Midterm Fantasy - ตอนที่ 75
แพทเดินออกจากห้องพักครู ช่วงนี้เธออ่านหนังสือได้อย่างมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและเริ่มเห็นความหวังที่จะทำคะแนนได้ดีได้ขึ้นเรียนยในสายวิทย์แล้ว
แต่ว่าความหวังที่ว่าเพิ่งถูกสั่นคลอนที่ห้องพักครูนี่เอง
แพทรู้ตัวว่าเธอเองทำเกรดได้ไม่ดี ไม่ดีที่ว่านี้คือทำเกรดได้รั้งท้ายห้องแย่ยิ่งกว่ารอนเสียอีก
หลังจากที่รอนได้มอบลูกแก้วประหลาดนั่นให้และทำให้เธอสามารถอ่านหนังสือได้ด้วยตนเอง ทำให้เธอได้รู้ว่าหนึ่งในที่มาของการตั้งใจอ่านหนังสือของรอนก็เกิดมาจากการที่เขาต้องการเรียนให้คะแนนสอบสามารถผ่านเลื่อนชั้นไปอยู่ชั้นม.4ได้โดยไม่ถูกไล่ออกหรือซ้ำชั้น
แต่ในเมื่อเป้าหมายของรอน คือแค่หวังแค่พอผ่าน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของเธอ
และเกรดรวมของรอนแต่เดิมก็สูงกว่าเธอ
แปลว่าเธอต้องพยายามมากขึ้นจึงจะเรียนต่อได้
… และวันนี้แพทเลยลองสอบถามจากครูดุษฎี เธอเลยได้รับรู้รับทราบว่า ถ้าหากเธอจะเข้าเรียนชั้นม.4ในสายที่เธอต้องการ ความเป็นไปได้กับการทำคะแนนสอบFormative2และ สอบFinal นั้นมีค่าเท่ากับ ” 0 “
ถูกต้องแล้ว …มันเท่ากับศูนย์ คือไม่มีโอกาส เพราะว่าเกรดของเธอต่ำเกินไป
ซึ่งความจริงมันก็มีโอกาสบ้างเล็กน้อย หากในชั้นม4ไม่มีการสอบเข้าเรียนต่อจากนักเรียนต่างโรงเรียนเข้ามาจนทำให้เหลือที่นั่งว่าง แต่นั่นมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนที่ผ่านๆมา ไม่มีปีไหนที่ไม่มีเด็กมาสอบเรียนต่อที่นี่ …. จะมีก็แต่แย่งสมัครจนที่นั่งไม่พอ
จะให้บราเดอร์ให้สิทธิเป็นพิเศษเนื่องจากพ่อของแพทบริจาคเงินให็โรงเรียนก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เพราะว่าการสอบเข้าม.4นี้ เป็นการสอบแข่งขันที่แข่งกันแบบรุนแรงดุเดือด ที่นั่งที่มี มีเพียงน้อยนิดโดยใช้วิธีตัดเอานักเรียนเก่าที่เกรดไม่ดีให้หลุดออกไป ดังนั้นหากปรากฎว่ามีคนที่ต้องที่นั่งหลุดไปสักคนเกิดรู้ว่ามีการให้สิทธิเป็นพิเศษกับนักเรียนเก่าคนนึงที่พ่อบริจาคเงินให้กับโรงเรียน ชื่อเสียงที่สั่งสมมาด้านวิชาการของโรงเรียนจะต้องพังแน่ๆ
“ไม่มีทางอื่นเลยเหรอคะครู” นี่คือคำถามที่เด็กสาวถามครูประจำชั้น
“จริงๆก็ใช่ว่าจะไม่มีทางอื่นเลย” ครูดุษฎีบอก “เพียงแต่ว่ามันยากมาก และยากมากเสียจนเป็นไปไม่ได้เท่านั้น”
ครูดุษฎีเปิดปฏิทินของเดือนมกราคมให้ดู ที่สัปดาห์ที่3-4ของเดือนมกราคม มีรอยปากกาแดงวงวันที่ไว้หลายวัน
“เดือนหน้าจะมีการแข่งขันวิชาการหลายรายการ ทั้งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ แข่งภาษา แข่งกีฬา ….” ครูดุษฎีบอก “ถ้าหากเธอแข่งชนะอะไรมาได้สักอย่างนึง โอกาสที่จะได้แต้มต่อในการเลื่อนชั้นก็จะสูงมากขึ้น”
แพทมองวงในปฏิทินที่วงไว้ …. เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองสัปดาห์ การแข่งขันทั้งหลายก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“หนูขอรายละเอียดการแข่งขันทั้งหมดในเดือนหน้าได้ไหมคะ”
แพทเดินออกจากห้องพักครูพร้อมด้วยแผ่นพับงานแข่นขัน…. จะอ่านยังไงให้ทันกันล่ะ ต่อให้หลังเลิกเรียนรีบกลับบ้านอาบน้ำกินข้าว เธอก็มีเวลาแค่วันละ4-5ชั่วโมงในการเร่งอ่านเท่านั้น แล้วใช่ว่าการอ่าน4-5ชั่วโมงมันจะอ่านได้ตลอด ยังต้องมีอาการง่วงเพลียอะไรต่อมิอะไรอีก
แต่เดี๋ยวนะ!
********
“รอน …. ถามอะไรหน่อยสิ” แพทเอ่ยขึ้นขณะกำลังกินข้าวกับรอน
“อื้อ”
“ตอนที่เธอได้ลูกแก้วนั่นมาใหม่ๆ พอเธอข้ามไปอีกโลกหนึ่งแล้วอ่านหนังสือ เธอมีเวลาอ่านเพิ่มมากขึ้นแค่ไหนเหรอ”
รอนนึกดูช้าๆ
“เวลาที่เพิ่มขึ้นเหรอ …. ช่วงแรกๆก็12ชั่วโมงนะ” เด็กหนุ่มตอบ “ช่วงแรกที่ไปที่นั่น เราจะข้ามไปที่นั่นครั้งละ12ชั่วโมง จากนั้นก็จะกลับมาที่โลกอีก24ชั่วโมง ….แต่ถ้าเป็นตอนนี้ เราจะข้ามไปที่โลกโน้น24ชั่วโมงและกลับมาที่โลกนี้24ชั่วโมง”
“24ชั่วโมงเหรอ ….. ว่าแต่24ชั่วโมงนั่นคือเธอไม่ได้หลับเลยเหรอ”
“ใช่ …เวลาไปที่ฝั่งโน้นเราไม่ง่วงเลยและก็ไม่ต้องนอนด้วย”
ถ้าหากอยู่บนโลก ต่อให้อยากอ่านหนังสือแค่ไหนก็ต้องนอนต้องหลับวันละ6-8ชั่วโมงอยู่ดี แต่เมื่อไปที่โลกโน้น การอ่านหนังสือสามารถทำรวดเดียวแบบNon-Stopได้ ดังนั้นเวลาที่อ่านหนังสือได้ก็จะมากกว่าที่โลกนี้ถึง4-5เท่าได้
แพทครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจได้
“รอน … คืนนี้เธอพาเราข้ามไปฝั่งนั้นหน่อยสิ”
“หืม!”
แพทเล่าเรื่องทั้งหมดที่คุยกับครูดุษฎีให้รอนฟัง
“อืม ก็จริง …. ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็มีโอกาสไม่ได้เรียนต่อชั้นม.4ในสายที่ต้องการ” รอนพูด
“ใช่ ดังนั้นเธอช่วยพาเราไปที่ฝั่งนั้นหน่อยนะ”
รอนคิดสองจิตสองใจ … เพราะตอนที่เขาไปฝั่งนั้นมีแต่อันตราย ต้องสู้กับมอนสเตอร์และต้องเจอเรื่องอะไรต่างๆมากมาย ถ้าหากแพทไปจะปลอดภัยหรือไม่ ถ้าไปแล้วเจอกับมอนสเตอร์จะทำยังไง
แต่คิดอีกทีนึง ช่วงนี้เขาจัดการช่วยชาวบ้านกวาดล้างสัตว์ร้ายรอบๆหมู่บ้านไปแล้ว … เรื่องโรคระบาดก็จัดการแล้ว …. เรื่องที่อยู่ เรื่องอาหารก็จัดการแล้ว … ไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ
“งั้น … ก็ได้ งั้นเดี๋ยวคืนนี้เตรียมตัวแล้วกัน เดี๋ยวเราจะบอกวิธีข้ามไปฝั่งนั้นให้”
“โอเค งั้นเดี๋ยวคืนนี้เราจะเตรียมตัว” แพทบอกอย่างดีใจ “จะต้องเตรียมอะไรไปมั่งเธอจดมาให้หน่อยนะ”
รอนกดมือถือแล้วพิมพ์ของที่ต้องการให้แพทเตรียมติดตัวลงไป …. หลักๆก็จะเป็นเสื้อผ้าหนาๆ เสื้อกันหนาว อาวุธมีดเผื่อไว้สักหน่อย แล้วก็เครื่องแท็บเบล็ตที่โหลดหนังสือมาเก็บไว้ เอาไปใช้อ่านแทนหนังสือ
**********
คืนนั้นแพทเตรียมตัวอย่างใจจดใจจ่อ เธอสวมใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาทับลงไปบนเสื้อยืดกางเกงยีนส์ รองเท้าก็ใส่ผ้าใบกีฬา เป้หลังใส่น้ำอัดลมขวดลิตรไว้ขวดนึง ส่วนที่มือ ข้างนึงถือเครื่องTablet อีกข้างถือมีดทำครัว
ส่วนกระเป๋ากางเกง มีถุงใส่เงิน ภายในมีเหรียญทอง10เหรียญ …. อีกข้างใส่ไฟฉายไว้
ในTablet รอนส่งรูปที่ถ่ายคู่กับแพทเข้าไป , ส่งรูปของมีอาที่เขาเคยถ่ายไว้เข้าไป
ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะว่ารอนเองก็ไม่มั่นใจมากนักว่าเมื่อแพทเคลื่อนย้ายข้ามมิติไป จะไปโผล่ที่ไหน
ตั้งแต่ย้ายออกจากบ้านของพ่อเฒ่าเบรเซอร์ไปที่บ้านอีกหลัง รอนปล่อยRally Point ของศิลานักปราชญ์ของแพท เอาไว้ที่เตียงนอน(ซึ่งเขาไม่ได้ใช้) ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด แพทก็จะเคลื่อนย้ายไปที่นั่นพร้อมเขา
แต่เขาก็ต้องเผื่อเอาไว้ ….เกิดจุดที่แพทเคลื่อนย้ายไปดันเป็นจุดที่ดราซัคตาย ซึ่งศิลานักปราชญ์หลุดออกมาครั้งแรกล่ะ
หรือเกิดจุดที่แพทเคลื่อนย้ายไปเกิดเป็นที่หอกระจายเสียงของเมือง … ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่ศิลานักปราชญ์อยู่ในโลกฝั่งนั้นตอนที่แพทรับมันเข้าไปในตัวล่ะ
รอนเลยซักซ้อมไว้ หากไปโผล่กลางทุ่ง ก็ให้รีบมองหาแสงไฟของกำแพงเมือง แล้วมุ่งไปที่นั่น หรือถ้าหากไปโผล่ในหอกระขายเสียงของเมือง ก็ให้ออกมา จากนั้นให้ไปหาทหารเพื่อให้พาไปหาท่านมีอา ….
เงิน เอาไว้ให้ใช้ เผื่อว่าเกิดหลงไปในเมืองแล้วหาท่านมีอาไม่เจอ
รูปถ่ายคู่กับรอนหลายๆรูป เอาไว้เผื่อว่า หากคุยกันไม่รู้เรื่อง อย่างน้อยหากไปโผล่ในเมืองกาล่า การโชว์รูปให้ทหารดูก็น่าจะให้ผลที่ดี … อย่างน้อยรอนก็มั่นใจว่าทหารเกือบทั้งหมดเป็นมิตรกับเขาและจำหน้าเขาได้
“อ้อ แพท อีกอย่างนึง” รอนนึกได้ “เธอลองเปิดสเตตัสอีกครั้งหน่อยสิ เปิดอันที่เป็นรูปตัวเธอ ลองเช็คดูหน่อย”
“ได้ …” แพทสั่งเปิดสเตตัสรูปตนเอง “ให้เช็คอะไรเหรอ เมื่อกี้เราเช็คของที่ถือไว้แล้วก็ครบนะ”
“คือ เธอช่วยเช็คตรงเสื้อผ้าที่ใส่นิดนึง ว่าเสื้อตัวนอก และเสื้อตัวใน เป็นอะไร”
แพทมองดู
“เสื้อตัวนอกเป็นเสื้อกันหนาว การป้องกัน Poor +1 การป้องกันความเย็น Good 4+” เธอบอก “ส่วนเสื้อตัวในเป็นเสื้อยืด การป้องกัน 0 ….. เธอสงสัยอะไรเหรอรอน”
‘คือเราสงสัยว่าถ้าเธอใส่ยกทรง ตอนข้ามมิติไป มันจะถือว่ายกทรงเป็นตัวใน เสื้อยืดเป็นตัวนอกหรือเปล่า และเสื้อหนาวจะข้ามไปได้ไหม’
นี่คือสิ่งที่รอนคิดแต่ไม่ได้พูด ….
“อ๋อไม่มีอะไร แค่เช็คอีกทีว่าเสื้อหนาวโอเคไหม เพราะทางนั้นมีหิมะตกอยู่” รอนพูดไป ” เอาล่ะ ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เธอเช็คอีกรอบนะว่าเปิดให้มีการเคลื่อนย้ายหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ … ตัวนาฬิกานับถอยหลังก็ขึ้นแล้ว อีกสามนาที” แพทบอก
“โอเค งั้นเดี๋ยวเราวางสายก่อน เจอกันที่ฝั่งโน้น” รอนตอบก่อนจะกดปิดโทรศัพท์ เขาปิดเครื่อง จากนั้นก็หิ้วกล่องกระดาษในมือทั้งสองข้างแล้วรอเวลา
5…4…3…2..1 วาร์ป!
รอนลืมตาขึ้น เขายืนอยู่กลางบ้านที่มืดสนิท … เด็กหนุ่มรอจนกระทั่งขยับตัวได้ ก็วางกล่องในมือลง … จากนั้นเดินไปที่ห้องนอนแล้วเคาะประตู
‘ก็อกๆๆ’
เขาเคาะก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ….แพทนั่งอยู่บนเตียง และกำลังเปิดไฟฉายเพื่อไล่ความมืดที่ปกคลุมทั่วห้องยามเที่ยงคืน …. เด็กสาวฉายไฟไปที่หน้าของรอนที่กำลังเดินเข้ามา รอนยิ้มให้
“ขอต้อนรับสู่หมู่บ้านโอลเซ่น”
***
“หนาวจัง” เด็กสาวบอกเมื่อเดินออกมาตรงกลางบ้าน
“ข้างนอกมีหิมะน่ะ ตอนนี้แถบนี้เป็นหน้าหนาว แล้วบ้านด้านนี้เราเปิดหน้าต่างเอาไว้” รอนบอก … เด็กสาวเดินไปที่หน้าต่างอย่างสนใจ ภายนอกนั้นเธอเห็นกองไฟที่ชาวบ้านก่อไว้ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านลิบๆ
“เราว่าแพทกลับเข้าห้องนอนก่อนดีกว่า ห้องนั้นเราปิดหน้าต่างเอาไว้ ยังไงก็อุ่นกว่าห้องนี้ที่เปิดหน้าต่าง” รอนบอก “ยังไงแพทอ่านหนังสือในTabletไปก่อน แล้วตอนเช้าเราจะพาเธอไปแนะนำตัวกับหัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่นๆอีกที
… เด็กสาวพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินเข้าห้องไป … ตอนแรกเธอก็สงสัยว่าทำไมรอนไม่ให้เธอเอาหนังสือแต่ให้เอาTabletมา แต่พอมาถึงเธอก็เข้าใจแล้ว ….ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า กลางคืนมืดสนิท หากเปิดหน้าต่างก็หนาว ดังนั้นการใช้อุปกรณ์อ่านหนังสือที่มีแสงสว่างในตัวเองก็จะได้เปรียบการเอาหนังสือมาอ่านอย่างมาก … เด็กสาวเริ่มลงมืออ่านหนังสือที่ตนเองDownloadมาทันที
ส่วนรอน ก็อยู่ที่ตรงห้องกลางบ้าน เขาเปิดหน้าต่างให้แสงจากภายนอกเข้ามาด้านในบ้าน แม้ว่าจะเป็นเพียงแสงสลัวๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับการฝึกหัดดาบ …เด็กหนุ่มจับดาบในมือตั้งสมาธิแน่วแน่ แล้วก็เริ่มลงมือขยับเท้าและมือตามจังหวะฝึกท่าดาบทั้ง42ท่าอย่างช้าๆแต่มั่นคง …. เขาจินตนาการภาพหมาป่าที่เมื่อวานนี้สู้ไปเป็นตัวแทนของมอนสเตอร์ที่บุกจู่โจมเข้ามา จากนั้นทำการปรับท่าดาบทั้งหมดอีกครั้ง
ท่าดาบทั้งหมด แม้จะออกแบบสร้างมาอย่างดีแค่ไหน แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ต่อมอนสเตอร์แต่ละประเภท
มอนสเตอร์ที่ใช้สองขา มีจุดศูนย์ถ่วงที่สูงกว่ามอนสเตอร์ที่มี4ขา และมีจังหวะการเสียหลักที่ง่ายกว่า
มอนสเตอร์ที่มีขนปกคลุมมาก การใช้ดาบในการฟัน ให้ผลในการทำให้บาดเจ็บได้น้อยกว่า
เมื่อรอนลองเปลี่ยนศัตรูในจินตนาการเป็นหมาป่า เขาพบว่าท่าการใช้ดาบเพื่อต่อสู้ล้วนเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น การออกอาวุธต้องใช้ความเร็วที่มากขึ้น รวมถึงบางท่าอาจจะต้องเปลี่ยนบางจุดไปเป็นการป้องกัน เพราะว่าหากใช้ออกไปก็ไม่มีทางเอาชนะได้และอาจถูกโต้กลับแทน
เด็กหนุ่มฝึกฝนท่าทั้ง42 อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
“รอน …”
“หืม” เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียก ” อ้าวแพท ว่าไง”
เขามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยแสงสว่างจากภายนอกทำให้เขาเห็นแพทอยู่ในชุดเสื้อกันหนาว ตรงปกเสื้อด้านบนเห็นคอเสื้อยืดโผล่มาเล็กน้อย ท่อนขาสวมใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน …. และแม้จะอยู่ในบ้านแต่ตอนนี้เธอก็ยังสวมรองเท้าผ้าใบอันเนื่องมาจากอากาศที่เย็นจนเกินไป
“เช้าแล้ว … เราจะออกไปกันเมื่อไหร่ ” แพทถาม
“อ๋อ ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว เดี๋ยวอีกสักครู่ก็ไปกันได้แล้วแหละ” รอนบอกและเก็บดาบ ” เป็นไงมั่ง อ่านได้เยอะไหม”
“อือ … อ่านได้เยอะมากเลย” แพทตอบ “ไม่เหมือนตอนอ่านที่บ้าน ที่บ้านอ่านไปได้สักครึ่งชั่วโมงจะรู้สึกเพลียๆง่วงๆ แต่ว่าอยู่ที่นี่เราไม่ง่วงเลยสักนิดเดียว”
” ใช่แล้ว ….แบบนี้แหละที่ทำให้เวลาอ่านหนังสือที่นี่เราอ่านได้เยอะมากกว่าปกติหลายเท่าเลย” รอนบอก
แพทยิ้มอย่างยินดี …การอ่านหนังสือที่ห้องตัวเอง เมื่ออ่านไปสัก20นาทีก็เริ่มง่วง ความเร็วในการอ่านก็ลดลง
แต่ถ้าอ่านที่นี่ แม้จะยังมีความรู้สึกเบื่อเหมือนที่โลก แต่ว่าปราศจากความง่วงทั้งปวง ดังนั้นเธอสามารถอ่านได้รวดเดียวโดยไม่ต้องพักเลยแม้แต่น้อย … แถมอาการปวดเมื่อยจากการนั่งท่าเดิมนานๆก็ไม่มี เพราะเมื่อนั่งนานๆจนปวด จะมีเสียงดังในหัวว่า [กล้ามเนื้อบาดเจ็บ -0.01] แต่เพียงแค่10นาที พลังชีวิตก็จะขึ้นมา[+0.1] ทำให้อาการปวดหายไป
“อีกอย่างนึง … ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เรามีความรู้สึกเหมือนสดชื่นขึ้นแบบบอกไม่ถูก เหมือนมีอะไรบางอย่างเติมเต็มเข้ามาในตัวของเรา” แพทบอก
“เห…” เด็กหนุ่มทัก “ของเราไม่รู้สึกแบบนั้นแฮะ”
“เหรอ? … แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ เป็นแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนจริงๆ”
“งั้นสงสัยของแต่ละคน คงจะไม่เหมือนกันล่ะมั้ง” รอนบอก …” ตอนนี้สว่างมากแล้ว เดี๋ยวเราเตรียมตัวแล้วไปหาคุณเบรเซอร์หัวหน้าหมู่บ้านที่นี่ดีกว่า”
แพทไม่ได้ติดตามถามเรื่องอาการที่ว่านั้น … จะว่าไปความรู้สึก”เติมเต็ม”ที่ว่านี้เธอเคยรู้สึกตอนอยู่ที่โลกครั้งสองครั้ง ครั้งที่จำได้แม่นคือวันที่รอนเจออาจารย์ฝ่ายปกครองจับเข้าห้องปกครอง ตอนที่เธอเดินตามรอนไปแล้วเกิดความรู้สึกแปลกๆจนหันไปพบว่ามีคนจับตามองรอน
ที่เธอจำได้แม่น เพราะว่าขนาดตอนนั้นเธอกำลังเครียดและตื่นเต้น แต่เจ้าความ”รู้สึกดีรู้สึกเติมเต็ม”นี้มันกลับแทรกเข้ามาอย่างขัดแย้งกัน … รวมไปถึงหลังเหตุการณ์นั้น ผลึกแก้วสีแดงที่ได้จากคุณพ่อก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ เด็กสาวก็เดินตามเพื่อนออกจากบ้าน …ตอนนี้เองที่เธอเพิ่งเห็นสภาพของหมู่บ้านแห่งนี้จริงๆ ….บ้านไม้ชั้นเดียวจำนวนมาก คนที่แต่งกายในชุดผ้าเนื้อหยาบสีไม่สดใสนักกำลังเดินไปมา อุปกรณ์เครื่องใช้ที่ดูเหมือนของคนสมัยโบราณ รองเท้าสานที่ทำจากฟางและเชือกถัก …. แต่ละคนต่างมองตรงมายังเธอและรอนที่กำลังเดินอยู่ด้วยสายตาประหลาดใจ
“นั่นใครน่ะ”
“เพื่อนของท่านรอนรึ”
“ว่าแต่ท่านรอนพาเพื่อนเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนกัน”
ชาวบ้านต่างหันไปพูดคุยกันเองอย่างสงสัย
แพทเดินตามรอนไปจนถึงหน้าบ้านของเบรเซอร์โดยไม่ได้สนใจกับสายตาของชาวบ้านที่มองมาเท่าไหร่ เธอรู้ว่าการแต่งกายของเธอไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ….แต่ขณะกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้าน … ความรู้สึกแปลกๆก็ก่อตัวขึ้นมา เหมือนมีอะไรบางอย่างที่”ทิศ”นั้น
แพทหันขวับกลับไปมองยัง”ทิศ”ที่ทำให้เธอไม่สบายใจ …. ที่ตรงนั้นห่างออกไปประมาณ20เมตร ในกลุ่มของชาวบ้าน5-6 คน
มีเด็กสาวผมสีทองคนหนึ่งที่เอวคาดมีดทำครัวสีเงิน กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่…