สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain - ตอนที่ 5 แสงจันทร์ในยามค่ำคืนนั้นสวยมาก
- Home
- สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain
- ตอนที่ 5 แสงจันทร์ในยามค่ำคืนนั้นสวยมาก
“ถ้าโชคของบุตรฟ้าประทานไม่หมดถึงระดับหนึ่ง ข้าก็คงฆ่าเขาไม่ได้?”
เขาคิดอยู่แบบนี้ครึ่งวัน
พอได้ยินเรื่องนี้จากระบบ กู่ฉางเกอก็เลิกคิ้ว
“ถูกต้อง นายท่าน ตามโชคชะตาฟ้าลิขิต มันไม่ยากที่ท่านจะฆ่าเย่เฉินด้วยพลังปัจจุบันของท่าน แต่มันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่คาดเดาไม่ได้”
“เพราะท่านคือตัวแปร นายท่าน”ระบบอธิบาย
กู่ฉางเกอพยักหน้าเข้าใจ
บุตรฟ้าประทานก็สมกับเป็นบุตรแห่งโชค สวรรค์ยังปกป้องเขา
ตัวอย่างเช่น
ถ้ากู่ฉางเกออยากฆ่าเย่เฉินตอนนี้ งั้นสวรรค์อาจส่งฟ้าผ่าลงมาผ่าหัวเขา
แต่สวรรค์จะปกป้องแกไปได้นานซักแค่ไหน
ข้าจะค่อยๆเหยียบย่ำเจ้า
กู่ฉางเกอหัวเราะเหมือนคนบ้าในใจ
จากนั้น เขาก็มองโชคของทุกคนในโถง
นอกจากเย่เฉินที่มี 500 แต้ม โชคของซูชิงเกอนั้นสูงสุด มากถึง 350 แต้ม
สิ่งนี้ทำให้การคาดเดาครั้งก่อนของกู่ฉางเกอได้รับการยืนยัน
ตำแหน่งนางเอกคงหนีไม่พ้นซูชิงเกอ
มันแค่ว่าเขาสงสัยว่าเขาควรกินซูชิงเกอตอนนี้เลยไหม
แล้วมันจะประสบกับฟันเฟืองชองโชคชะตาหรือเปล่า
ถ้าใช่ งั้นก็ขาดทุน
ไม่ว่าจะเป็นในชาติก่อนหรือปัจจุบัน
เขาไม่ใช่คนที่หิวกระหายและคิดถึงแต่น้อยชายตัวเอง
เหนือสิ่งอื่นใด แม้โชคจะจับต้องไม่ได้ แต่ก็มีจริง
ถ้าเขาทำเลยเถิดและทำให้ตัวเองโดนฆ่า งั้นมันก็ขาดทุนยับนะสิ?
แน่นอน ยังมีวิธีอื่น
มันดีกว่าไหมที่จะทำให้เสียค่าโชคทั้งหมดไป?
จากนั้น เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้น
“ติ้ง ตบหน้าเย่เฉินในที่สาธารณะ เย่เฉินจะเสียโชคสิบแต้ม และเพิ่มโชคชะตาของเขา 15 แต้ม”
ค่าโชคชะตา 15 แต้มไม่มาก
แต่สำหรับกู่ฉางเกอ ยังมีหลายอย่างที่ทำได้
ตัวอย่างเช่น ใช้เพื่อพัฒนาพลังและฐานบ่มเพาะหรือพรสวรรค์
เทียบกับการบ่มเพาะแบบคนทั่วไป การมีสูตรโกงแบบนี้ย่อมดีกว่าไม่ใช่เหรอ?
“เย่เฉินกล้ายั่วยุกฏของนิกายตรงๆ และยังดูถูกคุณชายกู่ มาเอาตัวเขาไปขัง และรอให้คุณชายกู่ตัดสินโทษ”
ครั้งนี้ ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตำหนักลงทัณฑ์พูดขึ้น
นี่คือชายชราร่างกำยำ ใบหน้าแบบพิมพ์นิยม ดูไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนและหยิ่งยโส
เขาถือว่ามีบารมีมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
แม้เขาจะยุติธรรม เขาก็มักเอนเอียงไปทางเย่เฉิน
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เย่เฉินได้ไปยุ่งกับคนที่ไม่สมควรไปยุ่ง
เทียบกับศิษย์สายในตัวกระจ้อยกับคุณชายกู่ พวกเขายอมทิ้งเย่เฉินดีกว่านำหายนะมาสู่นิกาย
กู่ฉางเกอพยักหน้าเล็กน้อย
มองผู้อาวุโสฝ่ายลงทัณฑ์ด้วยแววตาพึงพอใจ
จากนั้นเขาก็กลับไปตำแหน่งเดิม สีหน้าของเขานั้นยากจะบอกว่ามีความสุขและโกรธกันแน่
ให้เขาจัดการกับเย่เฉินเอง?
เป็นความคิดที่ดี
ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้า ผู้มีคิ้วหนา ตาโตและยุติธรรมจะทำแบบนี้?
เขาอดหัวเราะคิกคักไม่ได
พอแรงกดดันของกู่ฉางเกอสลายไป
เย่เฉินถึงลุกขึ้นยืนได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่เต็มใจและอับอาย
อารมณ์ปัจจุบันของเขาเหมือนกับที่กู่ฉางเกอคิดไว้
ทำไมอาจารย์ของเขาถึงไม่ตอบกลับเขา?
หรืออาจารย์ทรยศเขาแล้ว?
หรือว่าอาจารย์เองก็กลัวภูมิหลังของกู่ฉางเกอ?
ตอนนี้ หัวใจของเย่เฉินหนาวเหน็บ และดวงตาก็เย็นชามาก
โดยเฉพาะท่าทางของซูชิงเกอ นางไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ
นางยืนเฉยๆเงียบๆ
นางยังเป็นฝ่ายรินน้ำชาให้กู่ฉางเกอด้วย
เย่เฉินเห็นทั้งหมด
เทพธิดาที่เขาหลงรักและชื่นชมกลับบริการให้ชายอื่น มันทำให้เย่เฉินเจ็บปวดใจเหมือนโดนมีดกรีด
นางไม่เห็นหรือว่าเขาเต็มใจแตกหักกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเพื่อนาง?
พูดได้ว่าหัวใจของเย่เฉินในตอนนี้มีแต่ความเย็น
แต่ซูชิงเกอจะไม่เห็นสีหน้าของเย่เฉินได้ไง
นางรู้ว่าเย่เฉินเข้าใจนางผิด
แต่ทว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะนำนิกายที่เลี้ยงดูนางมากว่า 20 ปีให้ตกลงสู่ขุมนรกและประสบกับหายนะเพื่อเย่เฉิน
นางทำได้แค่เลือกก้มหัวเงียบๆ กำหมัดแน่นและไม่กล้าสบตากับเย่เฉิน
“แม่นางชิงเกอ ข้าได้ยินว่าแสงจันทร์ในยามค่ำคืนนั้นสวยมาก ข้าสงสัยว่าท่านจะให้เกียรติข้าแล้วไปชมดวงจันทร์กับข้าได้หรือไม่?”
แต่จู่ๆ กู่ฉางเกอก็พูดขึ้นมา
เขาเห็นสีหน้าของทั้งคู่และย่อมไม่พลาดโอกาสเช่นนี้
ใบหน้าของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนจอมปลอม
คำพูดเหล่านี้ทำให้ซูชิงเกอตกตะลึง
ชั่วขณะนั้น ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย และก็รู้สึกอาย
แต่ไม่ช้า นางก็ตระหนักถึงเจตนาของกู่ฉางเกอ
ตัวของนางสั่นสะท้าน
ใบหน้าของนางเริ่มขาวซีด
โดยเฉพาะในสายตาของกู่ฉางเกอ มันเต็มไปด้วยความเย้าหยอกและสนุกสนาน
เขาจงใจพูดมันเพื่อให้เย่เฉินได้ยินโดยเฉพาะ
ซูชิงเกอเข้าใจ แต่คนอื่นในโถงไม่มีใครเข้าใจ
ตอนนี้ ผู้หญิงทุกคนต่างอิจฉานาง
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนดีใจมาก และขยิบตาใส่ลูกสาวตัวเองไม่หยุด
ถ้าเกิดอีกฝ่ายต้องตาลูกสาวเขาจริง
ไม่ว่ากู่ฉางเกอจะพาพวกเขาขึ้นอาณาจักรเบื้องบนได้หรือไม่
มันก็ยังเป็นโอกาสครั้งใหญ่ต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาจะทะยานขึ้นฟ้าด้วยก้าวเดียวนี้
“กู่ฉางเกอ เจ้ามันน่ารังเกียจ ชั่วช้าสามานย์ แถมยังหน้าด้าน ดีแต่ข่มเหงคนอื่น เจ้ากล้าที่จะสะกดพลังบ่มเพาะตัวเองให้อยู่ระดับเท่าข้าไหม แล้วมาสู้กันอย่างยุติธรรม”
“เจ้ามันเป็นคนชั่ว สักวันข้าจะฆ่าเจ้า!”
ครั้งนี้ เย่เฉินเหมือนคนบ้า ดวงตาของเขาแดงก่ำ
คำพูดเหล่านี้ ถ้าเป็นคนทั่วไปคงทนไม่ได้
แต่กู่ฉางเกอกลับยังเงียบ
เขายังก้มหัวและจิบชา ไม่คิดเงยหน้ามามองเลยสักนิด
อุฟ…
สุดท้าย มันก็เป็นเย่เฉินที่ทนความอัปยศไม่ได้ และกระอักเลือดหมดสติไป
ตอนนี้เอง ระบบก็ร้องแจ้งเตือน
“ติ้ง อารมณ์ของเย่เฉินเสียหาย ค่าโชคของเขาลด 100 และเพิ่มค่าโชคชะตาของท่าน 500”
ฮี่ๆ
ค่าโชคชะตาได้มาง่ายจริง
กู่ฉางเกอจิบชา
…