Midterm Fantasy - ตอนที่ 78
“เดี๋ยวก่อนนะ ของชิ้นนี้นี่มัน ………. ” พี่ตำรวจค่อยๆก้มลงมองไปที่ป้ายสำแดงสินค้าที่แปะอยู่บนกล่องใบนั้น “ของแบบนี้มีให้สั่งซื้อจากจีนด้วยเรอะ?”
“คะ คะ ครับ” รอนตกใจอุทานรับ ในใจคิดว่าหรือจะหนีดีฟะ … แต่ไม่ได้สิ ตอนรับของก็ยื่นบัตรประชาชนไปแล้ว ที่นี่มีกล้องด้วย ถ้าหนีไปตำรวจก็แค่เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ก็รู้ชื่อเขาแล้ว …เดี๋ยวนะ
รอนล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้แล้วรีบหยิบกระดาษใบนึงออกมาวางที่พื้น
ส่วนคุณตำรวจตั้งใจมองและอ่านคำบนป้ายนั้นออกมา
“Toy house window หน้าต่างบ้านของเล่น” ตำรวจอ่านแล้วหันมามองรอน …. เด็กหนุ่มวัยรุ่นตัวโตเท่านี้ยังเล่นบ้านของเล่นเนี่ยนะ!
“เอ่อ ครับ หน้าต่างบ้านของเล่น แบบขนาดที่คนเข้าไปนั่งข้างในได้ครับ” รอนรีบพูดต่อและภาวนาให้สกิล<โกหกหน้าตาย>ทำหน้าที่ของมันให้สูงสุด
“อืมๆ แปลกดีๆ เด็กๆเดี๋ยวนี้” คุณตำรวจเหมือนจะเชื่อ ก่อนจะยกกล่องพัสดุเอียงเล็กน้อย … มุมกล่องที่เยินเละจากการขนส่งภายในประเทศเผยอออกเล็กน้อย รอนสบถในใจถึงคนที่ขนกล่องมาแบบไม่ระวังจนกล่องเกือบขาดและภาวนาในใจ …. อย่าขาด อย่าขาด อย่าขาด
“เฮ้ย ทำอะไรวะ” มือหนาๆแปะลงบนบ่าพี่ตำรวจคนนั้นจนตะโกนออกมา “เฮ้ย!”
‘ควากกกก!’
“เช็ด”
“เฮ้ย”
ทั้งพี่ตำรวจและรอนร้องออกมาพร้อมๆกันเมื่อกล่องพัสดุใส่โล่กันกระสุนขาดออก … โล่ภายในคว่ำลงตกลงกระแทกกล่องที่รอนยกอยู่
‘แควก’
กล่องอีกใบที่ใกล้ขาดอยู่แล้วขาดออกพอดี … หมวกตำรวจปราบจลาจลกลิ้งหลุดออกมา
พี่ตำรวจก้มยกด้ามจับโล่กันกระสุนก่อนจะหันด้านหน้าขึ้นมาดู
“นี่มัน”
“……”
รอนหรี่ตามองอย่างสยดสยอง … ก่อนจะเห็นว่าสายตาของตำรวจทั้งสองมองมาที่เขาอย่างแปลกๆ
“นี่น้องซื้อไว้ให้น้องสาวหรือเล่นเองเนี่ย”
ตำรวจหันโล่มาทางรอน …. ด้านหน้าทาสีชมพูพาสเทล มีลายคิตตี้สิบกว่าตัวติดกระจายทั่วทั้งบาน
“อันนี้ผมซื้อไว้เล่นเองครับ” รอนตอบทันที … เจ้าชุดเกราะ หมวก สนับที่กล่องขาดแล้วอันนั้นมันไซส์ผู้ชาย เกิดตำรวจซักมากๆจะดิ้นไม่หลุดเอา …
“หน้าต่างบ้านตุ๊กตาเหรอ …. นี่มันยังกับโล่ … เดี๋ยวนะ….” ตำรวจคนที่สองมองเห็นกระดาษวิธีใช้แปะอยู่ที่ด้านล่างพอดี “วิธีใช้ … ให้ถือหน้าต่างนี้แล้วเข้าไปในบ้าน ก่อนจะแนวขวางทางเข้าออกไว้ ให้ใช้กับคอสเพลย์ชุดตำรวจปราบจลาจล”
“ใช่ครับ ปีนี้ธีมคอสเพลย์เป็นแนวโลกแตกและซอมบี้ … พวกเลเยอร์จะแต่งตัวใส่ชุดเกราะแล้วถือหน้าต่างเข้าไปนั่งในบ้านตุ๊กตา จากนั้นพอเลเยอร์ซอมบี้มา ก็จะเอาหน้าต่างอันนี้มาปิดป้องกันทางเข้าออกเลียนแบบในหนังไงครับ”
“แปลกดี …. แต่ผู้ชายเล่นคอสเพลย์ด้วยเหรอ”พี่ตำรวจถาม
“เล่นสิครับ … พี่ดูนั่นสิครับ พี่เห็นโรงพยาบาลนั้นใช่ไหมครับ” รอนชี้ไปที่ตึกโรงพยาบาลที่อยู่ด้านหลังไปรษณีย์ไปไกลๆ ” ทุกปีเราจะมีจัดงานที่หอประชุมชั้นบนของโรงพยาบาลนั้นกัน”
“อ๋ออออออ นึกออกแล้ว ที่ปีก่อนนั่นไง ที่มีคนไข้โทรไปโรงพัก เพราะมีคนแต่งตัวแปลกๆไปถ่ายรูปในโรงพยาบาล”
“อ้อ ใช่ๆ นึกออกแล้ว”
พี่ตำรวจมองหน้ากัน ก่อนที่ตำรวจคนที่สองจะส่ายหน้า
“แต่นี่มันโล่กันกระสุนชัดๆนะ”
“แกคิดมากไปหรือเปล่า … ใครมันจะสั่งทำโล่ลายคิตตี้สีชมพู”
“แต่นี่มันโล่ชัดๆ”
รอนเห็นท่าไม่ดีแล้ว เขาปล่อยแกนมอนสเตอร์ในมือใส่ลงม้วนเวทที่เตรียมไว้
<Force>!
“พี่ครับ เอางี้ครับผมพิสูจน์ให้ดูละกัน พี่วาง’หน้าต่าง’นั่นลงพื้นก่อนนะครับ” รอนบอก
คุณตำรวจค่อยๆวางโล่ลงที่พื้น … รอนเดินไปอยู่เหนือโล่ ยกมือขวาขึ้นเงื้อสุดตัวก่อนจะสับลงไปที่ขอบมุมล่างของโล่เต็มแรง
กร็อบบบ แครกกก!
[-5]
ปลายสุดของโล่ประมาณ5ซม.ยุบงอบิดเบี้ยว รอนยื่นส่งโล่ให้คุณพี่ตำรวจทั้งสองดูให้
“นี่ไงครับ …ถ้ามันเป็นโล่กันกระสุนจริงๆ แค่ผมสับลงไปมันจะงอได้ยังไง”
“เออ จริงด้วย”
“เห็นไหม ก็บอกแล้วว่าหน้าต่างคอสเพลย์ เดี๋ยวนี้เด็กไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
รอนยิ้มให้พลางเอามือขวาซุกกางเกง เสียงกร็อบตะกี้เป็นเสียงกระดูกมือหักเพราะการกระแทก แต่เขาต้องทนไปก่อน ทนไว้ ทนไว้
* ** ** * ** ** **
รอนเดินนำแถวหน้าสุดของกลุ่ม ร่างอีก10ร่างที่สวมเกราะหนังเดินลุยหิมะตามเขาไปช้าๆ เด็กหนุ่มสวมใส่ชุดเกราะปราบจลาจล หมวกกันกระแทกอันใหม่สีดำสนิทแทนหมวกสีเงินอันเก่าที่มีรอยแตก ในมือขวาถือดาบ ส่วนมือซ้ายถือโล่สีเหลี่ยมอันใหญ่สีดำ
หลังจากกลับมาที่บ้านเมื่อคืนนี้ รอนพบว่าในกล่องของล้วนระบุว่าของภายในเป็นของคอสเพลย์ทั้งสิ้น …
ถ้าไม่ใช่ว่ารอนใช้ม้วนเวท<Force>ในการงอโล่จนทำให้กระดูกมือหักเมื่อวานนี้ เขาต้องหลงเชื่อแน่ๆว่ามันคือของคอสเพลย์
<ได้รับของเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากสำหรับการทาสีไว้ให้ ช่วยได้มากทีเดียว> รอนพิมพ์คอมเมนท์ไป
<ฮ่าฮ่า นี่แปลว่าคุณวิ่งเข้าสู่เรื่องยุ่งยุ่งใช่ไหม> เจ้าของร้านพิมพ์ตอบ
<ใช่แล้ว ตำรวจเห็นของข้างในและสงสัย ยังดีที่คุณทาสีชมพูและเขียนวิธีใช้หลอกเอาไว้ว่าเป็นของคอสเพลย์>
<ตำรวจพบ? คุณโชคดีมากที่รอดมาได้ เดือนนี้ผมได้รับการติดต่อมาหลายรายแล้วว่าถูกตำรวจจับทั้งที่ทาเป็นสีชมพู นี่กำลังว่าจะปิดร้าน>
<ปิดร้าน คุณพอจะบอกได้ไหมว่าคุณจะย้ายไปขายที่ไหน เผื่อว่าในอนาคตผมจะได้ตามไปซื้อได้>
<ได้ งั้นเดี๋ยวผมจะส่งเมล์ไปให้ แต่ว่าคุณอย่าลืมCopyเมล์เอาไว้นะ เพราะอีกไม่นานร้านนี้น่าจะถูกปิดแล้ว>
รอนพยักหน้ารับแม้จะรู้ว่าอีกฝั่งไม่มีทางเห็น … กฎในการขายของในเว็บเหล่านี้คือต้องไม่ขายของผิดกฎหมายและไม่สำแดงสินค้าผิดความจริง ในเมื่อร้านนี้พยายามช่วยลูกค้าด้วยการโกหกว่าเป็นของคอสเพลย์ การจะเจอสั่งปิดเพราะผิดกฎก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
หลังจากได้โล่และชุดมา รอนก็ทดสอบฝึกสวมใส่โล่และเกราะ จากนั้นก็ทดสอบการฝึกท่าการใช้ดาบอีกครั้ง จากการใช้ดาบทั้ง42ท่า รอนเลือกเฉพาะท่าที่เป็นการใช้ดาบมือเดียวออกมาฝึก แล้วเขาก็ฝึกวนไปเรื่อยๆจนกระทั่งเช้าและนำคนจากหมู่บ้านโอลเซ่นออกมา30คน โดยมีโรล่า พอล และแพทตามมาด้วย
แผนก็คือ ถ้าหากไปพร้อมกัน30-40คน ถ้าหากเป็นมอนสเตอร์ที่มีความฉลาดอย่างเจ้าหมาป่ายักษ์อามาร็อค มันก็ต้องไม่ออกมาแน่นอน ดังนั้นรอนจึงตัดสินใจจะล่อให้มันออกมาด้วยคนจำนวนน้อยๆ จากนั้นพอมันเข้าสู้ติดพันค่อยให้คนที่ตามมาห่างๆจัดการ
และอีกไม้ตายนึงก็คือของในห่อนั่น ….
รอนมองไปยังร่างที่ตามมาทั้งหมด ที่มือมีห่อกระสอบขนาดเล็กๆห่อมาคนละห่อ
เขาเดินนำไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ตั้งใจ … เด็กหนุ่มมองไปที่ชายป่าด้านหน้า เป็นจุดที่เป็นอาณาเขตที่เขาเชื่อว่ามีมอนสเตอร์บางอย่างอาศัยอยู่
“ทุกคน เดินรวมกลุ่มกัน คอยระวังด้านข้าง สำหรับคนที่อยู่ด้านหลังให้ระวังหลังเป็นระยะๆด้วย”
รอนร้องบอก จากนั้นทั้งกลุ่มก็เปลี่ยนจากการเดินแถวตอนเรียงเดี่ยวไปเป็นกลุ่มเดียวโดยมีรอนอยู่ตรงกลาง … จากนั้นทั้งหมดก็เดินเข้าไปเรื่อยๆ
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของกลุ่มที่เดินตามหลัง
“พวกเรา รอตรงนี้ก่อน ให้คุณรอนเข้าไปสักพักก่อน” พอลบอกกับทุกคนก่อนจะมองที่นาฬิกาที่รอนให้มา “รออีก10นาทีก่อนแล้วค่อยตามเข้าไป”
ชาวบ้านทุกคนในกลุ่มพยักหน้า และรอกันอย่างไม่คิดกังวลอะไร ต่างจากแพทกับโรล่าที่มองตามอย่างเป็นห่วง
“คุณแพทไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ถ้าเราทำตามแผนที่วางไว้ อามาร็อคก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ” พอลบอก
“กระสอบแป้งแค่นั้น มันจะทำให้เกิดลูกไฟพอที่จะสู้กับมอนสเตอร์ได้เหรอคะ” แพทถามอย่างสงสัย
“ได้สิครับ ตอนสู้กับออร์คที่เมืองกาล่า เราก็ใช้ในการสู้กับออร์คมาแล้ว” ชายหนุ่มบอก ” และถึงจะได้เปลวไฟไม่ได้รุนแรงอะไรมาก แต่ก็พอที่จะเผาขนตามตัวของอามาร็อคได้แน่ๆ”
“คือ ถุงเล็กๆแค่นั้นเอาไปแค่สิบถุง จะพอเหรอคะ” แพทถาม
“น่าจะพอนะครับ เราก็เผื่อไว้สองเท่าเผื่อพลาดแล้วนะครับ”
“ค่ะ …แต่อามาร็อคเป็นมอนสเตอร์หมาป่า …ปกติมันมาทีละตัวหรือมันอยู่เป็นกลุ่มคะ” เด็กสาวถามอย่างไม่แน่ใจ
“.ส่วนใหญ่เห็นว่ามันชอบอยู่ตัวเดียวนะครับ”
“ส่วนใหญ่ ?? …. งั้นแปลว่ามีส่วนน้อย…..”
“ครับ เห็นคุณเบรเซอร์เคยบอกว่าบางครั้งมันก็ออกล่าเป็นกลุ่มเล็กๆ 2ตัวมั่ง หรือ3ตัวมั่ง”
“ใช่ค่ะ วันก่อนที่คุยกัน คุณเบรเซอร์ก็บอกแบบนั้นจริงๆ”โรล่าย้ำให้อีกครั้งตามที่วันก่อนคุยกันไว้
“แล้วนี่ ….แผนที่เตรียมมาเป็นแผนสำหรับกี่ตัวคะ” แพทถามย้ำ เธอชักรู้สึกไม่ดีแล้ว
“…..” โรล่า
” …. ” พอล
” เหมือนจะวางแผนไว้สำหรับอามาร็อคหนึ่งตัวนะคะ” มาเรียที่ฟังอยู่ตลอดบอกขึ้นมา ” เมื่อเช้าที่คุณรอนบอกแผนการถอยถ้าหากมีอะไรผิดปกติ คุณรอนเน้นว่าก่อนจะถอยอย่าลนลาน ให้ถอยพร้อมๆกัน และเนื่องจากอามาร็อคสามารถใช้เวทยิงน้ำแข็งได้ คุณรอนเลยให้ทุกคนยกโล่ป้องกันหันไปทางมอนสเตอร์ตลอดเวลาขณะที่ถอยเพื่อป้องกันการถูกยิง”
“ถ้าคุณรอนบอกแบบนี้ แปลว่าให้พวกเราระวังเฉพาะอามาร็อคตรงหน้า น่าจะไม่ได้คิดเผื่อไว้สำหรับถ้ามันมากันหลายตัวค่ะ”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน
“ไปกันเร็วค่ะ ตามไปตอนนี้เลย”แพทบอกก่อนจะเดินนำออกไป “วันนี้เราต้องยกเลิกแผนก่อน อย่างอื่นไว้ว่ากันทีหลัง”
เด็กสาวเดินนำออกไปโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะตามหรือไม่ ก่อนที่พอลจะตัดสินใจได้ โรล่าก็ตามไปทันที …. ตามด้วยมาเรีย
“อ้าว รอก่อน รอก่อน “พอลร้อง “ทุกคน รีบเข้าไป ไปตามท่านรอนออกมาก่อนวันนี้ยกเลิกแผนทั้งหมด!”
คนทั้งหมดรีบตามเข้าไป แพทที่เดินนำด้านหน้าสุดชะลอและหยุดยืนหลังจากเข้าป่าไปได้เล็กน้อย
“หยุดทำไมเหรอคะ” โรล่าที่เดินตามมาถึงถามแพทที่หยุดรอ ….เด็กสาวชี้ไปยังต้นไม้ข้างหน้า
“ในพุ่มไม้นั่นมีตัวอะไรบางอย่างซุ่มดูเราอยู่ค่ะ” แพทบอก … มาเรียกับโรล่ามองตามเข้าไป หลังใบไม้ที่ปกคลุม มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ แต่ด้วยความที่ตรงนั้นมืดเกินไปทำให้มองไม่ชัด
” <Fireball>” มาเรียร่ายเวทก่อนจะยกมือตวัดขึ้น ลูกไฟขนาดเล็กลอยพุ่งไปยังพุ่มไม้นั้นและเกิดเปลววาบขึ้นเมื่อมันกระทบเข้ากับใบไม้ตรงนั้น … แสงที่วาบสว่างทำให้เห็นขนหลังสีเงินของมัน
“หมาป่าหลังเงิน” พอลร้อง ” พวกเรา จัดการมันก่อน ระวังด้วยอาจจะมีพวกมันซุ่มแถวนี้อีก
ชาวบ้านกรูออกไปถือหอกตั้งไปด้านหน้าเตรียมพร้อมหากมีหมาป่าที่จะพุ่งเข้ามา การมาของทุกคนทำให้หมาป่าที่ซุ่มอยู่วิ่งหนีแตกกระเจิง …. สำหรับแพทที่ยืนมองอยู่เบื้องหลัง นี่เป็นการได้เห็นการใช้เวทมนตร์จริงๆครั้งแรกตั้งแต่ข้ามมาที่นี่
“เมื่อกี้ที่คุณมาเรียใช้ คือ ….”
“เมื่อกี้เหรอคะ เวทย์ลูกไฟไงคะ …แต่ว่าชั้นมีการปรับอะไรนิดหน่อย” มาเรียตอบเรียบๆ “ปกติผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่นๆจะสวดภาวนาถึงเทพแห่งไฟอื่นๆ แต่ว่าพวกเราชาวบ้านธรรมดาเคยแต่สวดภาวนาต่อเทพชาร์เพื่อใช้ไฟทำอาหารเท่านั้น ชั้นเลยลองปรับให้ไฟที่ใช้ทำอาหารมันอยู่นานขึ้นแล้วลองขว้างดูค่ะ”
“เทพชาร์ ? เวลาใช้เวทมนตร์ต้องสวดภาวนาผ่านเทพชาร์ก่อนเหรอคะ”
“ค่ะ ชั้นไม่แน่ใจว่าที่ประเทศบ้านเกิดของคุณรู้จักเทพชาร์หรือไม่ แต่สำหรับที่นี่ท่านคือเทพแห่งไฟทำอาหารที่สำคัญ” มาเรียบอก “อย่างเมื่อครู่ตอนที่คุณแพทบอกว่ามีอะไรในพุ่มไม้ ชั้นก็สวดภาวนาเตรียมไว้ก่อนแล้วปล่อยมานาออกมาเพื่อขอให้ท่านชาร์สร้างเป็นลูกไฟเล็กๆในมือรอไว้ก่อน”
พวกชาวบ้านจัดการเคลียร์เส้นทางเสร็จแล้ว พอลกวักมือเรียกให้สาวๆทั้งสามตามไปได้ แพทเดินตามไปด้วยความรู้สึกอิจฉาคนเหล่านี้นิดๆ …เพราะพวกเขาสามารถใช้เวทมนตร์สร้างสรรควบคุมอะไรหลายๆอย่างได้ ดูสะดวกสบายทีเดียว
เด็กสาวมองมือของตนที่ขาวซีดเพราะความเย็น
ถ้าเธอมีเวทมนตร์บ้าง ตอนนี้เธอคงใช้มานาในร่างของเธอ เปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนห่อหุ้มมือทั้งสองไว้ อย่างน้อยจะได้ไม่หนาวจนมือชาแบบนี้
ถ้าทำได้ เธอคงทำไปแล้ว เพราะเธอหนาวจริงๆ นี่ถ้าใช้เวทมนตร์ทำให้รอบๆตัวอุ่นได้ก็คงจะดี
…. ….
หืม …
แพทมองที่มือของตัวเองและรอบๆตัว … ดูเหมือนคงไม่ต้องแล้วมั้ง … ดูเหมือนในป่านี้อากาศจะอุ่นกว่าข้างนอก ตอนนี้เธอรู้สึกว่ารอบๆมืออุ่นขึ้นกว่าเมื่อกี้นี้มากเลย เหมือนกับมีใครเอาแก้วน้ำอุ่นๆมาวางไว้ใกล้ๆ
…โชคดีจริงๆ
“แกว่าไหม ในป่านี่แสงลงมาไม่ถึง หนาวกว่าข้างนอกอีก”
“เราใช้เวทย์ไฟสร้างความร้อนได้ไหม หรือจุดคบไฟก็ได้”
“จะบ้าเรอะ เดี๋ยวเราต้องสู้กับมอนสเตอร์หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ขืนใช้เวทเพื่อสร้างความอบอุ่นแล้วตอนสู้จะใช้เวทอะไรไปสู้กับมัน”
“หนาวๆ …รีบตามให้ทันแล้วรีบกลับกันก่อนดีกว่า”
ชาวบ้านที่เดินตามด้านหลังบ่นกันเบาๆ
*************
ร่างทั้ง11เดินเข้าไปตามทางเดินตามปกติ รอนที่อยู่ตรงกลางหันมองซ้ายขวาเป็นระยะ นี่เขาเดินมาสักพักใหญ่ๆแล้วแต่ยังไม่เจอร่องรอยของมอนสเตอร์ใดๆเลย ….. หรือว่าจะหยุดรออยู่แค่นี้ก่อน
แต่ถ้าเขาหยุดรอ พอกลุ่มที่ตามหลังตามมาถึง คนเยอะขนาดนั้นมอนสเตอร์ก็คงไม่ปรากฎตัวออกมาแน่ๆ
เด็กหนุ่มกำลังคิดว่าจะเอายังไงดี ก่อนที่ร่างที่อยู่ด้านหน้าของเขาจะกระเด็นลอยไปข้างขวา กลิ่นสาบสางและควันไอน้ำจากปากลอยออกมา
ไม่มีเสียงขู่
ไม่มีเสียงคำราม
ไม่มีการเตือน!
ขนสีเทา ใบหูตั้ง ร่างนี้คือหมาป่าไม่ผิดแน่ๆ …
แต่มันคือหมาป่าขนาดใหญ่เกินสเกลไปหลายเท่า … เพราะแค่หลังของมันก็สูงระดับคอของรอนแล้ว
อามาร็อค!
“พวกเราจัดการมัน” รอนร้องสั่งและเตรียมเดินไปด้านหน้า ในตอนนั้นเองที่เขามองเห็นว่าที่พื้นด้านหน้าของอามาร็อคมีแท่งน้ำแข็งก่อตัวเป็นแท่งแหลมหันมาทางพวกเขาหลายสิบแท่ง รอนใจหายวาบเมื่อนึกถึงคำของเบรเซอร์ที่ว่ามอนสเตอร์นี้สามารถใช้เวทน้ำแข็งได้ เขาร้องสั่งการไม่ทันได้แต่ยกโล่ไปตั้งด้านหน้าแล้วย่อตัวหลบหลังโล่
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก เคร้ง เคร้ง เคร้ง ฉึก ฉึก ฉึก เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ชั่วขณะที่เด็กหนุ่มย่อตัวลงไปหลบ หอกน้ำแข็งพุ่งสาดเข้าหากลุ่มของเขา รอนมองดูร่างที่ล้มลงรอบๆตัวเขา ถ้าเขาหลบไม่ทันตอนนี้ที่ตัวของเขาคงเต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งไปแล้วแน่ๆ
เคร้ง!
รอนรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกชนจากด้านหน้า เขากระโดดหลบฉากออกมาแต่มอนสเตอร์ร่างยักษ์ยังพุ่งเข้าใส่
อามาร็อคพุ่งใส่เหยื่อรายสุดท้ายที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ของมัน มันใช้ปากพยายามกัดงับแต่ต้องชนเข้ากับโล่ตรงหน้า
แต่แม้เหยื่อรายสุดท้ายนี่จะมีโล่ที่ดี แต่การสู้ตัวต่อตัวแบบนี้มันไม่มีทางแพ้แน่ๆ …เจ้าอามาร็อคคิด
หมาป่ายักษ์กระโดดหลบดาบที่ตวัดเข้าหาถอยไป ก่อนจะจ้องมองรอนที่เดินตั้งท่าอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าดาบของเจ้ามนุษย์ข้างหน้านี้เล็กและเบาเกินกว่าที่จะฟันผ่านขนหนาๆของมันเข้ามาได้
มันจะเล่นกับศัตรูตัวสุดท้ายนี้อย่างไรดีนะ ..
…
เอ๊ะ
…
อะไร
อามาร็อคหันไปมองที่ขา … อะไรบางอย่างกอดขามันเอาไว้
ร่างที่สวมชุดเกราะที่มันเพิ่งจัดการล้มระเนระนาดเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ขยับขึ้นมากันหมด …เป็นไปได้ยังไง
แล้วทำไมมนุษย์พวกนี้ไม่กลัวตายรึ
แล้วนั่นพวกมันกำลังสะบัดฝุ่นอะไรสีขาวออกมาจากถุง
“ดีมากโกเลมทั้งหลาย” รอนร้องขึ้น “กอดมันเอาไว้แน่นๆ”
เด็กหนุ่มล้วงถุงพลาสติก เอาผ้าชุบน้ำมันไฟแช็กที่ห่อใส่ถุงพลาสติกไว้ออกมา … จากนั้นล้วงไฟแช็ก ….
ไฟแช็กสะดวกกว่าวงแหวนเวทไฟเห็นๆ
“เอานี่ไปกิน” รอนขว้างก้อนผ้าติดไฟเข้าไปใส่อามาร็อคในหมอกแป้ง
พรึ่บบบบ
โบร๊วววว!
หมาป่ายักษ์ร้องอย่างโหยหวนอย่างเจ็บปวด เปลวไฟลามเลียขนของมันจนหงิกงอ … ในขณะที่โกเลมทั้งหลายก็ยังกอดมันไว้แน่นไม่ปล่อย ….
เมื่อเปลวไฟเผาไหม้ควันแป้งไปจนหมด มันก็เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นทิ้งโล่แล้ววิ่งเข้าหามันพร้อมดาบ
ดาบอันแค่นั้นเนี่ยนะ … แค่ฟันให้ผ่านเส้นขนของข้าให้ได้ก่อนเถอะ
มันแสยะเขี้ยวและพยายามสะบัดโกเลมที่ขาออก
ฉึก !
เอ๊ะ
ฉึก
เฮ้ย เดี๋ยวๆ
ฉึก ฉึก ฉึก
เฮ้ย …. ดาบอันแค่นั้นแทงผ่านขนของข้าได้ยังไง
ขน ขน เฮ้ย ขนไหม้ไปหมดแล้ว
อามาร็อคลนลานพยายามดิ้น แต่โกเลมทั้งหลายกอดไว้อย่างแน่นหนามาก เลือดและบาดแผลของมันทำให้มันเริ่มอ่อนแรง
ฉึก
ดาบสุดท้ายแทงเข้าที่ซอกคอ อามาร็อคตัวยักษ์ตาปรืออย่างง่วงงง เส้นเลือดใหญ่ที่คอของมันที่ถูกตัดขาดทั้งสองฝั่งทำให้สมองของมันเริ่มโรยราไม่รับรู้อะไร …
แล้วมันก็ล้มลงตายอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ!