Midterm Fantasy - ตอนที่ 82
ขบวนรถลากค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามพื้นหิมะบางๆ รอนนั่งบนหลังของโกเลมม้าและมองดูไปรอบๆ คอยชี้ชาวบ้านที่คุมขบวนให้ระวังมอนสเตอร์ที่ซุกซ่อนตัวตามพื้นหรือใต้หิมะ
แถบพลังชีวิตสีเขียวของมอนสเตอร์ที่โผล่ขึ้นมา ทำให้รอนสามารถชี้เป้าได้อย่างไม่สะดวกสบายสุดๆ ขบวนทั้งขบวนสามารถเดินทางผ่านพื้นที่ได้โดยไม่ต้องกังวลกับมอนสเตอร์
และในบางครั้งเด็กหนุ่มก็จะควบโกเลมม้าออกไปแล้วใช้หอกปักจิ้มลงไปที่พื้นหิมะ ก่อนที่จะยกหอกที่มีมอนสเตอร์เล็กๆโผล่ติดปลายหอกขึ้นมา เป็นการฝึกฝนการต่อสู้บนหลังม้าไปในตัว
“ใช้ได้เหมือนกันนะเรา” รอนพูดกับตัวเองอย่างพอใจขณะที่สะบัดเลือดของบราวนี่ออกจากหอก และในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงฮือฮาจากด้านหลัง
“น้ำแข็ง”
“โจมตี”
แท่งน้ำแข็งอันแหลมคมนับสิบก่อตัวขึ้นในอากาศ จากนั้นก็พุ่งลงสู่พื้น เสียงแหลมเล็กของบราวนี่หลายตัวที่ซุ่มซ่อนอยู่ร้องอย่างเจ็บปวดก่อนที่จะวิ่งหนีออกจากหิมะ พุ่งเข้าใส่ขบวน
“โจมตี” แพทร้องขึ้น บราวนี่เกือบทั้งหมดที่วิ่งเข้ามาร้องเสียงดัง ร่างถูกเสียบแทงจากพื้นยกลอยสูงขึ้นก่อนจะหมดลม
กี๊ดๆๆๆๆ
บราวนี่ตัวสุดท้ายพุ่งปราดเข้ามา มันไม่ทันเห็นพวกของมันที่ตายอยู่ด้านหลัง ทำให้ตั้งใจเพียงแต่จะโจมตีเข้าใส่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า
ผึง! ฉึก
เสียงหน้าไม้ยิงทะลุศีรษะของบราวนี่ ก่อนที่มันจะล้มลงฟาดกับพื้น แพทละมือที่กำลังเอื้อมไปจับดาบกลับมา แล้วก้มลงเก็บหน้าไม้ที่ตนเองเหวี่ยงทิ้งลงพื้นเมื่อครู่ขึ้นมา ขณะที่ชาวบ้านคนอื่นๆตรงไปเก็บซากบราวนี่
รอนมองไปที่เพื่อนสาวอย่างทึ่งๆ และตอนนั้นเองจู่ๆแพทก็ร้องขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะ หอกน้ำแข็ง”
รอนหันขวับไป ในมือของแพทมีก้อนน้ำแข็งใหญ่ที่กำลังรวมตัวจับเป็นหอกที่แหลมคม รอนพยายามมองไปรอบๆ พยายามหาแถบพลังชีวิตของศัตรูแต่ไม่ยักมี
เอ๊ะ เดี๋ยวสิ
กองหิมะถล่มเปิดออก หมีตัวใหญ่ปรากฎกายขึ้นมา มันหันมามองที่พวกชาวบ้าน
“โฮกกกกก”
แถบพลังชีวิตสีเขียวโผล่ขึ้นเหนือศีรษะของหมีตัวนั้น ก่อนที่มันจะยืดตัวขึ้นคำรามแสดงอำนาจของผู้ที่บังอาจรบกวนการจำศีลของมัน มันจะต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าไม่ว่าใครก็ไม่อาจรบก…..
ฉึก!
‘โฮกกก’ ตุบ
มันร้องออกมาได้อีกเพียงครั้งเดียว ก่อนที่จะล้มลงตาย หอกน้ำแข็งของแพทยุติการบรรยายอันเยิ่นเย้อและชีวิตของหมีตัวนั้นไปพร้อมๆกัน
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ทุกคนจัดการได้ตามสบาย” เด็กสาวบอก
“โอ้ คุณแพทนี่เยี่ยมจริงๆ”
“นี่ถ้าไม่ได้คุณแพท พวกเราต้องแย่แน่ๆ”
ชาวบ้านชมเปาะก่อนจะตรงเข้าไปจัดการกับซากหมีก่อนที่จะออกเดินทางต่อ
“System ของศิลานักปราชญ์นี่ใช้ประโยชน์ได้เยอะจริงๆนะรอน” แพทบอก “ไม่ว่าศัตรูจะซ่อนที่ไหนก็บอกตำแหน่งได้หมดเลย”
“อื้อ ใช่” รอนพยักหน้ารับ “จริงสิ เมื่อกี้เธอมองเห็นแถบพลังชีวิตหมีตอนไหน”
“อืม น่าจะหลังจากที่มันโผล่ออกมาสักพัก จังหวะตอนที่มันกำลังจะยืนคำรามน่ะ”เด็กสาวตอบ “ทำไมเหรอ?”
“เปล่าหรอก เราก็เห็นพร้อมกับเธอ ก็เลยสงสัยว่าทำไมเราไม่เห็นมันก่อนหน้านั้น”
“น่าจะเพราะแถบมันขึ้นต่อเมื่ออีกฝ่ายมีจิตมุ่งร้ายต่อพวกเราน่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นถ้าแถบพลังขึ้นเหนือสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในพื้นที่พวกเราคงลำบากน่าดู”
รอนฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย จะว่าไปแพทได้เปรียบเขาตรงที่แพทมีความสามารถเรื่อง ‘ลางสังหรณ์’ ด้วย พอได้ System เข้ามาก็เลยยิ่งได้เปรียบเข้าไปใหญ่
“งั้นเดินทางกันต่อเถอะ”
“อื้อ”
แพทยิ้มให้และหันกลับไปจัดเครื่องแต่งตัวเพื่อเดินทางต่อ จากนั้นเอื้อมมือไปในอากาศ ไปกดอะไรบางอย่าง
“Battle Map สแกนหาสิ่งมีชีวิตขนาดกลางถึงขนาดใหญ่”
จุดสีเทาในแผนที่กระพริบขึ้น บอกตำแหน่งของสัตว์ขนาดกลางถึงใหญ่ที่อยู่ในรัศมี5กิโลเมตร เด็กสาวมองจนมั่นใจว่าไม่มีจุดใดที่ขวางเส้นทางบนถนนแล้วก็พยักหน้าให้กับตนเอง
นอกจากลางสังหรณ์แล้ว เมื่อครู่แพทที่เปิดฟังก์ชั่น Battle Map อยู่สังเกตเห็นจุดเทาใหญ่ในแผนที่ใกล้ๆขบวนเริ่มมีการเคลื่อนไหว ทำให้เธอร้องห้ามชาวบ้านและเตรียมเวทโจมตีได้ทัน
“ปิด Battle Map”
แพทจัดการปิดฟังก์ชั่นแผนที่การรบและออกเดินทางต่อ คิดในใจว่าลูกแก้วศิลานักปราชญ์นี้มันเยี่ยมจริงๆ
จะถามรอนดีไหมว่าทั้งหมดมันทำอะไรได้บ้าง
แต่คิดอีกทีแล้วอย่าเลย ลองค้นหาเองน่าจะตื่นเต้นกว่า
ชาวบ้านทั้งหมดเดินทางต่อไปโดยไม่มีเหตุอะไรร้ายแรง แพทกับรอนผลัดกันบอกมอนสเตอร์ที่ดักซุ่มระหว่างทางและพาขบวนหลบหลีกหรือโจมตีพวกมันได้ตลอดเส้นทางจนกระทั่งถึงเมืองกาล่า
“เอาล่ะ พวกเราแยกย้ายกันไปขายและซื้อของ ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กลับมาที่นี่” พ่อเฒ่าเบรเซอร์บอก “พอล นายเฝ้าที่นี่ด้วย”
เมื่อคุยจัดการเสร็จแล้ว เบรเซอร์ก็พารอนและแพทไปที่ปราสาทของเจ้าเมือง การเดินทางในครั้งนี้นอกจากจะเอาของมาขายแล้วก็เพราะรอนต้องการจะพบกับคุณมีอาบุตรสาวของท่านเจ้าเมือง
ทั้งสามคนผ่านเข้าไปในปราสาทได้อย่างไม่ยากเย็น ทหารทั้งหลายต่างจำเด็กหนุ่มที่ช่วยปกป้องเมืองผู้นี้ได้อย่างดี ทั้งหมดไปนั่งรอที่ห้องรับรองแขกครู่หนึ่ง
“ยินดีต้อนรับค่ะท่านรอน” เสียงสดใสของหญิงสาวดังขึ้นจากหน้าประตู
“สวัสดีครับคุณมีอา” เด็กหนุ่มตอบ
“สวัสดีค่ะคุณเบรเซอร์” มีอาพูดต่อและหันไปทางแพทก่อนจะหันกลับมาที่รอนอีกครั้ง
“นี่แพท เป็นเพื่อนของผมครับ” รอนบอก “เราเรียนที่โรงเรียนเดียวกันที่บ้านเกิดของเราครับ”
“สวัสดีค่ะ แพทค่ะ ชื่อจริงวิกานดาค่ะ” เด็กสาวตอบและยื่นมือไป มีอาจับมือเขย่าอย่างยิ้มแย้มยินดี
“คุณรอนมาวันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าพาเพื่อนมาแนะนำเฉยๆ”
“ผมอยากจะให้แพทลองใช้แหวนเก็บของต่างมิติหน่อยน่ะครับ” รอนบอกตามตรง “แหวนที่ได้จากดราซัคในตอนนั้นน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวสักครู่นะคะ” มีอาหันไปบอกคนรับใช้ที่หลังห้องให้ไปหยิบกล่องเก็บของมา สักครู่หนึ่งของก็มาถึง มีอาหยิบแหวนยื่นให้แพท
“นี่ค่ะ”
แพทรับแหวนไปถือไว้ในมือและสวมเข้าไป แหวนของดราซัคค่อยๆหดเปลี่ยนขนาดจนพอดีกับนิ้วมือของเด็กสาว
“คุณแพทเคยใช้แหวนต่างมิติมาก่อนหรือเปล่าคะ” มีอาถามขึ้น
“ไม่เคยค่ะ” แพทตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะคะ วิธีใช้ก็คือ..”
มีอาพูดค้างแค่นั้น เพราะตรงหน้าของเธอนั้น แพทกำลังเคลื่อนย้ายของในห้องเข้าไปในแหวนและหยิบออกอย่างชำนาญ
“เอ่อ คุณแพทไม่เคยใช้มาก่อนจริงๆเหรอคะ”
“ค่ะ นี่ครั้งแรกเลยค่ะ แต่ลองเดาๆดู มันก็ดูใช้ไม่ยากนะคะ”
เด็กสาวลองใส่ของเข้าไปและดึงออกมา ดูเหมือนว่าแค่นึกถึงสิ่งของ ของสิ่งนั้นก็โผล่ออกมา หรือถ้านึกไม่ออกว่ามีอะไรก็แค่นึกถึงการค้นหา แล้วรูปของสิ่งของที่อยู่ภายในทั้งหมดก็จะเลื่อนผ่านมาให้เห็น
“ว่าแต่ตรงนี้มันมีอะไรอยู่ด้วย” แพทพูดขึ้น เมื่อรับรู้ได้ว่าภายในนั้นมีช่องเก็บของอีกอันที่ถูกปิดผนึกไว้
“ในแหวนของดราซัคมีส่วนที่ลงรหัสอาคมเอาไว้ค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังพยายามเปิดกันอยู่แต่ยังเปิดไม่สำเร็จ” มีอาบอก “ถ้ายังไงคุณแพทจะเอาแหวนวงอื่นไปใช้ก่อนไหมคะ”
แพทไม่ทันได้ฟังสิ่งที่มีอาบอก เธอมองภาพผนึกตรงหน้าที่มีลักษณะเป็นแป้นโทรศัพท์ที่มีตัวเลขกำกับไว้ เด็กสาวค่อยๆใช้สมาธิ แล้วลองกดดูตาม ‘ลางสังหรณ์’
“อ๊ะ!”
แพทอุทานขึ้น ก่อนจะปล่อยเอาของที่อยู่ภายในออกมา หนังสือและเอกสารเก่าๆหล่นออกมาจากภายในแหวนเกลื่อนไปหมด
“ค คุณแพทเปิดผนึกแหวนได้เหรอคะ”
“น่าจะใช้นะคะ ตอนนี้ในแหวนว่างเปล่าหมดแล้ว” แพทตอบ ขณะที่มีอาหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านดู สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าอันตื่นเต้น
“นี่มันเป็นแผนที่ระบุตำแหน่งที่เก็บอาวุธสำหรับอันเดด อันนี้รายละเอียดของหมู่บ้านมอนสเตอร์” มีอาร้องขึ้นและเลื่อนสายตามองไปเอกสารแผ่นอื่นๆ แต่ละแผ่นล้วนเป็นข้อมูลที่มีค่าทั้งสิ้น
“คุณแพทคะ คุณช่วยพวกเราเปิดแหวนของดราซัควงอื่นๆได้ไหมคะ” มีอาถามด้วยตาที่เป็นประกาย
“ได้ค่ะ”
ทั้งสามคนถูกพาไปที่คลังเก็บสิ่งของ ทหารและจอมเวทหลายคนมาล้อมวงกันดูอย่างอยากรู้อยากเห็น แพทรับเอาแหวนไปใส่และลองปลดผนึกดูทีละวง
“โอ้ว นี่มันม้วนเวทสร้างอันเดดระดับ8จากศพมังกร”
“โอ้ว นี่มัน หอกกระดูกมังกรในตำนาน”
“นี่ นี่มัน….”
ไอเทม สิ่งของ เอกสาร ม้วนเวท สิ่งของมีค่ามากมายวางเรียงรายลงบนพื้น เจ้าหน้าที่บัญชีช่วยกันคัดแยกและจดบันทึกอย่างรวดเร็ว เสียงฮือฮาของทหารและคนที่เฝ้าดูดังไปทั่วบริเวณ สายตาของทหารที่ยืนอยู่ต่างมองแพทอย่างชื่นชม ไม่นึกว่าเด็กสาวคนนี้จะสามารถปลดผนึกแหวนของนักรบมังกรได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ต้องอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้จอมเวทของเมืองกาล่าได้พยายามปลดผนึกที่ว่านี้กันมาแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ท่านโซล่าเองก็ได้เชิญจอมเวทในอาณาจักรแอสคาลอนมาช่วยกันทดลองเปิดดูแต่ก็ไม่ประสบผลเช่นเดียวกัน
หากแต่เด็กสาวผู้นี้กลับทำในสิ่งที่จอมเวทอื่นๆทำไม่ได้ให้เป็นไปได้
“เสียงเอะอะกันวุ่นวาย มีอะไรกันเรอะ” เสียงดังมาจากบนระเบียง
“ท่านพ่อ”
“ท่านเจ้าเมือง”
มีอาและทหารร้องขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั้น ท่านโซล่า เจ้าเมืองกาล่าค่อยๆเดินลงมาที่สนามหน้าคลังเก็บของ
“พวกเราเปิดแหวนเก็บของต่างมิติของดราซัคได้แล้วค่ะ” หญิงสาวรายงาน
“จริงเรอะ เยี่ยมจริงจอมเวทท่านไหนที่ทำได้” โซล่าถามอย่างสนใจ หลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีใครที่เปิดผนึกแหวนนี้ได้เลย
“คุณแพทค่ะ เธอเป็นเพื่อนจากบ้านเกิดของคุณรอนค่ะ” มีอาผายมือไปทางแพทที่กำลังปล่อยสิ่งของออกจากแหวนวงสุดท้าย โซล่าเดินเข้าไปอย่างยินดีเตรียมจะทัก แต่แล้วสีหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าที่ตกใจ เมื่อแพทเงยหน้าขึ้นมาให้เห็นชัดๆ
มีอามองหน้าผู้บิดาอย่างงุนงง”
“มีอะไรหรือเปล่าคะท่านพ่อ ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ”