สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain - ตอนที่ 13 เม็ดยารวมวิญญาณเซียน
“กู่ฉางเกอ เจ้ามันหน้าด้าน เลวระยำ!เจ้าขโมยชิงเกอของข้าไปไม่พอ ตอนนี้เจ้ายังอยากเอาตัวอาจาย์ข้าไป…”
ใบหน้าของเย่เฉินบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาเชื่อว่ากู่ฉางเกอกำลังพยายามขโมยอาจารย์เขาไปจากเขา!สำหรับกู่ฉางเกอที่พยายามสร้างความบาดหมางระหว่างพวกเขา?นั่นไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลย
แม้เขาจะไม่พูดมัน เย่เฉินก็ยังมีอารมณ์ที่พูดไม่ได้ต่อหยานจี แม้เขาจะปฏิบัติต่อนางเป็นอาจารย์ในวันปกติ แต่ลึกๆในใจ เขามองนางเป็นสมบัติส่วนตัว เป็นคนที่เขาจะไม่มีวันมอบให้ใคร
ดังนั้น ตอนนี้ที่กู่ฉางเกอพยายามขโมยนางไปจากเขา เขาจึงโกรธอย่างมาก
“เอ๊ะ?ทำไมข้าถึงจำไม่ได้ว่าเคยไปขโมยชิงเกอของเจ้า?”
การระเบิดอารมณ์ของเย่เฉินไม่ได้ทำให้กู่ฉางเกอประหลาดใจ เขาไม่สนใจคำพูดนั้นและพูดต่อด้วยน้ำเสียงกวนประสาท“เจ้าก็รู้ทุกอย่างที่นางทำ ตั้งแต่ต้นจนจบ นางทำมันด้วยความสมัครใจ ไม่เคยมีสักครั้งที่ข้าใช้กำลังหรือข่มขู่นาง มีส่วนไหนที่เจ้ายังไม่เข้าใจ?บอกข้ามาสิว่าที่ข้าพูดนั้นไม่เป็นความจริง?”
“น้ำจะไหลลงเนิน ส่วนผู้ชายจะหวังสถานะที่สูงขึ้น!นั่นคือกฏที่ไม่เปลี่ยนแปลงของโลก”
“แต่ถ้าเจ้าใส่ใจอาจารย์ของเจ้าจริง งั้นก็อย่ารั้งนางไว้แบบนี้!เจ้าคิดหรือว่าวิญญาณจะสามารถดำรงอยู่ในโลกได้ไปตลอด?”
ทุกคนพูดของเขาตรงจุด จัดเรียงในลักษณะที่ทำลายจิตใจ
เย่เฉินกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เขาเข้าใจว่าวิญญาณไม่สามารถดำรงอยู่ในโลกได้นานนัก เขาจึงพยายามแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะช่วยอาจารย์ของเขาสร้างร่างกายขึ้นใหม่!
“เสี่ยวเฉิน ใจเย็นๆ..”
หยานจีอดถอนหายใจไม่ได้ขณะกระตุ้นปราณของนาง ทันใดนั้น สัมผัสเย็นก็กระจายไปทั่วหัวของเย่เฉิน สงบอารมณ์เขาลง
สุดท้าย เย่เฉินก็ยังเป็นเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อน คำพูดไม่กี่คำจากกู่ฉางเกอมากพอจะทำให้จิตใจเขาสับสน ป้องกันเขาจากการแสดงความสงบตามปกติ
หยานจีไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเย่เฉิน ผู้มักมีไหวพริบดีถึงกลับกลายเป็นคนโง่ทุกครั้งที่เจอกู่ฉางเกอ
“อาจารย์..”
เย่เฉินกัดฟัน และไม่ช้าอารมณ์หงุดหงิดของเขาก็สงบลง
คำพูดของกู่ฉางเกอสามารถอธิบายได้ว่าเป็นดาบชั่วร้ายที่วาดเลือดออกมาทุกครั้งที่ทิ่มแทง
[ติ้ง!สภาพจิตใจของเย่เฉินได้รับความเสียหายมากขึ้น เย่เฉินเสียค่าโชคลาภ 20 แต้ม ท่านได้รับค่าโชคชะตา 100 แต้ม]
เสียงแจ้งเตือนระบบดังในใจเขา แต่กู่ฉางเกอไม่สนใจ
“ผู้อาวุโส โปรดพิจารณาสิ่งที่ข้าพูด ถ้าท่านติดตามข้า ไม่เพียงข้าจะช่วยฟื้นฟูร่างกายท่าน ข้ายังสามารถทำให้พลังท่านกลับคืนมาได้อีกด้วย!”
“ผู้อาวุโสต้องรู้ถึงต้นกำเนิดของผู้แซ่กู่ ในบรรดาคนทั้งหมดของโลกนี้ ผู้อาวุโสควรเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงพลังที่ยืนหยัดเบื้องหลังข้าสุด’
“และต่อให้เราเมินสิ่งนั้นและพิจารณาแค่พรสวรรค์ ผู้แซ่กู่ก็ยังเหนือกว่าเย่เฉินในทุกด้าน..”
เขาเอาแต่พูดด้วยท่าทีจริงใจ ราวกับเขากำลังเชื้อชวนคนมีความสามารถจริงๆ สำหรับเย่เฉิน?เขาเมินอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้ หยานจีไม่สามารถเข้าใจได้ว่ากู่ฉางเกอผู้นี้ต้องการอะไร นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
สร้างความบาดหมาง?
ด้วยพลังของกู่ฉางเกอ เขาสามารถกำจัดเย่เฉินได้ง่ายๆ ทำไมเขาถึงต้องมาใช้วิธีอ้อมค้อมแบบนี้?บางที นางคงคิดมากไป เขาคงแค่อยากได้ตัวนางไปข้างกาย
พูดตามตรง นางมีความประทับใจค่อนข้างดีต่อกู่ฉางเกอ เหนือสิ่งอื่นใด นางมีประสบการณ์มากกว่าใคร นางจึงไม่ได้มองโลกผ่านรูแคบๆ
นางได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้น ในมุมมองของนาง กู่ฉางเกอไม่ได้ทำอะไรหรือพูดอะไรผิดเลย ตรงกันข้าม มันคือเย่เฉินต่างหากที่พูดจายั่วยุกู่ฉางเกอและถึงขั้นจะเอาชีวิตเขาก่อน
ถึงอย่างนั้น กู่ฉางเกอก็ยังไม่ถือสามาก ความยิ่งใหญ่ที่เขาถือครอง ความกล้าหาญ และความสงบที่เขาแสดง..ทั้งหมดทำให้หยานจีเชื่อว่าความสำเร็จของเขาจะไร้ขีดจำกัดในอนาคต
“คุณชายกู่ ท่านไม่ต้องพูดอีกแล้ว ในเมื่อข้าเป็นหนี้บุญคุณเสี่ยวเฉิน ข้าก็จะไม่มีทางทิ้งเขาไว้ลำพังก่อนเขาจะเติบโต”
หยานจียังคงส่ายหัวและปฏิเสธความหวังดีของกู่ฉางเกอ แม้เงื่อนไขของเขาจะน่าล่อลวง แต่ก็ยังไม่ทำให้นางผิดหลักการ
คำตอบของนางทำให้กู่ฉางเกอผิดหวัง เขาได้แต่ถอนหายใจ“แน่นอน ข้าจะไม่กดดันให้ผู้อาวุโสให้คำตอบข้าตอนนี้ ท่านสามารถใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอได้ ถ้าผู้อาวุโสตัดสินใจติดตามข้า ข้าจะลืมเรื่องที่เย่เฉินคิดทำร้ายข้า และขอให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนปล่อยตัวเขาโดยไม่มีการลงโทษใดๆเพิ่มเติม สำหรับซูชิงเกอ ข้าจะยกให้เขาด้วยเช่นกัน!”
“เจ้า…”
เส้นเลือดปูดบนขมับของเย่เฉิน แต่เขาก็กลั้นความโกรธไว้ ตอนนี้ เย่เฉินเข้าใจแล้วว่ากู่ฉางเกอไม่ได้แค่อยากทำให้เขาอับอาย แต่อยากขโมยทุกอย่างที่เป็นของเขาไปต่างหาก
แม้เย่เฉินจะไม่พูดอะไร แต่ความเกลียดกับความโกรธก็แสดงออกมาชัดในดวงตาเขา
ในคำพูดของกู่ฉางเกอ ซูชิงเกอ ผู้ที่เย่เฉินทำได้แค่แหงนมองกลับไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าตุ๊กตาที่ชะตากรรมสามารถถูกเขาตัดสินได้ มันยิ่งเปิดความคิดของเย่เฉินต่อความเป็นจริงของโลกมากขึ้น’ในโลกสุนัขกินสุนัขเยี่ยงนี้ ผู้แข็งแกร่งสามารถทำได้ทุกอย่าง!’
“โปรดอย่าพูดอีกเลย คุณชายกู่!ข้าซาบซึ้งในความจริงใจของท่าน แต่..”
คำพูดของกู่ฉางเกอยังทำให้หยานจีตกใจเช่นกัน นางไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเสนออะไรแบบนั้น พูดได้ว่าเขาจริงใจจริงๆ
“ผู้อาวุโส โปรดพิจารณา!ผู้แซ่กู่ไม่เคยบังคับให้ใครทำอะไรที่เป็นการฝืนใจ นับประสาอะไรกับการขู่ผู้อาวุโสด้วยชีวิตของเย่เฉิน”
กู่ฉางเกอพูดอีกครั้งด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ถ้าเขาสามารถฆ่าเย่เฉินได้จริง เขาคงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่มานานขนาดนี้
แม้หยานจีจะมีชีวิตอยู่มานาน แต่นางก็เป็นคนตรงไปตรงมา นางจึงรับมือได้ง่ายกว่าซูชิงเกอซะอีก อคติเล็กๆน้อยๆที่นางมีต่อเขาในใจโดนปัดออกไปด้วยคำพูดเหล่านั้น
มีอะไรอีก?เขาได้ฝึกท่องบทพูดในคืนนี้มาตลอดสามวัน
กู่ฉางเกอได้พูดทุกอย่างที่เขาต้องการพูดออกไปแล้ว และตอนนี้ มันก็ถือเวลาสำหรับการแสดงสุดท้าย หลังจากนั้น เขาก็แค่ต้องรอดูรอยร้าวระหว่างศิษย์อาจารย์คู่นี้
และเมื่อพวกเขาไม่มีใครฉลาดไปกว่ากัน เขาก็จะเป็นฝ่ายเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมด
“นี่เรียกว่า[เม็ดยารวมวิญญาณเซียน]..แต่ข้าเดาว่าผู้อาวุโสคงรู้ว่ามันืคออะไร”
ครั้งนี้ กู่ฉางเกอยิ้มและนำกล่องออกมาโดยไม่รีบร้อน
ภายในกล้องบรรจุเม็ดยาสีม่วงซึ่งรายล้อมด้วยเมฆหมอกหลากสี วิสัยทัศน์ต่างๆปรากฏขึ้นรอบเม็ดยาไม่หยุด มีทั้งภูเขา มหาสมุทรและวังที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ ปรากฏและหายลับไป
“มันคือ[เม็ดยารวมวิญญาณเซียน]จริงๆ!”
หยานจีอุทานออกมา และความตกใจในดวงตาก็ไม่อาจระงับไว้ได้
“วิญญาณของผู้อาวุโสอยู่ในสภาพไม่ดี เม็ดยานี้ถือซะว่าเป็นของขวัญแรกพบของเรา”
กู่ฉางเกอพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนหยานจีจะได้ปฏิเสธ เขาก็ผลักกล่องเม็ดยาเข้าไปในมือนางและหายไปจากคุก
ดั่งคำพูดที่ว่า’ถ้าอยากได้ของชิ้นโต มันก็ต้องยอมเสียของชิ้นเล็ก’
รอยยิ้มบนหน้ากู่ฉางเกอหายไปแล้วในตอนนี้ มันแทนด้วยสีหน้าสนใจ