Midterm Fantasy - ตอนที่ 7
รอนก้มสำรวจรอยเท้าที่ประทับลงบนฝุ่นผงเครื่องปรุง เป็นรอยเท้าคล้ายสุนัขหรือแมว เพียงแต่ขนาดรอยเท้าเล็กกว่ารอยเท้าแมวเล็กน้อย … รอยที่เห็นน่าจะมีแค่ตัวเดียว … แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่ซากค้างคาวทั้งหมดหายไป
เพราะนี่เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าสัตว์ตัวที่ว่านี้กินเนื้อ!
และถ้ามันกินเนื้อค้างคาวได้ …. เนื้อคนมันก็น่าจะกินได้เหมือนกัน ….
เด็กหนุ่มกลับเข้าห้องและปิดประตูลง เสียงเตือนในหัวว่าได้เวลากลับแล้ว … เขาเก็บของและถือหนังสือเตรียมไว้ในมืออึดใจหนึ่งและกลับมายังห้องนอนในบ้านของเขา รอนมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืน … เขาลงไปชั้นล่าง เปิดคอมพิวเตอร์แล้วรีบทำสรุปวิชาภาษาไทยต่อและสั่งปรินท์ออกมา
**************
เช้าวันรุ่งขึ้นที่หน้าห้องเรียน เพื่อนๆกำลังอ่านติวก่อนเข้าห้องสอบกันอยู่ เมื่อเห็นรอนเดินมาบางคนมองอย่างสนใจว่าวันนี้รอนจะงัดสรุปออกมาอ่านติวอีกหรือเปล่า … แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครคิดอะไรแบบนั้น เพราะที่ผ่านมา อันดับสุดท้ายวิชาภาษาไทยของห้องก็เป็นของรอนมาตลอดสามปี
“ขอบใจมากนะ” รอนยื่นดินสอสองแท่งคืนให้แพท … “แล้วนี่ยางลบ เราซื้อก้อนใหม่ให้”
เขายื่นยางลบที่ซื้อมาใหม่ให้เด็กสาวไป เพราะคิดว่ามันคงไม่เหมาะที่เขาจะคืนแบบครึ่งก้อนที่เธอหักแบ่งให้เพราะเขาเมื่อวันสอบวันก่อน เด็กสาวรับไปและเก็บลงในกล่องดินสอ
“วันนี้เราทำสรุปมา ฟังด้วยกันไหม” รอนถาม และนั่งลงเริ่มอ่านเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปฎิเสธ รอนอ่านสรุปที่ตนเองทำโดยมีคนอื่นๆนั่งฟังอยู่รอบๆ
“คราวก่อนรอนมันได้ภาษาไทยที่โหล่ไม่ใช่เหรอ”
ใครบางคนพูดขึ้น
“แต่ที่มันสรุปนี่ดีจริงๆนะ สรุปกระชับ เข้าใจง่ายด้วย”
หลายๆคนทยอยวางหนังสือของตนลงและนั่งฟังที่รอนพูด เพราะถึงแม้ว่าบางคนจะมีหนังสือสรุปวิชาเรียน แต่การสรุปของหนังสือก็มักจะยาวและกินเวลานานในการอ่านเตรียมสอบหน้าห้อง ดังนั้นการอ่านหรือสรุปมาก่อนจึงมีประโยชน์มากอยู่ดี
เก๊งๆๆ
ระฆังเรียกเข้าห้องสอบดังขึ้น ทุกคนทยอยเก็บของและเข้านั่งประจำที่ของตน รอนฝนเลขประจำตัวลงกระดาษคำตอบแล้วลงมือทำอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มลงมือทำข้อสอบไปได้พักนึงแล้วลองแอบชำเลืองมองเพื่อนดู หลายคนทำท่านั่งคิดขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัด ทุกๆคนค่อยๆฝนคำตอบช้าๆเหมือนกับไม่แน่ใจในคำตอบ ในขณะที่เขาอ่านโจทย์เสร็จแล้วตัดสินใจได้แทบจะในทันที
หรือแม้ไม่ใช่ว่าตอบได้ทันที ก็เป็นตัดช้อยจนเหลือแค่สองหรือสามคำตอบเท่านั้น
เพียงครู่เดียวรอนก็ทำข้อสอบจนเสร็จ เหลือข้อที่ไม่มั่นใจเพียง7-8ข้อเท่านั้น เขาเริ่มนับช้อยที่กาไปแล้วในกระดาษคำตอบ
[ข้อ ก. 18ข้อ ข้อข. 25ข้อ ข้อค. 26ข้อ ข้อง.23ข้อ]
“อ๊ะ” รอนอุทานเบาๆจนครูที่คุมสอบเหลือบตามามอง เขารีบเก็บอาการก่อนจะค่อยๆเช็คดูในกระดาษคำตอบอีกครั้งว่าที่นับเองกับเสียงในหัวบอกมามันตรงกันไหม … เมื่อเห็นว่าตรงกัน เขาเลยลองคิดในใจว่าข้อที่ตอบไม่ได้มันตอบว่าอะไร
[ไม่รู้คำตอบ]
ดูเหมือนว่าสกิลนี้มันก็มีข้อจำกัดแฮะ
ว่าแล้วรอนก็ฝนคำตอบที่เหลือทั้งหมดลงข้อ ก. ไป ก่อนจะเช็คความเรียบร้อยของกระดาษคำตอบอีกครั้งแล้วลุกเดินออกไปส่งที่หน้าห้อง
ครูปราโมทย์รับกระดาษคำตอบแล้วก็ดูรอนที่เดินออกจากห้องไป … ตอนแรกเขาก็คิดสงสัยนิดๆว่าที่เด็กหนุ่มร้องออกมาเมื่อครู่นี้เกิดจากการเห็นคำตอบหรือพยายามจะลอกเพื่อนหรือเปล่า แต่ดูจากที่เขาส่งกระดาษคำตอบเป็นคนแรก เรื่องลอกน่าจะตัดทิ้งไปได้
… ยิ่งตอนท้ายครูปราโมทย์แอบเห็นรอนฝนคำตอบที่เหลือลงข้อก.แถบเดียว เห็นได้ชัดว่ามั่วคำตอบแน่ๆ …
“น่าเสียดาย” ครูเอ่ยกับตัวเองเบาๆขณะที่เห็นรอนเก็บกระเป๋ากลับทันที … ความขึ้นชื่อเรื่องติดเกมของเด็กชายทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากว่าเขารีบทำข้อสอบให้จบๆไป เพื่อจะได้กลับไปเล่นเกม
ครูปราโมทย์ส่ายหน้าเบาๆขณะที่รอนเดินลงบันไดไป
เด็กหนุ่มเดินลงบันไดตึกก่อนจะข้ามสนามไปที่อีกตึกนึงขึ้นชั้นสองและเข้าห้องสมุดโรงเรียน เขาวางกระเป๋าในช่องก่อนจะผลักประตูกระจกเข้าไป
“อ้าวรอน สอบเสร็จแล้วเหรอ” ครูศจี ครูบรรณารักษ์ทักขึ้นพลางเหลือบมองนาฬิกา
“เรียบร้อยแล้วครับ” เด็กหนุ่มตอบและเดินเข้าไป ครูศจีมองตามหลังเด็กหนุ่มที่เดินตรงเข้าไปในห้องสมุด ผ่านห้องคอมพิวเตอร์และห้องนิตยสารไป
ครูขมวดคิ้วนิดนึง เธอคุ้นกับรอนดีเพราะรอนมาที่ห้องสมุดทุกวัน … เขาไม่ได้มาอ่านหนังสือ แต่ทุกวันเขาจะมาที่โซนคอมพิวเตอร์และใช้คอมพิวเตอร์ห้องสมุดเล่นเกม
ภาพที่รอนเดินเลยห้องคอมพิวเตอร์แล้วหายไประหว่างชั้นหนังสือ ถือเป็นภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
สักครู่หนึ่งรอนเดินออกมาพร้อมกับหนังสือ3เล่มแล้วทำท่าเก้ๆกังๆ
“มิสครับ”
“อะไรเหรอรอน”
“ยืมหนังสือนี่ยืมยังไงครับ”
ครูบรรณารักษ์มองอย่างงงๆก่อนจะนึกได้ ตลอดเวลาสองผีกว่าที่เธอเห็นเด็กคนนี้มาใช้คอมพิวเตอร์ที่ห้องสมุด เขาไม่เคยยืมหนังสือแม้แต่เล่มเดียวเลย
“เดี๋ยวเธอเอาบัตรนักเรียนไปเสียบที่เครื่องตรงนั้นนะ” ครูสาวชี้ไปที่เครื่องตรงด้านข้าง “แล้วสแกนบาร์โค้ดหนังสือที่ด้านหลัง เสร็จแล้วเอาบัตรออก เอาหนังสือมาให้ครูเช็คกับข้อมูลในไน้าจออีกทีก่อนจะเอาหนังสือออกไป”
รอนทำตามอย่างเก้ๆกังๆด้วยความไม่เคยชิน … แล้วก็เอาหนังสือมาให้ครูเช็คก่อนจะเอาหนังสือออกไป
ครูศจีมองหน้าจอดูรายชื่อหนังสือ … ปกติแล้วหลังสอบเสร็จจะมีนักเรียนหลายคนมาห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือวิชาที่เพิ่งสอบเสร็จไปและตนเองทำไม่ได้เพื่อนำไปอ่าน … เป็นการฝึกซ้อมของผู้แพ้ เป็นการอ่านหนังสือเมื่อสาย
แต่สำหรับรายชื่อหนังสือสามเล่มที่ขึ้นตรงหน้าจอนี้ มันไม่เหมือนแบบนั้นเลย
รอนกลับถึงบ้าน สวัสดีทักทายแม่ก่อนจะขึ้นห้องนอนไป เขาหยิบหนังสือที่ยืมจากห้องสมุดออกมาวางบนโต๊ะ … เล่มแรกเป็นหนังสือรวมวิชาเตรียมสอบม.ต้น เล่มถัดมาเป็นหนังสือสามก๊กเล่มหนาที่เขาเคยคิดจะอ่านแต่ไม่เคยได้แตะ
และเล่มสุดท้ายคือหนังสือสอนศิลปะป้องกันตัว
รอนเปิดดูภายใน … ในเล่มนี้มีการสอนท่าทางแบบละเอียด ทั้งท่าการยืน ตำแหน่งการวางเท้า และท่าทางที่ใช้ขณะที่มีการจู่โจมจากฝ่ายตรงข้าม … ยิ่งไปกว่านั้น มันมีวิธีการเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อยู่ด้วย
รอนนึกไปถึงรอยเท้าที่เขาเจอเมื่อวันก่อน ถ้าไม่เตรียมตัวไว้เลยเขาอาจจะไม่โชคดีแบบตอนที่เจอค้างคาวก็เป็นได้
เขานั่งอ่านและพยายามจดจำท่าทางการวางเท้าอย่างเต็มที่
หลังจากอ่านไปได้พักใหญ่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา
[Battle technique learned]
“ไหนลองดูซิ”
รอนวางหนังสือลงแล้วค่อยๆขยับย่างเท้าตามสิ่งที่เพิ่งอ่านไป เขาทำทีละขั้นตอนช้าๆ และค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนแน่ใจว่าทำตามได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนจากในหนังสือ
[Battel technique : ท่าหลบ : Lv 1 1/100]
“เยส คิดไว้ไม่ผิด” เด็กหนุ่มร้องขึ้น
ตอนที่เขายืมหนังสือเล่มนี้มาจากห้องสมุด ก็เพราะเขาอยากลองดู
หลายวันที่ผ่านมาทำให้รอนรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง … จากเดิมที่เขาทำข้อสอบไม่ได้ และผ่านการสอบแต่ละครั้งอย่างยากเย็น แต่หลังจากได้สกิลประหลาดที่มี เสียงที่ดังในหัวเมื่อเรียนรู้วิชา การทำข้อสอบในตอนนี้เรียกได้ว่าไหลลื่นเป็นน้ำแบบไม่ยากเย็น
รอนเชื่อมั่นทันใดว่ามันเป็นผลของเจ้าลูกแก้วในโถที่เขาหยิบขึ้นมาแล้วดูดเข้าไปในร่างแน่ๆ
เขาค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆจนเย็น พอพ่อกลับมาถึงบ้านเขาก็หยุดและลงไปชั้นล่าง … ถึงเขาจะกำลังสนุกกับการฝึก แต่หลายวันมานี้เขาเอาแต่สนใจเรื่องการเพิ่มเลเวลจนไม่ค่อยได้คุยกับพ่อแม่เลย
แล้วรอนก็ฉุกคิดได้ … ก่อนหน้านี้ที่เขาติดเกม เขาก็นั่งเล่นเกมตรงโต๊ะโดยไม่ได้คุยกับพ่อแม่เท่าไหร่เลย
“รอน วันนี้ทำข้อสอบได้ไหมลูก” พ่อทักเมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากชั้นสอง
“ทำได้ครับ”
“ดีแล้ว …. ”
ทั้งสองมองหน้ากันไม่ได้พูดอะไร … ตอนนี้เองที่เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาให้เวลากับเกมมากไปจริงๆ มากเสียจนการคุยกับพ่อแม่กลายเป็นเรื่องแปลกที่ไม่คุ้นเคยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หลังกินอาหารเย็น รอนนั่งอยู่ต่อจนถึงค่ำมืด นั่งอ่านนิตยสารและหนังสือพิมพ์ไประหว่างที่พ่อกับแม่ดูโทรทัศน์ พอพ่อแม่ขึ้นห้องได้สักพักจนเขาแน่ใจว่าไม่ได้ลงมาอีกแล้ว รอนก็เปิดประตูออกไปหน้าบ้าน เปิดประตูห้องเก็บของโรงรถควานหาของข้างในจากนั้นหยิบไม้ท่อนหนึ่งยาวประมาณสามฟุตออกมา
มันคือไม้คมแฝก ที่พ่อของเขาเก็บไว้เผื่อเวลาจำเป็น
นี่แหละอาวุธที่เขาจะเอาไปด้วย