Midterm Fantasy - ตอนที่ 74
ระหว่างที่รอนกำลังคิดว่าจะเอายังไงดีกับเมล็ดกัญชา(ที่เจอขายโดยใช้ชื่อกัญชงบังหน้า(และใช้ข้าวเปลือกบังห่ออีกชั้นหนึ่ง ) ) เบรเซอร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ท่านรอน …. เจ้าพืชที่ว่านี้ มันคือพืชที่เอาไปใช้สูบแล้วเห็นภาพแปลกๆหรือเปล่า”
รอนลองนึกดู แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้มัน แต่ว่าก็ได้ยินอะไรมามากมายอยู่
“น่าจะใช่ครับ ผมเคยได้ยินมาแบบนั้น”
“โอ้ ถ้าแบบนี้ไม่น่าเหมาะเท่าไหร่ …. ที่นี่เรามีตำนานเกี่ยวกับต้นไม้ที่รูปร่างเหมือนต้นHemp เราเรียกมันว่า Devil Hemp ต้นเฮ็มพ์ปีศาจ …” เบรเซอร์บอก “ตามตำนานเล่าว่าแรกเริ่มทีเดียวต้นไม้นี้ถูกใช้เป็นยา แต่ต่อมามีคนเอาไปใช้สูบเพื่อให้เกิดอาการแปลกๆหรือเห็นภาพหลอน ทางโบสถ์จึงเรียกมันว่า ต้นเฮ็มพ์ปีศาจ เป็นต้นไม้ต้องคำสาป ว่ากันว่ามีคนมากมายที่ต้องตายเพราะต้นไม้นี้”
“โห สูบแล้วถึงตายเลยเหรอครับ” รอนถาม
“ไม่ได้สูบแล้วตายหรอก ….”เบรเซอร์บอก “คือต้นไม้นี้มันขึ้นได้เฉพาะในที่อากาศอบอุ่น พอเข้าหน้าหนาว ต้นที่ว่าก็หายาก บางคนก็ปลูกในบ้าน … แต่คนที่อยากสูบแต่ไม่ได้ปลูกก็เลยบุกบ้านคนที่ปลูก หรือปล้นหมู่บ้านอื่นที่ปลูก เลยเกิดการทะเลาะวิวาทฆ่าฟันกัน”
“……”
“ข้าคิดว่าเราควรทำลายมันดีกว่า อย่าปลูกมันเลยนะท่านรอน” เบรเซอร์บอกก่อนจะหันไปเรียกโรล่า ” โรล่า โรล่า มานี่หน่อย”
“ค่ะ … คุณตา … มีอะไรเหรอคะ” เด็กสาววิ่งมา
“ของในห่อนี้เป็นของต้องคำสาป ให้เอามันไปทำลาย … จำไว้ว่าอย่าให้ใครเห็นและอย่าบอกใครว่าเอามันไปทำลายที่ไหน”
“ได้ค่ะ”
เบรเซอร์ไม่บอกโรล่าว่ามันคือเมล็ดพืชหรือเมล็ดอะไร และไม่ให้รอนหรือแม้แต่ตัวเขาเองซึ่งรู้ว่าคืออะไรนำไปทำลาย เพราะเกรงว่าจะเกิดความรู้สึกยั่วยวนใจจนเก็บของแบบนี้เอาไว้กับตัว
โรล่ารับเอาไปจากนั้นเดินออกจากบ้านไปทันที รอนมองตามด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ในขณะที่เบรเซอร์มองดูสายตาของรอนแล้วรู้สึกว่าเขาคิดไม่ผิดที่ให้โรล่าไปทำลาย
ดูเหมือนว่าท่านรอนจะเสียดาย! อันตราย! อันตราย! นี่แปลว่าเมล็ดที่ว่านี้มันต้องสาปจริงๆ
“….. เอ่อ แล้วก็อีกเรื่องครับ “รอนหันกลับมาบอกกับเบรเซอร์ต่อ “ผมมีของอยากจะให้ทางหมู่บ้านได้ทดลองใช้กันดู”
รอนหยิบกล่องลังใส่ยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมา เขาเปิดให้ผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านได้เห็น
“นี่คือแปรงสีฟันและยาสีฟันครับ” เด็กหนุ่มบอก “เอาไว้ทำความสะอาดปากและฟัน ทำให้ฟันสุขภาพดีไม่ผุกร่อนง่าย”
“แปรงสีฟัน …? แบบนี้รึเปล่าท่าน” เบรเซอร์ลุกไปหยิบแท่งไม้ชิ้นหนึ่งมาให้รอนดู … เป็นแท่งไม้เล็กๆที่ปลายด้านหนึ่งถูกทุบจนแหลกเป็นเส้นใยขุยๆ
“ใช่ครับ แปรงที่ผมเอามานี้ก็เหมือนแปรงไม้ที่คุณเบรเซอร์ใช้นี่แหละ แต่ว่ามันนุ่มกว่าครับ” รอนบอก “และยังมียาสีฟันที่ทำให้รู้สึกปากสะอาดลมหายใจสดชื่น”
เบรเซอร์พยักหน้าและรับเอายาสีฟันไปดู กลิ่นมินท์และรสเย็นของเมนทอลทำให้เบรเซอร์สนใจ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เพราะวิธีดับกลิ่นปากของคนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการกินเครื่องเทศเพื่อดับกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมหรือหอม หรือในผู้ที่มีเงินก็อาจจะใช้เกลือในการอมหรืออมเกลือแล้วใช้แปรงสีฟันแปรง
“ผมอยากให้ชาวบ้านที่นี่ลองทดสอบใช้ดูก่อนครับ ถ้าของไหนเป็นที่นิยม ผมก็จะเอาไปขายที่ร้านในตัวเมืองครับ” รอนบอกความตั้งใจ เพราะเขาอยากให้ของทุกอย่างที่ขายในร้าน ‘ARMAMENT’ คือของที่จะกลายเป็นไวรัลหรือขายแล้วปัง ดังนั้นเขาก็จะต้องทดสอบตลาดดูก่อนว่าคนในหมู่บ้านชอบหรือไม่ จากนั้นค่อยเลือกของที่คนนิยมและน่าจะขายได้นำไปขายในร้านที่ตัวเมือง
มันคือแผนการค้าที่เขาวางเอาไว้!
ถึงแม้รายได้กำไรอาจจะไม่มากนัก แต่ถ้าของเป็นที่นิยมก็จะทำให้ร้านมีชื่อเสียง หากต่อไปจะซื้อขายของอะไรที่แปลกๆก็น่าจะมีคนที่มีเงินมาสนใจซื้อแน่ๆ
เมื่อรอนจัดการมอบยาสีฟันและแปรงสีฟันตัวอย่างให้เบรเซอร์แล้ว เขาก็กลับไปห้องเตรียมอาวุธ กินข้าวเช้า และออกไปรอที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ที่นั่นมีชาวบ้านรออยู่แล้ว7คน
“ท่านรอน วันนี้ท่านไปด้วยเหรอครับ” เสียงทักดังมาจนรอนต้องหันไปมอง … โอเดียนนั่นเอง ชายที่เป็นผู้นำของกลุ่มชาวบ้านหมู่บ้านอัลเลนที่ตอนนี้เข้ามารวมกันชั่วคราวเป็นหมู่บ้านเดียวกันกับหมู่บ้านโอลเซ่น
“ครับคุณโอเดียน” รอนบอก
“คุณรอนไม่ใช้ดาบเหรอครับ” เขาทัก …. ภาพของรอนที่ใช้เพียงมีดและดาบเป็นภาพที่ชินตาของทุกคนมากกว่าการถือหอกอย่างที่รอนกำลังถืออยู่ในตอนนี้
“ผมลองเปลี่ยนมาใช้หอกดูครับ ถ้าเราไปเจอมอนสเตอร์ที่ขนาดใหญ่ ดาบของผมจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ สู้ใช้หอกไม่ได้” เด็กหนุ่มตอบ
ระหว่างที่รอนกำลังคิดว่าจะเอายังไงดีกับเมล็ดกัญชา(ที่เจอขายโดยใช้ชื่อกัญชงบังหน้า(และใช้ข้าวเปลือกบังห่ออีกชั้นหนึ่ง ) ) เบรเซอร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ท่านรอน …. เจ้าพืชที่ว่านี้ มันคือพืชที่เอาไปใช้สูบแล้วเห็นภาพแปลกๆหรือเปล่า”
รอนลองนึกดู แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้มัน แต่ว่าก็ได้ยินอะไรมามากมายอยู่
“น่าจะใช่ครับ ผมเคยได้ยินมาแบบนั้น”
“โอ้ ถ้าแบบนี้ไม่น่าเหมาะเท่าไหร่ …. ที่นี่เรามีตำนานเกี่ยวกับต้นไม้ที่รูปร่างเหมือนต้นHemp เราเรียกมันว่า Devil Hemp ต้นเฮ็มพ์ปีศาจ …” เบรเซอร์บอก “ตามตำนานเล่าว่าแรกเริ่มทีเดียวต้นไม้นี้ถูกใช้เป็นยา แต่ต่อมามีคนเอาไปใช้สูบเพื่อให้เกิดอาการแปลกๆหรือเห็นภาพหลอน ทางโบสถ์จึงเรียกมันว่า ต้นเฮ็มพ์ปีศาจ เป็นต้นไม้ต้องคำสาป ว่ากันว่ามีคนมากมายที่ต้องตายเพราะต้นไม้นี้”
“โห สูบแล้วถึงตายเลยเหรอครับ” รอนถาม
“ไม่ได้สูบแล้วตายหรอก ….”เบรเซอร์บอก “คือต้นไม้นี้มันขึ้นได้เฉพาะในที่อากาศอบอุ่น พอเข้าหน้าหนาว ต้นที่ว่าก็หายาก บางคนก็ปลูกในบ้าน … แต่คนที่อยากสูบแต่ไม่ได้ปลูกก็เลยบุกบ้านคนที่ปลูก หรือปล้นหมู่บ้านอื่นที่ปลูก เลยเกิดการทะเลาะวิวาทฆ่าฟันกัน”
“……”
“ข้าคิดว่าเราควรทำลายมันดีกว่า อย่าปลูกมันเลยนะท่านรอน” เบรเซอร์บอกก่อนจะหันไปเรียกโรล่า ” โรล่า โรล่า มานี่หน่อย”
“ค่ะ … คุณตา … มีอะไรเหรอคะ” เด็กสาววิ่งมา
“ของในห่อนี้เป็นของต้องคำสาป ให้เอามันไปทำลาย … จำไว้ว่าอย่าให้ใครเห็นและอย่าบอกใครว่าเอามันไปทำลายที่ไหน”
“ได้ค่ะ”
เบรเซอร์ไม่บอกโรล่าว่ามันคือเมล็ดพืชหรือเมล็ดอะไร และไม่ให้รอนหรือแม้แต่ตัวเขาเองซึ่งรู้ว่าคืออะไรนำไปทำลาย เพราะเกรงว่าจะเกิดความรู้สึกยั่วยวนใจจนเก็บของแบบนี้เอาไว้กับตัว
โรล่ารับเอาไปจากนั้นเดินออกจากบ้านไปทันที รอนมองตามด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ในขณะที่เบรเซอร์มองดูสายตาของรอนแล้วรู้สึกว่าเขาคิดไม่ผิดที่ให้โรล่าไปทำลาย
ดูเหมือนว่าท่านรอนจะเสียดาย! อันตราย! อันตราย! นี่แปลว่าเมล็ดที่ว่านี้มันต้องสาปจริงๆ
“….. เอ่อ แล้วก็อีกเรื่องครับ “รอนหันกลับมาบอกกับเบรเซอร์ต่อ “ผมมีของอยากจะให้ทางหมู่บ้านได้ทดลองใช้กันดู”
รอนหยิบกล่องลังใส่ยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมา เขาเปิดให้ผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านได้เห็น
“นี่คือแปรงสีฟันและยาสีฟันครับ” เด็กหนุ่มบอก “เอาไว้ทำความสะอาดปากและฟัน ทำให้ฟันสุขภาพดีไม่ผุกร่อนง่าย”
“แปรงสีฟัน …? แบบนี้รึเปล่าท่าน” เบรเซอร์ลุกไปหยิบแท่งไม้ชิ้นหนึ่งมาให้รอนดู … เป็นแท่งไม้เล็กๆที่ปลายด้านหนึ่งถูกทุบจนแหลกเป็นเส้นใยขุยๆ
“ใช่ครับ แปรงที่ผมเอามานี้ก็เหมือนแปรงไม้ที่คุณเบรเซอร์ใช้นี่แหละ แต่ว่ามันนุ่มกว่าครับ” รอนบอก “และยังมียาสีฟันที่ทำให้รู้สึกปากสะอาดลมหายใจสดชื่น”
เบรเซอร์พยักหน้าและรับเอายาสีฟันไปดู กลิ่นมินท์และรสเย็นของเมนทอลทำให้เบรเซอร์สนใจ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เพราะวิธีดับกลิ่นปากของคนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการกินเครื่องเทศเพื่อดับกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมหรือหอม หรือในผู้ที่มีเงินก็อาจจะใช้เกลือในการอมหรืออมเกลือแล้วใช้แปรงสีฟันแปรง
“ผมอยากให้ชาวบ้านที่นี่ลองทดสอบใช้ดูก่อนครับ ถ้าของไหนเป็นที่นิยม ผมก็จะเอาไปขายที่ร้านในตัวเมืองครับ” รอนบอกความตั้งใจ เพราะเขาอยากให้ของทุกอย่างที่ขายในร้าน ‘ARMAMENT’ คือของที่จะกลายเป็นไวรัลหรือขายแล้วปัง ดังนั้นเขาก็จะต้องทดสอบตลาดดูก่อนว่าคนในหมู่บ้านชอบหรือไม่ จากนั้นค่อยเลือกของที่คนนิยมและน่าจะขายได้นำไปขายในร้านที่ตัวเมือง
มันคือแผนการค้าที่เขาวางเอาไว้!
ถึงแม้รายได้กำไรอาจจะไม่มากนัก แต่ถ้าของเป็นที่นิยมก็จะทำให้ร้านมีชื่อเสียง หากต่อไปจะซื้อขายของอะไรที่แปลกๆก็น่าจะมีคนที่มีเงินมาสนใจซื้อแน่ๆ
เมื่อรอนจัดการมอบยาสีฟันและแปรงสีฟันตัวอย่างให้เบรเซอร์แล้ว เขาก็กลับไปห้องเตรียมอาวุธ กินข้าวเช้า และออกไปรอที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ที่นั่นมีชาวบ้านรออยู่แล้ว7คน
“ท่านรอน วันนี้ท่านไปด้วยเหรอครับ” เสียงทักดังมาจนรอนต้องหันไปมอง … โอเดียนนั่นเอง ชายที่เป็นผู้นำของกลุ่มชาวบ้านหมู่บ้านอัลเลนที่ตอนนี้เข้ามารวมกันชั่วคราวเป็นหมู่บ้านเดียวกันกับหมู่บ้านโอลเซ่น
“ครับคุณโอเดียน” รอนบอก
“คุณรอนไม่ใช้ดาบเหรอครับ” เขาทัก …. ภาพของรอนที่ใช้เพียงมีดและดาบเป็นภาพที่ชินตาของทุกคนมากกว่าการถือหอกอย่างที่รอนกำลังถืออยู่ในตอนนี้
“ผมลองเปลี่ยนมาใช้หอกดูครับ ถ้าเราไปเจอมอนสเตอร์ที่ขนาดใหญ่ ดาบของผมจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ สู้ใช้หอกไม่ได้” เด็กหนุ่มตอบ
ทุกคนพยักหน้าให้ … ชาวบ้านในหมู่บ้านที่ห่างจากตัวเมืองนี้รู้ดีถึงประโยชน์ของอาวุธยาวที่เหนือกว่าอาวุธสั้นทั้งหลาย … ถ้าเป็นมอนสเตอร์ที่ขนาดใหญ่ และกับชาวบ้านที่ใช้เวทมนตร์ต่อสู้ได้ไม่ดี การใช้หอกพร้อมกันหลายๆคนจะช่วยในการต่อสู้ได้ดีกว่า
สำหรับคนที่เคยเห็นนักผจญภัยหรือทหารรับจ้างมือใหม่ จะรู้ดีว่าพวกมือใหม่มักจะยึดติดกับการใช้ดาบมากหรือแม้แต่เข้าใจผิดว่าดาบคืออาวุธที่ดีที่สุดในการสู้กับมอนสเตอร์
รอนถือหอกเดินตามกลุ่มของชาวบ้าน วันนี้คนทั้ง8ต่างเดินทางเพื่อค้นหามอนสเตอร์กลุ่มจิ้งจอกและหมาป่าที่พบว่าออกมาเพ่นพ่านในทุ่งใกล้ๆนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เข้าใกล้หมู่บ้านมากนักในตอนกลางวัน แต่ถ้าพวกมันเข้ามาใกล้ในตอนกลางคืน คนที่อยู่เวรยามก็อาจจะลำบากได้ ดังนั้นทั้ง8คนนี้จะมีหน้าที่จัดการค้นหาและทำลายมอนสเตอร์ทั้งสองแบบนี้
“นั่นตัวอะไรครับ” รอนชี้ไปที่ต้นไม้ใกล้ๆ มีอะไรบางอย่างกระพือปีกและปีนต้นไม้ขึ้นไป โอเดียนหรี่ตามองแล้วชี้ตามไป
“นั่นเป็นแมวเค้านกครับ”
“แมวเค้านก?” รอนทวนคำพูดก่อนจะจ้องดูดีๆ พอดูชัดๆแล้วเขาก็เห็นว่ามีแมวตัวนึงนั่งอยู่บนต้นไม้ เพียงแต่มันต่างจากแมวปกติตรงที่มันมีปีกขนาดใหญ่สองปีก
“ที่บ้านเกิดของท่านรอนไม่มีเหรอครับ” โอเดียนถาม … และอธิบายต่อเมื่อเห็นว่ารอนส่ายหน้า “มันเป็นแมวที่มีปีกเหมือนนกครับ เราเลยเรียกว่าแมวเค้านก หรือแมวที่มีเค้าของนก … พวกมันจะจับหนูและสัตว์เล็กๆเป็นอาหาร ไม่มีอันตรายกับมนุษย์ … ถ้ามีพวกมันอยู่และไม่ได้ทำท่าตกใจอะไร ก็แปลว่าแถวนี้ไม่มีพวกหมาป่าหรือหมาจิ้งจอกอยู่”
รอนมองตามแมวเค้านกสองตัวที่วิ่งและกระโดดร่อนข้ามต้นไม้ไปมาจนหายลับเข้าไปในพุ่มไม้ก่อนจะเดินตามกลุ่มชาวบ้านคนอื่นๆไป … พวกเขาเดินไปจนถึงบริเวณไร่ที่ตอนนี้ว่างเปล่ามีเพียงแต่หิมะที่ปกคลุมและตอข้าวโพดหรอมแหรม
“ตรงนั้นมีหมาป่าหลังเงิน” ใครคนนึงพูดขึ้น … รอนมองตามไป แวบแรกไม่เห็นมีอะไรเพราะพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยหิมะ แต่สักพักเขาก็เห็นแถบพลังชีวิตสีเขียวที่โผล่เด่นชัดในพื้นสีขาว … และพอมองดีๆก็เห็นหมาป่าที่กำลังพยายามกดตัวลงต่ำๆให้ชิดติดกับพื้นหิมะ
“พวกเรา …. ไปกัน” โอเดียนกวักมือบอกทุกคน แต่ละคนมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติก็ค่อยๆเดินคืบหน้าไปเตรียมตรงไปล้อมหมาป่าที่หลงฝูงมาตัวนั้น ….
“เดี๋ยวก่อนครับ” เด็กหนุ่มร้องเรียกขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมกระจายวงออกล้อมหมาป่าผู้เดียวดายตัวนั้น
“ทำไมครับท่านรอน” โอเดียนถามก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นว่ารอนกำลังวางม้วนเวทลงกับพื้นและปักแกนมอนสเตอร์ลงไป “ท่านรอนครับ หมาป่าแค่ตัวเดียว ไม่ต้องใช้โกเลมก็ได้ครับ”
“คุณโอเดียน …. ทุกคนครับ หาต้นไม้ที่ใกล้ที่สุดแล้วรีบปีนขึ้นไปเดี๋ยวนี้ครับ” รอนบอกก่อนจะใช้แกนมอนสเตอร์อันที่5ขว้างลงไปที่ม้วนเวท แสงสว่างเรืองขึ้นพร้อมกับหิมะที่ละลายจากความร้อนของม้วนเวทไฟ หิมะลงไปรวมกับดินและเศษซากพืชฟางข้าวสาลีตรงนั้นเป็นโคลน … รอนวางม้วนเวท’ม้าหญ้าโคลน’ลงไปและปักแกนมอนสเตอร์ต่อ
“ทำไมครับคุณรอน”
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้วครับ … ทุกคน พอผมเรียกโกเลมออกมา ขอให้ทุกคนวิ่งหนีขึ้นต้นไม้ทันทีเลยครับ 3 … 2… 1… ไป!”
รอนขว้างแกนมอนสเตอร์ลงไปกระตุ้นการทำงานของม้วนเวท …. ร่างปุกปุยโผล่ขึ้นมาจากกองโคลนและฟางหญ้า ก่อตัวเป็นร่างของอัลปาก้าโกเลม
‘วู้ฮฮฮฮฮฮฮ’
‘วู้ฮฮฮฮฮ’
ชาวบ้านทุกคนสะดุ้งก่อนจะนึกได้และรีบวิ่งขึ้นต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด แทบทุกคนตกใจเมื่อเห็นร่างของหมาป่าหลังเงินที่โผล่ออกมาจากใต้พื้นหิมะ! พวกมันดักซุ่มรอพวกเขาอยู่โดยใช้หมาป่า1ตัวเป็นตัวล่อ
…. ที่บอกว่าแทบทุกคนตกใจ เพราะว่ายังมีหนึ่งคนที่ไม่ตกใจ …. รอนเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่ามีแถบพลังชีวิตของมอนสเตอร์พวกนี้กระจายอยู่มากกว่ายี่สิบตัว … ทีแรกเขาไม่แน่ใจว่าโอเดียนและคนอื่นๆรู้ตัวหรือไม่ เขาเลยเตรียมทำโกเลม …
มามั่นใจมากขึ้นว่าโอเดียนไม่รู้ว่ามีหมาป่าดักซุ่ม ก็ตอนที่โอเดียนพูดว่า “หมาป่าแค่ตัวเดียว ไม่ต้องใช้โกเลมก็ได้”
‘วู้ฮฮฮ’
รอนกระโดดขึ้นหลังโกเลมแล้ววิ่งล่อเข้าไปกลางฝูง หมาป่าวิ่งไล่กัดเขาโดยไม่สนใจโอเดียนและชาวบ้านคนอื่นๆที่กำลังปีนขึ้นต้นไม้
“นี่แน่ะ นี่แน่ะ” รอนจิ้มหอกลงไปใส่หมาป่า แต่ความที่ต้องจิ้มจากหลังโกเลม ทำให้เขาจิ้มพลาดพวกมันไป
‘วู้ฟ วู้ฟ วู้ฟ’
“เฮ้ยๆๆๆ”
รอนสั่งโกเลมอัลปาก้าให้ตรงไปที่ต้นไม้ที่ใกล้ที่สุดก่อนจะโหนตัวขึ้นไป ทิ้งหอกตกลงไว้ที่ข้างต้นไม้ … โกเลมอัลปาก้าวิ่งต่อไปได้อีกสักพัก ก่อนที่ฝูงหมาป่า20กว่าตัวจะขย้ำจนล้มลงแตกสลายไป
หมาป่าค่อยๆวิ่งกระจายแยกย้ายไปตามต้นไม้ต้นต่างๆและขู่แยกเขี้ยวรอคนที่ปีนหนีขึ้นไป
“พวกเรา … เอาไงกันดี”
แต่ละคนมองไปรอบๆ บริเวณนี้ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร … จะตะโกนก็คงไม่มีใครได้ยิน จะเอาโกเลมบุกฝ่าไปก็คงไม่แตกต่างกับโกเลมอัลปาก้าเมื่อครู่ ถ้าจะใช้หอกต่อสู้ จำนวนคน8คนต่อ20กว่าตัว ก็คงจะบาดเจ็บกันไม่น้อยเลย
“ท่านรอน จะทำยังไงดี ……..” เสียงร้องถามขาดหายไปเมื่อทุกคนเห็นว่ารอนกำลังกดเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วมองอ่านในนั้นอย่างตั้งใจ
“ท่านรอนทำอะไรอยู่ครับ”
“ผมอ่านวิธีใช้มีดขั้นพื้นฐาน กับการใช้หอกขั้นพื้นฐานอยู่ครับ” รอนตอบ
ทุกคนนั่งมองหน้ากันบื้อไม่รู้จะพูดอะไร ….
มาอ่านกันตอนนี้เนี่ยนะ
“ทุกคนพกไม้หนังสติ๊กมากันไหมครับ” รอนร้องถามโดยไม่หันมามอง
“พกมาครับ แต่ว่ามีลูกหินกันมาไม่มากครับ” โอเดียนตอบ มองลูกหินในมือที่มีกันคนละ4-5อัน พวกเขาไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้จนต้องหนีขึ้นต้นไม้ ทีแรกคิดกันว่าหากเจออะไรก็จะค้นหาหินจากพื้นแท้ๆ
“งั้นทุกคนนั่งกันให้มั่นคง แล้วค่อยๆเล็งยิงทีละคนครับ ไม่ต้องรีบ ยิงทีละคน”
ชาวบ้านคนนึงเล็งหนังสติ๊ก แต่ตอนที่จะปล่อยลูกหินออก หมาป่าก็กระโดดหลบ ! จนหินพลาดเป้า แต่ละคนร้องอย่างเสียดาย เพราะหินที่พลาดไปเท่ากับเสียของไปเปล่าๆ โอเดียนกำลังจะเตรียมเล็งยิงมั่งในตอนที่รอนตะโกนห้าม
“คุณโอเดียนอย่าเพิ่งยิงครับ”
“ครับ … ทำไมครับท่านรอน”
“เอางี้ครับ …. คุณโอเดียน ทำท่าคล้ายๆกับเล็งใส่เจ้าตัวที่อยู่ตรงโคนต้นไม้ครับ เล็ง แต่อย่ายิงนะครับ”
โอเดียนจ้องไปที่หมาป่าข้างล่าง … จากนั้นทำท่าจะเล็งดึง หมาป่าตัวนั้นมองจ้องมาที่มือของเขาเขม็ง
‘เอ๊งๆๆๆๆหงิงๆๆ’
หมาป่าตัวนั้นกลิ้งลงไปกับพื้น โอเดียนเงยหน้ามองรอน …. เด็กหนุ่มเป็นคนจัดการยิงนั่นเอง
“ให้แต่ละคนจับคู่กันครับ เล็งพร้อมกันสองคน จากนั้นให้ดูว่าหมาป่าหันไปทางใคร ก็ให้อีกคนเป็นคนยิง” รอนบอกสั้นๆเพื่อให้ชาวบ้านได้ค่อยๆหัดคิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง แต่ละคนจับคู่กันแล้วเล็งยิง เสียงร้องอย่างเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวของหมาป่าดังมาเป็นระยะให้รอนที่กำลังอ่านวิธีใช้ดาบและหอกได้ยิน
สักครู่หนึ่งเสียงเริ่มเงียบห่างไป หมาป่าเริ่มจับทางได้ว่าขณะที่คนนึงเล็ง จะมีอีกคนนึงยิง ดังนั้นพวกมันเลยหลบๆจากตำแหน่งเดิม
“จอห์นนี่ … ริโก้ …. นายสองคนเล็ง เดี๋ยวเราจะยิง” โอเดียนร้องบอก
ชาวบ้านทั้งสองคนยกไม้ขึ้นเล็ง หมาป่าหันขวับไปมองด้านนั้น โอเดียนยิงใส่ศีรษะของมันทันที
‘หงิงๆๆๆ’
รอนพยักหน้าอย่างพอใจ โอเดียนสามารถคิดต่อได้โดยที่เขาไม่ได้บอกแนะนำ … เป็นคุณสมบัติที่ดีสมกับการทำหน้าที่หัวหน้าหมู่บ้านอัลเลนจริงๆ
เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ตอนนี้หมาป่าโกรธเกรี้ยวเยี่ยวราดฉุนทั่วพื้นที่ไปหมดแล้ว สีพลังชีวิตของพวกมันตอนนี้ตกลงมาเหลือที่แถบสีเหลืองทุกตัวอันเนื่องจากการถูกกระแทกที่หัว … หมาป่าทุกตัวก็ไปล้อมที่ต้นไม้ของชาวบ้านหมด ทิ้งให้ต้นที่เขาอยู่โล่งปราศจากมอนสเตอร์
รอนมองดูขนหลังสีเงินของพวกมันจากนั้นเหน็บมีดใส่ลงที่เข็มขัดและค่อยๆปีนลงมาที่พื้น หยิบหอกขึ้นมา
หมาป่าหลังเงินตัวหนึ่งมองเห็นเขา มันหันหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดมา ก่อนจะวิ่งพุ่งมุ่งตรงเข้าใส่เด็กหนุ่ม
ตั่บ! ‘ฮุ้กกก’ ฉึก
เสียงร้องดังขึ้นตามหลังเสียงไม้ฟาดที่ข้างศีรษะจนเสียหลักล้มลง และก่อนจะลุกขึ้นได้มันก็ถูกเสียบเข้าที่ซอกคอจนตาย
หมาป่าตัวที่เหลือหันมา บางตัวยังเฝ้าที่ใต้ต้นไม้ แต่บางตัวก็วิ่งเข้ามาใส่รอน
ตั่บ ตั่บ ตั่บ ฉัวะ ฉัวะ ฉึก
เสียงไม้ฟาดเข้าที่หมาป่าทั้งสามตัว รอนแค่ปัดฟาดก่อนที่จะตวัดฟันหอกใส่หมาป่าสองตัวแล้วแทงเข้าที่ตัวที่สามจนล้มลง แล้วหันไปแทงอีกสองตัวที่ยังงงๆอยู่จนล้มลง
พริบตาเดียวหมาป่าตายไปแล้วสี่ตัว
หมาป่าค่อยๆหันมามองทีละตัวๆ … รอนก้มเก็บก้อนหินก้อนกรวดที่พื้นโกยใส่กระเป๋ากางเกง หมาป่าทั้งหมดเดินตรงมาทางเขาช้าๆ ช้าๆ รอนกระชับหอกในมือให้มั่น จากนั้นวิ่งสุดฝีเท้าไปที่ต้นไม้ก่อนจะปีนขึ้นไปโดยทิ้งหอกไว้ที่พื้น
หมาป่าวิ่งตามไปถึงโคนต้นไม้ พยายามกระโดดขึ้นไปแต่ไม่สำเร็จ รอนควักไม้หนังสติ๊กของตนออกมา จากนั้นเหนี่ยวยิง เหนี่ยวยิง เรื่อยๆ เรื่อยๆ หินที่โกยมาเมื่อครู่ทำให้มีกระสุนหินเหลือเฟือ รอนยิงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆจนสุนัขป่าหลังเงินหลหายตัวพลังชีวิตตกไปที่แถวแดง เลือดแดงฉานหยดพรายใต้ต้นไม้บนพื้นหิมะขาวนั้น
“ทุกคนค่อยๆปีนลงมาได้ครับ พวกมันใกล้ตายแล้ว”รอนบอก …ชาวบ้านที่เห็นหมาป่าที่โชกเลือดต่างค่อยๆปีนลงมาแล้วถือหอกชี้ไปด้านหน้า เดินเรียงแนวหน้ากระดานค่อยๆคืบเข้ามา
“พวกเรา ฆ่ามัน” โอเดียนร้องเมื่อเข้าใกล้ระยะ5เมตร ทุกคนเดินเข้าไปตรงๆ ทิ่มแทงหมาป่าที่มัวแต่ไล่งับรอนจนไม่ทันระวัง หมาป่าหันกลับไปสู้กับคนทั้ง7 แต่ด้วยความที่พลังชีวิตใกล้หมด เพียงพริบตาเดียวหมาป่า20กว่าตัวก็นอนตายเกลื่อนกลาด
รอนเช็ดมีดสั้นในมือที่เปื้อนเลือดสุนัข มองไปรอบๆไม่มีตัวไหนที่ยังรอดชีวิตแล้ว เขาเช็คสเตตัสดู
[Polearm weapon Lv 3 :60/100]
นี่ขนาดใช้ต่อสู้ไปแค่ไม่กี่ตัวยังขึ้นได้ขนาดนี้ นี่นับว่าการใช้อาวุธอย่างเป็นระเบียบแบบแผนนี่ให้ค่าประสบการณ์มากกว่าการใช้มั่วๆจริงๆ
จากนั้นรอนและทุกคนก็ช่วยกันตัดผ่าเอาแกนมอนสเตอร์ออกมา และหิ้วเอาซากสุนัขป่าทั้งหมดกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อให้คนที่มีฝีมือถลกหนังได้จัดการ
ครั้งนี้นับว่าได้ผลดีมาไม่เสียเที่ยวจริงๆ ถ้าคนที่หมู่บ้านเห็นน่าจะดีใจ
*****
สำหรับคนที่หมู่บ้าน โรล่าที่รับเอาเม็ดสีดำเล็กๆจากเบรเซอร์ไปทั้งห่อ ตรงไปที่โบสถ์ด้วยใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ของในห่อนี้คือของที่คุณตาเบรเซอร์บอกว่าเป็นของต้องคำสาปและต้องทำลาย …. เธอนึกออกเพียงวิธีเดียว
เจ้าเม็ดๆนี่ก็สีดำ รูปร่างเหมือนเมล็ดพืชที่เธอไม่รู้จักตรงกับที่ว่าของต้องคำสาปส่วนใหญ่สีดำเพราะเป็นของที่ทำจากเวทมนตร์ความมืด
ถ้ามันทำจากเวทความมืด … มันก็ต้องชอบความหนาวเย็นและไม่ชอบแสงสว่างกับความอบอุ่นสินะ
โรล่าวิ่งเข้าไปที่โบสถ์ ผลักประตูเปิดออก โบสถ์ที่ปราศจากผู้คนมีแสงสีต่างๆลอดผ่านมาทางกระจกสี เด็กสาวเดินไปที่ประตูข้าง เปิดออกไป … ตรงลานโบสถ์มีอาคารหลังนึง ที่มีหลังคาและกำแพงบางส่วนที่ทำจากกระจกแก้ว … เป็นเรือนกระจกที่นักบวชที่มาอาศัยบางครั้งจะเอาสมุนไพรมาปลูก ความอบอุ่นในเรือนกระจกนี้จะทำให้สมุนไพรอยู่รอดได้ในหน้าหนาว
เด็กสาวไปตรงกลาง ใช้จอบเสียบขุดพรวนดิน จากนั้นหยิบ”เม็ดสีดำต้องคำสาป”ออกมา โปรยไปทั่วพื้นที่
ของต้องคำสาปต้องอยู่ห่างๆกัน … และถ้ามันเจอแสงสว่างและอากาศอันอบอุ่นแบบนี้ในพื้นที่โบสถ์แห่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ มันต้องหมดฤทธิ์แน่ๆ
แต่ไม่สิ แค่นี้ไม่พอ
โรล่าเดินเข้าไปในโบสถ์ เปิดไขโอ่งน้ำมนต์ที่นักบวชรอคโค่เก็บเอาไว้ … เธอตักน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา จากนั้นก็สาดพรมลงไปทั่วพื้นที่นั้น
เด็กสาวมองพื้นดินที่ชื้นเปียกไปอย่างเหนื่อยอ่อนแต่ก็ภาคภูมิใจ … เจอทั้งอากาศอุ่นๆ แสงสว่างๆ ในเรือนกระจกใจกลางโบสถ์ แถมเจอน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ต่อให้คำสาปแรงแค่ไหนก็ไม่มีทางสู้ได้แน่ๆ
โรล่ายิ้มให้กับตัวเอง …. ต่อจากนี้เธอจะมารดน้ำมนต์ทุกวัน ดูซิว่ามันจะสู้ได้สักแค่ไหน