สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 73 (3)
วางยาสลบ (3)
วันนี้จวนอ๋องหนานเหอมีงานมงคล แม้ว่าพวกเขาจะตระเตรียมกันมาล่วงหน้า แต่ว่าฉู่สวินหยางไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น เหตุการณ์เกิดพลิกผัน หากทำให้จวนท่านอ๋องเข้าไปมีเอี่ยว พวกเขาที่เป็นเพียงบ่าวคุ้มเรือนจะแบกรับโทษทัณฑ์ไหวหรือ?
ขบวนคนที่ยกกันมามากมาย พลันลังเลไม่รู้จะไปต่ออย่างไร
ซูหว่านถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว สีหน้าซีดแล้วซีดอีก…
คนของจวนอ๋องหนานเหอคิดจะถอนตัวออกห่าง?
ฉู่สวินหยางเห็นว่าแผนการลุล่วง จึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ เอ่ยต่อว่า “ท่านหญิงซู ก่อนหน้านี้ที่พระราชนิเวศน์ ใต้เท้าเหยียนหลิงเป็นคนจัดการมือสังหารที่ทำร้ายเจ้า อภัยที่ข้าหูตาคับแคบ หรือว่านี่เป็นวิธีการที่สกุลซูของเจ้าตอบแทนผู้มีพระคุณของตนเองรึ?”
“เจ้าไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ข้ากับเขาไม่เคยรู้จักกัน จะมาว่าร้ายเขาอย่างไม่มีหลักฐานได้อย่างไร? อีกอย่าง หากมิใช่ฝีมือของเขาเหยียนหลิงจวิน แล้วคนผู้นั้นจะมานอนอยู่ตรงนี้ได้หรอ? เด็กรับใช้ผู้นี้ก็สลบอยู่ เจ้าอย่าบอกนะว่าพวกเขาทำร้ายกันเองจนบาดเจ็บ!” ซูหว่านเอ่ยอย่างเดือดดาล เข้าไปกระชากคอเสื้อของบ่าวคุ้มเรือนจวนท่านอ๋อง แล้วจ้องเขาด้วยสายตากดดัน “เมื่อครู่เจ้าก็เดินอยู่ข้างหน้าสุด เจ้าพูดออกมา เจ้าเห็นอะไร!”
ฉู่สวินหยางหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะเบือนสายตาไปด้านข้าง
เหยียนหลิงจวินเผยยิ้มจริงใจ ไม่แยแสแม้สักกระผีก
สีหน้าของบ่าวคุ้มเรือนคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีตับหมู แม้จะรู้แก่ใจว่าเหตุการณ์นี้เป็นแผนที่ท่านหญิงของตนวางเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุใดพอเห็นสีหน้าพวกฉู่สวินหยางสองคนก็สูญเสียความมั่นใจไปหมดสิ้น
“ท่านหญิงซู พวกบ่าวมัวกังวลแต่จะรีบมาที่นี่ ไม่ทันสังเกตอย่างอื่นขอรับ” บ่าวคุ้มเรือนผู้นั้นกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ
“เจ้า…” ซูหว่านอึ้งไป แค่นหัวเราะออกมาทีหนึ่งอย่างคิดไม่ถึง
นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ฮั่วชิงเอ๋อร์ก้าวขึ้นมาด้วยทนมองต่อไปไม่ไหว เอ่ยเสียงฟังชัด “ใต้เท้าเหยียนหลิงเคยช่วยชีวิตเจ้า เจ้ายังบอกว่าไม่เคยรู้จักกัน? คนอื่นล้วนมองไม่เห็น มีแต่สาวใช้ข้างกายเจ้าที่พูดเช่นนั้น เกรงว่าจะนับเป็นจริงไม่ได้หรอกนะ?”
เอ่ยจบก็ไม่สนใจสายตาทิ่มแทงของซูหว่าน เชิดหน้าสูงแล้วกล่าวอย่างดื้อรั้น “เข้าไปดูสิ คนที่อยู่ตรงประตูตายรึยัง? ข้ามองแล้วหน้าตาของบ่าวคนนั้นก็ดูไม่เหมือนคนดี แปดส่วนน่าจะเป็นโจรแน่แล้ว!”
มีบ่าวคุ้มเรือนฝืนใจวิ่งเข้าไปพลิกร่างของเหลยซวี่เพื่อตรวจสอบ ก่อนจะร้องออกมาเสียงดังอย่างเกินความคาดหมาย “นี่มิใช่คุณชายรองของเสนาธิการฝ่ายพิธีการสกุลเหลยหรอกรึ?”
ทุกคนที่ได้ยินก็พากันทำหน้าแตกตื่น
ซูหว่านไม่มีทางให้เลือกมาก กลัวแต่ว่าฉู่เยว่หนิงทางนั้นจะเกิดเรื่องผิดพลาด รีบยกกระโปรงชิงวิ่งเข้าไปในเรือนเป็นคนแรก จนลืมว่าภายในห้องถูกรมยาสลบชนิดรุนแรงเอาไว้ ทันทีที่ขาข้างหนึ่งก้าวข้ามประตูไป กลิ่นหอมประหลาดก็ปะทะใส่จมูกทันที
เพราะประตูเรือนถูกเปิดเข้าออกไปหลายครั้ง ฤทธิ์ยาจึงอ่อนลงไปมากแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก ซูหว่านก็เริ่มหน้ามืดตาลาย ร่างกายโอนเอน
นางตื่นตระหนกในใจ รีบคว้าวงกบประตูไว้เพื่อพยุงตัว จากนั้นก็ใช้สายตามองไปรอบๆ ตัวคนทรุดลงพื้น กองแหมะอยู่ข้างๆ เหลยซวี่ สาวใช้สองคนที่ตามมาพากันหน้าถอดสี รีบวิ่งเข้าไปประคอง
ไม่คาดฝัน ผู้ที่วิ่งน้ำหน้าไปพลันฝีเท้าซวนเซเมื่อเข้าใกล้ประตู ก่อนจะล้มคว่ำไปข้างหน้าด้วยอีกคนหนึ่ง
“นี่… นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์พากันหน้าเสีย น้ำเสียงสั่นเครือ
ทั้งข้ารับใช้คนอื่นๆ ต่างก็หวาดกลัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปอีก มุมปากของเหยียนหลิงจวินกระตุกขึ้นเล็กน้อย แล้วค่อยเยื้องย่างไปหา ฮั่วชิงเอ๋อร์กลัวเขาจะพลอยโดนไปด้วย รีบเข้าไปห้ามปราม “เดี๋ยว…”
แต่ฉู่สวินหยางกลับดึงมือนางเอาไว้ แล้วส่ายหน้าให้ พลางเอ่ยปากกำชับว่า “ใต้เท้าเหยียนหลิงระวังตัวด้วย!”
เหยียนหลิงจวินเพียงยิ้มรับ ล้วงผ้าเช็ดหน้าจากในแขนเสื้อมาปิดจมูก จากนั้นก็เดินวนรอบเรือนรอบหนึ่ง ตอนที่วนกลับมาถึงได้เอ่ยว่า “ภายในห้องมีคนรมยาสลบอย่างแรงเอาไว้ ไม่อันตรายถึงชีวิต ด้านหลังเรือนมีหน้าต่าง เปิดออกให้อากาศระบายหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี!” พวกฮั่วชิงเอ๋อร์พากันตบอกอย่างโล่งใจ
บ่าวรับใช้ถึงค่อยกล้าเดินเข้าไปใกล้ พากันปิดจมูกแล้วย้ายร่างคนทั้งสามที่อยู่หน้าประตูออกมา
ขณะที่ด้านนี้กำลังวุ่นวาย ชายาอ๋องหนานเหอก็ได้รับข่าว จึงรีบร้อนตามมาพร้อมกับกลุ่มคนที่ล้อมหน้าล้อมหลัง
“ได้ยินว่าที่นี่เกิดเรื่อง? มีอะไร?” น้ำเสียงคนแซ่เจิ้งร้อนใจ น้ำเสียงแฝงความไม่ปลาบปลื้มอย่างชัดเจน พอก้าวข้ามประตูใหญ่มาก็เห็นร่างเด็กรับใช้นอนจมกองเลือดอยู่ หน้าพลันถอดสีแล้วตวาดอย่างบันดาลโทสะว่า “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”
บ่าวรับใช้ทรุดเข่าลงพื้นอย่างพร้อมเพรียง หัวหน้าบ่าวคุ้มเรือนคนหนึ่งก้มหน้างุดมองพื้น เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “พวกบ่าวก็ไม่ทราบ ตอนแรกได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากทางนี้ ตอนที่มาถึงก็มีสภาพอย่างที่เห็นขอรับ”
จวนอ๋องกำลังจัดงานเลี้ยงมงคล ที่แห่งนี้กลับมีการเลือดตกยางออก
นี่เป็นสิ่งอัปมงคลยิ่งแล้ว!
สีหน้าของคนแซ่เจิ้งดำทะมึนไปหมด แม้จะอยู่ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายแต่ก็ยากจะควบคุม
ฮูหยินหลิวเดินเข้ามาพลางถอนหายใจ มองเข้าไปในห้อง ในอกก็ยังไม่หายหวาดผวา เอ่ยว่า “ใต้เท้าเหยียนหลิงตรวจดูแล้ว บอกว่ามีคนรมยาสลบชนิดรุนแรงเอาไว้ คุณชายรองสกุลเหลยกับท่านหญิงซูไม่ทันระวังจึงถูกเล่นงาน”
“ยาสลบ?” น้ำเสียงของคนแซ่เจิ้งตวัดสูง สีหน้าพลันเกรี้ยวกราดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
สาวใช้คนหนึ่งของซูหว่านจิกเล็บลงฝ่ามือ กัดฟันแล้วเปิดปากอย่างอึกอัก “เหมือนว่าท่านหญิงสี่แห่งวังบูรพาจะเข้ามาเปลี่ยนชุดที่นี่ ต่อมาก็ไม่เจอตัวคนแล้วเจ้าค่ะ”
คนแซ่เจิ้งเข้าใจในทันที รีบชี้นิ้วสั่ง “ไปเดี๋ยวนี้ เข้าไปดูสิ ว่าคนเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ท่านหญิงแห่งวังบูรพา ไม่อาจให้เกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ ในจวนของนางได้ ไม่เช่นนั้นจะไปชี้แจงต่อฉู่อี้อันอย่างไร?
ตอนนี้บ่าวรับใช้มีประสบการณ์แล้ว สาวใช้รุ่นใหญ่สองคนรีบปิดจมูกแล้วเข้าไปด้านใน ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องออกมา “นี่… นี่…”
คนที่อยู่ด้านนอกต่างเฝ้ารอด้วยหัวใจเป็นกังวล ผ่านไปสักพักก็เห็นสาวใช้สองคนอุ้มร่างดรุณีเร่งฝีเท้าออกมา สาวใช้ของซูหว่านเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางกบาล ความตกใจกลัวกระจายไปทั่วหน้า
สองสาวรุ่นใหญ่ทั้งสองก็สับสนงุนงง เอ่ยว่า “พระชายา ท่านหญิงสี่ไม่อยู่มีแต่ท่านหญิงห้านอนสลบอยู่บนเตียงในห้องเจ้าค่ะ”
เรื่องว่าภายในห้องจะเป็นฉู่เยว่หนิงหรือว่าฉู่เยว่เหยียนนั้น คนแซ่เจิ้งหาได้สนใจ นางรีบปรี่เข้าไปกวาดตามองเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างของฉู่เยว่เหยียน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรบุบสลาย หัวใจที่แขวนกลางอากาศถึงค่อยวางลงได้ โบกมือไหวๆ เอ่ยว่า “หาเรือนพาพวกเด็กๆ ไปพักก่อน แล้วก็ไปตามฮูหยินใหญ่ไม่ก็ฮูหยินเหลยให้ไปดูด้วย”
สกุลซูเองวันนี้ก็ต้องตระเตรียมงานมงคล ตามหลักแล้วซูหว่านไม่สมควรจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แต่ความสัมพันธ์ของนางกับฉู่หลิงอวิ้นนับว่าไม่เลว แต่เช้าตรู่ก็บอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ในอนาคต คนแซ่เจิ้งจึงไม่ได้ว่ากระไร
แต่ไม่คิดฝัน ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ผู้เป็นบ่าวน้อมรับคำสั่ง รีบเคลื่อนย้ายสองสามคนที่สลบไสลออกไปก่อน
ภายในลานเหลือเพียงเด็กรับใช้ที่นอนไม่ได้สติ คนแซ่เจิ้งมองแล้วก็ให้อารมณ์พลุ่งพล่าน ตีหน้าเย็นหันมาเอ่ยกับป้ากู้ว่า “เป็นคนของจวนเราหรือเปล่า?”
ป้ากู้สนิทมักคุ้นกับทุกคนในจวนเป็นอย่างดี จ้องมองอย่างละเอียดไปรอบหนึ่งก็ส่ายหน้า “ไม่เคยเห็นเจ้าค่ะ คงจะไม่ใช่!”
“หรือจะเป็นโจรที่ฉวยโอกาสเข้ามาตอนชุลมุน” หนึ่งในฝูงชนปิดปากอุทาน สายตาลอยไปทางห้องด้านข้างด้วยความหวาดหวั่น “โจรผู้นี้วางยาสลบเพราะคิดฆ่าคน แต่ถูกคุณชายเหลยพบเข้า? แต่ตอนที่พยายามจะเข้าไปช่วยคนก็สลบไปอย่างไม่ทันระวัง”
ฉู่สวินหยางหลุดยิ้ม ต้องนับถือเหยียนหลิงจวินจริงๆ แค่การจัดฉากเรื่องราวอย่างส่งๆ แถมไม่ต้องให้เขาเอ่ยปากเล่าเรื่อง ก็มีคนรีบออกมาลำดับเหตุการณ์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
“เด็กรับใช้คนนั้นถูกทำร้ายด้วยของมีคม แต่ที่นี่เหมือนจะไม่พบอาวุธใดๆ สักชิ้น?” ฉู่สวินหยางรีบเก็บรอยยิ้มก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น เดินขึ้นไปด้านหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยกับคนแซ่เจิ้งว่า “วันนี้เป็นวันสำคัญของท่านหญิงอันเล่อ ตรงนี้กลับมีเรื่องจนเลือดตกยางออก มิใช่ลางดีเลย ส่วนตัวข้าคิดว่าควรต้องแจ้งแก่ทางการ”
คนแซ่เจิ้งมุ่นคิ้ว ส่งสายตาเป็นคำถามไปให้บ่าวคุ้มเรือน
“รายงานพระชายา ไม่พบอาวุธที่เปื้อนเลือดจริงๆ ขอรับ” บ่าวคุ้มเรือนรีบร้อนตอบความ
“หรือว่ายังมีคนอื่นเข้ามาที่นี่อีก?” ฮั่วชิงเอ๋อร์กระพริบตาปริบๆ กัดริมฝีปากพลางใช้ความคิด
หัวใจของคนแซ่เจิ้งยิ่งสับสบขึ้นไปใหญ่ ลังเลครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า “วันนี้จวนอ๋องหนานเหอของข้าจัดพิธีสมรส ทำให้ทุกคนเสียขวัญแล้ว ต้องขออภัยด้วย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นมงคล ข้าไม่อาจให้มันทำลายวันดีๆ ของอวิ้นเอ๋อร์ได้ ป้ากู้ พาคนออกไปก่อน รอเสร็จพิธีแล้วค่อยส่งตัวให้ทางการสืบสวน”
“เจ้าค่ะ พระชายา!” ป้ากู้รับคำสั่ง ย่อกายคารวะ
—————————————————————————-