Midterm Fantasy - ตอนที่ 83
เจ้าเมืองกาล่ายืนจ้องมองไปทางเด็กสาวเบื้องหน้าด้วยสีหน้าที่บรรยายไม่ถูก มือขวาของเขาเอื้อมไปที่เอวข้างซ้ายชั่วขณะก่อนที่จะเลื่อนกลับมาที่ข้างตัว
“เพื่อนของรอน เพื่อนผู้หญิงเหรอ?” โซล่าถามมีอา
“ค่ะท่านพ่อ เพื่อนผู้หญิง เป็นเพื่อนที่บ้านเกิดและเรียนโรงเรียนเดียวกันกับคุณรอนค่ะ” มีอาบอกบิดาของตนพลางคิดในใจว่าวันนี้ดูพ่อแปลกๆไป
โซล่าหันกลับไปและยิ้มให้กับแพท
“เพื่อนของคุณรอนก็เป็นเหมือนกับเพื่อนของพวกเรา เมืองกาล่ายินดีต้อนรับ” เจ้าเมืองบอก “ได้ยินมีอาบอกว่าเธอสามารถปลดผนึกแหวนของดราซัคได้ทั้งหมด”
“ค่ะ” แพทตอบสั้นๆ น้ำเสียงและสายตาดูผิดไปจากปกติจนรอนก็รู้สึกได้
“ท่านพ่อคะ ในบรรดาของที่อยู่ในแหวน มีเอกสารสำคัญที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกอันเดดด้วยค่ะ”
“จริงรึ งั้นยิ่งดีเลย ให้คนของเราส่งเอาเอกสารและไอเทมที่สำคัญไปยังเมืองหลวงเพื่อทำการตรวจสอบ” เจ้าเมืองบอก “เมื่อจบสงครามครั้งก่อนมีนักรบมังกรฝ่ายความมืดที่หายสาบสูญไป ครั้งนี้ดราซัคปรากฎตัวขึ้นมาก็มีโอกาสที่นักรบมังกรคนอื่นๆจะปรากฎตัวขึ้นมาเหมือนกัน”
“ค่ะ ลูกจะจัดการให้เรียบร้อย” มีอารับคำ
“ดีแล้ว เราต้องระวังตัวเอาไว้ อย่าให้เกิดเหตุเหมือนเมื่อครั้งที่นักรบเวทมนตร์ ‘เทนสไควร์’ (10th Squire) ทำกับเมืองของเราในตอนนั้น” โซล่าพูดขึ้นและเหลือบตาไปมองแพทที่ยืนฟังอยู่โดยไม่มีปฏิกริยาอะไร “เราจะให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านอาร์ย่าเกิดซ้ำสองไม่ได้”
โดยที่โซล่าไม่ได้สังเกต แพทสะดุดเล็กน้อยกับชื่อที่สอง
เจ้าเมืองสั่งการทหารให้คัดแยกสิ่งของและทำการจัดส่งอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินกลับไป
ว
“รอน ถามอะไรหน่อยสิ”
“ทำไมเหรอแพท”
“เมื่อกี้ตอนที่คุณพ่อของมีอาเดินมาถึง รอนสังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า” เด็กสาวถาม
“ไม่นี่ มีอะไรเหรอ” รอนตอบอย่างงงๆ “ตอนที่ท่านโซล่าเดินมาเราก็มองอยู่ นอกจากที่เอื้อมมือไปเกาเอวซ้ายก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ”
“ช่างเถอะ เราคงคิดไปเองไม่น่ามีอะไรหรอก”
เด็กสาวตอบพลางหันมองตามหลังเจ้าเมืองไป ที่เอวซ้ายของโซล่ามีดาบสั้นห้อยอยู่
และถ้าเมื่อครู่ตาของเธอไม่ฝาด ตอนที่เจ้าเมืองจ้องหน้าเธออยู่นั้น จู่ๆก็มีแถบพลังชีวิตโผล่ขึ้นที่เหนือศีรษะของเขา ก่อนที่แถบนั้นจะหายไปเมื่อรู้ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิง
ว
“คุณมีอาครับ เรื่องนักรบเวทมนตร์ เทนสไควร์ กับท่านอาร์ย่า คือเรื่องอะไรเหรอครับ” รอนถามทันทีอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เป็นเรื่องเมื่อ30ปีก่อนน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบ “ในสงครามครั้งใหญ่ที่ราชาอันเดดบุกเผ่ามนุษย์ นักรบมังกรคนสุดท้ายเป็นเด็กชายเผ่ามนุษย์ที่เป็น สไควร์ หรือนักรบฝึกหัดให้กับราชาอันเดด เป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการฝึกหัดให้เป็นนักรบเวทมนตร์ ความสามารถสูงจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักรบมังกรฝ่ายความมืด เด็กคนนี้ไม่มีชื่อ ราชาอันเดดเรียกนามเขาจากลำดับที่รับเข้ามาฝึก”
“เด็กเผ่ามนุษย์ แต่เป็นนักรบมังกรฝ่ายความมืด?” รอนถาม
“ค่ะ นักรบมังกรฝ่ายความมืดประกอบไปด้วยคนจากหลายเผ่า และสำหรับ เทนสไควร์คนนี้ถูกส่งมาทำภารกิจสอดแนมและลอบสังหารในเขตของเผ่ามนุษย์”
“สอดแนมและลอบสังหาร” รอนนึกตาม
“ใช่ค่ะ ด้วยอายุ15-16 การจะลอบสอดแนมเข้ามาในเมืองของมนุษย์ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก” มีอาบอก “ครั้งนั้นเมืองกาล่าของเราเสียนักรบมังกรฝ่ายแสงสว่างไปคนหนึ่งจากการลอบสังหารครั้งนั้น คือท่านอาร์ย่า”
“ท่านอาร์ย่าเป็นจอมเวทแห่งแสงที่ทำหน้าที่แนวหลังในการรักษาคนเจ็บในสนามรบ เมื่อตอนที่สงครามใกล้จบ ฝ่ายศัตรูที่กำลังหมดหวังกองทัพหนึ่งแทรกซึมเข้ามาและปิดล้อมหมู่บ้านที่ท่านอาร์ย่าพักแรม และขณะที่กองทัพของเรากำลังเตรียมจะสู้ตาย เทนสไควร์ก็บุกเข้ามาและลอบสังหารท่านอาร์ย่าในกลางดึก หลังจากนั้นมันก็หายตัวไป”
“ท่านพ่อเองต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านอาร์ย่ามานาน และเผชิญหน้ากับเทนสไควร์มาหลายครั้ง เลยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาน่ะค่ะ”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นด้วย” รอนเอ่ย “แต่จะว่าไปถ้าเรื่องขนาดนี้ก็น่าจะมีอนุสาวรีย์หรือสถานที่ระลึกถึงท่านอาร์ย่าบ้าง ทำไมผมไม่เห็นอะไรแบบนั้นในเมืองกาล่าเลยล่ะครับ”
“เอ ที่จริงคุณรอนเดินทางมาทางหมู่บ้านโอลเซ่น น่าจะเคยเห็นนะคะ”
“เอ๊ะ?”
“ก็ถ้ำที่ใช้ฝังศพของท่านอาร์ย่า อยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านโอลเซ่นนี่นา” มีอาบอก
“ท่านมีอา ถ้ำที่ฝังศพท่านอาร์ย่าอยู่ใกล้กับหมู่บ้านของเราก็จริง แต่ถ้าหากเดินทางมาโดยไม่ทันสังเกตก็อาจจะไม่เห็นก็ได้”เบรเซอร์บอกมีอาก่อนจะหันไปหารอน “ความจริงถ้ำนั้นก็อยู่ใกล้ๆกับจุดที่ท่านรอนไปเจอกับโรล่าครั้งแรก ตรงหน้าถ้ำจะมีลานกว้างๆอยู่ แต่ตอนนั้นหมู่บ้านเราทั้งเจอมอนสเตอร์ ทั้งเจอโรคระบาด ท่านรอนคงจะไม่ทันสังเกตเห็น ไว้กลับไปแล้วข้าจะพาท่านรอนไปเคารพหลุมศพสักครั้งนึงเอง”
ถ้ำใกล้ๆหมู่บ้านโอลเซ่น มีลานข้างหน้า ใกล้จุดที่เจอกับโรล่าครั้งแรก
หลุมฝังศพนักรบมังกรแห่งแสง ที่เป็นจอมเวท
เดี๋ยวๆๆ นั่นมันถ้ำที่เขามาโผล่ครั้งแรกที่โลกนี้นี่นา!
รอนเหงื่อแตกทันที นี่ตกลงเขากลายเป็นโจรขุดสุสานไปแล้วหรือเนี่ย
ช่างมันๆ ทำเนียนไปก่อน ยังไงคงไม่มีใครเข้าไปข้างในนั้น ไม่มีทางรู้หรอกว่าเราเคยเข้าไปในนั้นแล้ว
ทำเนียนไปก่อน ทำเนียนไปก่อน
กิ๊ง!
[Deception Lv2 10/100]
เสียงเลเวลอัพดังขึ้นในหัว
“คุณมีอาครับ อีกเรื่องที่ผมอยากจะปรึกษา ผมคิดว่าในโอกาสนี้เราควรจะจัดการปรับปรุงความปลอดภัยของพื้นที่ ทำให้มอนสเตอร์ลดลงเพื่อชาวบ้านหมู่บ้านต่างๆจะได้ปลอดภัยกันมากขึ้น ไม่รู้ว่าทางเมืองจะช่วยได้หรือเปล่า” รอนบอก “และเรื่องนี้คุณเบรเซอร์เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน น่าจะพอรู้ว่าเราควรจะปรับปรุงอะไรเพื่อให้หมู่บ้านรอบๆเมืองกาล่าปลอดภัยมากขึ้น รบกวนคุณเบรเซอร์คุยกับคุณมีอาได้ไหมครับ”
“จริงๆข้าก็มีความเห็นหลายอย่างเรื่องนี้ แต่ว่าค่าใช้จ่ายมันน่าจะสูง” เบรเซอร์ทัก
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวค่าใช้จ่ายทั้งหลายผมจะช่วยเอง ถ้าหากได้เงินจากสินค้าร้าน ARMAMENT ผมก็จะดึงกำไรมาช่วยค่าใช้จ่ายเอง”
“คุณรอน แต่ร้านนั่นเป็นร้านของคุณเอง จะให้เอามาช่วยหมู่บ้านของเราคงไม่เหมาะนะครับ” หัวหน้าหมู่บ้านแย้ง
“ไม่เหมาะยังไงกันครับ ยังไงผมก็คิดว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน ถ้าหมู่บ้านสงบสุข ผมก็สบายไปด้วย” รอนบอก
เบรเซอร์อึ้งไปนิดนึง ในใจคิดถึงโรล่าขึ้นมาก่อนที่จะสลัดความคิดในหัวออก ชายหัวหน้าหมู่บ้านขอบใจรอนก่อนจะหันไปคุยกับมีอาเรื่องแผนป้องกันหมู่บ้านที่คิดเอาไว้
ขณะที่รอนก็แอบคุยกับแพท
“การข้ามโลกมาที่นี่ทำให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้น2เท่า ถ้าหมู่บ้านโอลเซ่นปลอดภัยดีไม่มีมอนสเตอร์ เราอาจจะได้ที่อ่านหนังสือแบบสงบๆไปจนถึงชั้นมหาลัยเลย เยี่ยมไหมล่ะ”
ทั้งแพทและรอนต่างลอบยิ้มพยักหน้าให้แก่กัน
กิ๊ง!
[Deception Lv 2 20/100]
ขณะที่ทั้งเบรเซอร์และมีอาต่างเข้าใจกันไปคนละเรื่องสุดๆ
คุยกับเบรเซอร์เสร็จแล้ว มีอาแยกย้ายจากคนทั้งสามและกลับเข้าไปที่ในปราสาท เธอเดินไปหาโซล่าผู้บิดาที่นั่งในห้องหนังสือ เขานั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“ท่านพ่อ”
“มีอา มานั่งสิ” โซล่าบอก “คุยอะไรกับ3คนนั้นบ้างล่ะ”
“คุยเรื่องแผนการปรับปรุงการป้องกันหมู่บ้านค่ะ คุณรอนอยากให้หมู่บ้านรอบๆเมืองกาล่าปรับปรุงการป้องกันมอนสเตอร์ เพื่อที่ชาวบ้านทั้งหลายจะได้ใช้ชีวิตเป็นปกติสุข” หญิงสาวบอก “มีข้อเสนอเรื่องการปรับปรุงอาวุธและเกราะ การจัดการหน่วยป้องกันหมู่บ้าน การสร้างที่พักและที่หลบภัยระหว่างเส้นทางถนน และก็อีกหลายอย่างเลย”
“แล้วเรื่องค่าใช้จ่าย”
“คุณรอนจะดึงเงินจากร้านARMAMENTมาช่วยค่ะ” มีอาแจง “ดูเหมือนเขาตั้งใจจะอาศัยที่หมู่บ้านโอลเซ่นอีกนานเลย”
“อืม ยังไงลูกก็ช่วยจัดการด้วยแล้วกัน ยังไงผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับประชาชนในเขตเมืองของเรา” โซล่าตอบแล้วก็นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างนานจนมีอาต้องถามต่อขึ้นมา
“ท่านพ่อคะ”
“หืม”
“แพท เพื่อนของคุณรอน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถาม “แล้วยังเรื่องเจ้าเทนสไควร์กับท่านอาร์ย่านั่นอีก ปกติท่านพ่อแทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย ทำไมจู่ๆวันนี้ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ล่ะคะ”
“ลูกสังเกต?”
“ค่ะ สังเกตแม้แต่ตอนที่ท่านพ่อเอื้อมมือจะไปชักดาบด้วย”
“ไม่มีอะไรหรอก พ่อคงจะเริ่มแก่แล้ว เลยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” เจ้าเมืองบอก ตาทั้งสองมองไปที่กำแพง “ตอนที่พ่อเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้น มันทำให้พ่อนึกถึงเจ้านักรบมังกรเทนสไควร์คนนั้นขึ้นมา ลูกคงพอจะนึกออก พ่อออกรบและได้เจอกับนักรบมังกรคนนั้นหลายครั้ง พวกเราเจอเจ้าหนุ่มนั่นกระทืบปางตายกันหลายครั้ง พ่อไม่มีทางลืมใบหน้าของมันแน่ๆ”
“แต่เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงนะคะ”
“ใช่ เด็กคนนี้คือเด็กผู้หญิง แถมนั่นมันก็ตั้ง30ปีมาแล้ว ถ้าเจ้าหมอนั่นยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี้ก็ต้องอายุ40กว่าจะ50แล้ว” เจ้าเมืองกาล่าตอบ “พ่อคงจะเกลียดเจ้าหมอนั่นมากจนกระทั่งลืมเรื่องนี้ไป จนเกือบเผลอทำอะไรน่าอายออกไปแล้ว”
“อาจจะเพราะพวกเราประมือกับนักรบมังกรเทนสไควร์หลายครั้ง ทุกครั้งมันไม่เคยฆ่ามนุษย์เลย มีแต่จะทำให้บาดเจ็บหรือไม่ก็เข้ามาจารกรรมทำลายข้าวของและสิ่งก่อสร้าง จนทำให้พวกเราเชื่อลึกๆว่านักรบมังกรคนนี้จะไม่ฆ่าคน นึกไม่ถึงว่าพอมันสบโอกาส มันจะลงมือฆ่าท่านอาร์ย่าได้”
“ท่านอาร์ย่าเหมือนกับจะรู้ว่าตนเองเป็นเป้าหมายลอบฆ่า ท่านสร้างหลุมฝังศพของตนเองเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนศึกสุดท้าย สั่งเสียไว้ว่าหากท่านตายไปก็ขอให้นำศพไปใส่ไว้ในสุสาน” โซล่าบอก “พ่อยังจำได้ในวันนั้นที่พ่ออุ้มร่างของเธอไปบรรจุในสุสาน เด็กคนนั้นกำพร้าไม่มีครอบครัว ต้องมารับภาระของมนุษยชาติ แล้วก็ต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยอีก น่าเศร้า น่าเศร้าจริงๆ”
แล้วมีอาก็นั่งกุมมือบิดาที่นั่งคิดถึงความหลังด้วยความสงสารจับใจ