Midterm Fantasy - ตอนที่ 79
รอนก้มลงมองซากอามาร็อคตรงหน้าอย่างงงๆ ดูเหมือนว่าที่เขาเตรียมการมาก่อนหน้านี้จะมากเกินความจำเป็นไปสินะ เพราะว่าเพียงแค่เขาคนเดียวก็จัดการมอนสเตอร์ตัวนี้ได้แล้ว
รอนมองดูกองเลือดเนื้อและหิมะที่ละลายจากไฟที่แผดเผา ก่อนที่จะเอาแกนมอนสเตอร์ใส่เข้าไปที่โกเลมที่ยังใช้งานได้ พวกมันทำการดูดซับดินโคลนที่พื้นก่อนที่จะซ่อมสร้างขึ้นมาได้เป็นโกเลมปกติ โกเลมทั้งสามยืนเฝ้าระวังรอบๆขณะที่รอนก้มลงจัดการตัดเอาแกนมอนสเตอร์ออกจากหน้าอกของมัน
แพท โรล่า และชาวบ้านคนอื่นๆที่ตามมามองเห็นพื้นที่ที่ผ่านการต่อสู้นั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก … เสร็จแล้วรึ ?!
“ท่านรอนเป็นยังไงบ้าง” พอลตะโกนถามทั้งๆที่ยังห่างกัน30กว่าเมตร
“โอเคครับ ไม่บาดเจ็บอะไร” รอนตะโกนตอบ. ….แม้ว่าพอลจะไม่รู้ว่าโอเคแปลว่าอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่าท่านรอนจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด พอลเองก็รู้สึกแปลกใจนิดๆ เขาจำได้ว่าอามาร็อคที่คุณเบรเซอร์เล่ามันน่าจะตัวใหญ่กว่านี้นี่นา
“ทำไมรีบตามมาครับ” รอนตะโกนถาม”เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรครับ คุณแพทเกรงว่าอามาร็อคจะมีมากกว่าตัวเดียว เลยให้พวกเรารีบตามมาครับ”
รอนขมวดคิ้วเล็กน้อย …เขาไม่ได้นึกถึงข้อนี้เลย นี่ถ้ามันมีมากกว่าหนึ่งตัวเขาก็คงแย่ไปแล้วแน่ๆ
ว่าแล้วรอนก็หยุดการจัดการซากอามาร็อคตรงหน้าแต่หันไปหยิบเอาม้วนเวทโกเลมออกมา จากนั้นใช้แกนมอนสเตอร์อีก50อันเพื่อเรียกโกเลมออกมาอีก10ตัว
“คุณรอนเรียกโกเลมมาอีกทำไม …ยังมีพวกมันอีกเหรอ” โรล่าถาม
“ไม่น่าใช่นะ เพราะดูจากท่าทางเมื่อครู่นี้ ท่านรอนก็เหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ไว้ก่อน” มาเรียบอก
ขณะที่ทุกคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปหารอนที่กำลังเก็บกระเป๋า แพทก็หยุดเดิน
“ทุกคน หยุดก่อนค่ะ” เด็กสาวร้อง
“อะไรครับคุณแพท” พอลถาม
“รอน!ระวังพุ่มไม้ข้างหน้า!” เด็กสาวตะโกนก่อนจะหันไปบอกชาวบ้านที่กำลังเดินมา “ทุกคน ระวังทางซ้ายค่ะ!”
“ข้าแต่เทพโบร่าโปรดป้องกัน <WindShield>” …….เปรี๊ยะ ….. เคร้งๆๆๆ
เสียงของพอลและมาเรียดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่คนอื่นๆจะทันตั้งตัว เงาสีเทาขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากแนวต้นไม้ …โล่สายลมที่ทั้งสองกางไว้หน่วงเวลามอนสเตอร์ยักษ์ได้เพียงเสี้ยววินาที แต่ก็เป็นเสี้ยววินาทีที่มีค่ามากเพราะว่าชาวบ้านประมาณ10คนที่ตอบสนองได้ไวคว้าโล่มาซ้อนกันได้ทันท่วงที … เสรียงเคร้งที่เกิดขึ้นคือเสียงของกงเล็บที่กำลังจะฟาดลงบนตัวของมาเรียพอดี …. เด็กสาวหน้าซีด ถอยมาทางด้านหลัง
“กลุ่มที่สองและสาม ป้องกันด้านข้าง กลุ่มที่หนึ่งตั้งโล่ซ้อนประจันหน้า” พอลร้อง ” ตั้งแนวโล่กระดองเต่า”
สิ้นเสียงสั่ง เหล่าชาวบ้านที่กำลังตกใจก็ตั้งสติได้และสลับตำแหน่งกัน … กลุ่มที่1คือกลุ่มที่แข็งแรงที่สุดซึ่งมีหน้าที่สู้กับมอนสเตอร์โดยตรง ในขณะอีกสองกลุ่มที่เหลือคือกลุ่มที่แข็งแรงน้อยกว่าหรือเป็นผู้หญิง มีหน้าที่ป้องกันการโจมตีจากด้านข้างในกรณีที่มอนสเตอร์ย้ายตำแหน่งจนกลุ่มแรกตามไม่ทัน …
ชั่วพริบตาเดียว คนสามสิบคนก็ตั้งแนวโล่กลมเป็นแนวกำแพงเหมือนกระดองเต่าที่มีหอกยื่นออกมา โดยมีแพท มาเรียกับโรล่าอยู่ตรงกลาง
” พวกเรา! ” รอนร้องขึ้นและคว้าโล่เตรียมวิ่งมา
“รอน อย่าเข้ามา ….ระวัง ข้างหลัง!” แพทร้องเสียหลงเมื่อเห็นว่ารอนหันหลังกลับแล้ววิ่งมา …. เงาร่างขนาดใหญ่ที่หลบเตรียมพร้อมอยู่แล้วพุ่งออกมาจากแนวต้นไม้กระโจนตัวลอยเข้าใส่ ร่างสีเทากระโจนลอยสูงสามเมตรก่อนจะพุ่งลงมาทับร่างๆหนึ่ง
“คุณรอน!” โรล่าร้อง
ตอนนี้ทุกคนเห็นชัดกับตา … ร่างสองร่างที่อยู่ตรงหน้าคืออามาร็อค … ถ้าเปรียบเทียบกับซากอามาร็อคเผาที่นอนตายอยู่ ก็แปลความได้เพียงอย่างเดียว ….
พ่อมัน! แม่มัน!
สำหรับแพท …. เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองตัวนี้ ตัวเท่าช้างขนาดกลาง …หลังของมันสูงประมาณ3เมตร
แต่ความไวของมันเหมือนหมาป่า …. นี้มันช้างกระหายเลือดชัดๆ!!!
“Force!”
“Force!”
“Force!”
ชาวบ้านในกลุ่มแรก3คนร่ายเวทเพิ่มพลังตามแผนที่รอนสั่งเอาไว้ แต่ละคนจะมีการจัดลำดับในการใช้เวทให้ไม่ตรงกันเพื่อจะได้สามารถใช้เวทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งสามคนที่เพิ่มพลังแล้วทำหน้าที่รับแรงฟาดจากมอนสเตอร์ อุ้งเท้าหนาหนักอันเต็มไปด้วยขนฟาดลงบนโล่เป็นจังหวะอย่างโกรธแค้น
ตรั่บ ตรั่บ ตรั่บ
เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลแน่ๆ มันก็กระโดดถอยห่างออกไปแล้วคำราม
“โฮกกก”
หอกน้ำแข็งฟอร์มตัวลอยขึ้นมาจากพื้น
“ทุกคน ก้มต่ำ ตั้งหอก!”
“Force!”
“Force!”
“Force!”
เคร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พลั่ก ! แคร้กๆๆ
เสียงหอกน้ำแข็งกระทบโล่ ตามด้วยแรงโถมเข้ามากระแทก ….หอกที่ปักเฉียกไปด้านหน้าหักไปสี่ด้ามจากแรงกระแทกถาโถมของอามาร็อค เหล่าชาวบ้านที่หอกหักดึงหอกอีกด้ามที่เหน็บขัดหลังไว้ออกมาถือ
นี่เป็นยุทธวิธีที่รอนสั่งไว้เช่นกัน เมื่อเห็นมอนสเตอร์ใช้เวทน้ำแข็งก็ให้คนชุดที่สองใช้เวทForceแล้วให้ตั้งหอกเฉียงเพื่อป้องกันการชาร์จ
แม้จะไม่เคยรู้จักมอนสเตอร์นี้มาก่อนนอกจากในหนังสือ แต่ว่าในทุกๆเกมที่รอนรู้จักมา พวกรองบอสทั้งหลายสายสู้ประชิดตัวชอบใช้เวทโจมตีนำก่อนจะชาร์จเข้ามา ….
“ได้ผล”
“พวกเราทนไว้ก่อน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเราชนะแน่”
กลุ่มแรกที่ใช้เวท Force ไปแล้วทยอยควักแกนมอนสเตอร์ออกมาเพื่อดูดซับมานา …. จากนั้นเตรียมพร้อมรับการจู่โจมขั้นถัดไป
“แผนของท่านรอนเยี่ยมจริงๆ”
“พวกเราสบายแน่”
“อามาร็อคก็อามาร็อคเถอะ”
อามาร็อคแค่นี้ไม่คณามือท่านรอนแน่ๆ”
ผัวะ! ….. ตู้ม
เสียงต้นไม้ขนาดกลางหักลงเมื่อถูกกระแทกดังจนหลายคนหันไปมอง
แล้วทุกคนก็เห็นร่างดำๆพุ่งไปที่ต้นไม้อีกต้น
ผั่วะ! ….. ตู้ม
ไม่สิ จะเรียกว่าพุ่งไม่ได้ เพราะนั่นคือรอนในชุดเกราะตำรวจปราบจลาจล ที่ถูกตบเข้าที่โล่จนปลิวลอยไปชนต้นไม้ ดาบในมือของเขาหลุดลอยไปเรียบร้อยแล้วอย่างไม่มีประโยชน์ที่จะไปหยิบมาใช้ เพราะมีดดาบร้านอาม่าที่พกมาตอนนี้บิดงอจนไม่เหลือสภาพเดิมไปแล้ว เป้หลังที่สะพายมาสายขาดตกอยู่ที่ห่างออกไป
“………..” พอล
“………..” มาเรีย
“………..” ชาวบ้านคนอื่นๆ
“รอน !” แพทร้องอย่างเป็นห่วง รอนลุกขึ้นมาจากพื้น ยกโล่กันแท่งน้ำแข็งที่พุ่งโจมตีก่อนจะกระโดดหลบอามาร็อคตัวพ่อที่พุ่งจู่โจม
“อย่าเพิ่งเข้ามา ….จัดการอีกตัวให้เรียบร้อยก่อน” รอนร้องบอกทุกคน
ตอนนี้เขาไม่มีทางสู้มอนสเตอร์ตรงหน้าได้แน่ๆ ไฟก็ไม่มีแล้ว ม้วนเวทอื่นๆก็หลุดไปกับเป้แล้ว ส่วนโกเลมทั้งหลาย เพื่อช่วยเขา แต่ละตัวเข้ามาช่วยผลักให้เขารอดจากการโดนทับหรือไม่ก็เอาตัวมาขวางจนเสียหายไปหมดแล้ว
…ยังดีที่เขาเรียกโกเลมเพิ่มเผื่อไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาต้องเจ็บหนักไปแล้วแน่ๆ
รอนโยนลูกอมเม็ดสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเคี้ยวๆ
[+1][+1][+1]
ผลั่ก!
[-1]
ร่างของเด็กหนุ่มลอยขึ้นอีกครั้งก่อนจะไปตกที่ซากอามาร็อคที่ตายจมกองเลือดอยู่ … ยังดีที่เขาใส่ชุดนี้มา …แม้ว่ามันจะไม่ค่อยทนกับเล็บและฟันแหลมคมอามาร็อค แต่ว่าชุดที่ออกแบบให้สามารถทนต่อการกระแทกนี้ก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม …
เคร้ง!
[-2]
รอนเจ็บที่ข้อมือเล็กน้อย ตอนนี้ไม่เหลืออาหารให้กินเสริมพลังแล้ว …รอนกระโดดข้ามซากมอนสเตอร์ตัวลูกไปอีกด้านหนึ่ง …กลิ้งลงไปบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดของอามาร็อคตัวลูก รอนก้มลงที่พื้นแล้วตัดสินใจดื่มเลือดของมอนสเตอร์เข้าไป
[+0.5][+0.5][+0.5][+0.5]
โฮกกกกกกก
มอนสเตอร์ตัวพ่อร้องอย่างโกรธแค้น
“แย่แล้ว มันไปหาท่านรอนแล้ว” พอลร้องขึ้น …
เพราะอามาร็อคตัวแม่ที่ก็เห็นภาพดังกล่าวเช่นกันก็ร้องขึ้นมาก่อนจะผละจากกลุ่มชาวบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปจัดการเด็กหนุ่ม
“ทุกคน ตามไป! ถ้าเข้าถึงตัวให้ใช้เวทไฟจัดการมันเลย” พอลร้องบอก ชาวบ้านทุกคนต่างเดินก้าวเท้าไปพร้อมกันเป็นจังหวะ แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะที่เร่งด่วนแต่การเคลื่อนขบวนแบบไม่เป็นระเบียบก็เสี่ยงเกินไป หากมอนสเตอร์หันกลับมาโจมตี จะมีคนบาดเจ็บหรือตายได้ …. สิ่งนี้ก็เป็นคำสั่งที่รอนสั่งเอาไว้ก่อนเช่นเดียวกัน …ดังนั้นชาวบ้านทุกคนจึงเคลื่อนตัวไปพร้อมกันโดยไม่แตกขบวน
ยกเว้นเพียงคนเดียว
“โรล่า กลับเข้ามา” มาเรียร้อง ก่อนที่จะส่ายหน้าแล้วออกจากขบวนวิ่งออกไปเช่นกัน … พอลเหลือบมองตามแต่ยังสั่งให้ทุกคนคงขบวนเอาไว้
อามาร็อคทั้งสองผลัดกันจู่โจมรอน เมื่อเด็กหนุ่มหลบตัวนึงได้ อีกตัวก็จะพุ่งเข้ามาตบกัด เขายกโล่ขึ้นกันอย่างทุลักทุเลและพยายามหลบหลีกเพื่อไปทางกลุ่มชาวบ้าน แต่ดูเหมือนมอนสเตอร์ทั้งสองจะรู้ พวกมันพยายามไล่ให้รอนออกห่างจากกลุ่มชาวบ้านที่กำลังเข้ามาช่วย
“ข้าแต่เทพชาร์ โปรดประทานไฟเผาผลาญศัตรูของข้า <Fireball>”
ลูกไฟอันเท่าลูกปิงปอง พุ่งออกจากมือของมาเรียไปยังอามาร็อคข้างหน้าก่อนจะแตกตัวออกเผาไหม้ขนของมันไปหย่อมนึง มันร้องออกมาก่อนจะหันมาทางเด็กสาวทั้งสองแล้วพุ่งเข้าใส่
“ข้าแต่เทพชาร์ โปรดประทานไฟเพื่อประกอบอาหาร <กรูเม่>”
โรล่ากระโดดหลบก่อนจะปล่อยไฟขนาดเล็กออกมาในระยะประชิด ขนที่ใบหน้าของอามาร็อคตัวแม่ไหม้ไปหย่อมนึง …. มันหันกลับมามองก่อนคิดลังเลว่าจะจัดการเด็กสองคนนี้ก่อนหรือกลับไปจัดการรอนดี ส่วนมาเรียและโรล่าก็ใช้จังหวะนี้หยิบแกนมอนสเตอร์มาดูดซับพลัง
“ทำไมทั้งสองคนไม่ใช้เวทมนตร์อีกคะ” แพทถามอย่างร้อนใจเมื่อเห็นว่าทั้งคู่หยุดเว้นจังหวะไม่ได้โจมตีต่อ
“คุณแพทครับ พวกเราเป็นแค่คนธรรมดามีพลังเวทไม่มาก พวกเราใช้เวทไฟติดต่อกันได้แค่คนละครั้งสองครั้งเท่านั้นครับ” พอลบอก “ยิ่งช่วงหน้าหนาวและเต็มไปด้วยหิมะแบบนี้ เวทไฟยิ่งต้องใช้พลังมากด้วยครับ”
“พวกเราทุกคนเตรียมใช้เวทไฟ” พอลบอก ” เมื่อเข้าไปถึงแล้วให้ทุกคนผลัดกันใช้เวทไฟโจมตีใส่ขนของอามาร็อค จัดการตัวที่เล็กกว่าก่อน ถ้าใช้ออกไปแล้วอย่าลืมดูดซับพลังจากแกนมอนสเตอร์เติมพลังเวททันที”
“ย่าห์” ทุกคนขานรับก่อนจะเตรียมแกนมอนสเตอร์ … เหลือระยะอีกแค่10เมตรก็จะถึงจุดที่รอนอยู่แล้ว
…
แต่เหมือนมอนสเตอร์ทั้งสองจะรู้ว่ารอนมีคนมาช่วย … มันเหลือบมองก่อนจะจู่โจมอีกครั้ง ตบเด็กหนุ่มเข้าที่โล่อย่างจังเพื่อดันให้ออกห่างจากชาวบ้านอีก
“โอ้คคค”
เลือดไหลออกจากมุมปากของเด็กหนุ่ม … มันเป็นทั้งเลือดของเขาและเลือดของลูกมอนสเตอร์ที่เขาเพิ่งดื่มไป … รอนมองโล่ในมือแล้วชักเสียใจที่สั่งโล่กันกระสุนระดับหนึ่งมา ตอนนี้โล่สีชมพูช็อคกิ้งพิงก์บิดเบี้ยวและมีรอยแตกแล้ว … ถ้าเขาสั่งเป็นระดับสามมา มันอาจจะทนทานมากกว่านี้
เคร้ง!
รอนยกขึ้นกันอุ้งเท้าที่ฟาดลงมา
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหากเขาเลือกโล่หนัก10กิโลกรัมมา … เขาอาจจะยกรับไม่ทันเป็นแน่
“โอ้ค!”
[-4]
อามาร็อคตัวพ่อถือโอกาสตอนที่เขายกโล่กันเท้าตัวแม่ ฟาดจนเขาลอยไป โล่ในมือปลิวหลุดตกลง … รอนข่มความเจ็บปวดรีบลุกขึ้นมาแล้วหลบไปด้านขวา
ควาก
ต้นไม้ต้นหนาเท่าแขนขาดออกจากการกัดของอามาร็อคตัวพ่อ มันหันมามองเขาอีกครั้ง
“คุณรอน มาทางนี้” เด็กหนุ่มหันขวับไปตามเสียง โรล่าและมาเรียห่างเขาออกไปประมาณ10เมตรเท่านั้น รอนวิ่งออกตัวไปโดยไม่มองด้านหลัง เสียงฝีเท้าวิ่งตามหลังมาให้ได้ยิน … เขาใกล้จะถึงโรล่า แต่แล้วก็ลื่นล้มลง
“คุณรอน !” โรล่าร้องพลางวิ่งเข้าไปตั้งหอกพร้อมกับการตบลงมาของอามาร็อค
สรวบ!
โฮกกกกกกกกกกก อามาร็อคตัวเมียร้องอย่างโกรธเกรี้ยว มันยกอุ้งเท้าขวาที่ทะลุด้วยหอกขึ้นมา กัดจนหอกหักแล้วตบรอนที่ยังกำลังลุกขึ้นมา
ผัวะ
รอนลอยเป็นหุ่นกระบอกที่เชือกบังคับขาด ชนกวาดเอาทั้งมาเรียและโรล่าล้มกลิ้งไปพร้อมกัน อามาร็อคตัวผู้วิ่งมาจากด้านหลังหวังกระโจนเข้าใส่
“กรูเม่!”
“Force!”
“กรูเม่!”
“Force!”
แสงแวบวาบแปลบปลาบวาววับระยิบระยับจับตา ขนสีเทาถูกเผาไหม้เป็นหย่อมตั้งแต่ใบหน้าไปถึงขาของอามาร็อคที่พุ่งเข้าใส่ แต่ถูกผลักดันกลับไปด้วยโล่ของชาวบ้าน
“โรล่า มาเรีย เป็นยังไงบ้าง”ชาวบ้านคนนึงร้องถาม เด็กสาวทั้งสองส่ายศีรษะบ่งบอกว่าไม่เป็นไร
“พวกเราถอย!”
“กรูเม่””กรูเม่””กรูเม่””กรูเม่””กรูเม่”
“Force”
คน30กว่าคนที่ยืนผนึกเป็นวงกลมค่อยๆถอยร่นมา อามาร็อคทั้งสองก็ยิ่งโจมตีหนักขึ้นเรื่อยๆ
“มีใครเหลือแกนมอนสเตอร์มั่ง”
“ไม่มีแล้ว”
“หอกหักอีกแล้ว ใครมีหอกอีกไหม”
“ข้ามี เอ้า เอาไป”
ทุกคนต่อสู้และพยายามถอยไปช้าๆ ส่วนมอนสเตอร์หมาป่ายักษ์ก็ถอยและเล็งโจมตีเป็นครั้งๆไป เห็นได้ชัดว่ามันไม่ต้องการให้คนกลุ่มนี้ที่ฆ่าลูกของมันรอดกลับไปได้
“มาเรีย ถามหน่อยสิ”โรล่าพูด”เวทFireballที่ใช้ยิงลูกไฟของเธอน่ะ ทำยังไง”
“ก็ขอเทพชาร์ให้ช่วยไง”
“ไม่ได้ผล เมื่อกี้เราลองแล้ว”โรล่าส่ายหน้า “เธอบอกละเอียดกว่านี้หน่อย”
“ก็ให้รวมไฟไว้เป็นจุดเดียวเหมือนเวทกรูเม่ แต่ว่าให้เธอคิดเส้นทางที่จะยิง ขอให้ท่านชาร์เปิดเส้นทางในอากาศ จากนั้นก็ผลักลูกไฟให้ไปตามทางนั้นไง”
“ยังไง สร้างเส้นทางในอากาศ?”โรล่าถาม
“ก็คิดซะว่าอากาศไม่ใช่ที่ว่างแต่เป็นก้อนอากาศ จากนั้นขอให้ท่านชาร์แยกก้อนอากาศแล้วสร้างที่ว่างขึ้นมา แล้วก็ผลักลูกไฟให้เข้าช่องนั้นเดี๋ยวมันก็ไปทางนั้นเอง”
“อากาศมันจะมีก้อนได้ไง”
“เอาน่า คิดซะว่ามันมีแหละ ฟองอากาศอยู่ในน้ำมันก็เป็นก้อนไม่ใช่เหรอ”มาเรียบอก เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ที่เธอคิดวิธีได้ก็เพราะเธอเห็นฟองอากาศอยู่ในน้ำเป็นฟองได้ เลยคิดเอาว่าอากาศน่าจะเป็นก้อน เพียงแต่เรามองไม่เห็น
ส่วนแพทที่ฟังอยู่กลับใจร้อนรุ่ม เธออยากจะอธิบายไปว่าอากาศมันมีมวลยังไง มีอนุภาคโมเลกุลก็าซยังไง แต่คิดอีกทีบอกไปคงไม่มีใครรู้เรื่อง จึงได้แต่มอง
โรล่าดึงสร้อยที่สวมไว้ออกมา ตรงปลายร้อยเอาแกนมอนสเตอร์ที่ได้จากแม่ทัพออร์คที่เธอสังหารครั้งแรกจากนั้นก็ตั้งสมาธิดูดซับพลังเข้าไป … เธอรู้ดีว่าด้วยความจุมานาของเธอไม่มีทางรับพลังได้ทั้งหมดแน่ เธอยึงร่ายเวทไปด้วยพร้อมๆกัน ลูกไฟก่อตัวขึ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆจนเท่าลูกฟุตบอล
“<Fireball!>”
ลูกไฟกลมพุ่งมุ่งไปที่อามาร็อคตัวพ่อกระแทกตัวของมันจังๆ
โฮกกกกกกก!
“สำเร็จไหม” ชาวบ้านบางคนถาม
ไฟลุกท่วมที่ลำตัวของมันจนล้มกลิ้งตัวกับพื้น หิมะรอบๆกลายเป็นน้ำปนกับเลือดเละเทะเผรอเปื้อน ก่อนที่มันจะลุกขึ้นมาอีกครั้งอย่างโกรธแค้นกว่าเดิม
“ทำไงดี”
“มีใครเหลือพลังเวทอีกไหม”
“คุณแพท คุณแพทยังไม่ได้ใช้เวทเลย พอจะใช้ได้ไหมครับ”
รอนกับแพทมองหน้ากัน เด็กสาวรู้สึกผิดขึ้นมาที่ตนเองช่วยอะไรไม่ได้เลย
รอนก็สู้เต็มที่
ชาวบ้านก็สู้เต็มที่
แม้แต่โรล่ามาเรียก็สู้สุดใจ
มีแต่เธอที่ไม่ได้ทำอะไรเลย … ทั้งๆที่เธอเข้าใจหลักการที่มาเรียอธิบายให้โรล่าอย่างดี แต่เธอกลับไม่สามารถทำอะไรได้
ถ้าเพียงแค่เธอมีพลังเวทนะ
เธอจะใช้พลังเวทของเธอทำให้น้ำแข็งตรงหน้าจับเป็นแท่ง
แครก!
จะแหวกอากาศเป็นทางเหมือนสุญญากาศ
พรืด
แล้วใช้พลังเวทผลักแท่งน้ำแข็งให้พุ่งเข้าตรงกลางตัวอามาร็อคตรงหน้านั่น!
เฟี้ยว. ฉึก!
โฮกกกกกก!!!
“นั่น!” “แท่งน้ำแข็งจากไหนไปปักที่มอนสเตอร์?”
“คุณแพทใช้เวทน้ำแข็งได้?”
แต่ละคนหันไปมองแพท รวมถึงรอนที่อ้าปากค้าง แพทมองมือตัวเองอย่างงงๆ ก่อนที่จะลองอีกครั้ง เธอนึกถึงการรวบรวมมวลน้ำแข็งหิมะแถวนั้นมารวมกันด้วยการใช้”พลัง”ในตัวเอง
หิมะตรงหน้ารวมจับกันเป็นก้อนแข็ง และลอยขึ้นมา
แพทมองไปที่อามาร็อค จากนั้นใช้”พลังเวท”ในตัว แหวก”อนุภาคอากาศ”
ยิง!
กระสุนน้ำแข็งพุ่งไปด้านหน้าอย่างรุนแรง ปักเข้าที่ใบหน้าของอามาร็อคตัวเมีย
“โฮก”
“เดี๋ยวนะ คุณแพทไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ร่ายเวทเลยนี่”
ทุกคนมองดูแพท ที่กำลังจ้องไปที่พื้นหิมะ คราวนี้เธอยกมือขึ้นเหนือหิมะ แล้วชูมือขึ้น …. แท่งน้ำแข็งที่ก่อตัวจากหิมะลอยขึ้นมาหลายสิบแท่ง
ฟุบๆๆ เฟี้ยวๆ ฉึกฉึกฉึกโฮกกกกก
อามาร็อคทั้งสองร้องอย่างเจ็บปวด มันคือมอนสเตอร์ที่ใช้น้ำแข็ง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้น้ำแข็งกับมันแบบนี้ มันเตรียมกระโดดใส่ชาวบ้านอีกครั้ง แต่ทว่า
ปึ้งง! แคร้ก!
เสาน้ำแข็งพุ่งขึ้นจากพื้นหิมะกั้นขวางอามาร็อคทั้งคู่ไม่ให้ออกมาได้ …
แพทมองมือทั้งสองของตนเอง … เธอรู้สึกว่าพลังบางอย่างออกจากตัวของเธอไปจัดการกับหิมะจนก่อตัวได้ดังที่เธอคิด
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็
ฉึก
โฮกกกก
ฉุกฉุกฉุก
โฮกกกกกกกก
ฉึก
โฮกกก
ฉึก
ฉึก
ฉึก
โฮฮฮฮฮฮ
มอนสเตอร์ทั้งสองนอนกองที่พื้น บนตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและแท่งน้ำแข็งที่ปักติดตามตัว มันมองเด็กสาวตรงหน้าคนนั้นอย่างตื่นกลัว ในดินแดนที่มีแต่น้ำแข็งและหิมะ น้อยนักที่จะมีใครสู้กับมันได้
ไม่นับว่าคนที่สู้กับมันจะใช้เวทน้ำแข็งที่พวกมันถนัดจัดการมันด้วยซ้ำ
ทำไม ทำไมเจ้ามนุษย์ผมดำคนนี้ถึงมาใช้เอาตอนนี้ ตอนที่พวกมันกำลังเหนื่อย … ถ้ามันใช้เวทตั้งแต่แรก พวกมันอาจจะเอะใจแล้วหนีไปตั้งหลักได้แท้ๆ
พวกมันทั้งคู่ได้แต่นอนสงสัยหอบหายใจรวยริน
“พอล ขอหอกหน่อย ผมจะไปจัดการมันเอง” รอนยันร่างขึ้นและยื่นมือไปจับหอกของพอลที่ตั้งตระหง่านอยู่ แล้วเตรียมเดินไปกับชาวบ้านอื่นๆ หากแต่แพทเดินไปขวางไว้
“ไม่ได้นะรอน” เด็กสาวร้องห้าม “เธอกับคนอื่นๆจะเข้าไปไม่ได้นะ”
“ทำไมแพท”
“เธอดูพวกมัน ตัวนั้นที่เธฮฆ่าไปคือลูกของพวกมัน มันทั้งสองตัวเป็นพ่อแม่ของเจ้าตัวนั้น”
เด็กสาวชี้ไปที่ซากนั้น
“ที่พวกมันทั้งคู่สู้อย่างไม่ถอยก็เพื่อแก้แค้นให้ลูกของมัน … ดังนั้นไม่ว่าเราจะถอยยังไง พวกมันก็สู้ แสดงว่ามันคือสัตว์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด เธอหรือใครในที่นี้จะเดินดุ่มๆเข้าไปฆ่ามันแบบนั้นไม่ได้นะ …มันไม่ได้สู้เพราะดุร้าย แต่มันสู้เพื่อแก้แค้นให้ลูกของมัน”
ทั้งชาวบ้านและรอนหยุดฟังนิ่ง จริงสินะ ที่จริงพวกมอนสเตอร์สามตัวนี้ก็อยู่กันดีๆ แต่พวกเขากลับเข้ามาค้นหามัน แล้วก็ฆ่าลูกของมัน
ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องโกรธ
ชาวบ้านที่เสียเพื่อนพ้องญาติมิตรไปจากมอนสเตอร์บุก ก็คิดถึงความรู้สึกของตน …. ตอนนี้มันทั้งสองตัวคงจะโกรธแค้นพวกมันอย่างที่พวกเขาเคยโกรธมอนสเตอร์ที่มาบุกหมู่บ้านของเขา
ทุกคนหยุดและเดินกลับมา
“เข้าใจแล้ว”รอนเดินกลับมา
แม้ว่ามอนสเตอร์ทั้งสองจะฟังไม่ออก แต่มันก็รับรู้ได้ว่าเด็กสาวคนนี้พูดบางอย่างออกมาจนชาวบ้านที่กำลังถืออาวุธเข้ามาเปลี่ยนใจถอยกลับไป
… อามาร็อคทั้งสองค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ แววตาเต็มไปด้วยความสับสนทั้งปค้นและสำนึกบุญคุณ
“งั้นเรา กลับกัน” รอนบอกและเตรียมกลับขณะที่แพททำหน้าแปลกใจ
“กลับทำไม”
“ก็เราไม่ต้องจัดการสองตัวนี้แล้วนี่”
“ใครบอกว่าไม่จัดการ”
“ก็เธอไง บอกว่ามันทำไปเพราะแก้แค้นให้ลูก”
“เปล่านะ เราแค่บอกว่าไม่ให้เข้าไป …. เพราะมันแก้แค้นให้ลูก” แพทยกมือขึ้น เสาน้ำแข็งที่ล้อมอามาร็อคทั้งสองลอยตัวขึ้นช้าๆ มอนสเตอร์ทั้งสองลุกแล้วขโยกเขยกมองมาที่แพทอย่างไม่รู้ชะตากรรม
“ถ้ามันพยายามแก้แค้นให้ลูก การเข้าไปจัดการใกล้ๆอาจจะเจอมันใช้แรงเฮือกสุดท้ายทำร้ายเอา” แพทตวัดมือ เสาน้ำแข็งที่ลอยอยู่เหมือนถูกปาดเหลา เกิดเป็นปลายแหลมขึ้นมา “เราต้องยิงมันจากระยะไกล”
“เดี๋ยวนะ แต่มันแค่แก้แค้นให้ครอบครัวมันนะ จะไม่ปล่อยไปเหรอ”
“แล้วถ้ามันมีความคิดแก้แค้นให้ลูกได้ ถ้าปล่อยไว้ในอนาคตมันก็อาจจะกลับไปทำร้ายคนที่หมู่บ้านได้” แพทมองเสาและกะเส้นทางเป้าหมาย “ดังนั้นตัดไฟเสียแต่ต้นลมเถอะ”
ฉึกๆๆๆๆๆ
อามาร็อคทั้งสองมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะล้มตัวลงตายอย่างไม่เข้าใจและงงงัน