Midterm Fantasy - ตอนที่ 65
รอนเดินลงจากกำแพงเมืองเมื่อเห็นว่าดราซัคเริ่มมีการเคลื่อนไหว เขาบอกให้คนถือธงจับตาเป็นพิเศษว่าจอมเวทความมืดอยู่ที่ตำแหน่งใด
ตอนนี้เครื่องยิงหินยังคงยิงอยู่โดยการยิงแต่ละครั้งไม่ได้สร้างความเสียหายในกองทัพศัตรูสักเท่าไหร่ แต่การข่มขวัญนั้นถือว่าใช้ได้ทีเดียว เพราะแต่ละครั้งที่หินลอยขึ้นไปบนฟ้า ออร์คเบื้องล่างจะวิ่งหลบเอาตัวรอดเพื่อไม่ให้กลายเป็นซากศพที่พื้นเหมือนเพื่อนๆของมัน
รอนลงมาที่ด้านล่างแล้วเดินไปที่คนที่คุมการยิง เขามองกองหินที่วางอยู่ หินที่เหลือมีอยู่ไม่มากนักแล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มเลยบอกให้ทุกคนยิงให้น้อยลง และสำหรับกระสุนที่จะใช้ยิง
” ให้คนไปเอาซากออร์คที่ตายตรงหน้าประตูมาใช้แทนกระสุนหินครับ ” รอนบอก
หลังจากนั้นออร์คที่อยู่เบื้องนอกก็พบกับฝันร้าย เมื่อมันพบว่าของที่ลอยออกมาจากเมืองแล้วอัดทับจนออร์คบางตัวต้องตายไปไม่ใช่หิน แต่เป็นซากศพส่วนลำตัวของพวกพ้องของมันที่บุกเข้าไปก่อนหน้านั้น และบางครั้งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่แค่นั้น
จุดเล็กๆลอยขึ้นฟ้าเป็นจุด 20 กว่าจุด ออร์คเบื้องล่าง ตั้งโล่หรือวิ่งหลบกัน ก่อนที่จะมีเสียงดังรอบๆตัว
ตุบ ตุบ ตุบ ตั่บ ตุบ ตุบ ตั่บ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตั่บ
โอ้คคคคค!
อุ้งงงง!
ออร์คหลายตัวถูกกระแทก ส่วนใหญ่บาดเจ็บช้ำหรือกระดูกหักแต่ไม่ถึงกับตาย พวกมันคลำดูตามตัวอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเบ่งตากว้างมองของที่กระแทกตัวมันเมื่อครู่
อวาาาาาวาาวาวา!
@%#&*#!!!
ออร์คตัวเขียวต่างหน้าซีดเป็นสีเขียวอ่อน เพราะสิ่งที่กระแทกมันเมื่อครู่ก็คือซากศีรษะของพวกพ้องมันที่เมื่อครู่บุกเข้าไปในเมือง
ออร์คทั้งหลายต่างรู้สึกกังวลในอนาคตของตัวมันแล้ว
ข้างหลังพวกมันคือดราซัค จอมเวทความมืดที่โหดร้ายที่รวบรวมพวกมันมาด้วยวิธีต่างๆ ทั้งสัญญาว่าจะให้เผ่าพันธ์ของมันยิ่งใหญ่ ให้พวกมันได้ปกครองพวกมนุษย์ และถ้าใครต่อต้าน ดราซัคก็จะกำจัดทิ้งหมดทั้งผู้ต่อต้านและครอบครัวชนเผ่า
แต่ข้างหน้ามัน คือ มนุษย์ … มนุษย์ที่ปกติไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ครั้งนี้โหดเหี้ยมกว่าทุกครั้งที่มันเคยพบมาแบบไม่เคยพบเห็นมาก่อน
โฮวฮวฮวววว
โอร้คคคคคค
ออร์คจำนวนไม่น้อยร้องอย่างหวาดกลัวเสียขวัญ เสียงดังขึ้นชัดเจนจนแทรกผ่านเสียงการต่อสู้กัน
รอน ” เสียงออร์คที่ดังหลังจากเรายิงหัวพวกมันออกไปนั่น …. ”
ทหารที่เครื่องยิงหินร้องอย่างดีใจ ” ใช่ๆ เสียงพวกออร์ค เสียงแบบนี้ข้าจำได้ว่ามันเป็นเสียง ……”
รอน ” พวกออร์คท่าจะโกรธและร้องปลุกใจเพื่อบุกเข้ามา … สงสัยพวกเราต้องหยุดยิงหัวออร์คแล้วล่ะครับ ไม่งั้นมันโกรธกว่านี้แล้วเราจะลำบาก”
ทหาร ” …… ”
เสียงปลุกใจน้องสาวท่านสิ!
นั่นมันเสียงออร์คกำลังหวาดกลัว นี่ท่านเคยสู้กับออร์คมาจริงหรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ท่านออกไปรบกับพวกมันให้พวกเราเห็นมารอบนึง พวกเราจะคิดว่าท่านไม่เคยเจอออร์คมาก่อนเลยในชีวิตด้วยซ้ำ
ทหารและชาวบ้านทั้งหลายต่างไม่สนใจคำสั่งให้หยุดยิงหัวออร์คที่รอนสั่ง หากแต่ยังตัดหัวออร์คต่อไป โดยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ขึ้นไปอีก
ตัดมือมารวมกัน แล้วยิง
ตัดเท้ามารวมกัน แล้วยิง
ตัดส่วนแขนส่วนขามารวมกันแล้วยิง
เอาแต่ไส้และเครื่องในมายิง
เสียงออร์คร้องอย่างเสียขวัญดังมากขึ้นเรื่อยๆ จนพวกออร์คที่ประตูก็เริ่มถอยออกไปช้า … และนั่นยิ่งทำให้ชาวเมืองสามารถไปลากศพออร์คมาใช้ทำกระสุนได้มากขึ้น
” ฮ่าๆๆๆ ข้าไม่คิดเลยว่าออร์คมันจะร้องกลัวได้ขนาดนี้”
” สมควรแล้ว พวกมันที่บุกเมืองของเราควรเจออะไรแบบนี้บ้าง จะได้รู้ว่ามนุษย์ไม่ใช่พวกที่ถูกข่มเหงได้ง่ายๆ”
ทหารต่างร้องอย่างดีใจ เพราะในบรรดาเผ่าพันธ์ทั้งหลายในทวีปซีแลนเดีย ชนเผ่ามนุษย์จัดเป็นชนเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาทุกชนเผ่าและมีปัญหามอนสเตอร์กวนใจมากกว่าชนเผ่าอื่นๆ
มาครั้งนี้พวกเขามีโอกาสเอาคืนกันแล้ว
“ดาบพร้อมหรือยังครับ” รอนเดินกลับไปถามตรงจุดที่บรรดาช่างกำลังทำจัดการทำดาบกันอยู่ก่อนจะอึ้งไป
เพราะนอกจากช่างไม้แล้ว ช่างดาบก็กำลังช่วยกันลับคมดาบเพิ่มเติมอยู่
“นั่น …. ”
“ท่านรอนมาพอดี …พวกเราเห็นว่าดาบที่ทำออกมามันไม่คมมาก เราเลยกำลังช่วยกันลับดาบให้อยู่ครับ”
“แล้วดาบที่ท่านทำ มันไม่มีส่วนป้องกันมือ ข้าเลยเอาเหล็กมาเสริมลงไป”
“…..”
ดูเหมือนว่าดาบจะเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้ … เพียงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จหมดแล้ว ….
ดาบทั้ง 49 เล่ม พร้อมใช้งานแล้ว เหลือเพียงแต่คนที่จะใช้มันเท่านั้น
ตรงเบื้องหน้ามีทหาร100กว่าคน ทั้งหมดอยู่ในสภาพแข็งแรงที่สุด แกร่งที่สุด กล้ามใหญ่ล่ำที่สุดเท่าที่จะมีได้ รอนให้แต่ละคนต่างลองดาบดู
” ดาบนี้เป็นดาบที่ใช้ยากสักหน่อย แต่ผมรับรองในความแข็งแรงของมันครับ” รอนบอกทุกคน ” หน้าที่ของทุกคนมีเพียงแค่ ฟาด ฟาด แล้วก็ฟาดลงไป”
ทหารแต่ละคนยกดาบดู ดาบหนัก 2 กิโลกรัมหนักกว่าดาบสั้นที่พวกเขาใช้อยู่ แต่ถ้าเทียบกับขวานหรือค้อนศึกแล้วก็ไม่ได้ถือว่ามีปัญหาอะไร … ทหารบางคนส่ายหน้าเพราะไม่ถนัด แต่อีกหลายคนก็ลองฟันอากาศดูและรู้สึกชอบ สักพักเดียวก็ได้ทหาร 50 นายที่จะใช้ดาบนี้
“ผมจะบอกแผนให้ทุกคนไว้ก่อน ….เราจะบุกลุยออกไปพร้อมๆกัน” เด็กหนุ่มพูด ” แล้วเราจะมุ่งไปที่ดราซัค และฆ่ามันในคราวเดียว”
ทุกคนมองหน้ารอนด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“การรบในวันนี้ฝ่ายเราเป็นต่อฝ่ายมันมาก แต่ว่าส่วนใหญ่มันบาดเจ็บมากกว่าตาย ดังนั้นหากพวกมันก็ยังเหลือกำลังพลอีกมากเราก็จะยังเสียเปรียบอยู่ดี” รอนบอก “และถ้าพวกมันถอยทัพออกไปตั้งหลักหรือเตรียมพร้อมทำการรบยืดเยื้อ ฝ่ายเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
“ที่สำคัญที่สุด ดราซัคดูเหมือนจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด หากเรากำจัดมันและแม่ทัพออร์คทุกตัวได้ ออร์คทั้งหมดก็จะสลายกลุ่มไปเอง
ทุกคนพยักหน้า
” แล้วเราจะเริ่มออกเมื่อไหร่ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าดราซัคอยู่ตรงไหน” ทหารคนนึงถาม
” เราจะใช้ธนูสัญญาณในการบอกตำแหน่งดราซัค ” มีอาบอก ธนูสัญญาณเป็นธนูที่มีสีแดงสดและมีหัวธนูเหมือนนกหวีดที่ส่งเสียงได้
” ส่วนเรื่องจะออกเมื่อไหร่ เราจะรอสักครู่ครับ ผมจะเป็นคนบอกเอง”
รอนบอกทุกคน ก่อนจะเดินไปหามีอา ตกลงเรื่องแผนการบางส่วนในขั้นสุดท้าย
“ท่านแน่ใจนะ?”มีอาถาม
” ครับ … ขอแต่ว่าให้ฟังสัญญาณจากผมก่อน อย่าลงมือโดยที่ผมไม่ได้สั่ง” รอนบอกก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้ “แล้วนี่ …ผมฝากโทรศัพท์ไว้หน่อยครับ”
เด็กหนุ่มจัดแจงใส่ม้วนเวทมนตร์A4 ลงในกระเป๋า และเทผลึกแกนมอนสเตอร์ลงไป ยกเว้นแกนมอนสเตอร์ระดับ5 สี่ชิ้น ที่เขาเก็บแยกต่างหาก
มันเป็นไม้ตายที่เขาเก็บไว้ใช้ในขั้นสุดท้าย
“โอ้ย!”
“เฮ้ย ทำใจดีๆไว้ …. อ้าก”
เสียงร้องดังมาจากกำแพงเมือง คนโบกธงล้มลง ธง3 คันร่วงหล่นจากกำแพง ธนูเวทมนตร์สีดำปักอยู่บนร่างของทหารที่โชคร้าย
“ได้เวลาแล้วครับ ทุกคนบุกได้” เด็กหนุ่มบอกก่อนจะเดินไป ทหารอีก49นายเดินตาม ก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ
“ทุกคนหลบไป” ทหารที่อยู่ตรงหน้าขบวนตะโกน … ชาวเมืองที่กำลังใช้หอกสู้ยันออร์คอยู่ ทยอยถอยหนีกลับมาด้านหลัง ออร์คที่ออกันอยู่ตั้งหลักครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆย่างเดินเข้ามา ดาบใหญ่ในมือของพวกมันเงื้อเตรียมรับสู้กับทหารกลุ่มใหม่ที่กำลังวิ่งเข้ามา
แคร้ง ฉัวะ
แคร้ง ฉัวะ
โอ้คค
อู้วว
ออร์คที่ฟันดาบเข้าไปล้มลงตายโดยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะดาบของมันที่เหวี่ยงฟันใส่อย่างเต็มแรงหวังจะทำลายดาบในมืออีกฝ่าย เมื่อปะทะกับดาบของมนุษย์พวกนี้กลับหักแตก ก่อนที่มันจะถูกฟันจนล้มลง
กลุ่มของรอนและทหารบุกตะลุยฝ่าออกไป สามสิบคนทำหน้าที่ลุยเดินไปด้านหน้า ออร์คที่ขวางทางล้มตายกันเป็นทาง
“{อย่าฟันดาบปะทะมันตรงๆ}” แม่ทัพออร์คตะโกนสั่ง ก่อนหน้านี้มันสั่งให้ออร์คทุกตัวจงใจฟันดาบปะทะดาบมนุษย์เต็มแรง เพราะว่าดาบของมนุษย์มักบางกว่า ถ้าแรงชนแรงกัน ดาบที่บางกว่ามักจะแตกหักเสียหาย
ใครจะคาดว่าอยู่ดีๆพวกมนุษย์จะมีอาวุธแบบนี้โผล่ออกมา
“{ถอยไป ข้าจัดการพวกมันเอง}” แม่ทัพออร์คร้องขึ้นและเดินเข้าไป ยกดาบในมือชี้รอน “{แก … เข้ามา!}”
รอนเดินตรงไปข้างหน้าพูดตอบกลับไป … สกิล<ภาษาต่างประเทศ> ทำให้เขาเข้าใจสิ่งที่ออร์คกำลังพูด
“{ได้}”
เด็กหนุ่มเดินก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนที่จะพูดเป็นภาษามนุษย์ ” พวกเรา รุมแม่ทัพออร์คเลย”
ทุกคนวิ่งตรงเข้าไปหาแม่ทัพออร์คที่ยืนอยู่ตัวเดียว ออร์คตัวอื่นมองอย่างงงๆ เมื่อครู่นี้แม่ทัพออร์คบอกเหมือนกับว่าจะดวลกันไม่ใช่รึ
“{แก ไอ้พวกมนุษย์ แกรุมเรอะ …. ไอ้พวก…. }” เคร้ง เคร้ง มันต้องหยุดพูดเพราะดาบ5-6เล่มฟาดเข้าที่ตัวของมันอย่างแรง
“{ไม่ต้องมาพูดเรื่องรุม … พวกแกที่บุกเมืองมีเยอะกว่าพวกเราตั้งเท่าไหร่ แล้วตอนนี้จะมาพูดเรื่องความยุติธรรมเรอะ }” เด็กหนุ่มพูดตอบพลางเลือกฟันที่มือของออร์คแม่ทัพ … “{แล้วตะกี้แกแค่บอกให้เข้ามา แต่ไม่ได้บอกว่าจะตัวต่อตัวสักนิด}”
โอ้ค โอ้ค โอ้ค
แม่ทัพออร์คร้องอย่างเจ็บปวด แม้มันจะใส่เกราะบรอนซ์คลุมทั้งตัว แต่ว่าดาบของมนุษย์พวกนี้แข็งแกร่งเกินคาด ทุกครั้งที่ดาบฟันลงไป เกราะของมันจะบุบบี้ลงไป ออร์คที่พยายามเข้ามาช่วยต่างเข้ามาไม่ได้เพราะทหารคนอื่นๆช่วยกันต้านเอาไว้
“กดมันลง กดมันลง” ทหารช่วยกันจับออร์คในชุดเกราะลงพื้นขึงพืดแขนขา อีก4คนช่วยกันใช้สันดาบฟันลงไปที่ขาและลำตัวเต็มแรง เกราะเริ่มบุบบิดตามแรงกระแทกทีละน้อยๆ
แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ก!
โอ้ววววว
ขาสองข้างของออร์คแม่ทัพหักบิดลุกไม่ได้
“ต่อไปฟันหัวมัน”
แค้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ก แคร้ก โผละ โผละ
หมวกบรอนซ์บุบบี้ลง ก่อนที่จะมีเลือดและของเหลวข้นสีขาวไหลออกมา
“ช่วยกันจับมันโยนขึ้นไป”
“<Force>”
“<Force>”
“<Force>”
ทหารสามคนใช้เวทเร่งพลัง แล้วยกร่างไร้วิญญาณหนาหนักของออร์คแม่ทัพโยนขึ้นไป
ออร์คที่เห็นรอบๆมองอย่างเสียขวัญ …. ในกองทัพของมันมีออร์คระดับแม่ทัพ 3 ตัว ตัวนึงตายไปในการรบก่อนหน้านี้ อีกตัวหนึ่งไปรบที่อีกด้านหนึ่ง …. นี่เป็นแม่ทัพสุดท้ายที่อยู่ที่ฝั่งด้านนี้ … และถูกพวกมนุษย์จัดการไปแล้ว
วี้ดดดดด! เสียงธนูสัญญาณดังขึ้นบนฟ้า รอนมองตาม
“พวกเรา ไปทางนั้น ดราซัคอยู่ตรงนั้น” เด็กหนุ่มร้องบอกทหาร เขามองไป ร่างของทหารสามคนนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ” ไปเร็ว”
คนที่เหลือบุกตะลุยต่อไป ดราซัคที่เมื่อครู่ยังคอยยิงธนูเวทมนตร์ใส่คนถือธงสัญญาณตอนนี้รู้ตัวว่าไม่ปกติแล้ว และตอนนี้มันเริ่มหันหลังกลับเพื่อถอย
“เร็วเข้า เร็ว”
ทุกคนช่วยกันฟันฝ่าเข้าไป มองจากบนกำแพงเมืองเห็นเป็นเส้นทางโลหิตสีแดงยาวเจาะลึกเข้าไป
วี้ดดดดดดดดดดดด
“ธนูยิงออกไปไกล … ดราซัคมันไปไกลแล้ว”
รอนมองไปรอบๆ ตรงจุดนี้ออร์คไม่หนาแน่นเท่าที่กำแพงเมืองแล้ว แต่ว่าระยะห่างของพวกเขากับดราซัคมันห่างกันเหลือเกิน …พื้นที่ก็เฉอะแฉะจากเวทมนตร์น้ำที่ดราซัคปล่อยไว้ก่อนหน้านี้จนเป็นโคลนปนไปกับฟางข้างไหม้
เด็กหนุ่มมองดูดราซัคที่ห่างออกไป … มองดูทหารที่เหลือกันราวๆ 40 คนซึ่งกระจายรอบตัวเขาสู้กับออร์คอยู่ แล้วเขาก็เปิดเป้ออก ดึงปึกกระดาษA4 ออกมา30แผ่น …. อักขระอักษรเวทสีแดงชมพูที่เขียนด้วยกาวยางยังแปะติดชัดเจน
เขาปักแกนมอนสเตอร์ระดับสามลงไป จากนั้นกระตุ้นการทำงานด้วยแกนมอนสเตอร์อีกอัน
ครืดๆๆๆ
ร่างสีน้ำตาลดำที่เต็มไปด้วยฟางและโคลนลุกขึ้นมาจากพื้น
“นี่มันโกเลมดิน <Mud Golem>” ทหารคนนึงร้อง
รอนเรียกโกเลมดินขึ้นมาอีกจนครบ 30 ตัว จากนั้นบอกกับทหารรอบๆ
“ทุกคนค่อยๆเคลื่อนสู้ไปช้าๆครับ ส่วนผมจะตามดราซัคไปเอง”
“ท่านรอน แต่โกเลมโคลนพวกนี้พลังในการต่อสู้ต่ำมากแล้วก็ไม่ฉลาด มันช่วยอะไรพวกเราได้ไม่มากหรอก”
โกเลมเป็นหุ่นที่ความสามารถต่ำ ทำงานยากๆไม่ได้ ถ้าให้สู้แบบการรบมันก็ทำได้แค่เป็นตัวถ่วงเวลาเท่านั้น
“….. งั้นแบบนี้ โกเลมทุกตัวจงฟัง” รอนร้อง “ไม่ต้องสู้กับใคร แค่กอดออร์คที่อยู่ใกล้ๆให้แน่นที่สุดเท่านั้น”
โกเลมทุกตัวชูแขน จากนั้นเดินไปหาออร์คช้าๆ ออร์คฟันฉับถูกโกเลมแต่ไม่เข้า จากนั้นมันก็กอดหมับ ออร์คที่ถูกกอดพยายามดิ้นให้หลุดแต่ดิ้นไม่ออก
“ตอนนี้แหละ พวกท่านจัดการออร์คที่เจอกอดได้เลย” รอนบอกก่อนจะดึงม้วนเวทย์อีกอันออกมา ทหารตรงเข้าไปจัดการออร์คทีละตัว ออร์คที่ถูกโกเลมกอดอยู่ขยับไปไหนไม่ได้ ถูกฟันตายอย่างง่ายดาย … จากนั้นโกเลมก็ปล่อยซากออร์คลงแล้วตรงไปหาเหยื่อรายใหม่ให้กอด
รอนวางม้วนเวทมนตร์อีกอันลงกับพื้น จากนั้นกระตุ้นการทำงาน …. ม้วนเวทนี้ชื่อม้าหญ้าโคลน … เป็นโกเลมที่ใช้ในการเดินทางอันเดียวที่ใช้แกนมอนสเตอร์ระดับ3ได้ …. โคลน และ ฟาง ค่อยๆก่อร่างขึ้นมาเป็นสัตว์สี่เท้า ….
“เดี๋ยวๆ … นี่มันไม่ใช่ม้านี่หว่า” รอนอุทาน
เพราะตรงหน้าของเขามันคืออัลปาก้าชัดๆ! …
เอาวะ ม้าหญ้าโคลนก็ม้าหญ้าโคลน … รอนยัดแกนมอนสเตอร์เข้าปากของมันตามในคู่มือเพื่อเพิ่มระยะเวลาการทำงาน จากนั้นก็กระโดดขึ้นนั่ง
“ไปเลย ม้าหญ้าโคลน!” รอนร้องสั่งและชี้ไปทางดราซัคที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 300 เมตร อัลปาก้าดินกระโดดไปข้างหน้า ควบไปตามพื้นโคลนที่เฉอะแฉะอย่างรวดเร็ว ออร์คที่อยู่รอบๆพยายามตามแต่ตามไม่ทัน
รอนควบอัลปาก้าวิ่งไปจนกระทั่งทันจอมเวทความมืด …แม้อีกฝ่ายจะใช้เวทเพิ่มความเร็วแต่ว่าบนพื้นดินเฉอะแฉะนี้ความเร็วของมันก็ไม่อาจเทียบกับม้าหญ้าโคลนได้
เด็กหนุ่มควบอัลปาก้าไปขวางทางดราซัค ก่อนจะกระโดดลงมา ออร์คที่อยู่ใกล้ๆวิ่งเข้าหา
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
ออร์ค5 ตัวตายในดาบเดียวทั้งหมด … สกิล<ออร์คศึกษา> ทำให้ออร์คพวกนี้ไม่ใช่คู่มือของเขาเลย …จากนั้นออร์คที่เหลือก็ไม่กล้าเข้ามาอีก
“เจ้าหนุ่มน้อย … คิดว่าเจ้าคนเดียวจะสู้กับข้าได้เรอะ”
รอนไม่พูดอะไร ควักม้วนเวทที่เตรียมไว้ออกมาวาง … ดราซัคมองแล้วส่ายหน้าแสยะยิ้ม
” ม้วนเวทเล็กแค่นั้นเนี่ยนะ” จอมเวทดำพูด “ม้วนเวทระดับ1-2 คิดว่าจะทำอะไรข้าได้เรอะไง”
รอนปักแกนมอนสเตอร์ระดับ5ที่ได้จากโทรลทั้ง4ตัวลงที่ทั้ง4มุม จากนั้นขว้างแกนมอนสเตอร์อีกอันเพื่อกระตุ้น
“ใครบอกว่านี่เป็นม้วนเวทระดับ1กัน” … รอนบอกพลางถอยออกมา … ก้อนหินจากใต้พื้นดินค่อยๆก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
โกเลมหินร่างสูงใหญ่4เมตร ชูแขนยืดตัวก่อนจะเดินตรงไปด้านหน้า มันทุบออร์คที่วิ่งเข้ามาตัวแรกจนเละจมดิน
“นี่มัน …. นี่มันม้วนเวทระดับ5″ ดราซัคร้อง ” เป็นไปได้ยังไง ม้วนเวทระดับ5ทำไมมันเล็กแค่นั้น”
รอนคลี่ม้วนเวทโกเลมดินA4อีกหลายอันลงพื้นแล้วรีบกระตุ้น ก่อนจะสั่งให้มันกอดออร์คที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ให้หมด …. ตอนนั้นเองที่ดราซัคถึงเห็นว่าม้วนเวทในมือของเด็กหนุ่มวาดได้ละเอียดกว่าม้วนเวททั่วๆไป
ปัญหาของโลกนี้คือ กาวที่ใช้ทาผลึกเวทมีคุณภาพต่ำ ทำให้ต้องทาหนาและใหญ่ ม้วนเวทระดับ5จะมีขนาดใหญ่มาก เหมือนกับม้วนที่ใช้สอดเข้าไปทำลายกำแพงเมือง
แต่กาวยางของรอนแก้ปัญหานั้นได้ … ทำให้วาดม้วนเวทระดับสูงลงบนกระดาษA4ได้สบายๆ
“ตาย” ดราซัคยิงธนูเวทมนตร์
เคร้ง ฉึก
[-3]
รอนหยิบน้ำตาลขึ้นมากิน
[+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8]
แสงสีขาวเรืองรองขึ้นมาพร้อมกับแผลที่หายและธนูที่สลายไป
“ตาย …. เฮ้ย” ดราซัคร้องอย่างตกใจเมื่อเงาดำทาบลงมา
ปัง!
โกเลมหินทุบลงไปที่จอมเวทดำ แต่ติดเกราะเวทมนตร์ที่ดราซัคกางป้องกันตัวไว้ … เสียงกระแทกกันดังพร้อมกับรอยแตกจางๆที่ปรากฎบนเกราะนั้น ดราซัคระดมยิงโกเลมหินด้วยเวทมนตร์ของมัน โดยไม่สนใจรอนที่พยายามใช้ดาบฟัน ….ดาบเล็กๆนั่นไม่ใช่ปัญหากับเกราะของมันเท่ากับโกเลมยักษ์นี่ ไม่นับว่าตอนนี้เกราะของมันเหลือเพียงแต่เกราะด้านหน้า … เพราะเกราะหลังของมันพังไปตอนที่เจอเครื่องยิงหินถล่มจนม้าของมันยังต้องตายไป
รอนพยายามฟันดาบเข้าไปอย่างไม่เป็นผล โกเลมก็พยายามทุบลงไปแม้จะกระเทาะลงเรื่อยๆจากธนูเวทที่ปักเข้าตามตัว
ดราซัค “เพลิงพิฆาต”
[-10]
รอนกลืนน้ำตาล
[+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8] [+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8]
“หอกปฐพี”
[-3][-3][-3]
[+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8] [+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8] [+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8][+0.8]
จอมเวทดำเหงื่อตก เพราะนอกจากต้องหลบโกเลมหินแล้วมันลองปล่อยเวทใส่เด็กหนุ่มตรงหน้า แต่เจ้านี่มันใช้เวทรักษาตัวได้รวดเร็วมาก
มันตั้งใจใช้เวทคำสาบ แต่ว่าก็ทำไม่ได้ เพราะระยะเวลาในการร่ายนานเกินไป จึงทำได้แต่หลบไปมาและมุ่งกำจัดโกเลมไปก่อน ดราซัคปล่อยเวทใส่โกเลมหินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
ปี้ดดดดดดดดดดด เด็กหนุ่มหยิบนกหวีดขึ้นเป่า ก่อนจะตะโกน
“โกเลมทั้งหลาย จับออร์คเอาไว้อย่าให้เข้ามาขวางได้”
ดราซัคแสยะปากนิดนึง … เจ้าเด็กนี่คิดเรอะว่าลำพังโกเลมหินนี่จะจัดการอะไรมันได้ … ถึงไม่มีออร์คมาช่วย ไม่ช้าไม่นานโกเลมนี่ก็ต้องพังอยู่ดี
แต่ที่มันไม่รู้คือ เมื่อสิ้นเสียงเป่านกหวีดแล้ว บนกำแพงเมืองเกิดความเคลื่อนไหว …คนโบกธงดำ ชี้และพยายามบอกระยะทาง … ช่างยิงทุกเครื่องพยายามเล็ง ….และเมื่อถึงช่วงสุดท้ายของการเล็ง … ช่างก็ทำตามที่มีอาสั่งเอาไว้
“ให้พวกผู้หญิงมาเล็งขั้นสุดท้าย! เร็วเข้า”
พวกผู้หญิงเข้ามาช่วยกันหมุนเครื่องอีกนิดนึง ก่อนจะหยุดและรอคำสั่ง
โดยที่ทุกคนไม่รู้ ตอนนี้ในสายตาของรอน …มีเส้นทางสีทองลากยาวมาบนท้องฟ้าและมีจุดสีเหลืองปรากฎที่พื้น … เป็นจุดการเดินทางของลูกหินที่จะถูกยิงออกมา ! ที่มองเห็นได้ด้วยสกิล<สตรีศึกษา Lv 49>!!!
เด็กหนุ่มค่อยๆสั่งโกเลมหินให้ถอย ช้าๆ … ทั้งสามเคลื่อนตัวเข้าไปถึงจุดที่หินจะตกหนาแน่นที่สุด
ปี้ดดดดดดด
รอนเป่านกหวีดอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้ตะโกนเรียกโกเลมดินแล้ว
“โกเลมหิน ตรึงมันไว้ตรงนั้น!”รอนกระโดดไปหลบในตรงจุดที่เห็นรอยเส้นทางน้อยที่สุด
ดราซัคที่เอะใจหันเหลือบไปมองด้านหลัง “แก … แก. … นี่แกกะจะตายไปพร้อมกับข้าเรอะ!” มันพยายามหลบแต่โกเลมหินดักเส้นทางซ้ายขวาไว้จนหมด มันตัดสินใจอย่างยากลำบาก ก่อนจะตัดใจย้ายเกราะส่วนหนึ่งไปด้านหลัง
“ย้ากกกก”
ตูม ตูม ตูม ตูม แผละ ตูม ตูม
ห่าก้อนหินตกรอบๆบริเวณ ดราซัครับรู้ได้ถึงขาและแขนของมันข้างหนึ่งที่ถูกบดขยี้ …โกเลมหินตรงหน้าฟาดลงมาถูกขาของมันจนบิด ก่อนที่หินก้อนหนึ่งจะกระแทกโกเลมจนแตกครืนลง
มันมองไปที่เจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กหนุ่มคนนั้นยืนมองมันนิ่งๆไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัวหรือหลบแต่ประการใด หินก้อนใหญ่ทั้งหลายที่ตกลงมาพุ่งกระดอนผ่านซ้ายขวาหรือแม้แต่ข้ามศีรษะของเด็กคนนั้นไปโดยไม่โดนแม้แต่น้อย
มันเป็นไปได้ยังไง !
มันคำนวณทิศทางหินตกไว้แล้วเรอะ !!!
ฝุ่นควันจางลง รอนยืนอยู่สงบนิ่ง จอมเวทดราซัคนอนหงานอยู่ที่พื้น ขาสองข้างแหลกละเอียดจากหินที่ทับและจากโกเลมหินที่ทุบลงมา แขนซ้ายของมันแหลกละเอียดไปจนถึงไหล่
รอนมองดูแบบไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ กับมอนสเตอร์ที่ผ่านๆมา เขากล้าฆ่าเพราะพวกมันไม่ใช่มนุษย์
แต่กับดราซัคที่รูปร่างเป็นมนุษย์ เขาไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรดี … แต่ถ้าไม่จัดการเด็ดขาด ออร์คที่กำลังรบอยู่ก็จะฆ่าชาวเมืองและทหารไปเรื่อยๆ
“ม้าหญ้าโคลน เข้ามา!” รอนสั่งโกเลมให้เดินมา เขาจะเอาดราซัคไปส่งที่เมืองให้มีอากับท่านโซล่าตัดสินว่าจะจัดการยังไงก็แล้วกัน
ดราซัคเองมองดูเด็กหนุ่มที่หันหลังให้ มันรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มไม่คิดจะฆ่ามันตอนนี้ มันยิ้มที่มุมปากก่อนจะเริ่มร่ายเวท
“ข้าแต่เทพฮาเดสผู้ดูแลโลกแห่งความตาย โปรดรับเครื่องบูชาเป็นพลังเวทแห่งข้า เปลี่ยนเป็นพลังแห่งไฟดำจากนรก เผาผลาญหมดทุกสิ่งอย่าง ด้วยพันธสัญญาแห่งความมืดแห่งลาเมีย ธานาทอส แองเจโลส และอีเรบัส โปรดทำลายศัตรูตรงหน้าข้าด้วยการเผาผลาญพลังมานาของมัน ไฟนรก !!! <Hellfire>”
รอนหันหลังกลับมาพอดีตอนที่มันร่ายเวทเสร็จ เด็กหนุ่มตกใจที่ดราซัคยังขยับตัวได้รีบถอยห่าง แต่ว่าหมอกควันสีดำละเอียดหนาทึบที่ออกมาจากมือของดราซัคลอยออกมาปกคลุมทั่วตัวของเขาเรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเด็กหน้าโง่ ถึงแกจะมีมานามหาศาลและเวทรักษาที่เยี่ยมยอดแค่ไหน แต่ต่อหน้าเวทHellfireนี้ แกก็ไม่มีทางทำอะไรได้ จงตายไปพร้อมกับความแค้นเถอะนะฮ่าฮ่าฮ่า”
ดราซัครีบเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อ มันรีบดูดซับพลังเวทจากผลึกแกนมอนสเตอร์ระดับสูงที่พกติดตัวเพื่อเพิ่มพลังเวทในตัวเอง เสร็จจากเจ้าหนุ่มนี่ มันต้องหาทางหนีต่อ…
แต่ดูเหมือนหมอกควันดำนั้นหมุนวนรอบตัวรอนเหมือนพยายามจะหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะลอยค้างนิ่งแล้วย้อนกลับไปหาดราซัคอีกครั้ง
“เฮ้ยๆๆๆ เกิดอะไรขึ้น” ดราซัคร้อง “ทำไมเวทคำสาปใช้กับแกไม่ได้”
หมอกสีดำถูกดึงดูดด้วยพลังเวทในกายของดราซัค และค่อยๆแทรกเข้าไปตามปากจมูกและผิวหนัง ไฟลุกขึ้นมาตามตัวของมัน
“ทำไม ทำไม ทำไมมมมม”
รอนหันไปมองแล้วส่ายหน้า
“ก็ผมไม่มีมานา ผมใช้เวทไม่ได้” รอนตอบสั้นๆ
ดราซัคกรีดร้องท่ามกลางเพลิงที่แผดเผาร่างของมันด้วยความแค้นเป็นประโยคสุดท้ายในชีวิต
“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”