่ง วิ่งออกจากตำแหน่งของตนเพื่อตรงมาหากลุ่มมนุษย์
“พวกเรา ถอย! “นายกองโยฮันตะโกน พลธนูดึงธนูที่ยังพอใช้ได้กลับมาก่อนจะวิ่งหนีถอยกลับมา …. เมื่อมาถึงพวกมนุษย์ก็วิ่งหนีไปแล้ว …. พวกมันลังเลครู่นึงก่อนจะวิ่งติดตามต่อ
และนี่คือลักษณะของมอนสเตอร์ในภาวะปกติ … คือ ไม่คิดอะไรมาก ไม่มีแผน และขาดการไตร่ตรอง
พวกมันมีแค่20ตัว แต่กลับตัดสินใจวิ่งตามมนุษย์ที่มีจำนวนมากกว่าเพียงเพราะว่ามันเห็นว่ามนุษย์กำลังวิ่งหนี
และพวกมันต้องหยุด เมื่อเห็นมนุษย์ทั้ง40คนนั้นหยุดแล้วหันกลับมา พวกมันไม่มีโล่ใหญ่แบบกลุ่มที่เจอก่อนหน้านี้ มีแต่โล่กลมเล็กๆ … ออร์ค20ตัวยืนเรียงแถวตอนเรียง2 เพื่อหลบธนูที่พวกมันคิดว่าจะมาจากด้านหน้า
“ขว้างไพลั่มได้” เสียงตะโกนมาจากโยฮันซึ่งอยู่ด้านหน้า ออร์คที่ฟังอยู่ไม่เข้าใจ จนกระทั่งพวกมันได้ยินเสียงลมหวือมาจากด้านขวาของพวกมัน
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก
หอกเหล็กยาวพุ่งมาจากด้านขวา ปักออร์คที่เรียงแถวตอนอย่างไม่ระมัดระวังด้านข้างจนล้มลงเกือบหมด
“ลุย!” รอนร้องแล้ววิ่งเข้าไปซ้ำออร์คที่ยังรอดอยู่ โดยมีทหารทั้งหมดวิ่งตามเข้าไปอีกที
พริบตาเดียวออร์คทั้ง20ตัวกลุ่มที่สองก็ตายหมด โดยทหารไม่มีใครบาดเจ็บมากเลย
” รีบถอนไพลั่มออกแล้วเอากลับไปแนวหลัง” โยฮันสั่งทหารให้ช่วยกันดึงหอกซัดที่ทำจากเหล็กออกจากร่างของมอนสเตอร์ที่ตาย หลายอันบิดงอหลังจากแทงร่างของออร์ค
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
แก้ง แก้ง แก้ง แก้ง แก้ง
“เอามาอีก” วินเซนท์ ช่างไม้แห่งโอลเซ่นยื่นไพลั่มที่ซ่อมแล้วกลับไป แล้วรับอันที่บิดงอมา แล้วก็ยกค้อนช่างของรอนตอกลงไป
แก้ง แก้ง แก้ง แก้ง
ไม่นานนักไพลั่มที่บิดงอ30อัน ก็กลับมาตรงเป็นหอกซัดReuse 28ด้าม
อีกสองด้าม ปลายหอกหักไประหว่างการซ่อม
“พวกเรา ไปกลุ่มถัดไป!”รอนร้องแล้วนำทหารไปที่ออร์คกลุ่มถัดไป จากนั้นล่อออร์คจากที่ตั้ง ดึงมาตรงจุดที่ห่างจากกลุ่มอื่น ขว้างด้วยหอกหรือยิงด้วยธนู ก่อนจะเข้าไปจัดการตัวที่เหลือด้วยหอกดาบ
ส่วนชาวบ้านรับหน้าที่สำคัญไม่แพ้กัน
“เร็ว รีบตัดเขี้ยวมันออก”
“ตัดแกนมอนสเตอร์ออกมา”
“เก็บดาบมันมาเร็วเข้า”
“โล่ด้วย”
บ่ายนี้ยังอีกแสนยาวไกล