Midterm Fantasy - ตอนที่ 69
เวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง คนที่เดินผ่านไปมาต่างหันมามองทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆ … แพทที่รู้ตัวหยุดร้องและค่อยๆกลับมานั่งที่ของตน … เธอเอื้อมไปหยิบหนังสือเรียนที่รอนใส่ไว้ในเป้ออกมาจากนั้นค่อยๆเปิดอ่าน ก่อนจะยิ้มอย่างยินดี
ก่อนหน้านี้เด็กสาวไม่อาจอ่านหนังสือได้รวดเร็ว อ่านหนังสือแต่ละบรรทัดต้องค่อยๆอ่านแกะไปช้าๆทีละตัว
แต่มาตอนนี้ เธอสามารถอ่านหนังสือได้รวดยาวในคราวเดียวไม่ติดขัดแล้ว
“รอน … ว่าแต่ลูกแก้วเมื่อกี้นี้คืออะไรเหรอ” แพทถาม “ แล้วมันมีอันตรายอะไรไหม”
“ คือเราก็ได้มาเมื่อก่อนสอบน่ะ …. เรื่องมันอธิบายลำบากอยู่เหมือนกัน ส่วนเรื่องอันตราย … เท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่มีอะไรนะ จะมีก็แต่…”
“จะมีก็แต่อะไร?”
“งั้นเอางี้ เธอพูดตามเรานะ …….. สเตตัส” รอนบอก
“สเตตัส”
เด็กสาวพูดตาม แล้วก็ต้องสะดุ้งเห็นว่ามีภาพตรงหน้าลอยขึ้นมาเป็นรูปตัวเธอเอง
“เธอลองมองตรงมุมขวาบน มีเลขอะไรอยู่ไหม” รอนถาม
“อือ มีเลข 12 และเลข 0 อยู่” แพทตอบ
รอนชะงักนิดนึง เพราะตอนนี้เลขตรงหน้าของเขาคือเลข 12 และ 158 …. เขาจำได้ว่าเลขด้านหลังก่อนหน้านี้มันน้อยกว่านี้ …. แต่ตอนนี้เขายังไม่มีเวลาหาคำตอบตรงนั้น ต้องจัดการเรื่องของแพทก่อน
“ เธอเอื้อมมือไปกดตรงเลข 12นะ แล้วบอกเราหน่อยว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
แพทยกมือกดตามคำบอก
“หน้าจอมีเลข 12 กับ 24 มีเวลานับถอยหลัง 1ชั่วโมง 15นาที 40 วินาที …. แล้วก็มีลูกศรอันนึงด้านล่าง
“แพทกดที่เลข 12 แล้วกดที่ลูกศรดูแล้วบอกเราหน่อยว่าเสียงที่พูดออกมาพูดว่าอะไร”
เด็กสาวกดลงไปตามคำบอก
“ท่านจะยกเลิกการเดินทางข้ามไปอีกฝั่งในรอบนี้หรือไม่ คำเตือนเวลาที่อีกฝั่งจะยังเดินไปตามปกติ และต้องรออีก12ชั่วโมงจึงจะไปใหม่ได้ ”
เธอบอกรอนไป … รอนพยักหน้า … ดูเหมือนระบบที่ขึ้นมาจะเหมือนกัน
“ให้เธอเลือก ยกเลิกการเดินทางในรอบนี้ แล้วมันจะถามซ้ำ ให้ยืนยันยกเลิกการเดินทางรอบนี้ต่อ”
รอนบอกตามเท่าที่ตนเองนึกได้ … ตอนที่หมู่บ้านโอลเซ่นเจอบุกแล้วเขาลังเลว่าจะกลับไปไหม ตอนนั้นเขาก็เลือกแล้วมันถามสองครั้ง
เพียงแต่ครั้งนั้นเขาเลือกที่จะเดินทางต่อตามปกติ
แพททำตามคำบอก … หน้าจอเปลี่ยนไป
“รอน … มันถามว่า “ท่านจะปิดฟังก์ชั่นการเดินทางหรือไม่””
หืม ….. รอนไม่แน่ใจแล้ว เพราะครั้งก่อนเขาไม่ได้เลือกยกเลิก เลยไม่รู้ว่ามีหน้าจอต่อจากนั้น
“เลือกปิดไปก่อนแล้วกัน”
“ได้”
แพทกดปิดฟังก์ชั่นการเดินทางไป มันขึ้นต่ออีกว่าหากจะเดินทางสามารถมากดตั้งค่าใหม่ได้ …
“ว่าแต่ ถ้าเราไม่ได้ปิดฟังก์ชั่นการเดินทางแล้ว เราจะเดินทางไปไหนเหรอ” แพทถาม
“คือ …………………. เรื่องมันยาวน่ะ แต่เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้ เราใช้เจ้าสิ่งนี้ในการเดินทางไปที่อีกสถานที่นึงแล้วไปอ่านหนังสือที่นั่นน่ะ” รอนบอก “การเดินทางจะเกิดขึ้นทุกเที่ยงคืน แล้วพอครบ 12 ชั่วโมงก็จะถูกส่งกลับมาที่เดิมเวลาเดิม เท่ากับว่าเราได้เวลาเพิ่มขึ้น 12 ชั่วโมงมาเปล่าๆ”
แพทคิดอะไรในใจก่อนจะถามต่อออกไป “ เอ … ถ้าแบบนี้ถ้าเราใช้ไปนานๆเราก็จะแก่เร็วกว่าคนวัยเดียวกันสิ”
รอนฉุกคิดขึ้นมา … เขาไม่เคยนึกเรื่องพวกนี้เลย ส่วนแพทก็นึกอะไรบางอย่างแล้วถามออกมา
“ตั้งแต่เธอใช้มันมา เธอต้องตัดเล็บบ่อยขึ้นไหม”
รอนค่อยๆคิดดู “ ไม่นะเราตัดเล็บสัปดาห์ละครั้ง … แต่นี่ก็ยังตัดตามเดิมอยู่”
แพทค่อยๆคิดในใจ ของที่ทำให้ย้ายสถานที่ได้ สร้างภาพขึ้นในสมองได้ ทำให้สมองที่อ่านหนังสือไม่ได้กลับมาอ่านได้ … แค่เรื่องความแก่ชรา มันคงจะแก้ไขได้ล่ะนะ
“อืม งั้นมันคงไม่มีอะไร” แพทบอก “รอน นี่ดึกแล้ว เรากลับกันเถอะ”
ทั้งสองลุกขึ้นจากที่นั่งหน้าโบสถ์ จากนั้นค่อยๆเดินออกจากรั้วไปที่โรงเรียนที่อยู่ติดกัน ไปยังรถที่จอดคอยไว้ … แพทให้ลุงบัวขับไปส่งรอนก่อน ก่อนที่จะวนกลับไปส่งเธอที่บ้านอีกที
ติ๊งต่อง เสียงข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์ … รอนกดเปิดอ่าน
‘ขอบคุณรอนมากนะที่ช่วยให้เราอ่านหนังสือได้’
รอนยิ้มแล้วเขาก็ปิดหน้าจอลง รอนเข้าไปในบ้าน พ่อกับแม่ขึ้นนอนไปแล้ว … เด็กหนุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าเว็บซื้อของจากจีน
ตอนที่สู้กับกองทัพออร์ค เขาใช้น้ำตาลในการHealตัวเองก็จริง แต่ตอนที่ดราซัคยิงหอกใส่เขาบนกำแพงเมืองทำให้เขาตระหนักได้ว่าอุปกรณ์ป้องกันตัวของเขาแย่เอามากๆ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนั้นเขาใช้ดาบสะท้อนหอกเวทมนตร์ให้ทะลุอกขวาแทน ป่านนี้เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
นึกถึงตอนนี้แล้วรอนก็สยองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทันที
รอนกดลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อหาของที่ต้องการ
ชุดเกราะตำรวจปราบจลาจล … 305$ 6.5กิโลกรัม
หมวกตำรวจปราบจลาจล … 50$ 1.5kg
กระจกกันกระสุนสำหรับหมวกตำรวจปราบจลาจล … 150$ 1.5kg
ถุงมือป้องกันของมีคม1คู่ … 6$
เด็กหนุ่มกดสั่งของอย่างละ 2 ชิ้นอย่างรวดเร็ว …. ก่อนจะไปที่อันสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน
ตอนนี้ น้ำหนักที่เขาต้องแบกก็คือ 10 กิโลกรัมแล้ว แล้วโล่ล่ะ เขาจะเลือกอะไรดี
โล่กันกระสุนระดับ IIIA หนัก 11กิโลกรัม
โล่กันกระสุนระดับ I หนัก 3.6 กิโลกรัม
หรือโล่กลมใสกันกระสุนระดับ IA ขนาดเล็ก หนัก 1.3กิโลกรัม
หากหนักไปเมื่อถึงเวลาต่อสู้ประชิดเขาก็ไม่อาจต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่หากเลือกแบบเบา เพียงถูกฟันไม่กี่ทีโล่ก็พังไปจะมีประโยชน์อะไร
รอนคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะเลือกโล่แบบหนัก3.6กิโลกรัม ราคา120$ไป
1262$ … เขากดสั่งของไปทั้งหมดจากนั้นก็ปิดเครื่องโดยไม่ทันดูข้อความที่ส่งเข้ามาจากเจ้าของร้านที่สั่งไปใจความว่า …
‘ก่อนสั่งขอให้เช็คก่อนว่ากฎหมายในประเทศที่สั่งของสามารถครอบครองของพวกนี้ได้หรือไม่’
รอนกลับขึ้นห้องตัวเองแล้วก็จัดแจงเก็บเตรียมของที่จะเอาไป
“เอาล่ะ ของก็ซื้อแล้ว … งั้นได้เวลาเตรียมกลับไปที่เมืองกาล่าได้แล้ว”
รอนสั่งเปิดสเตตัส จากนั้นเลือกระยะเวลาเป็น24ชั่วโมง …. ที่ทำแบบนี้เพราะว่าที่ผ่านมาเขาสับสนวันเวลาทุกครั้งที่ข้ามไปโลกโน้น ปรับให้เป็น24ชั่วโมงซะจะได้กลับมาที่นี่ตอนเที่ยงคืน จะได้ไม่งง … จากนั้นเขาก็กดเลือกคำสั่ง ‘Synchronize’
[ขณะนี้เวลาของทั้งสองฝั่งไม่เท่ากัน ท่านต้องการปรับให้เวลาเท่ากันหรือไม่]
เด็กหนุ่มเลือก ‘ต้องการปรับให้เท่ากัน’
[เวลาที่ตั้งไว้กับเวลาที่จะปรับให้เท่ากัน ต่างกัน 3เดือน ยืนยันปรับเวลาให้เท่ากัน?]
“ยืนยัน” รอนพูดและกดลงตรงปุ่มยืนยันที่ลอยอยู่ในอากาศตรงหน้า
รอนเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง …. มีดดาบพร้อม … เสื้อผ้าพร้อม … รองเท้าหุ้มข้อพร้อม … เป้สะพายพร้อม …ลูกอมแพ็คใหญ่พร้อม … มีดทำครัวเหน็บเข็มขัดพร้อม … มีที่ไม่ค่อยพร้อมเห็นจะเป็นโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้แบตเตอรี่เหลือ40%เพราะวันนี้เขากลับบ้านช้ากว่าที่คิด
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน 5…4…3…2…1 … วาร์ป!
“หนาวๆๆๆๆๆ” รอนแทบปล่อยมีดดาบทิ้งทันที เขามองไปรอบๆ ตอนนี้เขายืนอยู่ในหอกระจายเสียงของเมืองตรงจุดเดียวกับที่เขาจากมาเมื่อคราวก่อน เพียงแต่ว่าอุณหภูมิรอบๆที่เคยเย็นสบายกลับกลายเป็นหนาวแทบจะเกินทานทน เสื้อผ้าชุดทหารมือสองที่เนื้อหนาและคลุมทั้งแขนขากลับไม่สามารถทนอุณหภูมิที่หนาวเย็นนี้ได้
[-0.05]
รอนสังเกตเห็นว่าความหนาวเย็นเกาะกุมรุนแรงขนาดที่ทำให้พลังชีวิตลดได้ เขาจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้วต้องรีบไปจากตรงนี้ … เด็กหนุ่มแกะห่อลูกอมที่พกมา ความหนาวเย็นทำให้มือชาและแกะห่ออย่างยากลำบาก เขาอมลูกอมทันที2เม็ด
[+0.05]
มารดามันเถอะ! รอนสบถในใจ … ลูกอมที่อมเข้าไปฟื้นพลังชีวิตได้น้อยกว่าการกินน้ำตาลแบบเทียบไม่ติด มาคิดดูก็ไม่แปลก เพราะตอนใช้น้ำตาลทรายฟื้นพลังชีวิตเขากลืนกินครั้งละเป็นอึกๆ มาครั้งนี้อมลูกอมช้าๆ จะให้ฟื้นพลังได้เร็วๆมันก็แปลกไปละ
รอนถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความอบอุ่นและปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเพื่อสร้างแสงสว่างในพื้นที่ปิดมิดชิดนี้ แสงสว่างที่เกิดขึ้นทำให้เขามองเห็นพื้นที่โดยรอบชัดเจนขึ้น กระดาษที่ปรินท์ไว้เพื่อทำม้วนเวทมนตร์ขยายเสียงที่เขาใช้เมื่อวันนั้นหายไปแล้ว หน้าต่างและประตูทุกบานรอบๆปิดสนิท
“นั่นมันอะไร?” เด็กหนุ่มมองไปที่พื้น มีเครื่องหมายกากบาทสีขาวลอยอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย เป็นการลอยขึ้นลงช้าๆเป็นจังหวะ รอนลองเอื้อมมือไปแตะดู
[Rally point ศิลานักปราชญ์ เจ้าของ : ดาริกา]
Rally point ?!? ถ้าเป็นในเกมต่างๆ Rally point คือจุดที่ตั้งไว้อัตโนมัติว่ายูนิตต่างๆที่สร้างใหม่จะมาอยู่ที่จุดนี้ …สำหรับของชิ้นนี้มันระบุชื่อเจ้าของว่าดาริกาซึ่งเป็นชื่อจริงของแพท ก็หมายความว่าถ้าแพทข้ามมาที่โลกนี้ก็จะมาโผล่ตรงนี้สินะ
รอนลองหยิบมันขึ้นมาแล้วใส่ไว้ในเป้ เมื่อใส่ลงในเป้มันกลับลงไปนอนที่ก้นเป้เหมือนกับเป็นสิ่งของธรรมดาอย่างหนึ่ง
เมื่อดูรอบๆและไม่พบสิ่งอื่นใดแล้ว รอนก็เปิดประตูหอกระจายเสียงออก ภายนอกมืดสนิท แสงไฟที่เห็นเป็นแสงไฟไกลๆของบ้านบางหลังกับจุดตรวจทหารบางจุดเท่านั้น ที่พื้นเต็มไปด้วยหิมะ … ส่วนรอบๆตัวมีละอองหิมะจากฟากฟ้าโปรยลงมาเบาๆ มิน่าเล่าถึงได้หนาวขนาดนี้ … รอนรีบนึกเส้นทางก่อนที่จะเดินลัดเลาะเพื่อไปที่ปราสาท ตอนนี้ถนนล้วนว่างเปล่าปราศจากผู้คน แต่ยังคงเหลือร่องรอยของธงและผืนผ้าประดับประดาที่บ่งบอกว่าเมื่อกลางวันคงมีงานฉลองบางอย่าง
ความหนาวชักมากขึ้นเรื่อยๆจนพลังชีวิตลดลงเร็วกว่าที่เพิ่มจากลูกอม รอนเคี้ยวลูกอมแล้วกลืนลงไปก่อนจะควักลูกอมมาอมเพิ่มรวดเดียว3เม็ดแล้วรีบสาวเท้าไปยังปราสาทที่อยู่ด้านหน้า
“นั่นใคร” เสียงดังมาจากเพิงป้อมจุดตรวจหน้าทางเข้าปราสาท “…..เอ๊ะ นั่น นั่นท่านรอนนี่!”
รอนกอดอกเดินหน้าซีดปากสั่นเข้าไป เขาเอามือไปอังไฟในกระทะไฟของจุดตรวจ
“ตายแล้ว ทำไมท่านอยู่ในชุดแบบนี้” ทหารอีกคนที่ประจำจุดตรวจร้องขึ้นก่อนจะถอดเสื้อคลุมของตนห่มไปบนร่างของเด็กหนุ่มแล้วเขี่ยไฟในกระทะไฟให้ลุกโชนกว่าเดิม
ทหารคนแรกรีบเข้าไปรายงานภายในปราสาท สักครู่หนึ่งก็กลับมาและพารอนเข้าไปนั่งที่ห้องรับแขกของทหารประจำปราสาท
“ท่านรอน! … นี่ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมใส่ชุดแบบนี้ แล้วนี่ทำไมไม่รีบมาตั้งแต่ก่อนค่ำ” เสียงที่คุ้นเคยทำให้เด็กหนุ่มหันไปเห็นโยฮันเดินแกมวิ่งเข้ามา “โอย ตายแล้วๆ ไปเอาน้ำร้อนมาเร็ว”
ทหารวิ่งวุ่นกันไปหาน้ำร้อนมาเทใส่อ่างให้เด็กหนุ่มแช่เท้าแช่มือ รอนดื่มน้ำอุ่นเข้าไปอีกสองแก้วก่อนจะรู้สึกดีขึ้น
“พอดีผมกลับมาที่เมืองแล้วยังไม่ทันหาที่พัก แล้วไปแวะดูตรงหอกระจายเสียงของเมืองก่อนจะเผลองีบไปครับ” รอนโกหก”ตื่นมาอีกทีก็มืดสนิทแล้วก็หนาวไปหมดแล้ว”
“ตอนนี้ทุกคนสบายดีไหมครับ” เด็กหนุ่มถาม
“ทุกคนสบายดี … ทั้งท่านโซล่า ท่านมีอา เรย์ ทุกคนสบายดี … อ้อ เจ้าแอริสด้วย ” โยฮันบอก
“แล้วพวกชาวหมู่บ้านโอลเซ่นล่ะครับ”
“เมื่อสามเดือนก่อนหลังจากท่านรอนออกจากเมืองไป ชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นกับอัลเลน ก็อยู่ซื้อเสบียงอีกสัปดาห์นึง จากนั้นก็เดินทางกลับไปที่หมู่บ้าน ขากลับเรย์กับหน่วยทหารม้าที่1คอยคุ้มกันไปด้วย” โยฮันบอก “แต่ว่าก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกคนกลับถึงอย่างปลอดภัยดี … พวกเขากลับไปก่อนหิมะแรกจะมาเป็นเดือน น่าจะซ่อมแซมหมู่บ้านทันหน้าหนาว”
รอนยิ้มอย่างดีใจ … เขาคิดว่าจะเดินทางไปหาชาวบ้านอยู่พอดี พอได้ยินว่าทุกคนไปถึงหมู่บ้านโดยสวัสดิภาพก็ดีใจ
“เดี๋ยวข้าไปปลุกท่านมีอาก่อน” โยฮันนึกได้
“อย่าเพิ่งเลยครับ ตอนนี้กำลังกลางดึกอยู่เลย รอให้เช้าก่อนแล้วกัน”
“ท่านมีอาสั่งไว้ว่าไม่ว่าท่านรอนจะกลับมาตอนไหนก็ตาม ให้แจ้งท่านมีอาในทันทีครับ” โยฮันยิ้มให้ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรแล้วก็เดินไป
เด็กหนุ่มเอามือจุ่มน้ำร้อนอีกครั้งรอหญิงสาวลูกเจ้าเมือง มือที่ชาจากความหนาวเริ่มรับรู้สัมผัสมากขึ้นแล้ว
“ท่านรอน!”
เสียงร้องดังมาประตูห้องรับแขก รอนหันไปมอง มีอานั่นเอง…