Midterm Fantasy - ตอนที่ 49
ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อสูทและกางเกงสีเทาเดินเข้ามา สายตาคมกริบมองกวาดไปทั่วห้อง มองไปยังครู บราเดอร์ และเด็กนักเรียนทั้ง3คน กวินและเอกชัยรู้สึกหนาวยะเยือกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาที่มองมายังพวกเขา …. เป็นสายตาที่เหมือนจะแทงทะลุเข้าไปข้างใน
ทั้งคู่หลบตามองลงพื้น
“สวัสดีครับบราเดอร์” พ่อของแพทยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณวิทวัส”
สำหรับบราเดอร์ไม่ต้องมีการแนะนำตัวอะไรกันมากมาย … เพราะคุณวิทวัส เจ้าของร้านทองหลายสาขาที่ส่งลูกสาวคนเดียวเข้าเรียนที่นี่ เป็นผู้บริจาคเงินปีหนึ่งๆเป็นหลักล้านเข้าโรงเรียนต่อเนื่องกันมาเป็น10ปีตั้งแต่ก่อนส่งลูกสาวเข้าชั้นประถม
“ได้ยินว่าพวกคุณกำลังสอบสวนเรื่องราวของนายรอน เรื่องเล่นพนันและขู่บังคับเพื่อนเรื่องเงินค่าพนัน ผมเลยมาให้ข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์สักหน่อย”
“ดีเลยครับ เรากำลังอยากได้ข้อมูลเพิ่มพอดี” บราเดอร์พูดขึ้น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ… แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าคุณพูดความจริง ไม่ได้โกหกเข้าข้างกัน” ครูปรียาพูดแย้ง …. เธอทราบแค่ว่าชายคนนี้คือพ่อของนักเรียนอีกคน แต่ไม่ได้ทราบว่าตำแหน่งหน้าที่การงานอะไร
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมไม่ขอฟังเรื่องราวทางฝั่งเด็กสองคนนั่น จะได้ไม่คิดกันว่าผมเข้าข้างหรือโกหก ….. ได้ยินว่า เด็กสองคนนั้นบอกว่าพวกเขาทั้ง3คนเล่นเกมออนไลน์พนันกับอีกฝ่ายกันในคืนวันศุกร์ยันเที่ยงคืนใช่ไหม” พ่อของแพทบอก …. ครูทุกคนในห้องพยักหน้าตามเพราะทั้งสองคนบอกแบบนั้นจริงๆ
“ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะตั้งแต่1ทุ่มถึงตี1 ลูกสาวผมนั่งวีดีโอคอลกับนายคนนี้ติวหนังสือกันตลอดเวลา และผมเองก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างหลัง … ถ้าไม่เชื่อ ผมจะให้คนไปยกฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดจากที่บ้านมาเป็นหลักฐานก็ได้”
ทุกคนหันไปมองคุณวิทวัสเป็นตาเดียว รวมทั้งรอนที่เงยหน้าอ้าปากค้าง
“ไม่ต้องมองแบบนั้น … เธอคิดว่ามีพ่อที่ไหนจะให้ลูกคุยวีดีโอคอลกับผู้ชายสองต่อสองจนดึกดื่นมั่ง … ทุกวันที่ติวกัน อยู่ในสายตาคู่นี้ตลอด”
“แล้วทำไมเธอไม่บอกครู” ครูดุษฎีถาม เพราะนี่คือหลักฐานที่มีน้ำหนัก มีพยานอยู่กันตั้ง 2 คน และเป็นพยานที่เป็นผู้ปกครองของนักเรียนคนอื่น
รอนหันไปมองหน้าทุกคนก่อนจะหันไปมองพ่อของแพทโดยไม่รู้จะพูดอะไร
เพราะคืนวันศุกร์ เขาไม่ได้วีดีโอคอลติวหนังสือกับแพท!!!
“คุณพ่อแน่ใจว่าพูดความจริงเหรอคะ … รอนกับดาริกาสองคนนี้สนิทกัน .. ไม่ใช่ว่าดาริกาโทรไปขอร้องให้มาช่วยเหรอคะ” ครูปรียาจิกต่อไม่ลดละ
คุณพ่อของแพทพูดต่อ “แล้วก็ถ้าคุณไปเช็คบัญชี จะเห็นว่าก่อนหน้านี้มีเงินเข้าบัญชีเขา 20000 บาท” พ่อของแพทกดมือถือนิดนึง จากนั้นก็มีเสียงSMSดังที่โทรศัพท์ของรอน “ผมเป็นคนโอนเงินให้เขาเอง เพราะเราตกลงกันไว้ว่า ให้เขาติวหนังสือให้ลูกสาวผมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเย็นในค่าเหนื่อย 4000 บาทต่อสัปดาห์ เขาติวให้ลูกสาวผมมา 5 สัปดาห์ ผมก็จ่ายให้เขา 20000 และเมื่อกี้นี้ผมโอนเงินเข้าบัญชีของเขาไป 4000 เป็นของสัปดาห์นี้”
“บอกผมมาหน่อย ถ้าผมเพิ่งมาโกหกเพื่อช่วยเขา …. ผมจะมีเลขที่บัญชีของเขาได้ยังไง แล้วผมจะช่วยเด็กที่ไม่รู้จักไปทำไม”
กวินและเอกชัยรู้สึกปั่นป่วนในท้องเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยบินอยู่ในกระเพาะ … เหงื่อผุดขึ้นที่ใบหน้า มองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้า … ผมที่หวีเรียบ แว่นตากรอบทอง ท่าทางภูมิฐาน ซ้ำยังมีหลักฐานยกขึ้นมาเรื่อยๆพูดจาฉะฉาน … ไม่มีข้อสงสัยใดๆว่าเขากำลังพูดความจริงและกำลังฉีกหน้ากากของทั้งคู่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
คุณพ่อหันไปมอง 2 คนนั้นอีกครั้งก่อนจะมองกลับไปอย่างมั่นใจ เพราะเมื่อ 30 ปีก่อน ก่อนที่เขาจะมาอยู่ติดอยู่ที่นี่ ในโลกนี้ …
สกิล Deceptionโกหกหน้าตายของเขา อยู่ที่เลเวล 80
เจ้าบราวน่าสองตัวที่คิดจะมาเทียบชั้นกับมังกร มันยังห่างไกลอีกมากนัก
“แล้วทำไมเธอไม่บอกว่าติวหนังสือให้ดาริกาอยู่” ครูปรียาถาม
รอนไม่กล้าตอบ …. เขาเงยหน้ามองหน้าพ่อของแพท … ไม่กล้าตอบเพราะกลัวจะผิดแผน
“พวกคุณจะให้ผมตอบจริงๆเหรอ… ก็ได้ครับ …. ลูกผมเรียนคะแนนเกรดต่ำเตี้ยคาบเส้นแทบไม่ผ่านชั้น คุณจะให้นายรอนบอกตอกหน้าพวกคุณเหรอว่าการติวแค่ 5 สัปดาห์ ทำให้คะแนนพุ่งขึ้นเกือบเต็ม เก่งกว่าครูที่นี่สอนมาตลอด 3 ปี”
เงียบกริบ
ทั้งห้องเงียบกริบ
“งั้นเราคงต้องเรียกผู้ปกครองให้มาร่วมรับฟังด้วย” ครูเทพบอก “ในเมื่อไม่มีใครยอมรับ ก็ต้องให้ทุกฝ่ายมาฟังพร้อมกัน”
“งั้นก็ดีครับ อีกอย่างนึง …. จากที่นายรอนเล่าให้ลูกผมฟังเมื่อวันก่อน คนที่ทำร้ายพวกเขาถูกตำรวจจับได้เมื่อวันก่อนเพราะพกพาอาวุธ … บังเอิญคือพวกเดียวกับวัยรุ่นที่เคยก่อกวนแถวบ้านผม … ตำรวจแจ้งผมมาแล้วเย็นนี้จะไปดู” พ่อของแพทบอกและยกมือถือเขี่ยภาพที่ตำรวจส่งมาให้ดู เป็นหน้าของพวกวัยรุ่นกลุ่มนั้น…. ทั้งกวินและเอกชัยมองภาพนั้นและจำได้ทันที
พวกนี้แหละที่เขาขายเพื่อนไปให้!
“ ยังไงถ้าไม่มีใครสารภาพ ผมจะขอเอาหลักฐานภาพวงจรปิดไปส่งให้ตำรวจ และให้ตำรวจสอบปากคำจากพวกวัยรุ่นพวกนั้น จากนั้นถ้าใครผิด ผมก็ขอให้ลงโทษให้เต็มที่ไปเลย”
ทั้งกวินและเอกชัยแตกตื่นร้อนรน เนื่องจากคาดไม่ถึงว่า รอนจะมีหลักฐานที่อยู่สำคัญ และไม่คิดไม่ฝันว่าวัยรุ่นพวกนั้นจะถูกตำรวจจับได้แบบนี้
“ดีเหมือนกัน” ครูปรียาหันไปบอกรอน “ถ้าถึงตำรวจเธอไม่รอดแน่ จะรับสารภาพหรือยัง”
“อย่านะครับ ผมสารภาพแล้ว พวกเราผิดไปแล้ว อย่าบอกพ่อแม่ผมนะครับ” กวินยกมือไหว้
“ครับ พวกเราโกหกครับ อย่าแจ้งตำรวจนะครับ อย่าบอกพ่อแม่ผมเลยนะครับ” เอกชัยยกมือไหว้น้ำตาไหลออกมา
ทุกคนหันหน้าไปดูเด็กทั้งคู่ที่ยืนอยู่ข้างห้อง ตาเบิกกว้างด้วยความงงงวย
โดยเฉพาะครูปรียาที่รู้สึกเหมือนโลกหมุนรอบตัวเอง
‘นี่อย่าบอกนะ ว่าที่พวกเธอมาบีบน้ำตาร้องไห้เล่าเรื่องราวทั้งหมดเมื่อวานนี้และให้พวกครูช่วยวางแผนจับ ทั้งหมดคือพวกเธอหลอกครูและจะให้จับคนบริสุทธิ์ ทั้งหมดที่บอกมาตลอดสองวันนี้ทั้งหมดคือเรื่องโกหก’
แต่ครูผู้หญิงผู้นี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา
จะพูดได้ยังไง จะพูดไปทำไมให้ขายหน้าตัวเอง
“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว งั้นนายรอนเดี๋ยวเธอกลับไปห้องได้ ขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องยุ่งยาก” ครูเทพพูดและตบบ่าเด็กหนุ่ม….แล้วมองไปที่กวินและเอกชัยที่ยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง “สำหรับสองคนนี้…”
“ถ้าหากทางโรงเรียนลงโทษอย่างเหมาะสมและพ่อแม่ของเขารับทราบ ผมคิดว่าเราไม่น่าจะต้องทำให้เรื่องมันใหญ่อย่างเช่นการแจ้งความ เธอเห็นด้วยใช่ไหมรอน”
รอนพยักหน้าเห็นด้วย
เอกชัยและกวินมองหน้ากันแบบพูดไม่ถูก
เพราะประโยคนี้บังคับคำตอบเลยว่าถ้าไม่บอกพ่อแม่พวกเขากับให้โรงเรียนลงโทษ ก็ให้แจ้งความเท่านั้น ไม่เปิดโอกาสอื่นเลย
“งั้นเธอทั้งคู่ตามมานี่ เดี๋ยวครูจะตามพ่อแม่เธอมาคุยด้วย” ครูเทพเรียกและเดินนำไปโดยนักจิตวิทยาเดินตามไปด้วย
ก่อนจะออกจากห้องเธอบอกบราเดอร์
“ครั้งหน้าห้ามเอาครูที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามานะคะ สำหรับครั้งนี้ดิฉันจะจดเอาไว้ก่อน หากมีครั้งหน้าอีกคงต้องรายงานขึ้นไป”
บราเดอร์สมนึกยิ้มเจื่อนๆ ครั้งนี้เขาพลาดเองที่ยอมให้ครูปรียาจัดการเรื่องนี้
เขาไม่นึกว่าครูปรียาจะด่วนสรุปตัดสินแบบนี้
ตอนนี้ในห้องเหลือแต่เพียงบราเดอร์ รอน พ่อของแพท และครูดุษฎี ความตึงเครียดเมื่อครู่นี้หายไปมากแล้ว
“ขอบคุณครับ” รอนยกมือก้มศีรษะไหว้ ถ้าไม่ได้คำอธิบายจากพ่อของแพท ตอนนี้เขาคงแย่ไปแล้ว รอนเงยหน้าขึ้น
‘ เผียะ! ‘
เสียงฝ่ามือสัมผัสกับใบหน้า พวงแก้มแดงเป็นรอยนิ้วทั้งห้า ใบหน้าหันไปด้วยแรงตบแบบไม่ออมมือ
“โง่!”
คำพูดสั้นๆแต่ตรงความหมาย
“ทำอะไรไม่รู้จักคิด คิดอะไรตื้นๆ” ชายตรงหน้ารอนพูด เสื้อสูทตัวที่สวมใส่เคลื่อนขึ้นลงตามเสียงพูด “สิ่งที่เธอทำไม่ใช่การรักเพื่อนแต่เธอกำลังทำร้ายเพื่อน”
“เมื่อเกิดเรื่องขึ้น แทนที่เธอจะบอกผู้ใหญ่ กลับปิดเอาไว้เก็บเรื่องไว้คนเดียว …. ธรรมชาติคนเมื่อทำผิดไม่ได้รับการลงโทษ ก็จะปิดบังความผิดของตนไปเรื่อยๆ”
“และในวันที่สองคนนั่นทำผิดแล้วไม่สำเร็จ แล้วเรียกเธอไปคุยที่ดาดฟ้า แทนที่เธอจะบอกผู้ใหญ่ บอกพ่อแม่ บอกครู เพื่อให้ทุกคนช่วยกันแก้ไข ….เธอกลับเลือกที่จะแก้ปัญหากันเองแบบไม่ผิดๆ … เธอได้ยินว่าเพื่อนถูกขู่เอาเงินแบบผิดกฎหมาย แทนที่จะแนะให้บอกผู้ใหญ่ กลับเอาเงินให้พวกเขา แทนที่จะให้เงินแบบจำกัด กลับยื่นบัตรเอทีเอ็มให้ นึกว่าตัวเองเป็นพระเอกMVเหรอไง”
“โง่!”
เด็กหนุ่มยืนก้มหน้า น้ำตาเอ่อขึ้น ทุกคำพูดที่ได้รับฟังนั้นไม่ผิดเลย … เขาใช้แต่อารมณ์ เขาไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา
ผลคือเสียทั้งเพื่อน
และเกือบจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนรุนแรง
เสียเงิน เสียเพื่อน และเกือบเสียประวัติ
มือหนาๆจับที่ไหล่ของเขาและตบเบาๆ
“ถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียน ระวังอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้วกัน”
ครูเทพกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ โดยมีกวินและเอกชัยนั่งรอผู้ปกครองของตนอย่างหวาดหวั่น … ทั้งสองคนเห็นคุณพ่อของแพทเดินพารอนออกจากห้องฝ่ายปกครองเดินผ่านหน้าห้องนี้ไป
เด็กทั้งสองมองตามอย่างเคียดแค้น
“คอยดูเถอะไอ้รอน แกเป็นต้นเหตุทั้งหมด กูถ่ายเลขบัตรเดบิตมึงไว้แล้ว … เรื่องไม่จบแค่นี้ เรื่องไม่จบแค่นี้แน่!”
***************
คุณวิทวัสเดินไปตามทางเดิน มองดูหน้าของเด็กหนุ่มที่ยังเป็นรอยนิ้วของเขาอยู่ เขาล้วงลูกอมแล้วส่งให้
“เอ้า เอาสักหน่อย “
รอนรับลูกอมไปแกะแล้วเคี้ยว
[+0.5] [+0.5]
“ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว”
“15ปีครับ”
“15ปีเหรอ …. ตอนฉันอายุเท่าเธอ ก็เคยมีเพื่อนหลายคนที่นิสัยแบบนี้ มองโลกในแง่ดี และทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง”
“แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงกันครับ”
“ตายไปหมดแล้ว” คุณวิทวัสตอบสั้นๆ
“……..”
“เธอดูหน้าลุงก็น่าจะพอดูออก ว่าลุงไม่ใช่คนไทย ….. ก่อนจะมาอยู่ที่ประเทศไทย บ้านเกิดของลุงไม่ได้สงบสุขเหมือนที่นี่ การฆ่ากันทำร้ายกันเป็นเรื่องปกติ” เขาบอก ” ภายในกลุ่มเพื่อนพ้องมีคนหลายแบบ มีทั้งคนที่ดีและเสียสละ มีทั้งคนที่เห็นแก่ตัว และมีคนที่จริงๆเป็นคนดี แต่ว่าทนความยั่วยวนไม่ไหวจนทรยศเพื่อนพ้อง”
“ถ้าเธอเห็นเด็กมาขอทาน แล้วเธอให้เงินไป … เธออาจจะรู้สึกสุขใจว่าได้ทำบุญ … แต่เธอกำลังทำร้ายเขาผลักเขาให้ถูกแก็งค์ขอทานหากินกับเขา”
“ถ้าเธอเห็นเพื่อนทำข้อสอบไม่ได้ แล้วเธอให้เขาลอก …เธออาจจะรู้สึกดีที่ได้ช่วยเพื่อน … แต่เธอกำลังผลักฝังอนาคตของเพื่อน”
“เธอต้องคิดให้ดีว่าจริงๆเธอกำลังทำเพื่ออะไร ….กำลังทำเพื่อเพื่อนจริงๆหรือกำลังทำเพื่อความรู้สึกดีของตัวเองโดยไม่สนใจว่าเพื่อนจะเป็นอย่างไร”
รอนพยักหน้ารับ
“เรื่องที่คุณลุงพูดเรื่องหลักฐานวงจรปิด… ถ้าหากมีคนรู้ว่าไม่จริงจะไม่เป็นไรเหรอครับ”
“ยังไงเรื่องทั้งหมดถ้าหากหาหลักฐานกันจริงๆ สองคนนั่นไม่มีทางรอดอยู่แล้ว ลุงแค่เสริมเรื่องราวสักนิดให้สองคนนั่นรับสารภาพเร็วขึ้น ถึงไม่มีวงจรปิด แต่เราก็เอาเรื่องจากบัญชี , จากวงจรปิดดาดฟ้าโรงเรียน หรือจากพวกที่ทำร้ายเธอก็ได้”
พ่อของแพทบอก
“ จริงอยู่ที่คนเราควรพูดความจริงและจริงใจกับคนอื่น … แต่ในสังคมที่มีคนแบบนี้ การพูดความจริงทั้งหมด100% ก็พาเราให้ตกที่นั่งลำบากได้”
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอีก ต่างเดินไปถึงห้องเรียน ตอนนี้แก้มของรอนกลับเป็นปกติแล้ว รอนขออนุญาตครูดุษฎีเข้าห้องเรียน สายตาทุกคู่ในห้องรวมถึงแพทต่างมองมาที่เขา รอนชู2นิ้วแล้วยิ้มให้แพท เด็กสาวยิ้มตอบ … แม้จะไม่มีใครรู้ว่าจริงๆเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ห้องฝ่ายปกครองแต่ทุกคนต่างแน่ใจว่าตอนนี้รอนรอดตัวแล้ว
เพียงแต่บางคนยังคงซุบซิบกัน… คนที่เจอดึงตัวไปห้องฝ่ายปกครองต้องก่อเรื่องอะไรบางอย่าง
และที่รอนยังไม่รู้ เมื่อวานนี้กวินกับเอกชัยปล่อยข่าวให้ร้ายรอนเสียๆหายๆไปก่อนแล้ว
“อะแฮ่ม”
เสียงไอมาจากหน้าประตูห้อง คุณพ่อของแพทยังยืนมองอยู่ รอนยิ้มเจื่อนๆวางนิ้วที่ชูให้แพทลง
“ ครูดุษฎีครับ ยังไงผมฝากตามเรื่องนายกวินกับเอกชัยด้วย ยังไงผมก็ไม่อยากให้ลงโทษอะไรรุนแรงไป เพราะถึงความผิดของทั้งคู่จะร้ายแรงมากแต่ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ยกโทษได้ก็ยกโทษไป”
ครูดุษฎีหันไปตอบ
“ได้ครับคุณวิทวัส ผมจะดูให้”
แต่ทั้งรอนและครูดุษฎีรู้จุดประสงค์ของประโยคที่ว่า …. กวินกับเอกชัยไม่ได้เรียนห้องนี้ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องมาบอกที่นี่เลย
แต่ที่บอกเข้ามาให้ทุกคนได้ยิน เพื่อเป็นการบอกว่าที่รอนเจอเรียกไปห้องปกครอง รอนไม่ได้เป็นคนผิด ….แต่คนทำผิดคือสองคนนั้น
เหี้ยมมาก คุณพ่อเหี้ยมมาก
…. เดินออกจากห้องเรียนของรอนแล้ว เขาเดินไปที่ห้องที่ครูปรียาสอนอยู่ …พูดจากหน้าห้องเข้าไปด้วยประโยคเดียวกันให้นักเรียนในห้องได้ยิน ก่อนจะเดินไปหาบราเดอร์ แล้วพูดประโยคนี้ซ้ำอีกครั้งให้ครูหลายๆคนได้ยิน แล้วจึงค่อยกลับไปที่รถ
แม้จะดูเกินไปสักนิด แต่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่คิดว่าสองคนนั้นที่ลงมือวางแผนอะไรได้ถึงขนาดนี้ จะกลับตัวกลับใจได้ในเวลาสั้นๆ
และแม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะร้ายแรง แต่เขาก็ไม่คิดว่าเจ้าหนุ่มรอนจะเปลี่ยนมารู้ทันคนในชั่วข้ามคืน
กระทืบเจ้าพวกนั้นซ้ำให้จมดินก่อน คือหนทางที่ดีที่สุด
“จะไปไหนต่อไหมครับนาย” ลุงบัวถามขณะเปิดประตูรถให้
“เดี๋ยวกลับที่ร้านก่อน … แล้วบ่ายนี้ไปบ้านของนายรอนกัน …. เราอาจจะรู้สาเหตุที่นายรอนเป็นแบบนี้ก็ได้”
******
ตอนบ่ายหลังเลิกเรียน รอนและแพทกำลังนั่งติวกันอยู่ที่ห้องสมุด เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
“ครับพ่อ ครับ …. ใช่ครับ ครับ เห … ครับพ่อ ครับสวัสดีครับ”
รอนวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปทางเด็กสาว
“แพท … พ่อเธอไปหาพ่อกับแม่เราที่บ้าน ไปคุยเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้”
“ห๊ะ”
“ว่าแต่พ่อของเธอรู้ที่อยู่เราได้ยังไง”
“วันก่อนที่กลับจากบ้านเธอเรากดเปิดแผนที่ไว้ … พอวันนี้พ่อเราไลน์ถามเราเลยกดส่งLocationบ้านเธอให้ไปน่ะ”
รอนเหงื่อตก …. เรื่องข้อมูลส่วนตัวนี่รั่วไหลได้ง่ายจริงๆด้วย!