Midterm Fantasy - ตอนที่ 8
รอนเปิดประตูห้อง ก้าวออกไปช้าๆ เดินไปตามทางเดิน … เขาไปถึงหัวมุมแรกจากนั้นวางไฟฉายไว้ แล้วก็งัดเอาหนังสติ๊กออกมา บรรจุกระสุนเหล็กลงไปจากนั้นยิง
และแทนที่จะรอดูผล เขาก็วิ่งกลับไปยังประตูแล้วจับไม้แบตขึ้นมา กระหน่ำฟาดไปไม่ยั้ง ตัวไหนตกพื้นเขาก็จะวิ่งไปเหยียบซ้ำโดยไม่สนใจว่าตัวอื่นๆจะทำร้ายเค้าอยู่หรือเปล่า
[-0.3]
[-0.3]
[-0.3]
ผัวะ!ๆๆๆ
[-0.3]
[-0.3]
ผัวะๆๆ
[-0.3]
ตุบๆ
ผ่านไปพักหนึ่งเขาไม่รู้สึกว่ามีค้างคาวเหลือแล้ว เศษซากปีกและลำตัวเกลื่อนพื้นไปหมด รอนลองเช็คพลังชีวิตที่เหลือดู
[พลังชีวิต 38.4/42]
รอนหยิบขวดน้ำขึ้นดื่มดับกระหายเพื่อเตรียมตัวสำรวจทางเดินต่อ
[+1]
[พลังชีวิต 39.4/42]
รอนฉุกคิดอะไรได้ เขาเดินไปแกะซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมากินเปล่าๆ ระหว่างที่ค่อยๆเคี้ยวกรุบกรับอยู่ก็เรียกสถานะขึ้นมาดูเป็นช่วงๆ
[พลังชีวิต 42/42]
การกินอาหารก็ทำให้พลังชีวิตฟื้นฟูได้ด้วย เป็นเรื่องสะดวกดีไม่น้อยเลย
รอนลงมือเก็บแกนมอนสเตอร์จากค้างคาวก่อนจะเปิดประตูกลับยังทางเดินจนถึงจุดที่วางไฟฉายไว้ เขาเดินต่อไปจนถึงอีกหัวมุมนึงและส่องดู… มีค้างคาวอีกกลุ่มเกาะอยู่10ตัวพอดี ยิงลูกเหล็กใส่ … วิ่งกลับมาที่ห้องศิลาคว้าไม้แบตตบตีพวกค้างคาวที่ตามมาจนหมด เก็บแกนมอนสเตอร์ จากนั้นกลับไปที่ทางเดินเพื่อจัดการกับค้างคาวกลุ่มถัดไป
ทุกครั้งที่สู้กับค้างคาว เขารู้สึกได้ว่าการขยับฟุตเวิร์คของเขาดีมากขึ้นเรื่อยๆ รอนถูกกัดลดน้อยลง และตีได้แม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆ
ในทางเดินก็คล้ายๆในห้องศิลา คือมีแสงสว่างจางๆจากที่เพดานเพียงแต่ว่าแสงที่ส่องลงมาสลัวๆ … รอนนับกลุ่มของค้างคาวที่เขาจัดการไปในวันนี้ได้รวม10กลุ่ม แต่ละกลุ่มเกาะเป็นกลุ่มตามทางเดิน … จากการวิ่งไปมาหลายชั่วโมงทำให้เขาคำนวณได้ว่าห้องศิลาที่เขาอาศัยเริ่มต้นเป็นตำแหน่งใจกลางและทางเดินอุโมงค์นั้นวนเป็นวงล้อมรอบห้องนั้น
รอนเดินมาถึงไฟฉายที่เขาทิ้งไว้ จุดนี้คือจุดที่เขายิงค้างคาวชุดสุดท้าย รอนหยิบไฟฉายขึ้นมาดู ไฟจากLED เริ่มหรี่ลงเล็กน้อยจากการใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง
เขาดับไฟฉายในมือลง ขยับท่อนไม้ในมือมาถือให้กระชับเตรียมจะเดินกลับ … เมื่อไฟในมือดับลง เขาก็เห็นว่าที่สุดทางเดินมีแสงสว่างสีส้มแดงส่องเข้ามา
เด็กหนุ่มเดินก้าวไปยังปลายทางนั้น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าชัดขึ้นเรื่อยๆว่าแสงนั้นคือแสงอาทิตย์สีส้มตรงขอบฟ้า
เขาก้าวออกมายืนภายนอกอุโมงค์มองไปรอบๆ ปากอุโมงค์ที่เขาเดินออกมานี้ตั้งตรงหน้าผาหิน มีหลังคาสั้นๆและเสาหินตั้งอยู่ เบื้องหน้าเป็นลานว่างเป็นพื้นหินสีเทาน้ำตาลกว้างเท่าสนามบาสเกตบอล มีเพียงต้นหญ้าและต้นไม้เล็กๆขึ้นประปราย โดยรอบเป็นต้นไม้เขียวสูงเท่าตึกสามชั้นขึ้นกระจายกันไม่รกทึบมาก พอมองเห็นดวงอาทิตย์ที่อยู่ตรงขอบฟ้า
รอนรู้ว่าเขาใช้เวลาไปประมาณ6ชั่วโมงแล้ว นาฬิกาที่เขาทิ้งไว้ที่ห้องภายในก็ชี้เข็มที่เลข6 เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้คือเวลา6โมงเช้าหรือ6โมงเย็นกันแน่ เขามองไปรอบๆ ไม่มีแสงไฟ ควันไฟ หรือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของมนุษย์ในบริเวณนี้เลย
“ไม้แค่นี้จะพอไหมเนี่ย” รอนมองท่อนไม้เนื้อแข็งเรียบมันยาวสามฟุตในมือ มันเป็นไม้ที่แขกยามประจำหมู่บ้านเคยใช้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วพ่อของรอนไปขอซื้อต่อมา แต่ไม้ก็คือไม้ ถ้าเจอสัตว์ใหญ่ขึ้นมาก็ไม่น่าจะเอาอยู่
“กี๊ดๆ”
เสียงดังจากพุ่มไม้เบื้องหน้าทำให้รอนต้องหันไปดู ตรงลานหินโล่งๆเบื้องหน้า มีสัตว์ตัวสูงราว1ฟุตสีน้ำตาลเข้มสามร่างยืนจ้องเขม็งมาที่เขา
“กี้ดๆ กี๊ดๆ” พวกมันร้องอีก รอนเอาไม้วางพิงกำแพงไว้ หยิบลูกเหล็กและหนังสติ๊กมาตั้งเตรียมไว้และมองไปรอบๆ … ความโล่งของพื้นที่นี้ทำให้เห็นว่านอกจากสามตัวนี้ไม่มีอะไรอื่นน่าสงสัย
เห็นได้ชัดว่าตัวที่อยู่แถวหน้าสุดเริ่มจะหมดความอดทน มันร้องกี๊ดอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้ามา อ้าปากเห็นฟันขาวบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เป็นมิตร กระสุนเหล็กในมือพุ่งออกไป
“ปุ”
เสียงลูกเหล็กทะลุอะไรบางอย่าง ร่างสีน้ำตาลไถลเอาหัวปักพื้น พร้อมเสียงดังขึ้นในหัว
[critical hit]
อีกสองร่างที่เห็พวกของมันล้มลง แยกเขี้ยวและออกวิ่งตรงมาทันที รอนไม่รอช้ายิงลูกเหล็กตรงไปอีกลูก ยัดไม้ยิงลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะคว้าไม้ที่วางฟิงไว้มาถือในมือ เขี้ยวขาววับในปากใกล้เข้ามาหนึ่งตัว อีกตัวที่โดนลูกเหล็กนอนกลิ้งดิ้นที่พื้นห่างออกไป รอนกะจังหวะแล้วเหวี่ยงไม้ไปเต็มแรง
“กี๊ดดด” ร่างเล็กๆลอยละลิ่วไปไกล แถบสีเขียวหล่นฮวบลงไปเป็นสีแดง ส่วนอีกตัวที่ถูกลูกเหล็กเพิ่งยืนขึ้นได้ พุ่งตรงเข้ามาไม่เร็วมาก พอรอนหวดไม้ไปเบาๆ มันกระโดดถอยหลังหลบ
“เสร็จล่ะ!” รอนร้องขึ้นก่อนจะกระโดดไปข้างหน้า เปลี่ยนจากการหวดหลอกเบาๆเมื่อครู่เป็นการหวดฟาดเต็มแรงจนมันลอยไปไกล ขีดพลังลดลงจนหมด แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่รอช้า พุ่งเข้าไปหาเจ้าตัวสุดท้ายที่เพิ่งลุกได้ฟาดลงไปตรงๆอีกครั้งหนึ่งเป็นอันจบ
เขาสอดส่ายสายตาดูซ้ายขวาไม่เห็นมีอะไรในบริเวณนั้นอีก รอนจึงลากซากทั้งสามมาวางไว้ พอมีโอกาสได้มองใกล้ๆและพอจารณาดูดีๆ พวกมันรูปร่างคล้ายๆสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนไม่หนามากสีน้ำตาลทั้งตัว ที่เด่นสะดุดตาเห็นจะเป็นหาก ที่เรียบปราศจากขนนอกจากส่วนปลายที่มีขนขึ้นเป็นพู่สีดำๆตัวแรกที่ตาย ตายจากลูกเหล็กที่ทะลุเบ้าตาเข้าไปในหัว ส่วนตัวที่เหลือตายจากไม้ที่หวดเข้าที่ตัวและหัวเหมือนๆกัน
‘จะว่าไปพวกนี้จะมีผลึกสีแดงแบบค้างคาวไหมนะ’ รอนคิดในใจ มองไปรอบๆ บรรยากาศรอบตัวเริ่มมืดสลัวลง ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เขาเลยตัดสินใจวางซากตัวนึงไว้ตรงลานหิน จากนั้นไปกอบดินแห้งๆมาโรยกระจายไว้รอบๆ ก่อนที่จะลากซากทั้งสองตัวที่เหลือกลับเข้าไปตามทางเดิน เมื่อถึงห้อง รอนวางซากทั้งสองกับไม้ในมือลง ปิดประตูก่อนจะหันมาพิจารณาซากอีกครั้ง เปิดเป้หยิบเอาคัทเตอร์ออกมา คลำๆที่ท้องและหลังของซากนั้น ก่อนจะลองกรีดเปิดที่หลังตรงระหว่างกระดูกสะบักทั้งสองฝั่ง … ว่างเปล่า
รอนถอนหายใจก่อนจะพลิกตัวซากที่ว่า จัดการกรีดลงไปที่ด้านหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนที่มีดจะกระทบกับบางสิ่งบางอย่าง เขาใช้นิ้วเลาะแท่งผลึกสีแดงออกมาจากซาก
[แกนมอนสเตอร์]
เขาจัดการผ่าเอาผลึกจากอีกซากหนึ่ง ผลึกของเจ้าสองตัวนี้ใหญ่กว่าจากค้างคาวเล็กน้อย เขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็เก็บมันไว้ก่อนดีกว่า
จากนั้นรอนก็มองไปที่กองซากค้างคาวที่อยู่ตรงมุมห้อง
‘ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ดีแน่’ เด็กหนุ่มคิด ‘ถ้าเน่าขึ้นมาเราแย่แน่ๆ’
ห้องนี้แม้จะขนาดกว้างขวาง แต่ช่องทางระบายอากาศก็จำกัด เขาจึงโกยซากค้างคาวลงในกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และวางซากสุนัข(???)สีนำ้ตาลทั้งสองไปด้วย
รอนยกกล่องเดินออกไปตามทางเดินโดยสะพายเป้ไปด้วย … เขาพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำ กับไม้ใส่ลงไปในเป้ และแขวนไฟฉายไว้ที่เอวให้ไฟส่องไปด้านหน้า เพราะตอนนี้มือทั้งสองข้างต้องยกกล่องที่บรรจุซากค้างคาวและเจ้าสุนัขสีน้ำตาลไว้ เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆจนใกล้ถึงทางออก
“ฉิบ!”
รอนสบถออกมา ทิ้งกล่องลงแล้วคว้าแท่งไม้จากเป้มาถือไว้ในมือ แสงไฟฉายที่เอวสาดไปข้างหน้าเห็นดวงตาสีแดงนับสิบคู่กำลังเงยขึ้นจากซากที่กำลังถูกแทะ
เห็นได้ชัดว่าซากเล็กๆนั่นไม่เพียงพอสำหรับฝูงสัตว์พวกนี้!
ถ้าแสงไฟที่ส่องออกมาทำให้พวกมันเกิดความสนใจ … เสียงกล่องกระดาษในมือที่กระแทกพื้นก็เป็นเหมือนสัญญาณให้พวกมันโจมตี
“กี๊ดๆ” พลั่ก!
ร่างสีน้ำตาลเล็กที่พุ่งเข้าไปร่างแรกถูกหวดลอยละลิ่วออกจากถ้ำสวนกับอีกสองตัวที่พุ่งเข้าไปยังเด็กหนุ่ม
[-1] [-1]
“โอ๊ย!” รอนร้องเพราะถูกกัดเข้าที่ขาทั้งสองข้างข้างละตัว เขาเอาไม้ในมือกระทุ้งถูกพวกมันตัวหนึ่งแล้วเหยียบกระทืบซ้ำอีกสองครั้ง ส่วนอีกตัวกระโดดหลบถอยออกไปได้ แต่ร่างอีกสามร่างก็พุ่งเข้ามา
[-1] [-1] [-1]
เขาหวดไม้ปัดไปมาอย่างไม่มีทิศทาง กระทบร่างพวกมันบ้างแต่ไม่หนักหนาอะไร ร่างเล็กๆนับสิบถอยกลับไปยืนคุมเชิงที่ปากทางเข้าถ้ำ พวกมันขู่เบาๆอีกครั้งก่อนจะโถมเข้ามาทั้งฝูง เด็กหนุ่มหวดไม้เหมือนกับท่าหวดกอล์ฟ
“ย้ากกก” พลั่ก
ร่างเล็กๆลอยออกไป3ร่าง แต่ว่าตัวที่เหลือก็กัดทั้งแขนขาของเขา
“โอ๊ยยย! ออกไปให้พ้น ย้าก”
[-1] [-1] [-1] [-1] [-1] [-1]
รอนใช้มือซ้ายจับขาตัวที่กัดแขนขวาเขาดึงกระชากออกแล้วขว้างอัดลงพื้น ใช้ไม้ฟาดไปอีกครั้ง… ความมืดทำให้เขามองไม่ชัดว่าพวกมันอยู่ตรงไหน แต่ก็ยังถูกพวกมันตัวสองตัว
แต่กระนั้นก็ไม่สามารถห้ามพวกมันจากการโจมตีครั้งถัดไปได้
[-1] [-1] [-1]
“ย้าก”
[-1] [-1] [-1]
รอนตัดสินใจหันหลังกลับวิ่งเข้าอุโมงค์เพื่อกลับสู่ห้องศิลา อย่างน้อยตรงนั้นก็สว่างกว่าจุดนี้
[-1] [-1] [-1]
เขายังวิ่งต่อไป รับรู้ได้ถึงฟันที่งับคาที่ขาและสะบัดโยกตามแรงวิ่งของเขา
[-1] [-1]
“โอย กรอด!”
[-1]
รอนก้มมอง ตอนนี้มีเจ้าสุนัขนี่กัดขาเขาตัวเดียวแล้ว ส่วนตัวที่เหลือหลุดหายไปไหนหมดแล้วไม่รู้
กว่ามันจะรู้ตัวว่าเหลือมันตัวเดียวก็ช้าไปแล้ว รอนดึงมันออกมาจากขาแล้วฟาดลงกับพื้นและกำแพงอย่างไม่ยั้งจนแถบพลังของมันหมดหลอดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวที่อยู่ในมือตายแล้ว รอนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามอุโมงค์จนกระทั่งถึงห้อง เขาปิดประตูทรุดลงนั่งหอบเหนื่อย
“พลังชีวิต”
[พลังชีวิต : 19.9/42]
รอนนั่งดูเลือดที่ไหลออกจากแผลช้าลง จนค่อยๆหยุดไหลแล้วมองนาฬิกา เวลาผ่านไป11นาที
[พลังชีวิต : 21/42]
รอนทึ่งเล็กน้อย เพราะด้วยอัตราการฟื้นตัวที่พลังชีวิตขึ้น0.1ต่อนาทีแบบนี้ เขาต้องใช้เวลาอีกเพียง210นาทีหรือ3ชั่วโมงครึ่ง ก็สามารถฟื้นพลังจากบาดเจ็บ50%จนเต็ม
อีกอย่างที่เขาสังเกตคือ แม้ว่าแผลจะมีการเสียเลือด แต่เลือดก็หยุดไหลเร็วกว่าปกติ แถมไม่มีพลังชีวิตที่เสียไปจากการเสียเลือดอีกด้วย
เมื่อความกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บหมดไป รอนก็ค่อยๆขยับร่างของตนขึ้น จัดการผ่าเอาผลึกมอนสเตอร์สีแดงออกมาแล้วเหวี่ยงร่างนั้นออกจากห้องไป ก่อนที่เขาจะเดินไปที่โต๊ะ ในใจคิดอยู่ว่าจะพักก่อนหรือจะอ่านหนังสือตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดตรงหนังสือ6-7เล่มตรงมุมห้อง
รอนจ้องมองสันปกหนังสือ และมีความรู้สึกว่าเขาอ่านตัวหนังสือตรงนั้นออก
เขาเดินไปหยิบหนังสือตรงนั้นมาดู แล้วพบว่าในบรรดาหนังสือ7เล่มนั้นมี6เล่มที่อ่านและพอปะติดปะต่อคำได้ และมีเล่มนึงที่เขาอ่านได้เข้าใจมาก คล้ายๆกับการอ่านหนังสือภาษาไทยเลย …
เขาเปิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นอ่านดู ข้างในมีภาพวาดสัตว์ … ไม่สิ ที่บรรยายในนี้คือภาพของมอนสเตอร์ชนิดต่างๆ รอนพลิกจากกลางเล่มย้อนกลับไปที่ตรงด้านหน้า และตรงนั้นเองที่เขาพบกับภาพสุนัขเล็กๆที่เขาเพิ่งเผชิญหน้ากับมันมาหมาดๆ
“บราวนี่ ลักษณะเหมือนสุนัขขนาดเล็กสีน้ำตาล โดยทั่วไปมักอยู่เดี่ยวๆ ยกเว้นเมื่อพบแหล่งอาหารหรือมีเหยื่อที่อ่อนแอจึงจะรวมฝูง พบได้ตามป่าทั่วไป ไม่ค่อยอันตรายต่อคนหากพบเพียง 1-2ตัว แต่จะเป็นภัยต่อสัตว์เลี้ยงและอาหารที่เก็บไว้ รวมถึงสามารถฆ่าคนได้หากมาเป็นฝูง เป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ชอบไฟ การใช้เวทย์ไฟในการสลายกลุ่มของมันมักได้ผลดี
ให้Monster core Lv2 ”
“ตกลงแล้วเจ้าหมาฝูงนั้นเรียกกันว่าบราวนี่นั่นเอง” รอนพึมพำ เขาคลับคล้ายว่าเคยได้ยินว่าบราวนี่เป็นชื่อสัตว์ในนิทานบางเล่มที่เขาเคยได้ยิน แต่จำไม่ได้ชัดว่ามันคือเล่มไหน ไว้กลับบ้านแล้วคงต้องค้นอีกที
ในเล่มนี้ยังมีสัตว์อีกหลายชนิด หลายชนิดรูปร่างคล้ายสัตว์บนโลก แต่หลายชนิดก็เหมือนหลุดออกมาจากหนังสือนิทาน … รายละเอียดส่วนมากเป็นเพียงภาพและการบรรยายลักษณะทั่วไป เป็นเหมือนหนังสือภาพบอกข้อมูลคร่าวๆเท่านั้น
“เมื่อกี้นี่แค่เจอบราวนี่ เรายังแทบเอาตัวไม่รอดเลย” รอนบ่นกับตัวเอง “ถ้าเจอพวกที่เหลือนี่เราจะทำยังไง”
เขาพลิกหน้าอื่นๆ มีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวกว่าเจ้าพวกเมื่อกี้อีกเยอะเลย
คิดถึงเมื่อครู่นี้ก็สยองมาก นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเขาวิ่งหนีได้เร็วและรีบหนีแต่แรก ตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็เป็นได้
“เราต้องฝึกให้มากกว่านี่” รอนพูดขึ้นและลุกขึ้นฝึกการก้าวเท้าอีกครั้ง … จริงๆแล้วเขาก็ฝึกได้แม่นยำแล้ว แต่ว่าเมื่อเกิดเหตุขึ้นจริงๆเขากลับกลัวจนลืมทุกสิ่งที่ฝึกมาไปจนหมดนี่แหละ
*********************************
เด็กหนุ่มฝึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดเวลาและถูกส่งกลับมาที่ห้องนอนในบ้านของตนเอง … รอนนึกถึงสถานะของตนเองอีกครั้ง
[Battel technique : ท่าหลบ : Lv 2 15/100]
[การต่อสู้ประชิดตัว Lv 4 25/100]
[Blunt weapon Lv3 14/100]
[Range weapon Lv2 89/100]
“ดูท่าทางต้องหาอะไรใส่ป้องกันตัว ไม่งั้นไปได้ไม่ถึงไหนแน่ๆ” เด็กหนุ่มพูดพลางก้มมองตนเอง เสื้อผ้าที่เขาสวมตอนนี้ขาดเป็นรูรอยตามรอยเขี้ยวของบราวนี่ เสื้อน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ว่ากางเกงนี่เรียกได้ว่าขาดวิ่นเป็นริ้วๆไปหมด
“ว่าแต่เราจะเลือกอะไรดีล่ะ จะรู้ได้ยังไงว่าอะไรมีค่าการป้องกันเท่าไหร่”
พอรอนบ่นถึงแค่นั้น ก็ปรากฎภาพขึ้นตรงหน้าของเขา มีรูปของเขาตรงกลางและมีช่องต่างๆ ตรงกลางเป็นรูปเสื้อและกางเกงที่เขากำลังใส่อยู่
“เสื้อยืด การป้องกัน0 กางเกงขาสั้น การป้องกัน0 …”
“เอ ตรงช่องเสื้อผ้ามีช่องด้านข้าง มันคืออะไรกัน”
รอนคิดอยู่อึดใจนึงก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อแจ็คเกตในตู้มาใส่ แล้วลองดูที่ช่องนี้อีกครั้ง ตอนนี้ในช่องลำตัวมีภาพเสื้อยืด และด้านข้างเป็นเสื้อแจ็คเกต “เสื้อแจ็คเกตยีนส์ การป้องกัน Poor”
รอนลองใส่นาฬิกาข้อมือ สร้อยคอ เข็มขัด แหวน หมวก สนับแข้งฟุตบอล ปรากฎว่าภาพของของเหล่านี้ก็ไปโผล่ช่องที่ว่าหมด
งั้นช่องพวกนี้ก็คือช่องของที่อนุญาตให้ใส่ได้สินะ หมายความว่าเขาก็เอาของข้ามไปฝั่งนั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องถือไปด้วยมือ
“งั้นลองดูหน่อย” รอนถอดนาฬิกา แล้วลองถอดสร้อยคอมาพันสวมรอบข้อมือ … ภาพของสร้อยคอไม่ขึ้นแต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าของที่จะใส่ได้ต้องเป็นของที่มีหน้าที่การใช้งานเฉพาะเท่านั้น จะลักไก่ใส่ของอื่นไม่ได้
งั้นพรุ่งนี้ก็ได้เวลาช้อปปิ้งแล้วสินะ