Midterm Fantasy - ตอนที่ 91
รอนเจ็บแปลบที่ต้นขาซ้าย เลือดอุ่นๆไหลชุ่มลงมาบนกางเกงขายาว รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่แย่ลง
ต่างจากตอนที่เจอผู้หญิงยิง สกิล[สตรีศึกษา]ค่าประสบการณ์เต็ม MAX ทำให้สามารถมองเส้นทางการยิงได้ล่วงหน้า แต่พอเป็นเป๋งโมบายที่เป็นผู้ชายยิงเขาเลยคาดเดาเส้นทางไม่ถูก
[-5.0]
[Bleeding -0.1]
ดูเหมือนเลือดจะไหลต่อไม่มาก โชคดีที่ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ รอนทิ้งร่างของไอ้เป่าที่เขายกแทนโล่กำบังเอาไว้ลงไปที่พื้น เสียงโอดโอยดังขึ้นอีกรอบเนื่องจากมันตกลงไปบนไม้พลองที่เขาทิ้งเอาไว้พอดี
“พวกเรา จัดการ” เป๋งสั่งลูกน้องที่เหลือ “ไอ้เป่า กอดไม้มันไว้ อย่าให้มันหยิบไม้ได้”
นักเลงที่เหลือ7คนชูมีดดาบในมือขึ้น พุ่งเข้าหารอนที่ยืนกระเพลกอยู่ เด็กหนุ่มก้มลงหยิบมีดดาบที่พื้นขึ้น
“ตาย!” นักเลงคนที่นำหน้าสุดเงื้อมีดในมือแทงตรงไป มันมั่นใจว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเก่งแต่ใช้พลอง ดาบที่เก็บขึ้นมาใหม่ๆต้องใช้ไม่ถนัดแน่ๆ
เคร้ง ฉับ!
“อ้ากกกกก นิ้วกู!”
“ย้ากกก”
“ย้ากกก”
แป๊ง! ฉับ แป๊ง! ฉับ แป๊ง!ฉับ
เป๋งโมบายมองไปอย่างไม่เชื่อสายตา เด็กหนุ่มตรงหน้าใช้ใบมีดหนาปัดใบมีดที่พุ่งเข้าใส่ก่อนจะรูดฟันลงไปที่มือที่ถือมีดอยู่ของลูกน้องของมันสามคน
ปัดใบมีดทีละคน!แล้วตัดนิ้ว แล้วหันไปปัดอีกเล่ม ตัดนิ้ว แล้วหันไปปัดอีกเล่ม ตัดนิ้ว!!!
ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง3วินาที
ตัวจริง!
นี่มันตัวจริง!
“เฮียเป๋ง ระวัง มันใช้มีดเก่งกว่าพลอง” เป่าร้องขึ้นมาจากพื้น จำได้ดีถึงครั้งที่แล้วที่เผชิญหน้ากัน แม้ไม่เห็นหน้าชัดๆแต่มันมั่นใจว่าต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ
“ไอ้บ้า แล้วทำไมไม่บอกกันก่อน”
คนที่เหลืออีก3คนไม่กล้าผลีผลามเข้าไปแล้ว มันยืนเงอะงะรอพี่ใหญ่ของมันอยู่ ขณะที่รอนเดินถอยหลังไปตั้งหลังสองก้าวให้พ้นจากคนที่นอนร้องไห้นิ้วขาดอยู่ที่พื้น
Level ของการใช้อาวุธมีคมของเขามากกว่าการใช้หอกและพลองอยู่10กว่าLevel แม้จะไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับนักดาบที่โลกโน้น แต่สำหรับโลกนี้และนักเลงเหล่านี้ มันต่างกันแบบฟ้ากับดิน
“พวกเรา จัดการ ย้ากกกกกกกกกกกกกก” เฮียเป๋งร้องสั่ง พร้อมกันนั้นมือทั้งสองยกโต๊ะทำงานขึ้นชู แล้วขว้างเข้าใส่รอน ลูกน้องทั้งสามคนของมันเตรียมวิ่งตามเข้าไปซ้ำทันที
ทั้งสามคนวิ่งตามเข้าไป โต๊ะชนเข้ากับรอนแล้ว แต่ไม่ได้ล้มลงทับเด็กหนุ่มลงกับพื้นหากแต่หยุดลอยในอากาศ แล้วก็พุ่งกลับเข้าหาทั้งสาม
“อ้ากกกกก”
คนที่อยู่ข้างร่างร้องโหยหวนประสานเสียงกัน
“ฮึบ”
ตูม
“อ้ากกกกก”
“ฮึบ”
ตูม
“อ้ากก”
“ฮึบ”
ตูม!
…
รอนหยิบโต๊ะเหวี่ยงไปกระแทกที่ข้างผนังห้องแล้วเดินก้าวข้ามร่างโชกเลือดทั้งสามร่างตรงไปหาเป๋ง
“ยะ ยะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าเข้ามา” เป๋งร้องเสียงสั่น “ไม่งั้นข้าไม่ละเว้นเด็กโรงเรียนแกคนนั้นแน่”
รอนเดินย่างสามขุมเข้าไปโดยไม่สนใจคำขู่
“หยุดนะ ไม่งั้นข้าจะถ่ายรูปบัตรประชาชนของเด็กคนนั้นส่งไปให้เฮียโต้ง แกรู้จักใช่ไหมโต้งมิวสิค เฮียไม่มีทางปล่อยแกแน่”
มันหยิบบัตรประชาชนของน้องม.1คนนั้นขึ้นมา พยายามเปิดมือถือเพื่อจะกดถ่ายรูป
ฉับ!
“อี๊ดดดดดดดดด” เป๋งโมบายร้องเสียงหลงเหมือนหมูถูกเชือด มือที่ถือมือถือหล่นลงไปที่พื้น หมัดของรอนตุ๊ยเข้าที่ท้องอย่างจังจนมันล้มลงนอนตัวงอ
“แกจะถ่ายรูปส่งไปไหนมันก็เรื่องของแก ข้าไม่สน” เด็กหนุ่มบอก “เปิดห้องใต้ดินเดี๋ยวนี้ เอาตัวคนทั้ง28คนนั้นขึ้นมา”
เป๋งโมบาย ลืมตากว้างอย่างประหลาดใจ เจ้าหนุ่มหน้ากากดำคนนี้ไม่ได้มาเรื่องโรงเรียน! มันมาเรื่องคนในห้องใต้ดิน!
มันรู้เรื่องห้องใต้ดินได้ยังไง แล้วทำไมมันรู้ขนาดว่าตอนนี้ในห้องใต้ดินมีคนถูกขังอยู่กี่คน เพิ่งมีการเอาคนมาส่งและขังเพิ่มเมื่อวานนี้ แบบนี้แปลว่ามันติดตามความเคลื่อนไหวของแก๊งค์อยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นมันต้องไม่รู้ละเอียดถึงจำนวนคนที่ถูกขังแน่
รอนลอบยิ้มในใจ คำพูดของเป๋งโมบายที่ขู่ว่าจะถ่ายภาพส่งไป บอกให้เขารู้ว่ายังไม่มีการส่งภาพบัตรประชาชนน้องคนนั้นออกนอกแก๊งค์ ถ้าเขาเก็บบัตรประชาชนของน้องกลับไป แล้วหาทางทำให้มันเชื่อว่าเขามาเรื่องอื่น มันจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายแน่ๆ
“ห้องใต้ดินที่ไหน ข้าไม่รู้”
ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ
รอนซ้อมทั้งเตะต่อยร่างท้วมๆนั้นอีกสิบกว่าตุ้บ เขาหักนิ้วของมือข้างที่เหลือไปอีกสองนิ้ว จนเป๋งร้องโอดโอย
“รู้ไหมว่าแกกำลังยุ่งกับใคร ข้างล่างนั่นคือสินค้าของเฮียโต้ง โต้งมิวสิคแห่งแก๊งค์เมษา” เป๋งบอก “แกอยากอายุสั้นหรือไง”
กร๊อบบบบบบ!
“อ้ากกกก”
ขาสองข้างของเป๋งหักลง
“ถ้าข้ากลัว ข้าจะบุกมาที่นี่ทำไม” รอนจับคอของเป๋งชูหันไปที่ทางเดิน ลูกน้องของมันนอนเกลื่อนกันเป็นทางยาวตลอดทางเดินนั้น
จริงสินะ
ถ้ามันกลัวมันคงไม่บุกมาถึงนี่
เป๋งชี้ไปที่พื้น
“ใต้พรม มีประตูอยู่”
รอนคว้าพรมออก ประตูไม้บานใหญ่ติดตั้งไว้ที่พื้นตรงตำแหน่งใต้โต๊ะทำงาน
“กุญแจอยู่ที่….”
“ย้ากกก”
ตูม!
ประตูไม้ที่ล๊อคไว้ไม่ต้องการกุญแจอีกต่อไป เพราะมันแตกกระจายออกเผยให้เห็นบันไดที่ทอดลงไปเบื้องล่าง
“แก แก แก แล้วก็แก ลงไปข้างล่าง เอาตัวคนทั้งหมดขึ้นมา”
รอนบอกนักเลงวัยรุ่นที่แถบพลังชีวิตยังเขียวอยู่ให้ลงไปข้างล่าง
“เฮีย ไหว้ล่ะ ผมไม่รู้จริงๆว่าเฮียเป๋งค้ามนุษย์ อย่าทำอะไรผมเลย”
“ใช่ๆ เราไม่รู้เรื่อง”
รอนไม่ตอบอะไรหากแต่โบกมือไล่ ขณะที่เป๋งถลึงตาใส่ลูกน้องที่แปรพักตร์ เด็กหนุ่มทิ้งร่างเป๋งโมบายลงกับพื้น หยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมากดๆดู ก่อนจะไล่เก็บโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของนักเลงเหล่านั้นทีละคนพร้อมทั้งเอกสารที่คิดว่าสำคัญ ระหว่างเก็บก็เก็บติดบัตรประชาชนและกระเป๋าเงินของน้องม.1คนนั้นติดไปด้วยแบบเนียนๆ
“รอน ที่ห้องใต้ดินมีของอะไรบางอย่าง อยู่ตรงห้องแรกขวามือ อยู่ด้านในสุดของห้อง” เสียงของแพทดังผ่านหูฟังที่ใส่ไว้ในรูหู
“ห้องแรกขวามือเหรอ ได้ เดี๋ยวเราถามมันดู” รอนหันไปถามเป๋ง “ห้องแรกขวามือข้างล่างมีของอยู่ ให้เอาขึ้นมาด้วย”
“ห้องแรกขวามือ ไม่มีอะไรนี่” เป๋งลืมตาโตแบบงงๆ
“โทษทีรอน ห้องแรกซ้ายมือไม่ใช่ขวามือ เปิดประตูไปแล้วอยู่ด้านซ้าย” แพทบอกแก้
“อ้อ ไม่ใช่ ห้องแรกซ้ายมือ เปิดประตูไปแล้วอยู่ด้านซ้าย มีอะไรอยู่เอาขึ้นมา!”
เป๋งเหงื่อแตกพลั่ก ไอ้หนุ่มหน้ากากดำนี่มันรู้ได้ยังไง แล้วมันคุยกับใครอยู่ เป๋งจ้องรอนอย่างสงสัยจนเสียงเตือนดังขึ้น
{คุณรับรู้ได้ว่าถูกเฝ้ามองอยู่}
“เฮ้ย ข้าบอกแล้วไง มีอะไรอยู่ตรงนั้น เอาขึ้นมาอย่าชักช้า หาไม่ผลที่ตามมาจะหนักเกินคาดเดา!”
พี่ใหญ่เป๋งถอนหายใจ มันบอกลูกน้องให้หยิบกุญแจจากลิ้นชักลงไปข้างล่าง ก่อนที่จะกลับขึ้นมาพร้อมกับหีบใบหนึ่งที่ล่ามโซ่เอาไว้ มันเปิดออกมา ภายในมีทองคำแท่งขนาด20กิโล1แท่ง เงินสดใหม่เอี่ยมอีกปึกใหญ่ไม่ต่ำกว่า1ล้าน และข้างใต้มีสมุดบัญชีและสมุดโทรศัพท์ที่อยู่
รอนพลิกสมุดบัญชีแล้วใช้มือถือของเป๋งถ่ายรูปสิ่งที่อยู่ในสมุดทั้งหมด ทั้งชื่อ ที่อยู่ และตัวเลขการเงิน
เมื่อถ่ายเสร็จแล้วเขาก็สั่งให้มันปิดหีบ ล็อคกุญแจ และท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน เขาเอาโซ่ล่ามหีบนั้นพันไว้กับขาของเป๋งโมบาย ล็อคกุญแจแล้วหักกุญแจทิ้ง
“กะ แก ไม่เอาเงินทองเรอะ”
“ข้าไม่ได้มาปล้น ข้ามาช่วยคน”
รอนพูดก่อนจะลุกเดินไปที่ทางเดิน ถ้าใครเห็นสีหน้าของเขาภายใต้หน้ากากคงก็จะเห็นว่าเป็นใบหน้าโคตรปวดร้าวเสียดาย เงินสดใหม่เอี่ยมเรียงเบอร์แบบนั้นถ้าอีกฝ่ายจดเบอร์ไว้แล้วเขาเอาไปใช้ต้องเจอจับได้แน่ๆ ส่วนทองหนัก20กิโลนั่น ตอนที่หยิบขึ้นมาสเตตัสมันขึ้นว่าความบริสุทธิ์มัน [ทองคำ 20กิโล ความบริสุทธิ์90%] ถ้าเอาไปนอกจากจะหนักแล้วเวลาขายก็ยาก มันอาจจะตามรอยได้อีก
รอนมองดูผู้หญิงที่ถูกพาตัวขึ้นมา หญิงสาวต่างชาติหน้าตาเอเชียตะวันออกหลายคนเสื้อผ้าเนื้อตัวมีแต่รอยขาดรอยช้ำ ขึ้นมานั่งรวมกันที่มุมห้อง สายตาของทุกคนดูหวาดๆแต่มีความหวังเมื่อเห็นนักเลงที่จับพวกตนมาถูกเล่นงานจนหมอบ
“คุณเป็นใคร” หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้น
“ผมมาช่วยพวกคุณ”
“คุณเป็นใคร” หญิงสาวอีกคนถาม
“ผมมาช่วยพวกคุณ” รอนตอบซ้ำ “ไม่ต้องกลัว”
พวกนักเลงมองอย่างงงงวย หญิงสาวเหล่านั้นเป็นคนต่างชาติหลายๆชาติมารวมกัน เมื่อครู่มีสองคนถามออกมาคนละภาษา และรอนก็ตอบได้ทั้งสองภาษาด้วยความสามารถของศิลานักปราชญ์ในตัว
{คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง}
สัญญาณเตือนดังขึ้นอีกครั้ง รอนครุ่นคิดในหัวว่าจะหันเหความสนใจไอ้เป๋งยังไงดี
จริงสิ
เด็กหนุ่มเปิดมือถือของนักเลงคนนึง เปิดอินเตอร์เนทหาเพจและเบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานข่าวและชื่อหัวหน้าทีมข่าวที่ทำข่าวจนโรงเรียนเขาถูกเป๋งเข้าใจผิด
เขาใช้โทรศัพท์เครื่องนั้นถ่ายภาพรอบๆ ถ่ายหน้าเป๋งที่ยับเยิน แล้วส่งภาพเข้าไปในเพจซึ่งแอดมินอ่านข้อความแทบจะทันที จากนั้นเขาก็โทรเข้าไปที่สำนักงานข่าว
“ขอสายธนัท”
“นั่นใคร”
“ได้รับรูปแล้วใช่ไหม รูปในกล่องข้อความเพจ”
“คุณเป็นใครถ้าไม่บอกผมวางสายนะ”
“นั่นธนัทใช่ไหม ขอบใจมากสำหรับข้อมูล ตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว”
“ตู้ดๆๆๆๆๆ” โทรศัพท์ฝั่งตรงข้ามถูกวางสายทิ้งไป
“เออ ข้อมูลตรงทุกอย่าง ตามตำรวจให้ด้วย ส่งคนมาก่อนเลยจะได้ข่าวแบบexclusiveช่องเดียว”รอนพูดต่อแม้สายจะตัดไปแล้ว
{คุณรับรู้ได้ว่ากำลังถูกเฝ้ามอง}
“เออ ขอบใจ แค่นี้แหละ”
เด็กหนุ่มโยนมือถือลงพื้นแล้วกระทืบ มือถือแตกออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับเสียงเจ้าของเครื่องที่ร้องอย่างเสียดาย รอนหันกลับไปทางเป๋งโมบายที่ละสายตากลับไปทันทีเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไร
‘ธนัทไหนวะ’
เป๋งคิดในใจ มันคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่าใคร
รอนรอจนช่วยคนขึ้นมาหมดแล้ว เขาพูดโทรศัพท์กลับไปที่แพท
“กำลังจะถอนตัว ช่วยเป้าหมายครบหมดแล้ว”
“อื้อ ถอยได้เลย ตอนนี้พวกที่บาดเจ็บข้างนอกหนีกันไปบ้างแล้ว ทางสะดวก”
รอนหยิบมีดดาบส่งให้บรรดาหญิงสาวตรงนั้น พูดอะไรไปบางอย่าง แล้วหญิงสาวแต่ละคนก็หันไปจ้องมองเหล่านักเลงที่ถอยไปนั่งติดมุมห้องข้างกายพี่ใหญ่เป๋ง พวกผู้หญิงแต่ละคนตาแววเป็นประกายและมีท่าทางมีกำลังใจทันทีที่รอนพูดจบ
“แกบอกพวกนี้ว่าอะไร” เป๋งถามอย่างหวั่นๆ
“ข้าบอกไปว่าอีกเดี๋ยวนักข่าวกับตำรวจกำลังจะมา ให้เฝ้าพวกแกไว้อย่าให้หนีไปได้ หลักฐานอยู่ในหีบที่ล่ามโซ่เอาไว้” รอนบอก “ไม่ต้องทำร้ายอะไรพวกแก เพราะตำรวจจะได้ช่วยเหลือได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าหากขัดขืนก็ฆ่าทิ้งได้เลย แล้วบอกตำรวจไปว่าข้าเป็นคนลงมือ”
นักเลงที่เหลือขนลุกเกรียว รอนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างมั่นใจว่าไม่เหลือหลักฐานอะไรสาวถึงตนเอง มือถือมีกล้องถูกเก็บหมดแล้ว ในห้องนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด
เด็กหนุ่มเดินกระเพลกออกจากห้องไปโดยไม่ทันสังเกตว่าที่หลังห้อง มีเลนส์เล็กๆฝังอยู่และจับภาพทั้งหมดเอาไว้ได้
รอนลุกเดินออกไปตามทางเดินพร้อมกับโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของพวกนักเลงนั้น ก่อนจะออกจากหมู่ตึกร้านของเจ้าเป๋ง เขาเปิดเข้าไปในห้องนึงที่มีโทรศัพท์ตั้งอยู่บนแผงเป็นร้อยๆเครื่อง เขาเลือกหยิบโทรศัพท์ออกมา10เครื่อง ปิดเครื่องถอดแบตก่อนจะล้มแผงที่เหลือลงไป จากนั้นก็ออกจากห้องแล้วข้ามถนนไปหาแพท และตอนนั้นเองบนถนนที่เงียบสงัดยามตีหนึ่งครึ่งนั้นมีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งเข้ามา
“บอกอ แน่ใจนะครับว่าจะเข้าไป”
“เฮ้ย ข่าวใหญ่ขนาดนี้ต้องทำเว้ย ถ้าช่องเราได้ข่าวเป็นช่องแรกกับข่าวระดับประเทศแบบนี้เสี่ยงแค่ไหนก็ต้องยอม”
สองคนลงจากรถและหยิบอุปกรณ์ถ่ายภาพลงจากกระบะหลัง โดยไม่สังเกตว่ามีร่างที่ใส่หมวกและหน้ากากดำเอาของบางอย่างหย่อนลงในกระบะท้ายรถ และรีบเร้นกายกลับ
ธนัทเดินแกมวิ่งไปที่ร้านมือถือของเป๋งโมบายด้วยใจเต้นระรัว เมื่อครู่มีโทรศัพท์แปลกๆเข้ามาที่สำนักงาน และพร้อมกันนั้นก็มีภาพส่งเข้ามาในเพจ
ตอนที่ลูกน้องมาตามไปดูภาพ เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือห้องทำงานของนักเลงที่คุมพื้นที่นี้อยู่ เป๋งโมบาย! เขาจำได้แม่น เพราะก่อนหน้านี้มันเคยขู่เรียกค่าคุ้มครองแต่เขาไม่ยอมจ่ายให้มัน!
ธนัทและช่างกล้องเข้าไปถึง ตามทางเดินเต็มไปด้วยกลุ่มนักเลงที่บาดเจ็บนอนโอดโอย พอเข้าไปข้างในภายในมีหญิงสาวต่างชาติที่มือถูกล่ามโซ่ไว้นั่งขวางทางเข้าห้อง และในห้องก็คือกลุ่มนักเลงที่บาดเจ็บ เลือดสาดกระเซ็นเต็มไปทั่ว
“เอาไงดีพี่ธนัท ถ่ายดีไหม” ช่างภาพลังเล ถ้าเป็นผู้เสียหายคนธรรมดาทั่วไปเขาจะไม่ลังเลเลย แต่นี่คือแก๊งค์ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ธนัทลังเลนิดนึง เงี่ยหูฟังเสียงหวอตำรวจที่ดังใกล้เข้ามาแล้วตัดสินใจโทรศัพท์ไปสถานีตำรวจ
“อ้อ จ่าเองเหรอ ผมธนัทเอง ตอนนี้ผมมาทำข่าวที่ร้านยุทธจักรมือถือ …อ้อ ตำรวจกำลังมาแล้วเหรอ ได้ ได้ ขอบคุณนะจ่า” ธนัทวางสาย
“ตำรวจรู้เรื่องแล้ว มีคนแจ้งไปเรียบร้อย”
“ถ้ายังงั้น…”
“ทำข่าวโลด สกู๊ปเด็ดแน่มึง”
บอกอธนัทยิ้มร่า คว้ากล้องไปกดถ่ายรูปทุกมุมทุกใบหน้า โทษค้ามนุษย์นั้นหนักหนา ยังไงไอ้เป๋งก็ต้องติดคุกอีกนานแน่ๆ
ส่วนเรื่องกลัวเจอล้างแค้น ไม่อยู่ในหัวของธนัท เพราะยังไงเดี๋ยวนักข่าวก็ต้องมากันเพียบ เจ้าเป๋งมันจำไม่ได้หรอกว่าใครเป็นใคร
ขณะที่เป๋งอ้าปากค้าง มันได้ยินช่างกล้องเรียกอีกคนชัดเจนว่า “ธนัท” ชื่อนี้ที่เจ้าหน้ากากดำนั่นคุยสายด้วย แถมนักข่าวสองคนนี้ยังมาถึงก่อนตำรวจซะอีก
ไม่ผิดแน่ ไอ้นี่ต้องเป็นสายให้หน้ากากดำแน่ๆ
รอนถอดถุงมือ เก็บของทั้งหลายใส่ถุงและถอดหน้ากากและหมวกออก ยิ้มให้กับแพทที่ยืนมองอยู่อย่างเป็นห่วง
“<Heal><Heal>”
แพทร่ายเวทรักษาให้กับรอน แผลที่ขาของเด็กหนุ่มหายสนิทไม่เหลือร่องรอย รอนขยับขาดูอย่างพึงพอใจ
“สะใจจริงๆ เธอต้องเห็นหน้าเจ้าพวกนั้นตอนที่มันเจอเล่นงาน หน้าตามันงี้ลนลานตื่นกลัวไปหมด”
แพทขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนชาย
“รอน เธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า”
“เปล่านี่”
“เราว่าเธอดูแปลกๆไปนะ” เด็กสาวยืนยันแข็งขันจนรอนฉุนโมโหขึ้นมา
“เธอเป็นบ้าอะไรแพท เราบอกว่าปกติก็ปกติสิ”
รอนตะคอกใส่เพื่อนสาวจนเธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกฉุนเฉียวไม่สบอารมณ์แล้วก็นึกขึ้นได้
ไม่ปกติ ไม่ปกติจริงๆ
“สเตตัส”
หน้าจอระบบผุดขึ้นมา ที่มุมจอมีแถบสีแดงขึ้นคำว่า RAGE 104/100
103 102 101
ตัวเลขลดลงเรื่อยๆ
100/100
99/100
ฉับพลันที่ตัวเลขลงต่ำกว่า100 แถบสีแดงและคำว่าRAGEก็หายไป ภาพการต่อสู้เมื่อครู่กลับเข้ามา รอนมองดูเลือดที่เปื้อนตามตัว เศษเนื้อ เล็บ กระดูกของอีกฝ่ายที่ติดตัว นึกภาพนิ้วของคนที่เขาหั่นตัดเมื่อครู่ นึกถึงความรู้สึกโกรธที่เกิดขึ้นกับแพทตอนที่ถูกเถียง นึกภาพวินาทีที่ถูกยิง
“รอน รอน เป็นอะไรไป รอน”
เด็กหนุ่มหนาวยะเยือกไปทั้งตัว ความกลัวที่ถูกกดไว้พุ่งกลับขึ้นมาดุจทำนบแตก เขาทรุดลงไปนั่งกับพื้นตัวสั่น แพทวิ่งตรงเข้าไปเกาะแขนไว้
“รอน เป็นอะไรไป รอน”