Midterm Fantasy - ตอนที่ 81
เช้าวันนี้แม้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่ตอนนี้พ่อและแม่ของรอนก็คุ้นเคยกับการที่ลูกชายของตนตื่นแต่เช้าลงมากินข้าวและเตรียมอ่านหนังสือแล้ว
หลังกินข้าวเสร็จรอนก็นั่งเตรียมเนื้อหาที่จะอ่านกับแพท … เขาเปิดดูรายการแข่งขันวิชาการที่แพทบอกเอาไว้ เพื่อให้เขาทั้งคู่มีโอกาสผ่านขึ้นชั้นม.4มากขึ้น แพทบอกให้เขาจัดการสมัครลงแข่งไปด้วยพร้อมๆกัน
ทีนี้ก็มาถึงว่าจะสมัครแข่งขันวิชาการรายการเดียว แล้วทำให้ดีที่สุดไปเลย หรือว่าจะสมัครหลายรายการดี
แวบแรกที่รอนคิดได้คือสมัครแค่วิชาเดียวแล้วเอาให้สุดๆไปเลย
แต่เมื่อเขาลองเปิดดูข้อมูลปีก่อนๆ
“เอ่อ นี่มัน” …… รอนไล่ดูคะแนนที่แข่งกันในปีก่อนๆ และพบว่าคะแนนของผู้ชนะแต่ละรายการ
“คะแนนที่หนึ่งวิทยาศาสตร์ย้อนหลังห้าปี 98% 95% 99% 98% 93%”
“คะแนนที่หนึ่งภาษาอังกฤษย้อนหลังห้าปี 99% 98% 98% 98% 94%”
“ภาษาไทย 91% 94% 92% 91% 93%”
“คณิตศาสตร์ 100% 100% 100% 99% 98%”
ตอนนี้รอนตกอยู่ในภาวะที่เลือกลำบาก
หากเขาเลือกเพียงวิชาเดียว แล้วเกิดปีนี้คู่แข่งดันทำคะแนนได้ดีระดับปีศาจขึ้นมา ทั้งเขาและแพทก็มีหวังพลาดรางวัลแน่ๆ
ดังนั้นรอนเลยตัดสินใจสมัครมันไปให้หมดทุกอัน
เด็กหนุ่มกรอกรายละเอียดของทั้งเขาและแพทลงไปในใบสมัครออนไลน์ทีละอันพร้อมตัดบัตรเครดิตค่าสมัครไปแล้วส่งข้อความไปบอกแพทให้รู้ว่าสมัครไปทั้งหมดแล้ว
รอนปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเงินออกไปนอกบ้าน กลับมาที่โลกแล้วเขาคงไม่สามารถซ้อมดาบได้ วันนี้เขาเลยตั้งใจจะอ่านหนังสือเตรียมสอบแข่งขันให้เต็มที่ตลอดทั้งวัน และเมื่อเป็นแบบนั้นเขาเลยคิดว่าจะออกไปซื้อของทุกอย่างมาตุนเอาไว้ก่อน เพื่อว่าถ้าหากระหว่างวันเกิดต้องการกินอะไรใช้อะไรขึ้นมา ก็จะได้ไม่ต้องออกไปซื้อใหม่
คนหลายคนอาจจะนั่งอ่านหนังสือ แล้วพออยากได้อะไรอยากกินอะไรก็เดินออกไปร้านสะดวกซื้อแล้วซื้อเข้ามาทีละอย่างสองอย่าง
แต่กับรอน เขารู้ซึ้งว่าการทำแบบนั้นเป็นการสูญเสียพลังงานและเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ยิ่งตอนไหนที่เล่นเกมติดพัน เขาจะซื้อของมาตุนไว้แล้วนั่งแกะกินไปทีละชิ้นๆจากเช้าจรดเย็น ไม่ใช่เดินออกไปซื้อทีละนิดให้เสียเวลา
เขาเดินออกไปหน้าปากซอย แสงยามเช้าสดใส อากาศเย็นสบาย รอนเดินไปที่หน้าปากซอยเพื่อไปหาร้านอาม่า … วันนี้เขาคิดว่าจะซื้อสบู่สักลังนึงกลับไปขายทางนั้น เพราะดูจากท่าทางของโรล่าที่ชอบอาบน้ำทั้งๆที่ที่นั่นตอนนี้เป็นหน้าหนาว รอนก็รู้แล้วว่าสบู่หอมของโลกนี้จะต้องขายดีแน่ๆ
“อาม่าอยู่ไหมครับ” เด็กหนุ่มร้องเรียกจากหน้าร้าน … เขามองเข้าไปในร้าน ไม่เห็นใคร มีเพียงพัดลมเพดานที่เปิดหมุนอยู่เท่านั้น เขามองชะโงกหน้าเข้าไปดูเผื่อว่าอาม่าจะเข้าห้องน้ำ
“ไม่รู้อาม่าอยู่ไหน …. เห็นเปิดร้านแต่เช้าแล้วไม่ได้เฝ้าร้าน” คนแถวนั้นที่เดินผ่านมาบอกรอนที่กำลังชะโงกหน้าอยู่
“อ้าว … ไม่อยู่ตั้งแต่เช้าเลยเหรอครับ”
“ใช่ นี่ตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว”
“อ้าว อาม่าไม่อยู่เหรอ … นี่ผมว่าจะเอาข้าวมาส่ง” เสียงดังมาจากเบื้องหลัง … เฮียเสริฐร้านขายข้าวจอดจักรยานที่ขนถุงข้าวมาไว้ที่หน้าร้าน “วันก่อนเห็นโทรไปบอกว่าข้าวสารใกล้หมดแล้ว … หรือว่าอาม่าจะลืม ”
” สงสัยอาม่าคงจะลืมแหละคุณประเสริฐ … ช่วงนี้เห็นแกเดินช้าๆงกๆเงิ่นๆกว่าแต่ก่อนเยอะเลย”
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน รอนมองไปที่รอบๆ ตรงพื้นหน้าบ้านมีหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์วางอยู่อย่างเรียบร้อย …. พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นซองจดหมายเสียบค้างไว้ที่ประตูพับหน้าร้าน
รอนเอะใจ …วันนี้คือวันอาทิตย์ เป็นวันสิ้นปีไม่น่ามีไปรษณีย์มาส่งจดหมายนี่นา ปกติจดหมายเค้าส่งกันอย่างมากก็ช่วงเช้าวันเสาร์
“เฮียเสริฐครับ เมื่อวานเฮียเห็นร้านอาม่าปิดร้านหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มถาม
“เอ ….. ไม่นะ เมื่อวานเฮียผ่านมาตอนสามทุ่ม ยังเห็นไฟเปิดอยู่เลย ทำไมเรอะ”
แทนคำตอบ รอนชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ที่ไม่ถูกแตะต้องกับซองจดหมายที่คั่นไว้ที่ประตูหน้าร้าน พี่ประเสริฐและคนแถวนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที
” ช่วยกันเรียกเพื่อนบ้านออกมาดูหน่อยเถอะครับ”รอนบอกและเตรียมเข้าไปในบ้าน …. เขารอสักพัก เฮียประเสริฐก็เรียกเพื่อนบ้านของอาม่าออกมาหลายคน แต่ละคนบอกตรงกันว่าตั้งแต่เช้าไม่มีใครเห็นอาม่าเลย หลังจากลังเลกันบ้าง รอนก็ตัดสินใจเดินเข้าไปโดยมีลุงๆอีกสองคนเดินตามเข้าไป รอนเดินเข้าไปในห้องครัวหลังบ้าน …ไม่มีใครในนั้น
จากนั้นเดินไปที่บันไดขึ้นชั้นสอง
“ประตูใต้บันไดเปิดอยู่” ลุงที่เดินตามมาชี้บอก รอนหันมาดูทันที ทางลงห้องใต้ดินเปิดอยู่ มีแสงสว่างมาจากข้างใน เขาผลักประตูแล้วก้าวลงไปในห้องใต้ดิน ….กลิ่นเหม็นฉุนเฉียวสวนขึ้นมาทันที
รอนค่อยๆเดินลงไป และเขาก็เห็นร่างของอาม่านอนอยู่ ปัสสาวะอุจจาระเรี่ยราดไหลซึมพื้นรอบๆนั้น
“อาม่า!” รอนร้องเรียก
“อาซิน!” ลุงเพื่อนบ้านทั้งสองร้องเรียกชื่ออาม่าออกมา
ทั้งหมดตรงเข้าไปหา … ร่างของอาม่านอนนิ่งไม่ตอบสนองกับเสียงเรียก มีเพียงท้องที่กระเพื่อมตามการหายใจที่ทำให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
“เรียกรถพยาบาลเร็ว”
“ไม่ต้องเรียกแล้ว โรงพยาบาลอยู่แถวนี้เอง เอาไปส่งกันเลยดีกว่า”
“เร็ว หาเปลหาผ้าอะไรมาขนเร็ว”
รอนวิ่งขึ้นไปข้างบน “เฮียเสริฐ อาม่าสลบอยู่ข้างในบ้าน”
“อ๊ายย!” เฮียเสริฐอุทานอย่างตกใจก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากด1669 ส่วนรอนมองซ้ายขวาหากระดานแข็งๆ จนไปปะเข้ากับประตูห้องครัว
ปัง! ปัง!
รอนเตะบานพับประตูห้องครัวทั้งสองจนประตูหลุด จากนั้นกระชากประตูวิ่งลงไปชั้นใต้ดิน เด็กหนุ่มวางบานประตูลงแล้วค่อยๆจับอาม่าอย่างระมัดระวังเลื่อนขึ้นมาวางนอนบนประตูไม้ เขาระวังคอเป็นพิเศษเพราะไม่รู้ว่าอาม่าล้มฟาดพื้นอะไรตรงไหนหรือไม่ จากนั้นก็ช่วยกันยกบานประตูไม้ที่มีร่างของอาม่านอนอยู่ขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน
“เฮียเสริฐ รถพยาบาลมารึยัง”
“โทรไป1669เค้าบอกให้โทรไป1664 …………… นั่นสายด่วนฉุกเฉินหรือเปล่าครับ ….. อ้าว ไม่ใช่เหรอครับ”
“เฮียเสริฐ!”
“เค้าบอกว่าไม่ใช่สายด่วนฉุกเฉิน แต่เป็นสายด่วนสภากาชาด”
รอนไม่รอแล้ว โรงพยาบาลอยู่ห่างไปแค่400-500เมตรเท่านั้น แถมถ้ามาตามถนน รถฉุกเฉินต้องไปกลับรถอีกไกล ยิ่งรถติดๆแบบนี้ด้วยแล้วอีก เด็กหนุ่มดึงผ้าที่อยู่ในร้านอาม่ามาผืนนึง ผูกมัดตัวอาม่าไว้กับบานประตูจากนั้นแบกวิ่งออกไป
“1646เหรอครับ จะแจ้งเหตุหน่อยครับ … ครับ … ครับ ชื่อผมเหรอครับ …ผมชื่อประเสริฐครับ บัตรประชาชนเหรอครับ …เดี๋ยวนะ ผมลืมบัตรไว้ที่บ้าน……….”
เด็กหนุ่มวิ่งลัดซอยเข้าไปซอยข้างๆ จากนั้นวิ่งไปตามถนนก่อนจะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล …. เขาตัดผ่านทางเดินข้างโรงพยาบาลก่อนจะไปโผล่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“หมอ! หมอ! ช่วยหน่อยครับ มีคนไข้หนัก”
รอนวางบานประตูห้องครัวลงกับพื้น พยาบาลและเวรเปลวิ่งมาดู
“คนไข้เป็นอะไรคะ”
“คนไข้เป็นอาม่าร้านขายของหน้าปากซอยครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ คนไข้เป็นอะไรมาคะ”
“ไม่สบายครับ”
“……………… เอ่อ ก่อนจะพามาเป็นยังไง เจอที่ไหน อาการเป็นยังไงคะ”
“นี่คุณจะไม่ช่วยก่อนเหรอไง”
รอนถามอย่างฉุนเฉียว
“ตอบ! เจอที่ไหน อาการเป็นยังไง ไปเจอยังไง” พยาบาลเปลี่ยนเป็นโหมด Hardcore
“ผ ผ ผมไปเจออาม่าล้มในบ้านครับ เรียกไม่รู้ตัว ปลุกไม่ตื่น ไม่รู้ว่าแกหกล้มหรือเปล่า มีปัสสาวะอุจจาระราด”
“ความดัน250/140” พยาบาลอีกคนบอก “น้ำตาลได้40”
“คนไข้มีประวัติล้มหมดสติ อย่าเพิ่งขนย้าย ใส่ที่ป้องกันคอก่อน เตรียมฟิลาเดเฟีย …..และเตรียมกลูโคสด้วย”
พยาบาลและเวรเปลช่วยกันประกอบอุปกรณ์ จากนั้นค่อยๆใช้เปลตักขนร่างหญิงชราขึ้นไปบนรถเข็น หมอที่มาถึงตรงนั้นตรวจร่างกาย
“ให้กลูโคสก่อน”
“ม่านตาไม่เท่ากัน …..ยังขยับแขนขาซ้ายได้บ้าง”
“เปิดเส้น ส่งไปซีทีสมอง … แล้วเตรียมเบิกยาลดความดัน รบกวนเช็คให้ผมหน่อยครับว่าใครเป็นเวรศัลย์นอก” หมอเวรบอกกับพยาบาล
“ญาติคะ เดี๋ยวช่วยบอกชื่อนามสกุลของคนไข้ด้วยค่ะ”
“เอ่อ ……ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ พอดีผมเป็นคนแถวนั้นเฉยๆ ไม่ใช่ญาติ”
ระหว่างที่รอนกำลังคิดว่าจะย้อนกลับไปเอาบัตรประชาชนดีไหม
“หมอคะ …ศูนย์ส่งต่อประสานมา มีคนไข้หมดสติซอยข้างๆรพ.ค่ะ ทางนั้นต่อสายให้คุยกับคนในที่เกิดเหตุแล้ว”
“โอเค ต่อลำโพงเข้ามาเลยครับ”
…… เสียงดังมาจากในลำโพง
” เอ่อ …คือตอนนี้มีคนขนคนไข้ไปโรงพยาบาลแล้วครับ” เสียงเฮียเสริฐดังขึ้นมาจากข้างในลำโพง
“เฮียเสริฐ” รอนร้อง ” ผมมาถึงโรงพยาบาลแล้ว!”
ทั้งหมอทั้งพยาบาลมองเด็กหนุ่ม … จากนั้นก็โล่งอก แปลว่าเคสฉุกเฉินที่ว่าก็คือเคสนี้นี่เอง ไม่ต้องออกไปรับเพิ่มแล้ว ….รอนเลยบอกให้เฮียประเสริฐกับเพื่อนบ้านของอาม่า ช่วยหาบัตรประชาชน และโทรบอกลูกๆของอาม่าหน่อยว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
รอนนั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉินครู่ใหญ่ๆ สักพักหมอก็เดินออกมา
“อาม่าเป็นยังไงบ้างครับ”
” …. ญาติของคนไข้มาหรือยังครับ” หมอถามกลับ
“ยังเลยครับ”
” …….”
รอนนึกได้ว่าเขาไม่ได้เป็นญาติ ดังนั้นหมอคงไม่ได้บอกอะไรเขา ….เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรอีก …ส่วนหมอมองเขาสักครู่ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาเอง
“คนไข้มีเลือดออกในสมอง …. เป็นเลือดออกในสมองแบบเรื้อรัง น่าจะออกมาสักระยะแล้ว …คุณพอจะรู้ไหมว่าคนไข้มีไปหกล้มอะไรที่ไหนมาก่อนไหม”
รอนคิดในใจครู่หนึ่ง เหมือนว่าสัปดาห์ก่อน ……..
“เมื่อ2สัปดาห์ก่อน เหมือนอาม่าจะเดินชนประตูครับ ผมเห็นอาม่าแปะผ้าก็อซทำแผลเองอยู่”
“เป็นไปได้เหมือนกัน …. อาจจะมีเลือดออกตั้งแต่ตอนนั้น แล้วออกอย่างช้าๆ ….คนไข้มีอาการงงหรือสับสนอะไรในช่วงสองสามวันนี้ไหมครับ”
“มีครับคุณหมอ”
“ทีนี้นอกจากเลือดออกในสมอง เมื่อครู่ผลเลือดออกมาแล้ว คนไข้มีไตวาย น้ำตาลในเลือดต่ำ โซเดียมในเลือดสูง โปแทสเซี่ยมในเลือดสูง การเต้นของหัวใจผิดจังหวะมาก …… เลยทำให้เกิดอาการซึมมาก”
“เราจะต้องเอาคนไข้เข้าผ่าตัด … แต่หมอจะต้องจัดการคุมทั้งความดันโลหิต คุมน้ำตาล คุมเกลือแร่บางตัว กับเรื่องการเต้นหัวใจให้ดีก่อน พอปลอดภัยในระดับนึงแล้วจะได้ผ่าตัดได้”
“เรื่องค่าใช้จ่าย …….” รอนถาม
“ยังไงอาการแบบนี้ฉุกเฉินอยู่แล้วยังไงก็ต้องทำไปก่อน”หมอบอก “เดี๋ยวคุณให้ญาติเอาหลักฐานมาก่อนแล้วกันครับ … ถ้าสิทธิการรักษาอยู่ที่รพ.อื่น พอเรารักษาให้พ้นช่วงฉุกเฉินวิกฤตก็จะส่งตัวไปต่ออีกที”
รอนพยักหน้ารับและยกมือไหว้ขอบคุณ ….
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น
“ฮัลโหล …. แพท …. อ้อ เราอยู่โรงพยาบาล พอดีอาม่าล้มแล้วเราพามารพ… ……. อ๋อ ก็ที่โรงพยาบาลxxxxxxxไง อือ ใช่ๆ ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน”
รอนคุยบอกเพื่อนสาวไปก่อนจะวางสายแล้วนั่งรอ … เขานั่งดูหมอและพยาบาลที่ดูคนไข้คนอื่นๆไป …ดูหมอแผนกผ่าตัดที่เดินมาตรวจอาม่า …หมอแผนกดมยาวิสัญญี ที่มาตรวจเช็คสภาพ และพยาบาลห้องผ่าตัด ที่มาตรวจความเรียบร้อย ….
“รอน ….ไหน ไหน อาม่าเป็นไงมั่ง” เสียงร้องดังมาจากหน้าห้องฉุกเฉิน แพทวิ่งเข้ามา
“อ๋อ ตอนนี้หมอเตรียมเอาเข้าห้องผ่าตัดอยู่น่ะ” รอนบอก
“อ้อ แล้วพ่อกับแม่เธออยู่ไหน”
“พ่อแม่เราอยู่บ้านสิ …………. อุ้ย!” รอนนึกได้ว่าตะกี้เขาไม่ได้บอกแพทให้ละเอียด “คืออาม่าไม่ใช่อาม่าของเรา เป็นอาม่าร้านขายของหน้าปากซอยน่ะ”
” อ่อ ………………..” แพทตอบสั้นๆ ลดความร้อนใจลงก่อนจะนั่งลงข้างๆ ” แล้วตอนนี้อาม่าเป็นไงมั่ง”
“หมอเตรียมเอาเข้าห้องผ่าตัดแล้วล่ะ” รอนเล่าให้แพทฟังถึงคำอธิบายจากหมอ ก่อนจะนั่งรอไปด้วยกันทั้งคู่ หมอผ่าตัดที่ตรวจอยู่เดินออกไปเพื่อไปเตรียมตัวรอที่ห้องผ่าตัด พยาบาลห้องฉุกเฉินกำลังโทรส่งเวรห้องผ่าตัด ….ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก
“ไหน ไหน แม่อยู่ไหน” ชายหญิงวัยกลางคนวิ่งเข้ามา “นั่น ม๊าอยู่นั่น ม๊า ม๊า”
ทั้งคู่วิ่งเข้าไปหาอาม่าที่อยู่บนเตียง
“หมอ หมออยู่ไหน …ทิ้งคนไข้อย่างงี้ได้ไงวะ” ลูกชายอาม่าร้องอย่างโกรธเคือง
“สวัสดีครับ คุณเป็นญาติ….”
“หุบปากเลยไอ้สัตว์ ที่นี่มันโรงฆ่าสัตว์ชัดๆ คนไข้ป่วยหนักอาการหนักขนาดนี้ยังปล่อยทิ้งไม่รักษาไม่ดูแล คุณเป็นหมอภาษาอะไร”
“ใจเย็นๆครับ ฟังผมก่อน”
“ไม่ต้อง ผมเห็นกับตาสองตา แม่ผม…”
“คุณ หยุดก่อน” หมอเสียงแข็งขึ้น “ทางเราตรวจคนไข้แล้ว คนไข้มีเลือดออกในสมอง ตอนนี้กำลังจะเอาไปห้องผ่าตัด”
“นี่ไง! นี่ไง! ชั้นว่าแล้วไม่มีผิด” ลูกสาวอาม่าร้อง ” พวกแก แก แก แก แล้วก็แก เห็นคนไข้ไม่รู้ตัว ไม่มีเงินใช่ไม๊ เลยไม่รักษา คนไข้มาโรงพยาบาลตั้งเป็นชั่วโมง เลือดออกในสมอง แล้วยังมัวทิ้งขว้างคนไข้ไว้ตรงนี้ ไม่ดูแล”
“คุณครับ เดี๋ยวครับ”
“ไม่ต้องแล้ว”
กริ๊งงงงงง
“ฮัลโหล ค่ะ ค่ะ ….คุณหมอKคะ ศัลย์ในโทรมาบอกให้ส่งคนไข้ไปห้องผ่าตัดได้แล้วค่ะ”
“นี่ไง … ดูแลคนไข้ที่ไหน ห้องฉุกเฉินแท้ๆ ยังใช้โทรศัพท์สั่งเนื้อสันใน”
“……”หมอ
“…..”พยาบาล
“ไงล่ะ จี้ใจดำล่ะสิ พอ พอ พอ ไม่ต้องแล้ว ผมจะเอาแม่ผมไปรักษาที่อื่น ไม่ต้องมารักษากับโรงฆ่าสัตว์แบบนี้”
“ไม่ได้นะครับ ห้องผ่าตัดก็พร้อมแล้ว”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว … หนอยๆ ถ้าพวกเราไม่มาป่านนี้แม่ก็นอนอยู่ตรงนี้แหละ “
เสียงเอะอะโวยวายดังลั่น รอนพยายามเดินเข้าไปบอกแต่ไม่เป็นผล ลูกๆของอาม่าบ้าเลือดเรียบร้อยแล้วไม่ฟังคำอธิบายจากเขา … ลูกชายทะเลาะดันหมอและพยาบาล ส่วนลูกสาวยกมือถือถ่ายรูปหมอและพยาบาล
” แล้วอาม่าจะเป็นไรมากไหม” แพทถามอย่างเป็นห่วง … เธอนั่งกับรอนนานพอที่ทำให้เห็นว่าโรงพยาบาลเตรียมห้องผ่าตัดพร้อมหมดแล้ว ถ้าเพียงลูกๆจะฟังสักนิดก็จะรู้ว่าโรงพยาบาลรักษาตั้งแต่แรกแล้ว
” ไม่รู้เหมือนกัน “
“……. รอน …ว่าแต่ว่า เราจะลองใช้เวทรักษาที่นี่ได้ไหม”.
“หืม!”
จริงสินะ แพทใช้เวทมนตร์ได้นี่นา
“ว่าแต่อาม่าเป็นอะไร”เด็กสาวถาม
“เห็นหมอบอกว่าเป็นเลือดออกในสมองเรื้อรัง” รอนบอก จากนั้นเขาก็บอกรายละเอียดของโรคคร่าวๆตามที่อ่านในอินเตอร์เนท … ในนั้นบอกว่าหากเป็นไม่มาก ร่างกายจะมีกลไกในการรักษาตัวจนหายได้ แต่หากเป็นมากจนไปกดสมองร่างกายจัดการไม่ทันก็จะอาการหนักได้ก็ต้องเอาไปผ่าตัด
“งั้นเราว่าเราจะลองดู” แพทลุกเดินไปที่อาม่าที่นอนอยู่ เธอเอามือสองข้างวางประกบที่ศีรษะ จากนั้นตั้งสมาธิ แพทใช้เวทมนตร์รับความรู้สึกผิดแปลกปลอม … จากนั้นรับรู้ได้ถึงบางสิ่งรูปร่างนูน … เป็นเหมือนก้อนเลือดรูปโค้งที่อยู่ในสมอง
แพทอัดฉีดพลังเวทเข้าไปช้าๆ สั่งให้มันเข้าไปยังเซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์ประสาทบริเวณนั้น
เม็ดเลือดขาวค่อยๆรวมกลุ่มกันล้อมก้อนเลือด เลือดปล่อยสารทำลายการแข็งตัว เซลล์ประสาทพี่เลี้ยงGlia cell ช่วยปกป้องเซลล์สมองรอบๆ
กระบวนการทั้งหมดเป็นต่อเนื่องไปซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแพทรับรู้ได้ว่าสิ่งแปลกปลอมนั้นเล็กลง เล็กลง จนหายไปเกือบสนิท
“ฟิ้ว” เด็กสาวเป่าลมออกจากปากและปาดเหงื่อ
“เป็นไงมั่งแพท”
“พลังเวทเราหมดล่ะ แต่เลือดในสมองก็ลดขนาดลงแล้ว”
แพทหยิบแกนมอนสเตอร์ออกมาดูดซับเข้าไปชิ้นนึง … พอกลับมาที่โลกนี้ ไม่รู้เป็นอะไร พลังเวทของเธอไม่เพิ่มขึ้นเองเหมือนเวลาอยู่ที่ฝั่งโน้น ถ้าใช้ไปแล้วต้องเติมใหม่ด้วยแกนมอนเตอร์เท่านั้น
“หมอ!คนไข้ค่ะ คนไข้” พยาบาลชี้ไป ทุกคนมองตาม …. อาม่ากำลังลุกนั่งขึ้นบนเปลนอน
“ม๊า!!!!!!!!!” ลูกๆของอาม่าวิ่งเข้าไปหา “ม๊าฟื้นแล้ว”
ทั้งคู่กอดอาม่าที่นั่งขึ้นมาอย่างงงๆ
“หมอ……” ลูกชายอาม่าเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกมาพร้อมลูกสาวอาม่า
“ครับ” หมอเคตอบ
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าแม่ผมเลือดออกในสมองต้องผ่าตัด” ลูกชายอาม่าบอก “ที่นี่มันโรงฆ่าสัตว์ชัดๆ เลว เลว ผมจะเอาพวกคุณทั้งหมดประจาน จะทำให้พวกคุณคุณคุณแล้วก็คุณไม่มีที่ยืนในสังคม ถ้าผมมาไม่ทันแม่ผมคงโดนเอาไปปู้ยี่ปู้ยำในห้องผ่าตัดแล้ว ไอ้พวกเห็นแก่เงิน ไอ้ อ๊ากซ์…………”
ลูกสาวอาม่าหันไปมองพี่ชายที่นอนที่พื้น “เฮีย เป็นอะไร กรี๊ดดดด”
ลูกสาวอาม่าล้มลงสลบที่พื้น แพทที่เดินอยู่ด้านหลังสะบัดมือที่ยังชาจากการปล่อยเวทไฟฟ้า
แพทกับรอนลืมนึกไปว่า การใช้เวทรักษาจนอาม่าหาย ทำให้การตรวจของหมอที่ทำไปก่อนหน้านี้กลายเป็นผิดปกติไป …. ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมามอจะกลายเป็นถูกกล่าวหาว่าสร้างหลักฐานปลอมเอาคนดีๆไปผ่าตัด
“หมอครับ” รอนถาม “ศูนย์ความทรงจำของคนเราอยู่ตรงไหนครับ”
“ฮิปโปแคมปัส”
“แพท … เอานี่ไปดู” รอนกดมือถือแล้วส่งให้แพท แพทมองตำแหน่งแล้วอามือไปวางที่ศีรษะของลูกอาม่าทั้งสองคนก่อนจะปล่อยไฟฟ้าอ่อนอย่างที่สุดเข้าไปรบกวนตำแหน่งนั้น … รอนหยิบมือถือของลูกสาวอาม่าขึ้นมากดลบรูปทั้งหมดในโรงพยาบาลออก
“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ” หมอเคถามอาม่า
“…. อาม่าขอโทษหมอด้วยที่ลูกๆทำให้หมอลำบาก”
“ครับ?”
“เมื่อกี้อาม่าพอจะรู้ตัวตลอด ตั้งแต่หมอตรวจ หมอส่งไปสแกนสมอง แล้วก็รอไปผ่าตัด … แต่ลูกๆอาม่าไม่รู้”
“……. ไม่เป็นไรครับ”
“เอางี้ครับทุกคน เดี๋ยวเรามาตกลงให้ตรงกันก่อน” รอนร้องบอกหมอกับพยาบาล
******
“คุณ คุณ เป็นไงมั่งครับ” หมอเคเรียก
“นี่ผมอยู่ที่ไหน”
“คุณอยู่ที่โรงพยาบาลครับ คุณมาหาคุณแม่”
“ใช่ ใช่ แต่ … เอ ผมจำได้ถึงแค่ตอนที่จอดรถไว้ที่ลานจอดแล้ววิ่งมานี่ แล้ว แล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย”
“ใช่ ชั้นจำได้แค่นั้นเอง”
ลูกสาวและลูกชายอาม่าพูดแบบงงๆ ก่อนจะมองอาม่าที่นั่งอยู่
“ม๊า”
“อ๋อ พวกคุณตกใจวิ่งเข้ามาในห้องฉุกเฉิน แล้วพอเห็นว่าคุณแม่ปลอดภัยก็ดีใจจนเป็นลมน่ะครับ”
“……. อ้าว …… เหรอ …ว่าแต่ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”
“เวลาคนเป็นลม บางครั้งก็จำอะไรไม่ได้สักพักก็มีครับ” หมอตอบ
ทั้งคู่มองหน้ากันงงๆ แต่ขนาดแม่ของตนยังไม่ว่าอะไรเลย ก็คงไม่มีอะไรกระมัง
…..
รอนคุยกับหมอและพยาบาลบอกให้บอกแบบนั้นไป ส่วนเรื่องที่คนทั้งคู่เป็นลมก็เป็นเพราะว่าแพทใช้ที่ช็อตไฟฟ้าขนาดเล็กจัดการ
“แล้วม๊าผมอาการเป็นยังไงบ้าง”
“เมื่อครู่เราทำการCT สมองไปแล้ว มีรอยเลือดออกเพียงเล็กน้อยครับ ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ทิ้งไว้สัก1-2เดือนก็จะหายเป็นปกติเอง” หมอบอกก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กทั้งสอง ไม่มีรู้ว่าทั้งคู่ทำยังไงจึงทำให้เลือดที่ออกในสมองของคนไข้หายไปได้
“หมายความว่ายังไง? เลือดออกในสมองแต่ไม่ต้องผ่าตัด มันมีที่ไหน หมอจบที่ไหนมา” ลูกชายอาม่าขึ้นเสียง
” เฮียครับ … นี่ครับ” รอนส่งมือถือให้ดู “ในนี้เขียนไว้ว่าถ้าเลือดออกไม่มาก ก็ใช้สังเกตอาการเอาครับไม่ต้องเอาไปผ่าตัด”
“แล้วทำไมหมอไม่พูดแต่แรก …หมอเดี่ยวนี้นี่จริงๆเลย”
หมอเค กลอกตาไปมา ที่คุยกับเด็กทั้งคู่ ทั้งสองคนตกลงว่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้ลูกๆอาม่าไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรเพิ่ม และก็ขอให้หมอๆกับพยาบาลไม่เอาเรื่องในวันนี้ไปบอกใคร
ทั้งหมอทั้งพยาบาลได้แต่กลอกตาไปมาให้กับนิสัยของลูกๆทั้งสองของอาม่า