Midterm Fantasy - ตอนที่ 93
เช้าวันนี้ธนัทกำลังอิ่มเอมไปด้วยความรู้สึกดี ข่าวใหญ่ที่ออกไปในวันนี้ทำให้ช่องที่เขาทำงานอยู่ได้รับความสนใจมาก ข่าวการทลายแหล่งค้ามนุษย์แห่งใหญ่ใจกลางกรุงที่มีข่าวระดับอินไซด์แถมยังมีภาพข่าวที่ไม่มีช่องใดมีทำให้เพจของช่องได้รับความสนใจคนกดไลก์กดแชร์เพียบ
แถมภาพที่ได้มาจากมือถือของพวกนักเลงนั่นก็สามารถขายได้ ช่องอื่นๆก็ทยอยกันเอาไปลงข่าวกัน ถ้ามองจากภายนอกเข้ามา ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรู้ว่าช่องของเขาคือต้นฉบับรูปภาพ ต่อให้พวกนักเลงสงสัยก็ได้แค่สงสัย ไม่มีทางจับได้ว่าภาพมาจากไหน โอกาสจะตามมาแก้แค้นเอาเรื่องย่อมไม่มี
เรียกว่าได้ทั้งเบี่ยงเบนความสนใจ ได้ทั้งเงิน
“สวัสดีค่ะ คือพวกเราจะมาหาคุณธนัทค่ะ”
หญิงสาววัยยี่สิบกว่าๆสามคนยืนอยู่ที่หน้าทางเข้า ยามรักษาความปลอดภัยยืนมองยิ้มๆ ตั้งแต่เช้ามามีนักศึกษาหลายคนมาติดต่อขอฝึกงาน มากันเยอะจนกระทั่งยามไม่ได้สนใจขอแลกบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ซึ่งก็รวมไปถึงหญิงสาวใสๆทั้งสามคนนี้ด้วย
“เข้ามาก่อนเข้ามาก่อน”
“เชิญครับน้องๆ”
นักข่าวชายในสำนักงานร้องเรียก และเลื่อนเก้าอี้ให้แม้จะไม่เห็นใบหน้าชัดๆเพราะใส่แว่นกันแดดแต่รูปร่างและโครงหน้าก็บอกให้รู้ว่าทั้งสามคนจัดได้ว่าหน้าตาต้องสะสวยคมคายแน่ๆ
“น้องๆมาสมัครฝึกงานใช่ไหม พี่ชื่อบอยนะครับทำหน้าที่พิสูจน์อักษร”
“นี่ใบสมัครครับ น้องๆชื่ออะไรบ้าง”
“ชื่อแจนค่ะ”
“เจนค่ะ”
“เจนัสค่ะ”
ทั้งสามตอบ
“แหม ชื่อคล้ายกันเลยนะ” อีกคนนึงบอก “ว่าแต่มาจากไหนกันล่ะ มาหาพี่ธนัทเค้าเหรอ”
ธนัทเดินออกจากห้องหัวหน้าเดินตรงมาพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเด็กๆมาขอฝึกงานกัน
แต่แล้วยามรักษาความปลอดภัยก็เปิดประตูเข้ามา
“แย่แล้วครับ พวกนักเลงมากันเต็มไปหมดเลยครับ”
รถตู้สามคันจอดที่ลานจอดรถ แต่ละคันมีนักเลงลงมากันกว่า10คน เดินตรงมาที่ทางเข้าสำนักงาน
“พวกเราเข้ามาก่อน ปิดประตูๆ” ธนัทร้องอย่างตระหนก สาวๆ3คนนั้นขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
“น้อง อย่าออกไป”
“หลบข้างในก่อน”
แต่ไม่ทันแล้ว เจนัสปลดล็อคและเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับนักเลงที่กำลังตรงเข้ามา
“รอข้างนอกก่อน”
“ครับ”
หญิงสาวเดินกลับเข้ามา
“กับคำถามเมื่อครู่ว่าพวกเรามาจากไหน”
“พวกเราเป็นคนของสมาคมซื่อเย่ว์ สังกัดโต้งมิวสิคค่ะ”
ธนัทถอยกรูดไป หน้าซีดเผือด ส่วนยามทำท่าจะหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นแต่ถูกแจนจับบิดข้อมือจนวิทยุร่วงลงพื้น
“เจน เข้าไปจัดการวงจรปิด แจนดูเอาไว้ว่าใครพยายามใช้มือถือ จัดการได้เลย” เจนัสเปิดกระเป๋าถือ หยิบวัตถุโลหะสีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะ หันลำกล้องไปทางธนัทที่ตอนนี้ยืนชิดกับกำแพง
“เอาล่ะคุณธนัท คนที่ถล่มร้านของเป๋ง-โมบายคือใคร”
“ผมไม่รู้”
“งั้นคุณจะอธิบายยังไงเรื่องที่ช่องของคุณไปถึงที่เกิดเหตุก่อนใคร แถมได้รูปถ่ายก่อนเกิดเหตุมาทำข่าวตั้งเยอะแยะ”
“รูปพวกนั้นมีใครก็ไม่รู้ส่งมาให้ ตามหลักของการทำข่าวเราจะรักษาความเป็นส่วนตัว พอได้รับรูปเราก็จะลบเมล์และข้อความที่ได้ทิ้งไปเลยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต”
เจนัสลุกจากโต๊ะไปหาธนัท
เผียะ!
ฝ่ามือกระแทกเข้าที่แก้มอย่างจัง
“โกหก รูปพวกนั้นได้จากโทรศัพท์มือถือของคนของเราที่ถ่ายเล่นเอาไว้ และโทรศัพท์พวกนั้นถูกคนที่ถล่มร้านของเป๋งโมบายหยิบเอาไป”
“ผมไม่รู้ รูปถูกส่งมาจริงๆ” ธนัทยืนกรานกระต่ายขาเดียว
“เอากุญแจรถแกมา”
“???”
“เมื่อเช้านี้คนที่สมาคมของเราเช็คความเคลื่อนไหวของโทรศัพท์ที่ถูกขโมย เจอว่ามีการเคลื่อนไหวไปตามถนน ออกจากที่นี่ไปวนในเมืองรอบนึงแล้วกลับมาจอดที่นี่ใหม่ ตามรายทางมีการทิ้งโทรศัพท์ของคนของเราลงถังขยะไป แกคงคิดไม่ถึงสินะว่าจะมีโทรศัพท์มือถือตกหล่นที่ใต้ล้อสำรองหลังกระบะรถแกสองเครื่อง” เจนัสหยิบไอโฟนเปื้อนเลือดขึ้นมาให้ดู
“ถ้าแกยืนยันว่าไม่ได้ทำ ก็ขอดูกล้องหน้ารถว่ามีการวิ่งเส้นทางนั้นเมื่อเช้านี้จริงไหม เอากุญแจมา!”
ธนัทหน้าซีดเผือด … แล้วประตูห้องด้านหลังก็เปิดออก
“เจ๊เจนัส เจนเจอนี่” หญิงสาวยกถุงพลาสติกขึ้นมา ภายในมีเมมโมรี่การ์ด10กว่าอันใส่อยู่ “ทุกอันถูกลบข้อมูล แต่บางอันมีเลือดติดอยู่ บางอันกู้ข้อมูลได้ไฟล์เป็นการ์ดจากโทรศัพท์ของพี่น้องของเราจริงๆ”
บอกอหนุ่มทรุดตัวลงที่พื้น ซวยแล้ว!
“มันเป็นใคร”
“ผมไม่รู้”
“ให้โอกาสอีกครั้ง มันเป็นใคร” เจนัสหยิบปืนตรงหน้าขึ้น หันปากกระบอกปืนไปที่ธนัท
“ผมไม่รู้จริงๆ”
นักข่าวรุ่นน้องที่ทนไม่ไหวลุกขึ้นมา จนสามสาวผงะเล็กน้อย
“อย่าดูถูกพวกเราจนเกินไป พี่ธนัทยึดมั่นจรรยาบรรณ ไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลของแหล่งข่าวเด็ดขาด”
“ใช่ พวกเราคือสื่อมวลชน คนทำงานเพื่อสังคม พี่ธนัทไม่มีทางยอมสยบให้กับความอยุติธรรมแน่นอน ขนาดพวกเราทำงานด้วยกันพี่ธนัทยังไม่บอกเลย พวกแกอย่าหวังได้รู้เลย”
เจนัสขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ถึงแม้จะมีปืนในมือ แต่ในทางปฏิบัติการจะฆ่าใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ วันนี้เธอแค่กะจะมาขู่อีกฝ่ายเท่านั้น
หญิงสาวตรงเข้าไปหาบอกอหนุ่ม
“โอ๊ย อั่ค อั่ค อ้าก เจ็บๆๆๆ โอ้ย”
เสียงตบ เตะ ต่อยดังเป็นจังหวะขณะที่ธนัทก้มลงคู้ที่พื้นโดยมีรุ่นน้องมองด้วยสายตานับถือยกย่อง
ขนาดพี่ธนัทโดนซ้อมขนาดนี้ ยังไม่ปริปากเปิดเผย
ช่างสมกับที่เป็นไอดอลของน้องๆจริงๆ
“พี่ธนัททนไว้”
“อย่าบอกมันนะครับ”
“ไอ้ฉิบหาย กูไม่รู้จริงๆโว้ย เมื่อเช้านั่นที่กูบอกไปกูแค่โม้เฉยๆให้ดูดี ความจริงกูไม่รู้ว่าถุงมันมายังไง เมื่อคืนใครอยู่เวรสำนักงานมั่งน่าจะจำได้ ไอ้เอก มึงเองเดินมาบอกกูว่ามีภาพแปลกๆเจอส่งเข้ามาในเพจ ไอ้บอย เมื่อคืนมึงรับโทรศัพท์มีสายแปลกๆขอคุยกับกูแต่กูไม่ได้รับสาย เมื่อคืนพวกเอ็งก็เห็นว่ากูตะหงิดๆเลยออกไปกันกับจามรโดยไม่มีข้อมูลว่าจริงหรือไม่จริง ข้ายังบอกเลยไงว่าเสี่ยงดวงเอา”
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ
“ไอ้จามร เอ็งบอกเค้าไปสิว่าตอนที่เรากลับมาที่รถเราก็เจอถุงใส่โทรศัพท์อยู่แล้ว ถ้ากูรู้ว่าใครส่งมากูบอกไปแล้ว รักษาความเป็นส่วนตัวเรอะ ที่ผ่านมาปกติก็ไม่ทำอยู่แล้ว แล้วนี่เจอซ้อมอยู่จะบ้าปิดบังไปทำไม อ้าก อย่า อย่า เจ็บ อ้ากก”
พวกรุ่นน้องมองหน้ากันแล้วค่อยๆคิด จริงแฮะ เมื่อคืนเหตุมันอีกแบบนี่หว่า เมื่อคืนเห็นชัดๆว่าพี่บอกอไม่ได้ติดต่อใครแต่ออกไปแบบเสี่ยงดวง
“ไอ้คุณพี่ธนัท ผมไม่คิดเลยว่าพี่เป็นคนแบบนี้”
“แย่มาก หลงนับถือมาตั้งนาน”
เจนัสหยุดเท้าที่กำลังกระทืบลง
ขณะที่พวกรุ่นน้องที่ทำงานและอยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนระลึกได้ว่าความจริงคืออะไร แต่สำหรับคนของแก๊งค์เมษาก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าที่พูดมานี่จริงหรือไม่จริง
“เอาตัวมันไปสมาคม มันอาจจะปกป้องแหล่งข่าวก็ได้”
“ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ”
เจนัสเช็ดมือแล้วเดินออกจากสำนักงานไป นักเลงที่ด้านนอกเปิดประตูรถตู้รอรับ ส่วนแจนจับข้อเท้าของธนัทลากไปตามพื้นตรงไปที่รถ
“อ้อ แล้วเรื่องในวันนี้ขอให้ปิดเป็นความลับนะคะ” เจนเตรียมเดินออกไปพร้อมคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คอันนึง “รู้สึกว่าคอมเครื่องนี้มีข้อมูลของฝ่ายบุคคล มีสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน กับที่อยู่ปัจจุบันของทุกคนในสำนักงานอยู่ ถ้ามีคนระแคะระคายเรื่องในวันนี้คงไม่ต้องบอกนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
แล้วหญิงสาวทั้งสามก็เดินออกจากสำนักงานไป ทิ้งไว้แต่เพียงความเงียบงันของคนทุกคน
วันนี้รอนไม่ได้ติวหนังสือกับแพทที่โรงเรียนหากแต่ไปที่โรงพยาบาลตามนัด
“ไง แขนหายเจ็บแล้วหรือยัง”
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ”
“เอาล่ะ งั้นหมอขอเปิดแผลดูหน่อย” หมอเคบอกพลางแกะผ้าพันแผลออกช้าๆ “มันก็จะเจ็บๆสักหน่อยเพราะยังมีไหมเย็บแผลอยู่ในเนื้อ แต่พแผลติดกันดีตัดไหมออกก็ไม่เจ็บแล้ว เอ๊ะ!”
หมอเคหรี่ตามองไปที่แผลของรอน บาดแผลลึกเมื่อวันก่อนมาในตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็น สิ่งที่เหลือเหมือนกับว่ามีไหมเย็บลงไปในเนื้อเปล่าๆเท่านั้น
“นี่เธอ!” หมอเคพูดออกมาได้เท่านั้นก็ชะงักไป หมอหันไปหยิบสำลีชุบน้ำเกลือมาทำแผล และพูดแบบธรรมดาๆ “รอน วันนี้เธอมากับใครหรือเปล่า”
“ไม่นี่ครับ วันนี้ผมมาคนเดียว” เด็กหนุ่มรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติ แต่ก็พยายามพูดด้วยท่าทางธรรมดา
“อย่าหันไป ที่8นาฬิกามีคนใส่เสื้อยืดสีเขียวรองเท้าแดงมองมาที่เราอยู่” หมอเคพูดขณะที่ค่อยๆเช็ดผิวหนังให้แห้งเตรียมแปะผ้าก็อซ “หมอจำได้ว่านั่นเป็นคนของแก็งค์เมษา”
รอนเลิกคิ้วนิดนึง จำได้ขนาดนั้น?
“ไม่ต้องแปลกใจ สัปดาห์นี้มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ถล่มคนของแก็งค์เมษา ยิ่งเมื่อคืนนี้โรงพยาบาลนี้มีคนเจ็บเข้ามา20กว่าคน วุ่นวายกันทั้งคืน” หมอเคบอก “เจ้าคนเสื้อเขียวนี่เมื่อคืนก็มาแล้วรอบนึง มันเป็นคนที่ทำหน้าที่สังเกตการณ์และส่งข่าวให้แก๊งค์ในละแวกนี้ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะมาเฝ้าสังเกตเธอ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีเรื่องอะไร อาจจะเพราะที่เธอบาดเจ็บที่โรงเรียนเกี่ยวข้องกับพวกมันก็ได้” หมอเคบอก “แต่หมอสังเกตว่าเธอมีการหายของแผลที่เร็วกว่าปกติ ถ้าพวกมันรู้ว่าเธอมีพลังการฟื้นตัวผิดธรรมชาติแบบนี้คงไม่ดีแน่ ดีไม่ดีมันจะจับตัวเอาไปขายอวัยวะก็ได้”
ทั้งสองเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ วัยรุ่นเสื้อเขียวคนนั้นเดินตรงมา
“แผลที่แขนดูดี แต่ยังไงก็ยังไม่หายสนิท รออีกสักสามวันค่อยตัดไหมแล้วกัน” หมอเคพูดเสียงดังจงใจให้นักเลงคนนั้นได้ยิน มันเองเดินมาถึงโต๊ะ จับไปที่ขากางเกงของรอนแล้วเลิกขึ้น
“จะทำอะไร” รอนร้องขึ้น
เผียะ
[-0.02]
รอนถูกตบหน้าหัน นักเลงคนนั้นเปิดขากางเกงของรอนดู ที่ขาเรียบเนียนปราศจากริ้วรอยไฝฝ้าราคี
“เฮ้ย ช่วงนี้มีคนถูกยิงที่ขามารักษาไหม” มันพูดขึ้นลอยๆ
“…”
“กูถามไม่ได้ยินหรือไงไอ้สัส”
“จะรู้ไปทำไม” หมอเคบอก
เผียะ!
[-0.02]
รอนเจอตบหน้าหัน แก้มแดงเป็นรอยมือ
“ถ้าไม่ตอบกูจะตบไอ้เด็กนี่ไปเรื่อยๆ จะตอบไม่ตอบ”
“ไม่มี”
“อย่าให้รู้ว่าโกหกนะมึง” มันบอก “ถ้ามีคนถูกยิงที่ขาซ้ายมารักษาให้พวกมึงรายงานกู ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
มันบอกแล้วเดินออกไปหันไปมองรอนอีกครั้ง รอนหลบสายตาลงต่ำด้วยไม่มองกลับด้วยท่าทางหวาดกลัว
“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เธอพลอยโชคร้ายไปด้วย” หมอเคบอก “ดูเหมือนมันจะไม่ได้ตามเธอแต่จะมาถามหมอเรื่องคนไข้ถูกยิง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจดี” รอนยกแขนที่มีผ้าพันแผลเอาไว้ให้ดู
เด็กหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วเดินออกจากห้องทำแผลไป
กิ๊ง
[Deception Lv 3 10/100]
ดูเหมือนการทำท่าหวาดกลัวเมื่อกี้จะหลอกได้ทั้งนักเลงกับหมอไปพร้อมๆกันแฮะ ดีเหมือนกัน
ยังดีที่แผลที่ขาหายด้วยการใช้เวทรักษาเมื่อคืนเลยทำให้พวกมันไขว้เขวไม่รู้ว่าเขาคือคนที่พวกมันตามหา
วัยรุ่นคนนั้นยืนมองรอนเดินออกไป ใช้มือที่ยังสั่นและเปียกชื้นเหงื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดคุย
“เฮียโต้ง ผมเอง ผมมาดูแล้วเฮียไอ้เด็กที่ว่านั่นไม่มีแผลที่ขา แล้วก็มีแผลเย็บที่แขนด้วย คนละคนแหละเฮีย … ไม่มีแผลที่ขาแน่ๆเฮีย ผมไปเปิดกางเกงมันขึ้นดูเลย ผิวงี้เนียนกริ๊บ”
“แล้วผมทำตามที่เฮียสั่งแล้ว ผมหาเรื่องตบหน้ายั่วโมโหมัน แต่มันไม่ได้ทำท่าโมโหผมนะ มันกลัวตัวสั่นเลยเฮีย ผมว่าไอ้เป่าจำคนผิดหรือเปล่า ไอ้คนนี้ไม่น่าใช่คนที่กระทืบพวกเฮียเป่าหรอก ไม่งั้นผมตบมันไปสองทีป่านนี้ผมเจอกระทืบตายไปแล้ว ได้เฮีย ผมสั่งไอ้หมอไว้แล้วถ้ามีคนถูกยิงมาให้รายงาน ได้เฮีย ขอบคุณครับเฮีย”
วัยรุ่นเสื้อเขียววางโทรศัพท์อย่างโล่งอก โชคดีไปที่ไอ้เป่าจำคนผิด ไม่งั้นตอนที่มันตบหน้ารอนตามคำสั่งของเฮียโต้งมันคงเจอกระทืบเละคาโรงพยาบาลไปแล้ว
โต้ง-มิวสิควางโทรศัพท์ลง จากภาพวงจรปิดไอ้หน้ากากดำที่บุกถล่ม เป๋ง-โมบาย มันเจอยิงที่ขาเลือดสาดไม่ผิดแน่ และที่แขนก็ไม่มีแผลเย็บหรือผ้าพันแผล แบบนี้เบาะแสที่คาดหวังว่าจะใช้ได้ก็ไม่มีอีกแล้ว
หน้ากากดำ แกเป็นใครกันนะ!
PS.
Jan-Jane-Janus เป็นชื่อรหัสของสามสาว อันมีที่มาจากชื่อเดือนมกราคม