Midterm Fantasy - ตอนที่ 52
“ ตอนนี้ลุงให้เธอได้เหรียญละ 10000 บาท ”
รอนรับฟังในโทรศัพท์อย่างงงๆ ทำไมราคาตกลงเยอะขนาดนี้
“เอางี้ เธอหลบออกมาคุยห่างแพทนิดนึง”
เด็กหนุ่มลุกจากโต๊ะนักเรียน ยกมือชี้โทรศัพท์ให้แพทดูแล้วเดินไปที่หลังห้อง
“ครับคุณพ่อ”
“อย่างแรกตอนแรกที่ลุงให้ราคาเหรียญละ20000 เพราะราคาทองตอนนั้น 1 บาทมันมากกว่า 20000 แต่ตอนนี้ราคาทองมันลงมาแล้ว เธอลองกดดูได้”
“ครับพ่อ”
“ลุง”
“ครับคุณลุง”
“อย่างที่สอง การขายทองในปริมาณมากๆแบบนี้เธอต้องบอกที่มาที่ไปของทอง …. ถ้ามีตำรวจถาม เธอจะตอบว่ายังไง”
รอนนิ่งคิด … เออ จริง … แต่ตอนนั้นพ่อของแพทบอกว่าเคยมีคนเอามาขายเป็นเหรียญที่ขุดพบนี่นะ
“งั้นผมจะตอบไปว่าขุดเจอครับ”
“ตามกฎหมาย ขุดเจอสมบัติในดินหรือแม้แต่ในที่ส่วนตัวของเรา ก็ต้องแจ้งตำรวจ แล้วถ้าของนั้นมีค่าก็จะได้ส่วนแบ่ง 1/3 ของราคาของ แบบนี้เธอได้น้อยกว่าที่ลุงจะให้อีก ….”
รอนพยักหน้าตามแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเห็น … เขาลืมนึกเรื่องพวกนี้ไป … แบบนี้ขั้นตอนในการจัดการทองของคุณพ่อ … คุณลุง ก็คงไม่ใช่แบบธรรมดาและต้องมีการหักนั่นนี่รายทางสินะ … ถึงว่าเลยให้เดินออกมาห่างจากแพทก่อน
“ตกลงครับ” รอนตอบ “งั้นเดี๋ยวผมจะส่งเลขที่บัญชีใหม่ไปให้นะครับ ให้คุณลุงโอนเข้าบัญชีนั้นได้เลย”
“งั้นลุงจะโอนไปให้เธอก่อนวันละ5แสน ส่วนอีก 5 แสนให้เธอมาเอาเป็นเงินสดจากที่บ้านลุงแล้วกัน โอนเงินเยอะๆในคราวเดียวมันไม่ดี”
“ได้ครับ” รอนรับคำ
“แล้วได้เจ้าบัตรเดบิตที่เธอเอาไปให้ 2 คนนั่น …. เธอยกเลิกไปแล้วใช่ไหม”
“ยังครับ”
“หืม …. แล้วเงินในบัญชีที่ลุงโอนไปวันก่อนล่ะ ถอนออกมาหมดแล้วใช่ไหม”
“ยังครับ”
“….. เอาเถอะ ยังไงระวังๆด้วยแล้วกัน … แล้วเหรียญทอง100เหรียญ วันนี้ตอนบัวไปรับแพท เธอก็เอาให้เขาแล้วกัน”
หลังจากรอนคุยเสร็จก็วางสาย จากนั้นเปิดเลื่อนหน้าจอมือถือดูข้อความที่ส่งเข้ามาเมื่อคืนนี้
“คุณได้ซื้อของออนไลน์จากเว็บ xxxxxxxxxx เป็นเงิน 3860 บาท”
รอนมั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้สั่งซื้ออะไรในเว็บที่ว่านี้มาก่อน เพราะหลังจากเกิดเรื่องมา เขาไม่ได้ยุ่งอะไรกับบัญชีนี้เลย … และมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้นกับเหตุการณ์นี้
รอนถอนหายใจ และเดินกลับไปหาเพื่อนสาวที่นั่งรออยู่
“ พ่อเราว่าไงมั่ง ”
“ คุณลุงให้เราฝากเหรียญไปกับลุงบัวตอนมารับเธอเย็นนี้”
…
แพทก็สนใจอยู่เหมือนกันว่ารอนไปเอาเหรียญทองมาจากไหนมากมาย แต่เธอยังไม่ถามออกไปเพราะคิดว่ารอให้อีกฝ่ายเป็นคนบอกจะดีกว่า … มันคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่ารอนก็ขายให้พ่อของเธอ ถ้ามันมีอะไรไม่ปกติคุณพ่อก็น่าจะรู้แล้ว
เด็กหนุ่มมองออกไปที่นอกห้อง เขาเห็นคนสองคนที่หยุดชะงักที่หน้าห้องก่อนจะรีบเดินไป … รอนมองตามและหันไปบอกแพท
“เดี๋ยวเรามานะแพท” เด็กหนุ่มบอกก่อนจะลุกเดินไป
“อ้าว จะไปไหนล่ะรอน” เด็กสาวร้องก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะ “แล้วนั่นจะเอาโทรศัพท์เราไปด้วยทำไม!”
รอนเดินตรงไปตามทางเดินจนทันกวินและเอกชัย
“นายสองคนหยุดก่อน”
“มีอะไร”
“เราอยากถามอะไรพวกนายหน่อย” รอนบอก “เกี่ยวกับเงินของเรา 3860 บาท”
“เงินอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“นายจะคุยดีๆ หรือจะไปคุยที่ห้องฝ่ายปกครอง” รอนพูด
กวินและเอกชัยมองหน้ากัน ครั้งนี้รอนดูแข็งกว่าครั้งก่อน … และตอนนี้ก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมา
“งั้นไปคุยกันที่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา” เอกชัยบอก
เอกชัยและกวินเดินนำรอนไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาในโรงยิม … จุดนั้นเป็นจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิดของโรงเรียนอยู่ ทั้งคู่ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครในห้องแล้วก็เข้าไป ปิดประตู
“เดี๋ยว! เอาโทรศัพท์ของนายออกมาก่อน แล้วปิดเครื่องซะ” กวินสั่งอย่างระแวง เพราะตอนที่เขาวางแผนใส่ร้ายรอนครั้งก่อน เขาเองก็ติดกล้องแอบถ่ายเอาไว้ที่อกเสื้อเพื่อแอบถ่าย … รอนหยิบโทรศัพท์มือถือสีดำขึ้นมาวางไว้
“ปิดเครื่องด้วย” กวินสั่ง … รอนกดปิดเครื่องให้ดู … ไฟกระพริบสองครั้งก่อนจะดับไป
“เปลี่ยนโทรศัพท์ด้วยเรอะ” กวินถาม
“แต่ก่อนเราให้พวกนายใช้มือถือของเราบ่อย … บอกตามตรง เราไม่รู้ว่าพวกนายจะแอบฝังอะไรแปลกๆในเครื่องเราหรือเปล่า” รอนตอบ
เอกชัยเข้าไปค้นตัว ตบตามกระเป๋าเสื้อ กระดุมเสื้อ กระเป๋ากางเกง ดูแม้กระทั่งถุงเท้า …
“ดึงเสื้อมันออกนอกกางเกงด้วย” กวินสั่ง … เพราะเวลาใส่เสื้อในกางเกงจะสามารถเอาโทรศัพท์หรือเครื่องอัดเสียงใส่ไว้ที่พุงหรือที่หลังได้ … เอกชัยดึงเสื้อออกแต่ไม่มีอะไร ส่วนรอนยิ้มเยาะ
“ยิ้มอะไรวะ”
“ขี้ระแวง. . . ทำกับคนอื่นบ่อยล่ะสิ ถึงระแวงคนอื่นไปทั่ว … ” รอนประชด
“ เออ มีอะไรก็ว่ามา” กวินบอกหลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“เอาเงินเราคืนมา” รอนบอก
“เงินอะไรของมึง” กวินปฏิเสธ แต่ยิ้มออกมุมปาก
“เมื่อวานนี้มีข้อความส่งเข้าเครื่องเรา บอกว่าเราซื้อของออนไลน์ไป4พัน … เราไม่ได้สั่งของจากเว็บนั้น และบัญชีนั้นเชื่อมกับบัตรเดบิตของเราที่พวกนายยืมไป”
“ แล้วมึงจะมีหลักฐานอะไรมายืนยัน” เอกชัยบอก
“ ของพวกนี้มันตามรอยกันได้ ถ้าตรวจจริงๆตำรวจก็ย้อนได้ว่าบัญชีนี้สั่งของโดยใช้ชื่อใคร สั่งจากเครื่องไหน” รอนบอก
กวินและเอกชัยยิ้มจนแก้มแทบฉีก
“แกนี่มันโง่จริงๆ … เรื่องแค่นี้คิดว่าพวกข้าจะไม่รู้เรอะ” กวินพูด “ จะบอกให้ก็ได้ ของที่ว่าน่ะสั่งเข้ามาในชื่อ “รอน” แล้วให้ส่งมาที่โรงเรียน …. แล้วตอนไปสั่ง กูนี่แหละ ไปสั่งจากร้านinternet cafe ที่ข้างโรงเรียน ใส่เสื้อคลุมหัวใส่แว่น ถึงดูก็ดูไม่ออกหรอกว่าเป็นกู”
“นายสั่งอะไรไป!” รอนตวาด
ทั้งสองคนมองหน้าแล้วพูดพร้อมกัน “เมล็ดเฮ็ม!”
รอนกำมือแน่น … เมล็ดเฮ็มเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมายในต่างประเทศ แต่ผิดกฎหมายที่นี่ และด้วยความที่มีคนพยายามสั่งซื้อบ่อย ก็เลยมีการใช้สุนัขตำรวจตรวจยาเสพติดในการตรวจพัสดุที่นำเข้ามาในประเทศ มีข่าวอยู่เนืองๆว่าคนที่สั่งซื้อเข้ามาเจอตำรวจจับได้
“เราไปทำอะไรให้พวกนาย พวกนายถึงทำกับเราแบบนี้”
“แกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ” กวินตวาด “แกทำพวกกูให้โดนทัณฑ์บน ทำให้พวกข้าเสียเงิน2หมื่นแค่นี้ยังไม่ใช่เหตุผลอีกเหรอไง”
“ที่ผ่านมาพวกข้าสองคนเป็นเพื่อนกับแก เล่นเกมด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน พอเล่นเกมกันจนเข้าขา พวกข้าก็จะหาเงินนิดๆหน่อยๆ วางเงินวางเดิมพันชนะมาตลอด แต่พอพวกข้าเพิ่มเดิมพันครั้งใหญ่ปุ๊บ แกก็มาบอกว่าเลิกเล่นเกม … จนพวกข้าแพ้หมดตัว”
“แกรู้ไหมว่าพวกข้าต้องเสียอะไรไปบ้าง!”
รอนฟังแบบตกตะลึง ชีพจรเต้นถี่เร็วด้วยความโกรธ ตรรกะของสองคนนี้วิบัติสิ้นดีเหมือนกับไม่ได้อยู่ในระนาบแนวความคิดของปุถุชนคนธรรมดา สองคนนี้โกรธเขาเพราะเขาไม่เล่นเกมเลยทำให้เล่นแพ้จนเสียเงินพนันเนี่ยนะ
“เราจะไปบอกครู” รอนบอกอย่างพยายามใจเย็น
“บอกไปเลย โนสน โนแคร์” เอกชัยตอบ “ไม่มีหลักฐาน ใครจะเชื่อ บัตรก็บัตรมึง เลขรหัสก็รหัสมึง มึงเตรียมตัวเจอตำรวจเล่นได้เลย คราวนี้มึงเจอไล่ออกแน่ ”
พูดจบทั้งคู่ก็เดินออกไปโดยไม่สนใจรอนอีก รอนเดินตามออกไป รอจนทั้งคู่เดินไปจนลับตาแล้วก็แต่งตัวให้เรียบร้อยเอามือถือของแพทที่ยืมมา เปิดเครื่องเก็บใส่กระเป๋า ….
จากนั้นก็ล้วงมือเข้ากางเกงใน หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา กดหยุดอัดเสียงแล้วเปิดซ้ำ
“นายสั่งอะไรไป!”
“เมล็ดเฮ็ม!”
เสียงกวินและเอกชัยชัดเจนทุกถ้อยคำ
[สกิลโกหกหน้าตาย เลเวล 5 : 90/100]
แล้วรอนก็เดินไปห้องฝ่ายปกครอง
** ** ** ** ** **
บ่ายวันนั้นข่าวการถูกพักการเรียนหนึ่งปีของกวินและเอกชัยดังไปทั่วทั้งโรงเรียน … ไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่ทำความผิดอะไรซ้ำอีกหลังจากที่เพิ่งก่อเรื่องไปหมาดๆ แต่ละคนได้แต่เดากันไปต่างๆนานาว่าความผิดอะไรที่ถึงขนาดพักการเรียนแต่ไม่ถึงกับไล่ออก
มีเพียงรอนเท่านั้นที่รู้ … จริงๆเขาก็แปลกใจที่ว่าถึงขนาดนี้แล้วทั้งสองคนยังไม่ถูกไล่ออก … แต่เพราะนักจิตวิทยาประจำโรงเรียนพูดถึงเรื่อง Compulsive gambling อะไรสักอย่าง เลยทำให้การตัดสินไปจบที่ตรงนั้น
แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็จะไม่มีทางเจอกับสองคนนั้นในชั้นเดียวกันอีกแล้ว …
“ รอน ลุงโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว เธอเช็คได้เลยนะ” พ่อของแพทโทรเข้ามาบอกตอนเย็น
“ ครับ ผมเช็คเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากครับ ” … รอนตอบ “ … ลุงครับ เรื่องบัตรเดบิตที่ว่า ผมเพิ่งโทรไปยกเลิกเมื่อเช้านี้เองนะครับ”
“แล้วต่อจากนี้จะไม่มีปัญหาจากสองคนนั้นอีกแล้วครับ” เขาพูดต่อ
“อือ … ลุงรู้แล้วล่ะ บราเดอร์สมนึกโทรมาบอกแล้วเรื่องที่เธออัดเสียงไปให้ … ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงว่า2คนนั่นจะยังไม่เลิก”
รอนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบไป “ผมไม่รู้ครับ บังเอิญเกิดเรื่องแล้วผมแอบอัดเสียงไว้เฉยๆ”
รอนวางสายไปแล้วมองไปนอกหน้าต่าง
ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะโทรปิดบัตรตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว …. ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันที่เขาเดินออกมาจากห้องฝ่ายปกครองกับพ่อของแพท แล้วมีตัวอักษรสีแดงโผล่ขึ้นมาว่า
[คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร]
[คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร]
ถ้าไม่ใช่เพราะสกิลนี้ เขาคงหลงคิดว่าสองคนนั้นจะสำนึกและไม่กล้าทำอะไรเขาอีก ….
และรอนเหนื่อย เหนื่อยที่จะต้องระวังตัวไปตลอดทั้งปีการศึกษา
เขาเลยเลือกเปิดช่องว่างไว้ให้ทั้งสองคนนั้นเข้ามา … จะได้จัดการให้จบๆไป ไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังอะไรอีก
แล้วรอนก็หยิบสมุดจดขึ้นมา แล้วก็ขีดเครื่องหมายถูกที่หน้าหัวข้อกลยุทธ “โยนอิฐล่อหยก”
** ** ** **
“เดินแถวเข้ามา เดินแถวเข้ามา” กลาสประกาศให้ชาวเมืองเดินต่อแถวเข้ามาได้ยิน … แถวกว่า 10 แถว ค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆ มีทหารคอยยืนดูว่าแต่ละคนกินยาลงไปในทันทีโดยไม่ได้เก็บไว้ จากนั้นก็ให้ทยอยเดินไปนั่งพักเป็นเวลา 1 ชั่วโมงก่อนจึงจะกลับได้
“คนนี้หายใจไม่ออก” เสียงร้องตะโกนดังมาจากกลุ่มคนที่นั่งพัก … นักบวชคนนึงรีบตรงเข้าไป
“ข้าแต่เทพไฮจีเน่ ได้โปรดรักษาคนผู้นี้ให้หายดี <High Heal>”
แสงสว่างสีขาวส่องเจิดจ้าท่ามกลางความมืดมิดตอนตี 1 คนที่นั่งกุมหน้าอกหายใจไม่ออกเมื่อครู่ดีขึ้นเล็กน้อย … ทหารมาช่วยกันพาคนๆนั้นไปพักที่โบสถ์
อีกสักครู่ใหญ่ๆ มีคนตะโกนมาอีก “ คนนี้ผื่นขึ้นหน้าบวม”
“ข้าแต่เทพไฮจีเน่ ได้โปรดรักษาคนผู้นี้ให้หายดี <High Heal>” นักบวชอีกคนตรงเข้าไปใช้เวทรักษาแล้วให้ทหารพาตัวคนป่วยไปพัก
รอนได้บอกกับทุกคนล่วงหน้าแล้วว่ายาของเขายังไม่สมบูรณ์แบบ จะมีคนที่กินยานี้เข้าไปประมาณ 1 ใน 1000 ที่เกิดอาการ “แพ้ยา” ขึ้นมา ซึ่งนักบวชจะเข้าไปใช้เวทรักษา High Heal รักษาคนๆนั้น และคนๆนั้นจะกินยาอีกไม่ได้ แต่จะต้องใช้เวทเพื่อรักษาโรคระบาดกาฬโรคนี้แทน
ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะว่าตลอดคืนนั้นมีคนที่ “แพ้ยา” เพียง 5 คน
เมื่อเทียบกับที่ว่าการรักษาโรคระบาดที่นักบวชทำให้กับชาวเมือง คือ การHigh Heal วันละครั้งติดกัน14วันจนกว่าจะไข้ลดลง (หรือตาย) แล้ว … การรักษาคน”แพ้ยา”ของรอน ทำให้ชีวิตนักบวชดี๊ดีขึ้นหลายขุม
“ยังมีคนป่วยอีกไหม”
“ถ้าไม่มีแล้ว เราจะแจกอีกครั้งในตอนเที่ยงพรุ่งนี้ ขอให้มารับยาด้วย”
ถนนทั้งสายแออัดไปด้วยประชาชนนับพันที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป กำลังทหารและคนที่มาแจกยาก็เป็นจำนวนไม่น้อย … ความจริงถ้าหากรอนแจกยาไปเลยแล้วให้แต่ละคนกลับไปกินที่บ้านเอง ก็จะสะดวกและไม่ยุ่งยากเท่านี้
แต่เขาก็ละความคิดดังกล่าวไป … ถ้าหากแจกยาปริมาณมากแบบนั้นไปในคราวเดียว โอกาสที่คนจะสงสัยและรู้ว่าเขาไม่ได้ปรุงยาจะสูง และจะก่อปัญหาตามมาในภายหลังได้
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลนึง ….
รอนมองดูชาวบ้านจากหมู่บ้านโอลเซ่นและอัลเลนที่ช่วยกันแจกน้ำและอาหารให้ชาวเมืองที่ป่วยอย่างขยันขันแข็ง
เวลาเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น คนที่อพยพหนีมาพึ่งพิงมักจะถูกมองเป็นคนนอก และอาจจะเกิดความขัดแย้งกันกับชาวเมืองได้ … การที่ชาวบ้านโอลเซ่นช่วยดูแลคนป่วยจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชาวเมืองเจ้าของพื้นที่กับผู้ที่อพยพมาอยู่ใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ชาวบ้านที่เคยกินยาและรู้ว่ายาได้ผล ก็สามารถช่วยพูดให้ชาวเมืองที่ยังเจ็บป่วยมั่นใจมากขึ้นว่ามีโอกาสหาย
ทั้งหมดคือแผนที่รอนวางไว้ แม้ว่าจะยังไม่ค่อยดีมากนักแต่เขาก็คิดว่ามันจะช่วยให้กำลังใจในเมืองดีขึ้นพร้อมที่จะรับมือกับมอนสเตอร์ที่ยังกระจายอยู่รอบๆ … และเขาคิดว่าไม่น่ายากอะไร เพราะตอนนี้ออร์คไม่มีตัวแม่ทัพที่คอยนำพวกมันอีกแล้ว
……
แต่ที่รอนยังไม่รู้คือ … แม่ทัพออร์ค ไม่ใช่หัวหน้าใหญ่ของมอนสเตอร์เหล่านั้น