Midterm Fantasy - ตอนที่ 90
วัยรุ่นสามคนกำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่หน้าทางเข้าตึก ควันสีขาวลอยคลุ้ง ตลบท่ามกลางไฟนีออนขาวที่ส่องลงมา ที่หน้าตึกขึ้นป้าย ยุทธจักรมือถือ
“นั่นใครวะ ใส่หมวกใส่หน้ากากดำ” วัยรุ่น1พูด
“หรือว่าจะมาหาเรื่อง มันถือไม้พลองมาด้วย” วัยรุ่น2บอก
“จะบ้ารึไง วันนี้พี่เป๋งเรียกประชุม คนอยู่ข้างในเกือบร้อยคนใครจะบ้ามาหาเรื่องวะ พวกเรานั่นแหละ” วัยรุ่น3ดุก่อนเก็บบุหรี่ไฟฟ้าใส่กระเป๋าแล้วเดินตรงไปหา ชักมีดออกมาเตรียมไว้ “เฮ้ย มาประชุมเหรอ ใส่หน้ากากทำไมวะ ถอดเว้ย ถอดออกก่อน อ๊ากก”
ไม้พุ่งเข้ากระแทกหน้าอกของมัน และก่อนที่จะทันทำอะไร แบตเตอรี่ของบุหรี่ไฟฟ้าก็แตกออกและลุกเป็นไฟ
“อ้ากกกกก ร้อน ร้อน ร้อน” มันถอดเสื้อโยนทิ้งไป “ร้อน อั่ค”
ร่างของมันผลอยลงกับพื้นอย่างมึนงง ไม่สลบ แต่มึนจนทำอะไรไม่ได้
“เฮ้ย แกรู้ไหมที่นี่ที่ไหน” วัยรุ่น2ชักมีดออกมา
“ร้านของเป๋งโมบายใช่ไหม” รอนถาม
“ใช่ แล้วแกรู้ใช่ไหมว่าวันนี้พี่เป๋งเรียกประชุม พวกเราทั้งหมดอยู่ข้างในแล้ว” วัยรุ่น1ชี้หน้า “รู้แล้วยังกล้ามาหาเรื่องเรอะ”
“โล่งอกไป นึกว่ามาผิดที่แล้ว” รอนตอบ เพราะป้ายหน้าร้านดันไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป๋ง ถึงแม้จะอ่านข่าวที่มีการแฉประวัติของเป๋งโมบาย แต่เขาก็ไม่มั่นใจจนกระทั่งได้ยินจากปากของคนที่เฝ้าข้างหน้า
“โล่งอกไป?”
วัยรุ่นที่เหลือสองคนมองหน้ากันก่อนจะวิ่งเข้าใส่รอน เสียงตุ้บตั้บและเสียงร้องดังออกมาก่อนที่เหลือแต่เสียงครวญคราง รอนเดินผ่านร่างทั้งสามที่นอนร้องที่พื้น ผ่านหมอกควันไฟบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปสู่ทางเดินด้านใน
[-0.005]
[-0.005]
หืม? อ้อ ควันมีพิษ
เด็กหนุ่มรีบเดินออกจากกลุ่มควันบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“รอน ข้างหน้ามีศัตรูวิ่งตรงมา5คน ให้เธอเลี้ยวขวาขึ้นบันไดไป”
“โอเค”
รอนวิ่งขึ้นไปตามคำสั่ง ได้ยินเสียงโหวกเหวกมาจากเบื้องล่างทางด้านหลัง
“รอน เปิดประตูข้างหน้าเข้าไปหลบในห้องก่อน มีคน5คนมาจากชั้นสาม 5คนจากทางเดินชั้นสอง 2คนจากบันไดชั้นล่าง”
รอนเลื่อนตัวเข้าไปในห้องเก็บของตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ มือล้วงกระเป๋า ข้างในมีม้วนเวท5ม้วน เขาค่อยๆเลื่อนมือลูบว่าอันไหนคือม้วนเวทเพิ่มกำลัง แล้วเสียงวิ่งก็ดังมาตามทางเดินก่อนจะมาหยุดที่หน้าห้องเก็บของ
“มีใครผ่านมาไหม”
“ไม่มี ข้างล่างเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าเมื่อกี้ได้ยินเสียงร้อง”
“พวกเราที่เฝ้าข้างหน้าเจอทำร้าย พวกข้ามาจากทางเดินด้านในแต่ไม่เห็นตัวคนทำ ถ้าข้างบนไม่มีแปลว่ามันยังอยู่ข้างนอก พวกเราไปกัน”
เสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป พร้อมกับแพทที่พูดเข้ามา
“มีคนกำลังจะเปิดประตู”
รอนบีบตัวหลบเข้าซอกมุม ประตูถูกเปิดออกพร้อมไฟที่ฉายเข้ามา
“ในนี้ไม่มี ไปกันเถอะ”
เสียงคนวิ่งลงบันไดไปกันจนหมด
“ตอนนี้ข้างหน้าห้องเหลือสองคนแล้ว คนที่เหลือออกนอกตัวตึกหมดแล้ว”
รอนรับคำดูเหมือนว่าคงไม่ต้องใช้ม้วนเวทเพิ่มกำลังแล้ว เด็กหนุ่มเปิดประตูผัวะออกไปแล้วใช้ไม้พลองระดมฟาด แทง ทุบ จนสองคนที่ข้างหน้าห้องล้มกองนอนโอดโอยกับพื้น มือกุมข้อเท้าที่บวมปูด
“มีคนขึ้นบันไดมาสามคน”
“รับทราบ”
“เฮ้ย แกเป็นใคร”
ผัวะ!
“เล่นมันเลยพวกเรา ตายยย อ้ากกก อย่าทำ อย่าทำ มือช้านนน อ้ากก”
ผัวะ ผัวะ ผัวะ
ร่างสามร่างกองก่ายตรงบันได รอนหันกลับขึ้นไปชั้นสอง มีอีกสามคนวิ่งมาตามทางเดิน เขาใช้ไม้พลองจัดการแทงเข้าใส่ที่ไหปลาร้าอย่างแม่นยำทั้งสามคนจนทั้งหมดทรุดลงร้องไห้ขอชีวิต มือยกไม่ขึ้นจากความเจ็บปวดของกระดูกที่หัก
เด็กหนุ่มหันวิ่งไปชั้นสาม เปิดประตูห้องที่สองเข้าไป
“กรี๊ดดดดด”
“เฮ้ย แกเป็นใคร”
“แกเป็นใครกัน มาขัดจังหวะแบบนี้เอ็งโดนแน่ อั่คๆๆๆ”
ไม้พลองอัดร่างอันเปลือยเปล่าของชายสองคน มีดในมือหล่นลงพื้นก่อนที่ฟันจะร่วงกราวลงไป รอนกำลังจะตามไปซ้ำฉับพลันเขาก็เห็นเส้นสีแดงโผล่ขึ้นตรงมาที่กลางตัว
ปัง
ปืนไทยประดิษฐ์ในมือหญิงวัยรุ่นคนนั้นสั่นเทาจากความกลัว เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอหมุนตัวหลบลูกปืนได้ต่อหน้าต่อตา รอนไม่รอช้าฟาดไม้พลองเข้าใส่แขนเต็มๆ เสียงกร็อบดังขึ้นก่อนที่ร่างอันเปลือยเปล่าจะล้มลงกับพื้น ตาเหลือกขึ้นหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด
“เสียงอะไรน่ะรอน”
“เสียงปืน แต่ไม่เป็นไร เราหลบทัน”
สกิลสตรีศึกษาช่วยชีวิตเอาไว้แบบหวุดหวิด แต่ถึงรอนจะโดนยิงจริงๆเขาก็ไม่กลัว เพราะที่คอในตอนนี้เขาห้อยเครื่องรางรักษาชั้นสูงเอาไว้3ชิ้น ต่อให้เจอยิงหัวใจหรือหัว ถ้าคอไม่ขาดก็ยังรอดได้
เด็กหนุ่มก้าวออกจากห้อง แล้ววิ่งต่อไปตามทางเดิน
“เฮียเป๋งครับ เกิดเรื่องแล้วครับ”
“เรื่องอะไรวะ” ชายร่างท้วมเงยหน้าขึ้นถาม “ไม่เห็นรึไงว่ากำลังประชุมกันอยู่”
“มีคนบุกเข้ามาครับ พวกเราบาดเจ็บกัน30กว่าคนแล้วครับ”
“เฮ้ย ใครวะ ใครกันมาบุกถึงถิ่น มันมากันกี่คน” เป๋งลุกขึ้นยืน พวกของมันเจอจัดการไปถึง1ใน3แล้ว ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว”
“มัน มันมีคนเดียวครับ”
“เฮ้ย จะบ้ารึไง คนเดียวเนี่ยนะ”
“ครับเฮีย แต่มันใช้ไม้พลองยาวครับ พวกเราเข้าไม่ถึงก็เจอมันจัดการซะก่อน”
“ไม้พลองยาว!” ไอ้เป่าร้องขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลมีสีหน้าหวาดกลัว มันเพิ่งเจอถลุงด้วยเด็กหนุ่มกับไม้พลองมาหมาดๆ
รึว่าจะเป็นคนเดียวกัน วุธกับแมน ลูกน้องสองคนข้างกายก็กังวลแต่ยังพยายามเสนอความเห็นออกมา
“เฮียเป๋งครับ ถ้ามันใช้ไม้พลอง มันอาจจะได้เปรียบในที่กว้างๆ แต่ถ้าเป็นที่แคบจำกัดไม้พลองไม่มีทางสู้มีดดาบได้แน่ แล้วทางเดินก่อนมาที่ห้องนี้เป็นทางแคบๆพอเดินแค่สามคนเท่านั้น..” ไอ้วุธเสนอ
“เรียกพวกเรากลับมาให้หมด ให้ทุกคนมาอยู่ที่ทางเดินนี่” เฮียเป่าบอกแล้วเปิดลิ้นชัก หยิบปืนไทยประดิษฐ์ออกมาสองกระบอก “อ้อ แล้วเมย์เมียกูอยู่ไหน ข้าให้ปืนมันไว้กระบอกนึงเรียกมันมาช่วยกัน”
“เมย์ก็เจอทำร้ายแขนหักครับเฮีย ปืนเจอมันเก็บไปด้วยครับ”
“เฮ้ย เป็นไปได้ไง แล้วไอ้เพชร ไอ้ศักดิ์ มันมัวไปทำอะไรอยู่ ข้าให้มันคุ้มกันเมียข้าไม่ใช่เรอะ”
“พี่ศักดิ์พี่เพชรก็เจอมันเล่นงานครับ บาดเจ็บหนักกันทั้งสองคนเลย”
ลูกน้องที่มารายงานเหงื่อแตก กลัวลนลานว่าเฮียเป๋งจะออกไปดูเมียที่บาดเจ็บแล้วเห็นสภาพของทั้งสาม มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเฮียเป๋งเจอสวมเขาโดยคนสนิท
“ไม่ต้องสนใจแล้ว รวมทุกคนกลับมา กลับมาที่ทางเดินนี้ซะ”
เป๋งโมบายสั่ง บรรดาหัวหน้ากลุ่มย่อยที่อยู่ในห้องต่างโทรเรียกลูกน้องของตนให้กลับมา
“เฮ้ย ทำไมเหลือกันแค่นี้วะ” เป๋งโมบายร้องอย่างโมโห เพราะลูกน้องที่กลับมารวมกับคนที่อยู่ในห้องตอนนี้มีแค่40กว่าคน
“พวกเราเจอมันเล่นงานครับเฮีย มันเก่งมาก”
“ใช่ครับเฮียเป๋ง มันดักเล่นงานพวกเราทีละสองคนสามคน พอพวกเรามารวมกลุ่มมันก็หายไป พอแยกย้ายกันมันก็ออกไล่ ยังกับว่ามันรู้ตำแหน่งของเรายังไงยังงั้น”
“ช่างมันไม่ต้องสนใจแล้ว มารวมกันตรงนี้!”
รอนมองพวกนักเลงวัยรุ่นที่วิ่งหนีไปในทิศทางเดียวกันแล้วกำลังจะติดตาม หากแต่เสียงของแพทร้องห้ามไว้
“รอน พวกนั้นมันรู้ตัวแล้ว”
รอนหยุดยั้งรอตรงโถงทางแยก เลยประตูนี้ไปเบื้องหน้าเป็นทางเดินยาวกว่า30เมตร ในทางเดินมีพวกวัยรุ่นเมื่อครู่ยืนกันหนาแน่น30-40คน พวกนั้นแจกจ่ายอาวุธเปลี่ยนจากมีดสั้นหรือไม้เป็นมีดดาบหรือซามูไร
“แพท ข้างนอกยังมีพวกมันอีกไหม”
“เดี๋ยวก่อนนะ” แพทไล่มองดูพื้นที่ทั้งหมด “ไม่มีแล้วนะ ทั้งสามชั้นไม่มีศัตรูที่เคลื่อนไหวได้อีกแล้ว ทุกคนมารวมกันที่นี่ และด้านในสุดเป็นหัวหน้ากลุ่มของมัน”
รอนลังเลนิดๆ ดูเหมือนตอนนี้ศัตรูทั้งหมดรู้ตัวและมารวมกันในที่เดียว ถ้าเขาบุกเข้าไปตอนนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยงอยู่
“ไอ้หนุ่ม แกคือเด็กโรงเรียนนั้นสินะ ไอ้เด็กที่ทำร้ายพวกเราเมื่อวันก่อน” เป๋งโมบายร้องตะโกนออกมา “ตอนนี้แกทำอะไรพวกเราไม่ได้แล้ว แกแค่คนเดียว พวกเรายังเหลืออีกตั้งเยอะ”
“จำไว้ แกจะต้องเสียใจ ไอ้เด็กผู้หญิงโรงเรียนแก3คนที่มันพยายามจะแฉพวกข้า ข้าจะเอาตัวมันมา จะเอาไปขายทำให้เป็นเหมือนพวกขยะข้างล่างนั่น พวกมันจะต้องทุกข์ทรมาน และทั้งหมดก็เป็นเพราะแก เจ้าหนุ่ม เป็นเพราะแกที่เข้ามาแหย่จมูกเสืออย่างข้าเป๋งโมบาย”
จะเอาตัวมาขาย?
พวกขยะข้างล่าง?
รอนเอะใจ เขาถามแพททันที
“แพท เธอรับรู้ได้หรือเปล่าว่าที่นี่มีคนอื่นๆอีกไหม เอาที่ไม่ใช่ศัตรูก็ได้”
แม้จะไม่มั่นใจว่าเจ้าลางสังหรณ์ของแพทจะบอกอะไรได้ละเอียดมากขนาดไหน แต่รอนก็ถามออกไป
ขณะที่แพทนั้นไม่ได้ใช้ลางสังหรณ์ หากแต่ใช้ Battle Mapในการดู เธอมองไปที่อาคารแล้วปรับชั้นให้เป็นใต้ดิน
“5 .. 10 .. 15 .. 20 .. 25 .. 28 มีคนอยู่ข้างใต้28คน อยู่ใต้ห้องด้านในสุด สถานะ…”
แพทบอกพลางมองสีสถานะของคนเหล่านั้น มันเป็นสีที่เธอไม่เคยเห็น เด็กสาวไล่ดูคำอธิบายสีที่ด้านข้างก่อนจะบอกออกไป
“สถานะ … ทาส”
เด็กผู้หญิง เอาตัวมาขาย พวกขยะ ทาส…
มือของรอนสั่นขึ้นมา
ถ้าวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ น้องม.1ทั้ง3คนนั้น อาจจะตกเป็นเหยื่อการแก้แค้นของเจ้าพวกนี้
เขาเกือบจะเป็นเหตุให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะความไม่รู้ของเขาอีกแล้ว
รอนล้วงม้วนเวทออกมาจากกระเป๋ากางเกง ม้วนเวททั้ง5อันที่เขาไม่คิดว่าจะต้องใช้ เห็นทีต้องใช้ซะแล้ว
“<Heal>”
พลังอันอบอุ่นแผ่ซ่านไปตามร่างของเด็กหนุ่ม บาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ค่อยๆหายไป
แล้วรอนก็หยิบม้วนเวทเพิ่มพลังออกมา
“<Might>”
ความเร่าร้อนของพลังเวทไหลเข้ามาในร่างของเด็กหนุ่ม ความรุ่มร้อนแห่งกล้ามเนื้อปลุกให้รอนอยากจะกระโจนออกไปเบื้องหน้า
“เฮ้ย มันตรงมาแล้วเว้ย พวกเราเตรียมพร้อม”
“รอน มีพวกมันหลบตรงประตูสองคน”
“อื้อ!”
เด็กหนุ่มเดินตรงไปที่ทางเข้า เมื่อใกล้ถึงเขาโน้มตัวลงต่ำแล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
วืด วืด
มีดยาวสองเล่มจากซ้ายขวาฟันวืดแหวกอากาศ คนทั้งสองที่ดักอยู่ลืมตากว้างอย่างประหลาดใจก่อนจะแหกปากร้องออกมา
กร็อบๆ กร็อบๆ
“โอ้ววววววววว”
“อร๊ายยยยยยย”
รอนลุกขึ้นยืนตรง เวทMight ทำให้แรงฟาดของเขาแรงขึ้นกว่าเดิมอีก3เท่า
เพียงพอที่จะหักขาทั้งสี่ของคนทั้งสองโดยไม่ยากเย็น!
แล้วคนกว่า40วิ่งกรูกันเข้ามาในช่องทางแคบๆ ในช่องทางขนาด1.5เมตร สูง2.5เมตรนี้ เป็นภาพที่น่าตื่นตา
“พวกเรา ฆ่ามัน! มันใช้ไม้ยาว ที่แคบแบบนี้มันสู้ดาบไม่ได้”
“เฮฮฮฮ”
รอนไม่ตื่นตระหนก เปลี่ยนท่าจับไม้พลองเล็กน้อยแล้วค่อยเดินตรงไปช้าๆอย่างมั่นคง
“ตายยยยยย อ้ากกกก”
“โอ๊ยยยย”
“อุ้บ บันปั้น บันปั้น (ฟันชั้น ฟันชั้น)”
เสียงร้องโหยหวนของบรรดานักเลงวัยรุ่นด้านหน้าดังลั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับคนที่ล้มลงกุมกระดูกที่แตกหัก
แต่ละคนเริ่มไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ในที่แคบหอกต้องแพ้ดาบสิ!
“เฮ้ยเหวี่ยงดาบไปไหน อย่าขวางทางข้า ระวังหน่อย อั่ค!”
“หลบไปข้าฟันมันไม่ได้ อ้ากกก”
“ไอ้วุธ ไอ้บ้า ไหนแกว่าที่แคบดาบได้เปรียบไง” แมนตะโกนใส่เพื่อน “ดาบยาวไม่ถึง ใครจะเข้าถึงตัวมันได้วะไอ้บ้าาาา”
“พวกเราเข้าไปพร้อมกันเลย”
รอนแทงพลองเข้าใส่หน้าของวุธที่พุ่งมา แมนพุ่งเข้ามาจากอีกด้านด้วยความเร็ว แต่เร็วไม่เท่ารอนที่ดึงพลองกลับ หมุนอีกด้านแล้วกระแทกกลับเข้าไปที่กลางอกไอ้แมน
ไม่รู้ว่าความเข้าใจผิดเรื่องนี้มันมีมาแต่เมื่อไร แต่ถ้าเป็นหอกกับดาบในทางเดินที่จำกัดแต่ไม่ถึงกับเบียดแคบ ความยาวของหอกที่มากกว่าดาบจะทำให้หอกได้เปรียบดาบชนิดกู่ไม่กลับ
สำหรับไม้พลองอาจจะไม่ได้เปรียบขนาดนั้นเพราะฆ่าคนไม่ได้ในไม้เดียว แต่ถ้าแค่ให้บาดเจ็บล่ะก็ไม่ยากเลย
“เฮ้ย มึงถอยมาทำไม ไปสู้มันสิวะ” เป๋งร้องเมื่อเห็นลูกน้องที่เหลือ7คนถอยเข้ามาในห้อง
“ไม่ไหวล่ะเฮีย เฮียมีปืนนี่ ยิงมันเลยสิ”
“แล้วเอ็งจะบอกมันทำไมว่าข้ามีปืน” เป๋งด่าก่อนจะหยิบปืนไทยประดิษฐ์ทั้งสองกระบอกขึ้นมาจากโต๊ะ
รอนทิ้งพลองอย่างไม่ลังเล คว้าร่างหนึ่งที่พื้นขึ้นมายกกันไว้ข้างหน้า
“เฮียเป๋ง เฮีย อย่ายิง อย่ายิงผม” เป่าร้องบอกลูกพี่ของตน แต่ไม่ทันซะแล้ว
ปัง! เลือดพุ่งออกจากหน้าอกขวาของไอ้เป่า มันดิ้นรนอย่างเจ็บปวดจนขากวัดแกว่งไปมา เฮียเป๋งวาดปากกระบอกปืนลงไปที่ขาที่แกว่งไปมาของเป่า ขาที่เมื่อแกว่งแล้วเปิดช่องให้เห็นขาของรอนที่อยู่ด้านหลัง
ปัง!
รอนสะดุ้ง เจ็บแปลบที่ต้นขา รู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลซึมออกมา