สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain - ตอนที่ 33 โดนตกตั้งแต่แรกเห็น
นิกายอมตะ?ตระกูลกู่?
แนวคิดแบบไหนกัน?
ใครในโลกที่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นอมตะ?
มีเพียงขุมอำนาจที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคโกลาหลและปกครองโลกถึงมีสิทธิ์ใช่ไหม?
ไม่น่าแปลกที่บรรพชนพวกเขาจะเรียกตัวเองว่า’ทาสชรา’ต่อหน้าคุณชาย ด้วยภูมิหลังเช่นนั้น การได้รับใช้เขาถือเป็นเกียรติแล้ว นี่ทำให้ความเคารพที่พวกเขามีต่อกู่ฉางเกอพุ่งสูงขึ้น
ความสัมพันธ์คล้ายบริวารของบรรพชนพพวกเขากับคุณชายทำให้พวกเขาประเมินว่าพวกเขากับบรรพชนพวกเขาไม่ได้สำคัญอะไรต่อหน้าเขา
‘ชายหนุ่มนั่นมีภูมิหลังน่ากลัวขนาดนี้เชียว?’
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและรู้สึกว่าเรื่องราวยิ่งซับซ้อน แต่ไม่ช้า สีหน้าของเขาก็สงบลงอีก เนื่องจากพวกเขาลงมาอาณาจักรเบื้องล่าง พวกเขาก็ต้องโดนกำจัดโดยกฏของอาณาจักรเบื้องล่าง สำหรับราชาเทพอย่างเขา มันไม่ยากที่จะจัดการกับเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้!
มันคงจัดการได้ยากถ้าอยู่ในอาณาจักรเบื้องบน แต่ข้างล่างนี่…
แน่นอน เหตุผลหลักคือความจริงที่ว่าเขารู้สึกว่าชายหนุ่มที่ลงมาจากอาณาจักรเบื้องบนมีสิ่งที่เขามองหา ถ้าเขาอยากขึ้นข้างบน เส้นทางของเขาต้องบรรจบกับหนุ่มนี่แน่
เฒ่าหมิงเริ่มพูดถึงอดีตกับลูกหลานเขา ส่วนหลินเทียนออกไปเงียบๆด้วยตาเป็นประกาย เขาวางแผนตามกู่ฉางเกอไป เขากังวลว่ากู่ฉางเกออาจคิดไม่ดีต่อหลินชิวหาน
…
น้ำพุใสเบ่งบาน และหมอกวิญญาณก็ลอยรอบ
หลินชิวหานเดินนำอย่างประหม่าด้วยฝ่ามือที่เปียกเหงื่อ พากู่ฉางเกอเดินเที่ยวไปทั่ว นางไม่อาจสงบสติตัวเองได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน นางกังวลว่านางอาจทำให้คุณชายไม่พอใจ
นางรู้สึกราวกับนางคือคนธรรมดาที่โดนจักรพรรดิเลือกให้มานำทาง
กู่ฉางเกอดูเหมือนจะเดินทอดน่องอย่างไร้จุดหมาย แต่เขากำลังพิจารณาเรื่องราวในใจอยู่ สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจ
“แม่นางหลินชิวหาน ไม่มีอะไรให้ต้องเกร็ง ดูชิงเกอเป็นตัวอย่าง ไม่เพียงนางจะไม่กลัวข้า แต่ยังเรียนรู้ที่จะเถียงข้าแล้วด้วย”
กู่ฉางเกอยิ้มสบายๆ ฟังดูเป็นมิตร เขาไม่สามารถจัดการกับหลินชิวหานได้ถ้านางยังประหม่าแบบนี้ตลอดเวลา
ในทางกลับกัน ซูชิงเกออดมองบนไม่ได้ตอนได้ยินคำพูดของกู่ฉางเกอ พูดหน้าไม่อาย..นางสงสัยว่าทำไมนางถึงไม่แปลกใจพอได้ยินพวกมันจากปากของคุณชายของนาง
“ชิงเกอ?หรือนางจะเป็น..สาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนบูรพาในตำนาน?ซูชิงเกอ ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน?”
น้ำเสียงเย้าหยอกของกู่ฉางเกอช่วยให้หลินชิวหานลดความประหม่าลงได้บ้าง และนางก็ถามกลับอย่างแปลกใจ นางได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับซูชิงเกอมาก่อน ว่ากันว่าเทพธิดาแห่งแดนบูรพาได้เป็นของคุณชายคนหนึ่งไปแล้ว
ตอนนี้นางถึงพบว่าคุณชายในข่าวลือไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณชายกู่ตรงหน้านาง
สาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนบูรพา นางคือผู้หญิงที่ผู้ชายหลายคนหมายปอง แต่ตอนนี้ คนคนนี้กลับอยู่ข้างนาง แถมยังทำตัวเหมือนสาวใช้ของคุณชายกู่ด้วย
หลินชิวหานอดรู้สึกซับซ้อนในใจไม่ได้ ควบคู่กับความรู้สึกอิจฉาที่มีต่อซูชิงเกอด้วยเหตุผลบางอย่าง
คุณชายกู่ใจดี อ่อนโยนและเป็นมิตร ถึงแม้เขาจะสูงส่ง เขาก็ไม่มอบความรู้สึกดูถูกให้ใคร ไม่เพียงเขาจะมีฐานบ่มเพาะสูง แต่เขายังวางตัวดี เหมือนสุภาพบุรุษ
หลินชิวหานผ่อนคลายขึ้นมากหลังคิดแบบนี้
นางเริ่มแนะนำสถานที่ต่างๆให้กู่ฉางเกอด้วยรอยยิ้มน่ามอง
“โอ้!ข้าเข้าใจแล้ว..”
เป็นครั้งคราว กู่ฉางเกอจะพยักหน้าให้กับคำอธิบายของนาง และยังเล่าเรื่องตลกและกระตุ้นเสียงหัวเราะใสจากนางด้วย
ทั้งสามคล้ายกับกลุ่มเทพเซียนที่เดินเล่นในโลกมนุษย์
ในเวลาเดียวกัน ความประทับใจของหลินชิวหานต่อกู่ฉางเกอมีแต่พุ่งสูง และนางก็รู้สึกว่ากู่ฉางเกอคือชายที่สูงส่งอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมองยังไง ไม่ว่าจะเป็นคารม ท่าทาง อารมณ์หรือพลัง ใครก็สามารถรู้สึกได้ถึงความสง่างามแบบที่ไม่เคยพบเจอในผู้ใดมาก่อน
ในฐานะอัจฉริยะแห่งตระกูลหลินโบราณ แถมยังเป็นลูกสาวของผู้นำ นางโดดเด่นมาก แต่ต่อหน้าคุณชายกู่ ทั้งหมดต่างหม่นแสงไปเหมือนดาวระยิบระยับต่อหน้าดวงอาทิตย์
ไม่ พูดให้แม่นยำกว่า พวกเขาเทียบกับเขาไม่ได้เลย!
นางยังรู้สึกว่าแค่คำพูดจากคุณชายก็พอจะเร่งการเต้นของหัวใจนาง และทำให้ผิวนางแดง
กู่ฉางเกอเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดกับหลินชิวหาน สีหน้านางไม่เปลี่ยน แต่เขารู้สึกสนใจหลินชิวหานมากขึ้น มันคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า’โดนตกตั้งแต่แรกเห็น’
ไม่ว่าจะไปไหน ความหน้าตาดีก็ช่วยได้เสมอ
นี่สุดยอดเช่นกัน และมันก็ช่วยเขาได้มาก
หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็เปลี่ยนเรื่องและเริ่มถามหลินชิวหานเกี่ยวกับตัวนางและตระกูลหลินโบราณ
‘ทำไมคุณชายกู่ถึงถามเกี่ยวกับข้า?’
ความสนใจของเขาในตัวนางทำให้หัวใจของหลินชิวหานกระโดดไปมาเหมือนกวาง หรือคุณชายกู่จะประทับใจนาง?
มันทำให้นางกระสับกระส่ายและประหม่าเล็กน้อย
“ชิวหานคือลูกสาวคนโตของท่านพ่อ และก็มีน้องชายต่างแม่กับน้องสาว..”
แต่ไม่ช้า รอยยิ้มของกู่ฉางเกอก็ผ่อนคลายหัวใจของหลินชิวหานและนางก็เริ่มอธิบายสถานการณ์ของครอบครัวนางให้เขาฟัง ในหมู่น้องๆของนาง นางยังพูดเกี่ยวกับน้องชายต่างแม่ที่นางกังวลสุด’หลินเทียน’
กู่ฉางเกออดหรี่ตาไม่ได้ตอนได้ยิน
มาแล้ว คำแสนคุ้นหู’ขยะและไม่สนใจบ่มเพาะ’
ตอนนี้ กู่ฉางเกอเหลือบมองไปทางหนึ่ง เห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล
คนที่ซ่อนตัวแสดงความผันผวนพลังแผ่วเบา เขาพยายามซ่อนตัวสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังห่างไกลจากการลบตัวตน
ชายที่แอบมองเขาจากด้านนอกโถงในตระกูลหลินโบราณต้องเป็นหลินเทียนที่นางพูดถึงแน่
“โอ้!เขาจะไม่พอใจหรือเปล่าถ้าเขามาได้ยินพี่สาวของเขาเรียกเขาว่าขยะ?”
กู่ฉางเกอถามพร้อมหัวเราะเบาๆ
พอเห็นว่าคุณชายกู่ดูเหมือนจะสนใจเขา หลินชิวหานก็อธิบายต่อ“ทุกคนรู้เรื่องนี้ แม้ข้าจะอยากปกป้องเขา ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
“เสี่ยวเทียน..แม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก และพ่อของเราก็ไม่ได้เลี้ยงดูเขาอย่างดีเลย นอกจากนี้ เขายังไม่มีพรสวรรค์บ่มเพาะ หรือไม่สนใจด้วย แม้เขาจะเป็นทายาทสายตรงของตระกูล แต่เขาไม่มีตำแหน่งเลย”
“ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร แต่เขาโชคดีมากที่มีพี่สาวคนสวยอย่างเจ้าคอยดูแล!”
กู่ฉางเกอชมด้วยรอยยิ้มอ่อน
‘คุณชายกู่ชมข้าว่าสวย?’
คำพูดชมอย่างกะทันหันของเขาทำให้หลินชิวหานตกตะลึง และหน้านางก็แดงก่ำด้วยความสุขและเขินอาย
“เสี่ยวเทียน..เขาเป็นเด็กที่มีเหตุผล หลังจากที่ข้าบ่น สุดท้ายเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นคนใหม่!เขาเริ่มศึกษาและบ่มเพาะ..”
หลินชิวหานพูดด้วยรอยยิ้มโล่งใจ
‘โฮ้!เพิ่งเริ่มศึกษาและบ่มเพาะ?’
พอได้ยินคำพูดเหล่านั้น รอยยิ้มของกู่ฉางเกอก็ผลิบาน เขาเริ่มตระหนัก’ขยะที่จู่ๆก็เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน มันอาจเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มาครอบงำร่างกายของขยะนี่ หรือเป็นตัวขยะที่ย้อนอดีตมาเอง!’