สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain - ตอนที่ 31 บรรพชนเรียกตัวเองว่าทาสชรา
- Home
- สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain
- ตอนที่ 31 บรรพชนเรียกตัวเองว่าทาสชรา
ใบหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดพอฟังบทสนทนาของทั้งสองที่เมินเขาอย่างสิ้นเชิง
บรรพชนตระกูลหลินโบราณ?
นายน้อยลึกลับ?
ตัวตลกเหล่านี้มันอะไร?
สำหรับเขา ทุกสิ่งมีชีวิตของอาณาจักรฟ้าครามไม่ต่างอะไรกับตัวตลก ผู้แข็งแกร่งสุดก็เป็นแค่เทพเสมือน!ต่อหน้าเขา ราชาเทพผู้ยิ่งใหญ่ อาณาจักรเทพเสมือนไม่ต่างอะไรกับมดที่เขาบดขยี้ได้สบาย
หลินเทียนไล่ทั้งสองและตัดสินใจกลับมาทำธุระของตัวเอง
“ข้าไม่สนใจจะไปพบกับบรรพชนหรืออะไรทั้งนั้น พวกเจ้าสองคนควรรีบไสหัวออกไปจากที่ของข้า!”
หลินเทียนรู้สึกไม่ดีกับทั้งสองที่มาถึงและเยาะเย้ยเขา เขาจึงรีบสวมสีหน้าดุร้ายและไล่แขกทั้งสองด้วยเสียงเย็นชา
“เจ้า..เจ้า!”
นี่ทำให้ทั้งสองตกตะลึงและโกรธ หลินเทียนจะไม่เป็นแบบนี้ในวันปกติ วันนี้เขาเป็นบ้าอะไร?พฤติกรรมของเขาแปลกกว่าเดิมมาก
เด็กหนุ่มเตรียมสั่งสอนบทเรียนให้เขา แต่เด็กสาวข้างเขารั้งเขาไว้“บรรพชนได้กลับมาจากอาณาจักรเบื้องบนแล้ว แต่เจ้าโง่นี่กลับไม่ไปเข้าร่วมงานใหญ่แบบนั้น-เขาคงอยากโดนเตะออกจากตระกูล!”
“อย่าทำลายโอกาสของเราโดยการลดตัวไปยุ่งกับหมอนี่เลย เราควรแจ้งท่านผู้นำ ท่านผู้นำจะต้องลงโทษเขาแน่!”
เด็กสาวพูดพลางดึงเด็กหนุ่มไป ปล่อยให้หลินเทียนยืนตกใจ
“กลับจากอาณาจักรเบื้องบน?!”
คำพูดเหล่านี้คว้าความสนใจของหลินเทียนและทำให้เขาสั่นสะท้าน เขาไม่อยากไป แต่เรื่องที่เกี่ยวกับอาณาจักรเบื้องบนกระตุ้นต่อมเขา
‘ไม่ว่าจะยังไง!ข้าต้องไปเข้าร่วม ข้าต้องไปดูว่าใครคือบรรพชนของตระกูลหลินโบราณ..’
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปและลอบตามทั้งสองไปทันทีที่หาเหตุผลในใจได้ พอเห็นว่าเขาเดินตามหลังมา ทั้งสองก็อดหัวเราะไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับความกล้าก่อนหน้า?
“ฮ่าๆๆ..”
“ไหนเขาบอกว่าเขาไม่สนใจ?”
“มันดูเหมือนเขาจะยังรู้ฐานะตัวเองและเข้าใจว่าเขาคงไร้ค่าหากไร้ตระกูลหลินหนุนหลัง!”
ทั้งสองหัวเราะกันเสียงเบา แต่หลินเทียนได้ยินทุกคำพูด ใบหน้าของเขายิ่งไม่หน้ามอง และจิตสังหารก็ไหลทะลักจากดวงตา แต่เขาก็ยังอดทน!เขาต้องอดทน เพราะเขายังต้องการตัวตนในฐานะทายาทตระกูลหลิน
เขาไม่สามารถเปิดเผยต้นกำเนิดเขาได้!
ทั้งสองคนด้านหน้าเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเดินไปบนเส้นทางสู่ขุมนรก และยมฑูตก็กำลังจ้องพวกเขาอยู่
แม้ฐานบ่มเพาะของหลินเทียนจะไม่สูงในตอนนี้ แต่เขาก็มีวิธีการมากมายที่จะฆ่าทั้งสองโดยใช้วิธีการจากชาติที่แล้วของเขา
..
[ในโถงหลักของตระกูลหลินโบราณ]
ยอดฝีมือหลายคนยืนรอบโถง พลังปราณหนาแน่นของพวกเขาพลุ่งพล่าน และแสงเทพก็ล้อมรอบพวกเขา แสดงให้เห็นถึงรากฐานลึกล้ำของตระกูลหลินโบราณ
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลหลินโบราณยืนนอกโถง ส่วนใหญ่คือคนหนุ่ม ผู้ชายและผู้หญิงที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้ม พวกเขาคืออัจฉริยะของตระกูลหลินโบราณ และก็มีชื่อเสียงพอสมควรในแคว้นกลาง
ทั้งหมดจ้องด้วยความอยากรู้และตื่นเต้น แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง เหนือสิ่งอื่นใด คนในโถงล้วนเป็นผู้อาวุโสของตระกูล!
แม้กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่ที่ปิดด่านบ่มเพาะไปหลายพันปีและถูกมองว่าตายไปแล้วก็ยังออกมาต้อนรับแขก!
ใครคือชายหนุ่มชุดดำที่นั่งอยู่ที่นั่งหลักและจิบชาด้วยใบหน้าไม่แยแส?
สาวใช้ข้างเขายังงามจนลืมหายใจ!เหมือนกับเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า!
แม้กระทั่งบรรพชนในตำนานของพวกเขา ผู้ทะยานขึ้นอาณาจักรเบื้องบนก็ยังทำตัวเหมือนลิ่วล้อ!
ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร?
มันเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ได้สำหรับพวกเขา เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นทั่วทั้งชีวิต
“เฒ่าหมิง เจ้าควรสะสางเรื่องของเจ้าโดยไม่ต้องมาห่วงใยข้า”
กู่ฉางเกอพูดด้วยรอยยิ้มสบายๆ เขาสนใจในความคืบหน้าของสถานการณ์ปัจจุบันมาก เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเองโดยที่เขาไม่ต้องลงแรงเลย
ตอนเรือบินพวกเขามาถึงเหนือตระกูลหลิน ผู้อาวุโสกลุ่มใหญ่ก็ได้มาต้อนรับพวกเขาและแนะนำตัวเองว่าเป็นทายาทตระกูลหลินโบราณ
หลังจากนั้น พวกกู่ฉางเกอก็ได้รับเชิญไปยังบ้านตระกูลหลิน
เนื่องจากเขาไม่มีอะไรให้ทำ กู่ฉางเกอจึงตัดสินใจรับคำเชิญ
มันคือเฒ่าหมิงที่อธิบายกับเขาว่ามันเพราะความเกี่ยวพันธ์ุทางสายเลือดที่ทำให้ตระกูลหลินโบราณพบว่าพวกเขาอยู่ใกล้แคว้นกลาง
แม้เขาจะไม่พูดมาก แต่การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากลูกหลานของเขาก็ทำให้เฒ่าหมิงยิ้มปากฉีก โดยเฉพาะที่ทั้งหมดทำไปเพื่อกู่ฉางเกอ!
เขาไม่อยากให้นายน้อยของเขามาเห็นเศษซากตระกูลเขาในแคว้นกลาง ยังไงซะ การเดินทางมาอาณาจักรเบื้องล่างก็ถือเป็นโอกาสสำหรับเขา
ถ้าพวกเขายังอยู่ในอาณาจักรเบื้องบน ด้วยสถานะของเขาในตระกูลกู่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้ใกล้ชิดกู่ฉางเกอ นับประสาอะไรกับการทำอะไรให้กู่ฉางเกอเพื่อให้เป็นที่จดจำ
“นายน้อย ข้าไม่สามารถทำตามคำสั่งของท่านได้ ไม่ว่าทาสชราผู้นี้จะมีความสุขเพียงใด ข้าก็ไม่กล้าปล่อยท่านไปไหนลำพัง!”
เฒ่าหมิงพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง
แน่นอน เขารู้ว่ากู่ฉางเกอจะไม่ตำหนิเขาที่พูดกึ่งตลกแบบนี้
วันนี้ หัวใจของเฒ่าหมิงเอ่อล้นไปด้วยความสุขหลังเห็นว่าลูกหลานของเขาไม่เพียงมีชีวิตที่ดี แต่พวกเขายังกลายเป็นหนึ่งในตระกูลโบราณที่มีอำนาจมากสุดของแคว้นกลาง
เขาไม่ได้กล้าหาญขนาดนี้ในวันปกติ และจะไม่มีวันใช้น้ำเสียงล้อเล่นต่อหน้ากู่ฉางเกอ
‘ทาสชรา?’
บรรพชนพวกเขาเรียกตัวเองว่าทาสชรา?!
ทุกคนที่ได้ยินต่างสูดลมหายใจเย็น รูม่านตาพวกเขาหดลง และหัวใจก็เต้นกระหน่ำ คนหนุ่มสาวด้านนอกอดเบิกตากว้างไม่ได้
“ไม่เป็นไร”กู่ฉางเกอตอบด้วยรอยยิ้ม เขาย่อมไม่ใส่ใจ เขาตัดสินใจจะออกไปเดินเล่นดีกว่ายืนอยู่ระหว่างเด็กๆที่อยากทักทายปู่ตัวเอง
“ชิงเกอ ไปเดินเล่นกับข้า”
กู่ฉางเกอวางถ้วยชาลงและเดินออกไป
เขาสวมสีหน้าไม่แยแสแต่น่าเคารพ โดยปราศจากความอวดดีสักนิด และนี่ก็ทำให้คนรอบตัวเขารู้สึกว่าเขาสามารถเข้าหาได้
แต่ทุกคนรู้เต็มอกว่าชายตรงหน้าพวกเขาคือตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกินได้ กลิ่นอายน่าคบหารอบตัวเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าสัญญาณของเจตนาดีที่เขาแสดงเพื่อไว้หน้าเฒ่าหมิง
“ชิวหาน เจ้าคุ้นเคยกับพื้นที่ ทำไมเจ้าไม่ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณชายและคอยนำทางเล่า?”
ผู้นำตระกูลหลินพูดขึ้นและสั่งลูกสาวนางที่ยืนใกล้ประตูโถง
เฒ่าหมิงอดมองเขาด้วยแววตาเห็นด้วยไม่ได้ ทายาทผู้นี้มองการณ์ไกลมาก!
“ขะ…เข้าใจแล้ว ท่านพ่อ!”
หลินชิวหานตอบรับด้วยเสียงสั่นเครือ ความประหม่าของนางพุ่งทะลุเพดาน
เดิมที กู่ฉางเกอไม่สนใจมากเรื่องคนนำทาง แต่ตอนเขาเห็นคนที่จะมานำทางเขา ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
มันคือสาวงามที่โดดเด่นอีกคน!
ด้วยการแต่งแต้มอ่อนๆบนหน้า นางดูเหมือนเทพธิดาไม่มีผิด ผิวของนางเป็นประกายภายใต้แสง และผมยาวสลวยของนางก็พลิ้วสะบัดเหมือนเมฆ ชุดตัวหลวมที่นางสวมไม่อาจปกปิดส่วนเว้าโค้งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรุ่มได้
แน่นอน สิ่งที่ทำให้นางโดดเด่นยิ่งไปกว่ารูปลักษณ์คือค่าโชคลาภมหาศาลที่นางมี!
“พี่…”
หลินเทียนผู้เพิ่งมาถึงผงะทันทีที่เห็นสิ่งที่เกิด เขากำหมัดแน่นและอารมณ์ก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรง!
ปล.กลุ่มลับเปิดแล้วน้า ใครสนใจเข้ากลุ่มกดเข้าลิ้งเพจได้ที่หน้านิยายเลยน้า*