สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain - ตอนที่ 18 พวกเจ้ามาพบคุณชายกู่กันหรือ
- Home
- สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain
- ตอนที่ 18 พวกเจ้ามาพบคุณชายกู่กันหรือ
[อาณาจักรบ่มเพาะปัจจุบัน]
กายมนุษย์
ทะเลวิญญาณ
วังวิญญาณ
ปรมาจารย์วิญญาณ
เซียน
เซียนศักดิ์สิทธิ์
ราชาเซียน
จักรพรรดิเซียน
เทพเสมือน
…
“อาณาจักรเทพเสมือนแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?ตอนเจ้าไปถึงอาณาจักรเบื้องบน เจ้าจะรู้ว่าอาณาจักรเทพเสมือนไม่นับเป็นอะไร..”
กู่ฉางเกอตอบสบายๆ ในคำพูดเขา อาณาจักรเทพเสมือนนั้นไม่นับเป็นอะไรเลย ราวกับผู้บ่มเพาะระดับนั้นสามารถพบได้ตามถนนเหมือนผักกาด
แต่นั่นไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย
แม้ผู้บ่มเพาะอาณาจักรเทพเสมือนจะเป็นตัวตนยิ่งใหญ่ในอาณาจักรเบื้องล่าง แต่ก็มีพบให้เห็นทั่วในอาณาจักรเบื้องบน ด้วยอายุขัยกว่าหมื่นปี ผู้บ่มเพาะเทพเสมือนจะเป็นศิษย์ส่วนใหญ่ในนิกายเซียน สำนักและตระกูลในอาณาจักรเบื้องบน
“ข้าสงสัยว่าคุณชายกู่จะช่วยบอกชิงเกอเกี่ยวกับอาณาจักรที่สูงกว่าเทพเสมือนได้หรือไม่?”
ซูชิงเกอถามด้วยดวงตาสดใส เผยความสนใจ
ตัวตนที่เหนือกว่าเทพเสมือนต้องเป็นตัวตนแบบใดกัน?
“จะมีอะไรให้พูดอีกเล่า?เหนือกว่าเทพเสมือนก็ย่อมเป็นเทพแท้จริง”กู่ฉางเกอตอบพลางจิบชา
แม้ซูชิงเกอจะได้รับคำตอบง่ายๆ นางก็ไม่ได้โกรธ นางเติบถ้วยกู่ฉางเกอเงียบๆ นางลังเลสักพัก จากนั้นก็ขยับ โปรยกลิ่นหอมไปรอบๆขณะปรากฏตัวข้างหลังกู่ฉางเกอ
“คุณชาย แรงพอดีหรือไม่เจ้าค่ะ?”
ซูชิงเกอถามขณะเริ่มนวดไหล่ของกู่ฉางเกอ เหมือนสาวใช้ที่เชื่อฟัง แม้ฝีมือจะไม่ดีมาก แต่ก็มีเสน่ห์ทุกการเคลื่อนไหว
[โฮ้?]
การกระทำฉับพลันของซูชิงเกอทำให้กู่ฉางเกอแปลกใจ พฤติกรรมปัจจุบันของนางขัดกับตัวตนของนางในฐานะนางเอกอย่างสิ้นเชิง
“ชิงเกอรู้ว่ามันยากที่จะได้รับความรักจากคุณชาย แต่ชิงเกอไม่อยากยอมแพ้..”
ซูชิงเกอตอบตามตรง ถ้ามีคนได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาจะคิดว่านางคือหนึ่งในผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาซึ่งไล่ตามคนที่รัก
แต่ความจริงคือนางเป็นคนฉลาด และทุกอย่างที่นางทำต่อหน้ากู่ฉางเกอก็ล้วนอยู่ในการคำนวณของนาง
แต่กู่ฉางเกอก็ต้องยอมรับว่าเขาไม่ได้รังเกียจการแสดงของซูชิงเกอ เขาสามารถบอกเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของซูชิงเกอได้
ซูชิงเกอเป็นหญิงฉลาดที่ไม่เต็มใจเป็นภรรยาไม้ประดับ นางมีความทะเยอทะยาน และถ้าเขาต้องพูดตามตรง งั้นเขาก็ยอมรับว่าเขาชื่นชอบผู้หญิงแบบนาง
มันแค่ว่าซูชิงเกอยังไม่ถึงจุดที่เขาจะหลงใหลขนาดนั้น เขาจะไม่โดนล่อลวงง่ายๆ ไม่มีทางที่เขาจะทำลายตัวเองแค่ความสุขชั่วคราว
พอความคิดเหล่านี้แวบผ่านหัวของกู่ฉางเกอ เขาก็ตระหนักว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูชิงเกอกับเย่เฉินแหลกสลายแล้ว
ความรู้สึกอันตรายที่เขารู้สึกตลอดหลายวันที่ผ่านมาหายปี
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาจะโดนโชคเล่งงานก็ต่อเมื่อเขาเล่นงานบุตรฟ้าประทานและคนที่สนิทกับพวกเขามาก
แม้ซูชิงเกอจะมีโชคลาภดีรอบตัว แต่อย่างน้อยก็สูงกว่าคนธรรมดาสิบเท่า กู่ฉางเกอรู้สึกว่าเขาสามารถจับกดนางลงตรงนี้ได้เลยโดยไม่โดนสวรรค์เล่นงาน
‘งั้น การมีโชคมหาศาลรอบตัวเจ้าก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าคือลูกรักของสวรรค์ที่จะได้รับการคุ้มครองโดยสวรรค์?’
‘นั่นค่อยมีเหตุผล เหนือสิ่งอื่นใด พวกมีโชคเยอะส่วนใหญ่น่าจะเป็นแค่ตัวประกบพระเอก’
กู่ฉางเกอคิดกับตัวเอง ความเข้าใจต่อโลกเขาลึกซึ้งขึ้น
“เหนือเทพเสมือนคือเทพแท้จริง ตัวตนในอาณาจักรนี้จะจุดไฟเทพของตนและสร้างรากฐานเทพ..”
“เหนือเทพแท้จรงคือเทพสวรรค์!พวกเขายืนสูงเหนือทุกตัวตน และแม้กระทั่งเทพแท้จริงก็ได้แต่แหงนมอง..”
ด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น กู่ฉางเกอจึงตัดสินใจอธิบายให้ซูชิงเกอฟัง
“ขอบคุณคุณชายที่ให้ความรู้แก่ชิงเกอ!”
“อาณาจักรที่เหนือกว่าเทพเสมือนเป็นดังนี้ เทพแท้จริง เทพสวรรค์ ราชาเทพ จอมเทพ..”
[อย่าไปสนใจอาณาจักรเหล่านี้มาก มันยังอีกไกลจากตอนนี้ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในอนาคต…จากผู้แต่ง]
ซูชิงเกอดีใจมาก แต่จากนั้น นางก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้กับความเป็นจริงที่จู่โจมนาง
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้นางอยู่แค่อาณาจักรปรมาจารย์วิญญาณ และมันก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่านางจะไปถึงอาณาจักรเทพเสมือน นับประสาอะไรกับที่เหนือกว่านั้น
มันคงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าช่วงชีวิตนี้นางไปถึงจุดนั้นได้
“ชิงเกอจะพยายามอย่างหนักเพื่อเอาใจคุณชายในอนาคต!”
ซูชิงเกอคิดสักพักและพูดขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น ดวงตาคล้ายอัญมณีของนางเปล่งประกายขณะที่จ้องกู่ฉางเกอด้วยสายตาลึกซึ้ง นางพูดขึ้นมาโดยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเลย
กู่ฉางเกออดยิ้มไม่ได้“อืม ตามใจเจ้าเถอะ”
บัดซบเอ้ย นี่มันจะสุดยอดไปไหม?
นางเอกกลับสยบให้เขาเร็วขนาดนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าเสน่ห์ความเป็นวายร้ายของเขาพุ่งทะลุหลังคาแล้วเหรอ?
กู่ฉางเกอไม่คิดงั้น ซูชิงเกอแค่ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ถูกและสมเหตุสมผล
จากนั้น เสียงของเฒ่าหมิงก็ดังในหูของกู่ฉางเกอ
‘น่าสนใจ!มันเป็นเหมือนที่ข้าคิดไว้’
รอยยิ้มของกูฉางเกอเปลี่ยนไปและความลึกลับก็ครอบงำใบหน้าเขา
ขุมกำลังน้อยใหญ่ต่างๆของแดนบูรพาได้ยกธงมาบุกแดนไท่เสวียน เย่เฉินจึงฉวยโอกาสนี้หลบหนีจากคุกใต้ดินท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย และแน่นอน มันต้องขอบคุณ[เม็ดยารวมวิญญาณ]ที่เขามอบให้อาจารย์ของเย่เฉิน
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา
กู่ฉางเกอยืนขึ้น และออกศาลา แน่นอน เขาไม่ได้บอกซูชิงเกอว่าเย่เฉินหนีออกจากคุกมาแล้ว
ซูชิงเกอทำได้แค่มองแผ่นหลังของกู่ฉางเกอ
นางสงสัยว่านางทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?
อา!ราชาจะมายอมอยู่ร่วมกับเสือได้ไง?
[นางกำลังสงสัยว่านางไม่คู่ควรพอจะอยู่กับเขา]
ซูชิงเกอทำได้แค่ยืนนิ่งกับที่อย่างหดหู่ คิดถึงทุกอย่างที่นางทำและพูดลงไป พยายามคิดหาว่าการกระทำส่วนไหนของนางที่ทำให้กู่ฉางเกอไม่พอใจ
..
[ด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน]
เรือบิน เรือรบ และอสูรร้ายของขุมกำลังใหญ่ต่างลอยในอากาศ ปลดปล่อยกลิ่นอายดุดันใส่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เงาของพวกมันปกคลุมดินแดนด้านล่าง บดบังดวงอาทิตย์
กลิ่นอายของผู้บ่มเพาะพุ่งขึ้นสวรรค์ และอสูรร้ายแสนน่ากลัวก็คำรามใส่เหยื่อของพวกมันไม่หยุด
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยางสวี่ ราชวงศ์สุริยัน ตระกูลเซียวโบราณ…
มีขุมอำนาจใหญ่แห่งแดนบูรพาคอยหนุนหลังพวกเขา
ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าผู้แข็งแกร่งสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนลาลับ พวกเขาก็รวมตัวกันเหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด เตรียมกลืนกินเหยื่อตรงหน้า
แต่ตอนนี้ คนทั้งหมดที่มากลืนกินดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนกลับมีสีหน้าสับสน รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดหยางสวี่
ผู้อาวุโสสูงสุดอดขมวดคิ้วไม่ได้พอมองประตูไร้การคุ้มกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
“คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนยอมรับว่าตัวเองไร้อำนาจและเปิดประตูให้เราหรือ?ทำไมถึงไม่มีคนคุ้มกันหรือค่ายกลปกป้อง?ค่ายกลปกป้องของพวกมันก็เสื่อมไปแล้วหรือไง?”
ชายชราสวมชุดจักรพรรดิถาม เขาสวมชุดคลุมลายมังกรสีม่วงทอง และมีมงกุฏสีม่วงประดับบนหัว เสียงของเขาดังสะท้อนไปรอบๆเหมือนระฆัง เต็มไปด้วยกลิ่นอายกดขี่
ครั้งนี้ กลุ่มผู้อาวุโสกับศิษย์ของไท่เสวียนค่อยๆเดินออกมาและมาถึงตรงหน้า’แขก’
“ทุกคนมากันพร้อมหน้าเพื่อขอเข้าพบคุณชายกู่หรือ?”
ประมุขไท่เสวียนถามเสียงดัง ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนหน้า