Midterm Fantasy - ตอนที่ 68
รอนกลับมายังห้องของตนเอง… เอาโทรศัพท์มือถือมากดดู… หวังว่าเสียงที่ตัดต่อไว้จะทำให้พวกสามตระกูลใหญ่เกิดการแตกแยกกันเอง
เพราะเมื่อเขาฟังสิ่งที่แอบอัดไว้พบว่าคนที่ตรวจสอบว่ามีการลอบบันทึกเสียงหรือไม่คือคนที่ชื่อเบน เซเลนิค
ดังนั้นถ้าตัดเสียงของเบน เซเลนิคคนนี้ออกทั้งหมด แล้วกระจายเสียงออกไป ย่อมเกิดความไม่ไว้วางใจระหว่างกันในหมู่สามตระกูลใหญ่แน่ๆ ว่าเบนคือคนแอบอัดเสียงหรือไม่
หากปล่อยเสียงทั้งหมดออกไป ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนคิดว่าไม่รอนก็โซล่าคือผู้บันทึกเสียงไว้ สามตระกูลก็จะพร้อมใจผนึกกำลังกัน
แต่หากทำแบบนี้ หากท่านโซล่ายืนกรานว่าไม่รู้เรื่อง คนที่ต้องสงสัยที่สุดก็คือตระกูลเซเลนิค ทั้งสามตระกูลรวมกำลังไม่ได้ ผลดีก็จะตกแก่ท่านเจ้าเมือง
มีสิ่งน่าเสียดายอย่างนึงคือ รอนไม่กล้าบอกลาใครนอกจากเบรเซอร์และพ่อค้ากลาส เพื่อให้ละครฉากนี้สมจริง เขาต้องทำให้เหมือนกับจำใจต้องออกจากเมืองอย่างเร่งด่วน
เบรเซอร์ เขาบอกเพราะหากชาวบ้านเกิดไม่พอใจแล้วทำอะไรเกิดเลย เบรเซอร์จะได้แอบเตือนทุกคนได้
ส่วนกลาส เขาบอกเพราะมีภารกิจบางอย่างที่ขอให้กลาสกระทำ
รอนวางถุงเงินลง เหรียญทอง400เหรียญไหลออกมา
และสำหรับอีกอย่าง
[ศิลานักปราชญ์ 1pt]
” เจ้าลูกแก้วอันนี้มันมาจากดราซัคที่เป็นจอมเวท … ถ้าเราดูดซับมันเข้าไปจะใช้เวทมนตร์ได้เหมือนมันหรือไม่นะ”
รอนลองถือลูกแก้วดูเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งก่อน
…. ไม่ยักเกิดอะไรขึ้นแฮะ
“ดูดซับ”
“ใช้ลูกแก้ว”
“รับลูกแก้ว”
ไม่ได้ผล
“ใช้ศิลานักปราชญ์”
[ท่านไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากท่านมีศิลานักปราชญ์แล้ว]
อ้าว ใช้ไม่ได้ ….
รอนคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรกับลูกแก้วนี้ต่อ เลยได้แต่เก็บมันไว้ในเป้สะพายแล้วไปนอน
เช้าวันถัดมา 24 ธันวาคม วันอาทิตย์ รอนตื่นแต่เช้าอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวจากนั้นลงไปกินข้าว
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
“จ๊ะ แต่งตัวจะไปไหนเหรอลูก” แม่ถาม
“เดี๋ยวผมจะไปบ้านแพทหน่อยน่ะครับแม่” รอนบอกโดยละไว้ไม่บอกว่าจะไปเพื่อเอาทองไปแลกเงิน
“อืม … อย่าพาหนูแพทกลับบ้านดึกแล้วกัน” พ่อบอก
“ครับ?”
“อ้าว ก็วันนี้วันคริสต์มาสอีฟ ที่โบสถ์มีงานไม่ใช่เหรอ?”พ่อถาม
อ้อจริงด้วย คืนนี้เป็นคืนก่อนวันคริสต์มาส จะมีงานที่โบสถ์ข้างๆโรงเรียน ปกติจะมีพิธีมิสซาตอนเที่ยงคืนและก่อนหน้านั้นจะมีกิจกรรมที่เด็กนักเรียนและคนที่อาศัยบริเวณนั้นก็จะไปร่วมงานฉลองกัน ปกติแล้วรอนไม่เคยไปร่วมงานนี้ แต่สำหรับแพทที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนักน่าจะไปร่วมงานด้วย
“โอ้ จริงด้วย งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมกลับช้ามืดหน่อยนะครับ” รอนบอก … พ่อกับแม่มองหน้ากันวูบนึง นี่ตกลงที่จะไปบ้านหนูแพทนี่เจ้ารอนไม่ได้กะจะพาไปงานที่โบสถ์เรอะ
….
หลังกินข้าวเสร็จรอนจัดการเอาเป้ใส่หนังสือสมุดและเอาเหรียญทอง100เหรียญใส่ลงไป … อีก400เหรียญเขาเก็บเอาไว้ก่อนเผื่อว่าตอนที่กลับไปที่ฝั่งนั้นจะได้มีเงินใช้
เด็กหนุ่มขึ้นรถสองแถวไปลงที่ท่ารถ จากนั้นเดินต่อไปจนถึงบ้านของแพท … เขากดกริ่งรั้วบ้าน
“มาหาใครครับ” เสียงผู้ชายคนนึงที่เดินมาตรงหน้าบ้านถามขึ้น
“ผมมาพบคุณวิทวัสครับ ….ผมเป็นเพื่อนกับแพท ชื่อรอน”
“งั้นสักครู่นะครับ” ชายคนนั้นยกวิทยุที่เอวมากดพูดโต้ตอบสักครู่นึง ก่อนจะเปิดประตูให้ “เชิญครับ”
รอนเดินเข้าไปได้สักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเห็นร่างที่คุ้นหน้าเดินตรงมา
“สวัสดีครับลุงบัว”
“เชิญข้างในครับ นายรออยู่ในบ้าน”
เด็กหนุ่มเดินตามลุงบัวเข้าไปในบ้านผ่านห้องรับแขกก่อนจะไปถึงที่ห้องหนังสือ
“นายครับ … มาแล้วครับ” ลุงบัวเอ่ย
“เอ้า นั่งสิรอน” คุณพ่อของแพทชี้มือไปที่เก้าอี้ “มีอะไรเรอะ”
รอนหยิบถุงใส่เหรียญทองขึ้นมาแล้วยื่นให้
“ผมเอาเหรียญทองมาขายเพิ่มครับ”
ชายวัยกลางคนหยิบถุงเหรียญทองไปดู … ภายในมีเหรียญทองอยู่100เหรียญ และมีผลึกแกนมอนสเตอร์อีก4อัน เป็นผลึก Lv 3 สามอัน และผลึกLv4 ที่ได้จากแม่ทัพออร์คอีก1อัน
“ได้ เดี๋ยวลุงจัดการให้” เขาตอบโดยไม่ได้ถามที่มาของเหรียญทอง “แล้วจะให้ลุงโอนเข้าบัญชีธนาคารเหมือนเดิมไหม หรือจะเอาเป็นเงินสด”
แทนคำตอบ รอนยื่นกระดาษที่มีรหัสตัวเลขและตัวอักษรส่งให้ คุณวิทวัสรับไปแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายลง
“ได้ …. ว่าแต่ทำไมคราวนี้ถึงให้โอนเงินผ่านBitcoinล่ะ”
“บัญชีธนาคารถอนโอนสะดวก แต่ไม่สะดวกเรื่องการเคลื่อนไหวของเงินจำนวนมากๆครับ”
รอนตอบสั้นๆ … หลังจากเหตุการณ์ตอนนั้นรอนได้รับบทเรียนแล้วว่าระบบความปลอดภัยของการเงินในชีวิตประจำวันยังมีอะไรที่ไม่เข้าทีอยู่ ถ้าหากพลาดพลั้งนิดเดียวเงินทั้งหมดอาจจะสูญได้
นอกจากนี้ หากเกิดมีคนล่วงรู้ว่าในบัญชีมีเงินมากๆ อาจจะเกิดปัญหาได้
… เขาคิดมากไปไหม …
ไม่หรอก … ขนาดคนบางคนไปฝากถอนเงินเฉยๆ ยังบ่นว่าพนักงานธนาคารยังกดดูจำนวนเงินในบัญชีแล้วชวน”ออมเงินดอกเบี้ยสูง” ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อการออมแบบระยะยาวแถมความคุ้มครอง (ประกัน) ได้เลย
รอนได้ข่าวอะไรแบบนี้มาบ่อย เลยคิดว่าหากเก็บเงินหลักล้านในบัญชีที่มีระดับความปลอดภัยทางข้อมูลสูงขนาดนี้ อาจจะมีปัญหาได้ สู้เก็บกระจายในที่ที่ไม่มีคนรู้ดีกว่า
“โอเค งั้นถ้าจัดการเสร็จลุงจะให้คนที่จัดการโอนเงินผ่านaddressที่ว่านี้”
“ขอบคุณครับ …. แล้วก็ …. ” รอนพูดต่อ
“เย็นนี้ผมจะขอพาแพทไปงานที่โบสถ์ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มพูด “งานจัดที่ข้างโรงเรียน มีกิจกรรมที่ทางวัดจัดกันทุกปีช่วงเย็นๆ”
คุณพ่อของแพทมองหน้าสักครู่หนึ่ง
“เรื่องนี้เธอลองถามแพทดูเองแล้วกัน … ทุกปีแพทเค้าไปกับตาบัวอยู่แล้ว ถ้าเค้าไปก็ให้ตาบัวไปนั่งรอที่โรงเรียนก็ได้” พ่อบอก
“ขอบคุณครับ” รอนเอ่ย … ครั้งนี้ต่างจากที่ไปเที่ยวเมื่อวันอาทิตย์โน้นตรงที่เป็นตอนเย็นถึงกลางคืน … เขาเลยต้องขออนุญาตผู้ใหญ่ก่อน
ทั้งคู่นั่งจ้องหน้ากันสักครู่หนึ่ง …..
…
…
…
“มีอะไรอีกไหม” คุณวิทวัสถาม
“….” รอนหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋า “วันนี้ผมเอาหนังสือมาติวกับแพทด้วยครับ”
“ติว? ” พ่อถาม “เพิ่งสอบกันไปเองไม่ใช่เหรอ”
“เดี๋ยวอีกไม่นานก็จะมีสอบFormative2 ครับ ผมเลยคิดว่าน่าจะต้องเตรียมตัวไว้ก่อน … แล้วก็ผมคิดว่าถ้าติวไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเรียนน่าจะดีกับแพทมากกว่าเรียนแล้วค่อยมาติวครับ” รอนบอก “ยิ่งช่วงหลังๆช่วงทบทวนบทเรียนตอนเย็นสั้นลง บางวันแทบไม่ทัน”
“อืม … ได้ ได้ งั้นเดี๋ยวลุงไปบอกแพทให้”
*****
เด็กทั้งสองนั่งติวนั่งคุยในห้องหนังสือ … รอนพูดบทเรียนที่ตนสรุปเอาไว้ออกมาให้เด็กสาวฟังไปเรื่อยๆเรียงตามวิชาที่จะต้องเรียนในสัปดาห์ที่จะถึง ด้วยความที่รอนเตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว ทำให้กการติวการสอนด้วยปากเปล่าเป็นไปได้อย่างไม่ยุ่งยาก จากนั้นเขาก็เอาข้อสอบทดสอบจากหนังสือในห้องสมุดที่รวบรวมมาให้แพทลองนั่งทำดู
ระหว่างที่เด็กสาวนั่งทำแบบทดสอบไป รอนก็พักเสียง จิบน้ำ ตามองไปที่แพทที่ทำข้อสอบอยู่แล้วเงยหน้าขึ้น ข้างหน้าของโต๊ะที่เขา … ไปสะดุดที่หนังสือที่จัดวางในชั้นตรงหน้า
หนังสือในชั้นอื่นๆเป็นหนังสือวรรณกรรม นิยาย ความรู้ทั่วไป ที่มีวางขายตามท้องตลาด แต่ว่าหนังสือตรงหน้านี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ชั้นบนๆเป็นคู่มือสอนศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ ชั้นถัดลงมาเป็นเรื่องการใช้อาวุธระยะประชิด ถัดลงมาเป็นเรื่องสงครามยุคกลาง และถัดลงมาอีกเป็นหนังสือมีตราอินทรีและสมอเรือ
“หนังสือนี่….”
“อ๋อหนังสือของพ่อน่ะ” แพทเงยหน้าขึ้นมานิดนึง
“เราดูได้ไหม”
” … เดี๋ยวนะ” แพทบอกแล้วหันไปด้านหลัง “พ่อคะ รอนขอดูหนังสือตรงนี้ได้ไหมคะ”
คุณพ่อของแพทที่นั่งด้านหลังเอียงหนังสือพิมพ์ลง ” ได้สิ ”
รอนค่อยๆดึงออกมาดู ตำราพวกนี้ ….ไม่ค่อยมีขายตามร้านหนังสือ และนอกจากหมวดสงครามยุคกลางแล้ว ที่ห้องสมุดโรงเรียนก็ไม่มีเล่มอื่นๆ โดยเฉพาะหนังสือที่ปกเป็นนกอินทรี … เป็นหนังสือของทหารนาวิทโยธินต่างประเทศ แม้จะมีให้downloadในinternet แต่ว่าฉบับตรงหน้านี้เป็นฉบับพิมพ์เก่านานมาแล้ว และภายในนั้นมีลายมือเขียนวันเดือนปีที่ซื้อมาตั้งแต่30ปีก่อน
ดูเหมือนว่าพ่อของแพทจะสนใจเรื่องพวกนี้มากพอดูเลย ….
[คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง]
รอนสะดุ้งอีกครั้ง …. ก่อนจะทำท่ายกมือไปเขี่ยๆให้คำเตือนนี้หายไป พลางมองดูสิ่งที่ปรากฎขึ้นมา ….
ตั้งแต่เขานั่งติวกับแพทมาหลายชั่วโมง [คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง] นี่เด้งขึ้นมาไม่ต่ำกว่า30รอบแล้ว
ลุงไม่ต้องทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ก็ได้นะครับ …. ลุงอ่านหน้าเดิมมา3ชั่วโมงแล้ว!
*****
ตกเย็น รอนกับแพทนั่งรถไปด้วยกัน แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆแต่ว่าลุงบัวก็ขับรถไปจอดไว้ที่โรงเรียนด้วยเหตุผลว่าตอนขากลับเป็นช่วงมืดจะได้ไม่ต้องเดินกลับซึ่งอันตรายกว่า
“งั้นเดี๋ยวผมรออยู่นี่นะครับ ถ้าคุณหนูเที่ยวงานเสร็จแล้วก็กลับมาที่รถมาเรียกผมแล้วกันนะครับ” ลุงบัวบอก
“ได้ค่ะ” แพทตอบแล้วโบกมือให้ก่อนจะเดินนำรอนเดินข้ามจากฝั่งโรงเรียนไปยังโบสถ์ที่อยู่ติดกัน เธอชี้ไปที่ด้านใน
“ไปเล่นสอยดาวกัน” เด็กสาววิ่งนำไป รอนส่ายหน้าแล้วเดินแกมวิ่งตามไปยิ้มๆ
…
..
.
“ว้า ได้ท็อฟฟี่”
“ฮ่าๆๆ” รอนหัวเราะ “สงสัยวันก่อนที่เธอจับให้เด็กๆที่มากับคุณพ่อปิติ เด็กๆก็คงได้ลูกอมแหงๆ”
“แหม … แต่เราอยากเล่นนี่นา” แพทเบ้ปากนิดนึงก่อนจะเสยผม … กำไลข้อมือเคลื่อนให้เห็น
“หืมแพท วันก่อนกำไลอันนี้มีพลอยสีแดงๆไม่ใช่เหรอ” รอนทัก
“อื้อ … ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้โชคไม่ดีเลย ทั้งสร้อยคอกับกำไลที่ใส่มาโรงเรียน หินพลอยที่ติดยึดไว้มันหลุดหมดเลย” แพทบ่น “หินแดงๆนี่ทำมาจากแก้วที่เธอขายให้พ่อเราด้วย …ไม่รู้มันแตกหรือหลุดจากตัวยึดหรือเปล่าถึงได้หายไปไม่มีใครเห็นแบบนี้”
เด็กสาวบ่นก่อนที่จุดึงสร้อยคอออกมา ตรงที่ยึดผลึกสีแดงไว้เมื่อวันก่อน มาบัดนี้ไม่มีหินที่ว่าติดอยู่เลย
เธอบ่น … ส่วนรอนมองหน้าแล้วจ้องครู่หนึ่งไม่วางตา
” มีอะไรเหรอรอน”
“อ๋อ เราแค่คิดว่าหน้าเธอวันนี้แปลกกว่าเมื่อวันศุกร์ในงานคริสต์มาสนิดนึง” รอนบอกแล้วทำท่าคิด วันก่อนแพทก็ลากเขาเล่นเครื่องเล่ม วันนี้เด็กสาวก็จูงพาเขาเล่นกิจกรรมและเครื่องเล่นเหมือนเดิม แต่ดูแล้วเหมือนมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม
รอนต้องดวงหน้าของเด็กสาว แว่นสีเงินอยู่ในที่ของมัน ผิวหน้าเนียนละเอียด กลิ่นโคโลญน์ประจำตัวของแพทก็เหมือนเดิม แววตาอันซุกซนก็ไม่ได้ต่างจากเดิม … ริมฝีปากเล็กๆ …
“อ้อ วันนี้ไม่ได้ทาลิปสติก” รอนบอกก่อนจะยิ้ม “ทุกทีเธอจะทาสีชมพูยกเว้นวันงานวันก่อนที่ทาสีแดง”
“ไปเล่นบิงโกกัน” แพทหน้าแดงจับข้อมือของเด็กหนุ่มดึงไปโดยไม่ทันรอให้พูดจบ ปล่อยให้คำพูดของรอนจมหายไปตรงนั้น
ทั้งคู่เล่นกิจกรรมที่ทางโบสถ์จัดไว้รอบนอกจนหมด เหงื่อซึมไปทั่วทั้งใบหน้าของทั้งสองคน รอนแวะซื้อน้ำแล้วเดินกลับมานั่ง มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลา4ทุ่มครึ่งแล้วก็จัดเป้สะพาย … เอาของรางวัลที่แพทจับมาได้ไปรวมไว้ที่เดียวกัน ผู้คนที่มาเที่ยวงานรื่นเริงเริ่มบางตา ส่วนคนที่จะมาร่วมพิธีมิสซาคืนวันคริสต์มาสเริ่มทยอยเดินทางมากันแล้ว เด็กสาวรับน้ำดื่มจากมือรอนแล้วดูดดับกระหาย
“เอ้า เช็ดเหงื่อก่อน” รอนส่งผ้าเช็ดหน้าให้ แพทรับไปเช็ดที่เหงื่อพรายที่หน้าผากและลำคอ
“นี่เราคิดว่าเธอเล่นเมื่องานวันคริสต์มาสแฟร์พอแล้วนะเนี่ย” เด็กหนุ่มบอก “นึกไม่ถึง วันนี้ยังเล่นครบอีก”
“ก็มันสนุกนี่นา … นานๆทีเราจะได้เที่ยวงานกับคนวัยเดียวกันที่อ่านป้ายให้เราฟัง”
รอนยิ้มไม่ว่าอะไร
“รอน … เธอว่าซานตาคลอสมีจริงไหม”
“ไม่มี”
” …. ไม่โรแมนติคเลย”
” อ้าว ”
” งั้นเธอว่า ถ้าเราอธิษฐานขออะไรสักอย่างในคืนก่อนวันคริสต์มาส ….มันจะมีโอกาสเป็นจริงไหม” เด็กสาวถามอีกครั้ง
” ก็อาจจะนะ” รอนตอบ “ว่าแต่เธอจะขออะไรเหรอ”
เด็กสาวยิ้ม หลับตาพนมมือ
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้หนูสามารถอ่านหนังสือได้ด้วยตัวเอง เข้าใจตัวหนังสือตัวอักษรเองเหมือนคนทั่วไป … หนูอยากอ่านหนังสือได้ อ่านนิทานได้ อ่านตำราได้ ต่อไปจะได้เรียนวิชาที่อยากเรียน จะได้เป็นหมอช่วยเหลือคนอย่างที่ตั้งใจ”
แพทพนมมือ หลับตาอยู่ครู่นึงก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น …. แม้ใบหน้าจะยังยิ้มอยู่ แต่เด็กหนุ่มก็สังเกตได้ถึงรอยยิ้มนั้นว่ามันดูเศร้า
“รอน…”
“อือ”
“จริงอย่างที่เธอว่าแหละ ….. ซานตาคลอสไม่มีจริงหรอก”
รอนหันไปมอง “หืม ทำไมล่ะ”
เด็กสาวมองไปที่โบสถ์ ยิ้มดังเดิม
“เรามาเที่ยวที่นี่ตั้งแต่เรายังเด็กทุกปี …. และทุกปี ตั้งแต่เราเรียนอนุบาล ประถม มัธยม … เราก็ขอแบบที่เธอเห็นเมื่อตะกี้ทุกปี”
“สงสัยเราจะไม่ใช่เด็กดี ซานต้าเลยไม่ให้คำขอของเราเป็นจริง”
รอนนั่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขามองแพทที่นั่งพูดไปพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่กลบเกลื่อนปิดบังความเศร้าไว้ในใจ
“รอน ขอบคุณเธอมากนะที่ช่วยติวให้เรามาตลอด” แพทบอก “เราคิดว่าเราคงขึ้นม.4ได้แน่ๆ แต่เราคิดว่าปีหน้าเราจะไม่เลือกสายวิทย์แล้ว”
“เพราะถึงคะแนนเราจะผ่านขึ้นม.4ได้ ถึงเราจะเลือกสายวิทย์ได้ หรือถึงเราจะสอบเข้าหมอได้ …. แต่ตอนเรียน คงไม่มีใครมาอ่านให้เราฟังตลอดแบบนี้ “แพทบอกก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้ “สู้ไปเรียนอย่างอื่นแต่ตอนนี้ดีกว่า”
รอนนั่งรับฟังโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป … แม้จะอยากปลอบแต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ
เด็กหนุ่มเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้าเป้ … มือไปกระทบกับอะไรบางอย่าง…
จริงสิ!
“เรากลับกันเถอะ”
“แพท … ”
“หืม อะไรเหรอ”
รอนหยิบลูกแก้วสีขาวจากในกระเป๋าเป้ออกมา ศิลานักปราชญ์ที่มีความสามารถให้สกิลการเรียนรู้กับเขาได้ ถึงขนาดว่าทำให้เขาเข้าใจภาษาของโลกโน้นได้ อ่านหนังสือภาษาของโลกโน้นได้หลายภาษา
กับการทำให้คนอ่านไม่ได้มาอ่านได้ไม่น่าจะเป็นปัญหา
สำหรับการข้ามไปโลกโน้น ในเมื่อของเขาสามารถเลือก”ไม่ข้ามไปโลกโน้นได้” ของแพทก็น่าจะทำได้เช่นกัน
“แพท ลองถือนี่ดู” รอนส่งลูกแก้วสีขาวให้
“ลูกแก้วอะไรเหรอ” แพทรับไว้ก่อนจะทำหน้าตกใจ “ศิลานักปราชญ์ เสียงนี่มันเสียงอะไร”
“แพท … เราไม่รับรองว่ามันจะช่วยเธอได้ แต่ว่ากับเรา เจ้าของที่ว่านี้มันช่วยให้เราเรียนได้ดีขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา … มัน … มันอาจจะช่วยเธอได้เหมือนกัน”
แพทมองหน้ารอน มองลูกแก้วในมือ
[ศิลานักปราชญ์ 1pt]
[ท่านจะใช้หรือไม่ ใช้/ไม่ใช้]
“ใช้” เด็กสาวพูดเบาๆ
ลูกแก้วสีขาวซึมหายเข้าไปในมือช้าๆ แพทมองตามอย่างตกใจแต่ไม่ได้พูดอะไร …. และไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่
เธอเงยหน้าขึ้น ป้ายไฟLED ข้างหน้าเลื่อนตัวอักษรไปอย่างรวดเร็ว
‘Merry Christmas and Happy new year สุขสันต์วันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ ขอให้มีความสุขตลอดทั้งปี คิดหวังสิ่งใดสมดังปรารถนา”
แพทอ่านในใจ …
เอ๊ะ!
ปกติเธอไม่เคยอ่านป้ายเลื่อนๆพวกนี้ทันเลยนี่
แพทหันไปมองรอบๆ
‘ บิงโก กติกา 1. ……..’
‘ ตกปลาแม่เหล็ก กติกา 1. …….’
เด็กสาวหยิบโทรศัพท์มือถือ กดเปิดอินเตอร์เนทที่ไม่เคยเปิดใช้มาก่อนด้วยมือที่สั่นเทา จากนั้นกดเข้าไปในเว็บหนังสือพิมพ์ แล้วค่อยๆเลื่อน เลื่อน เลื่อน …. หยดน้ำใสๆค่อยๆตกลงมาเปื้อนหน้าจอ
“… รอน …..”
แพทเงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อไหลลงพวงแก้มชมพูทั้งสองข้าง
“เรา เราอ่านได้แล้ว”
“โฮๆๆๆๆ ขอบคุณ ขอบคุณ …..”
แพทโผกอดรอนที่นั่งข้างๆและร้องไห้ รอยยิ้มและน้ำตายังคงมีเช่นเดิม … หากแต่ตอนนี้ มันคือน้ำตาแห่งความยินดี
ความยินดีของผู้ที่หายจากอาการที่ไม่มีทางรักษา ความยินดีที่คำอธิษฐานที่ขอตลอดมาเป็นจริง
รอนปล่อยให้แพทกอดและร้องไห้ต่อไป เขาใช้มือตบเบาๆที่หลังของเด็กสาว
“สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ”